ในวัยที่อายุมาแตะหลัก 4 หันไปหาใครก็พูดถึงอาหารสุขภาพทั้งนั้นค่ะ

ในวัยเดียวกันบางคนป่วยหนัก บางคนป่วยกระเสาะกระแสะ ฟังแล้วใจหาย เพราะหลักใหญ่ใจความบ่อเกิดโรคก็เกิดจากการกินนี่เอง

เรื่องนี้คนจีนสอนกันมาชั่วลูกหลานว่า “อาหารคือยา” ไม่ใช่กินยาเป็นอาหาร ดังนั้นจะเห็นว่าอาหารการกินในวัฒนธรรมจีนจะมีสมุนไพรเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น

“ซุปไก่ดำตุ๋นยาจีน” เป็นอีกหนึ่งเมนูบำรุงร่างกายของชาวจีนแต่โบราณ แต่เนื่องจากสมุนไพรที่นำมาใช้มีราคาสูง รวมถึงขั้นตอนทำที่ต้องพิถีพิถันใช้เวลานานครึ่งค่อนวันทำให้หากินทั่วไปยากหน่อย

แต่ แต่ แต่ ก็ไม่ยากจนเกินความสามารถนะคะ เพราะตอนนี้มีคนไทยเชื้อสายจีนที่มีสูตรลับเฉพาะแต่ละครอบครัวปรุงมาให้ลองชิมกันบ้างแล้ว และที่กำลังจะแนะนำฉบับนี้ แน่นอนว่าต้องยอดเยี่ยมจริงๆ

เป็นซุปไก่ดำตุ๋นสมุนไพรตำรับฮ่องกง แบรนด์ “Little Kowloon” ค่ะ เจ้าของสูตรเป็นชาวฮ่องกงขนานแท้ดั้งเดิมเลย

ดวงใจ เสกธีระ

ลองสั่งมา 1 เซต ในราคา 1,480 บาท ใน 1 เซตมี 7 ชุด ชุดหนึ่งประกอบด้วย ถ้วยซุปขนาด 200 ซีซี และซองเนื้อไก่และสมุนไพรตุ๋น ส่วนค่าจัดส่งเริ่มต้นที่ 180 บาท ไปถึง 200 กว่าบาท

วิธีกินไม่ยาก แกะฝาถ้วยซุปเข้าไมโครเวฟ ส่วนซองเนื้อไก่ก็ตัดมุมแล้วเข้าไมโครเวฟอีกเช่นกัน เรื่องความปลอดภัยหายห่วงเพราะพลาสติกที่ใช้เป็นฟู้ดเกรดได้มาตรฐาน แต่ถ้าใครไม่อยากเข้าไมโครเวฟก็แกะทั้งสองอย่างเทลงหม้อต้มให้เดือดเป็นใช้ได้ค่ะ

ยังไม่ต้องไปถึงรสชาติ แค่กลิ่นที่มาแตะจมูกก็หอมเย้ายวนเหลือเกิน เป็นกลิ่นที่สูดเข้าไปแล้วรู้สึกผ่อนคลาย พอได้ซดร้อนๆ ความหวานละมุนจากไก่ดำลื่นคอมาก ซดเกลี้ยงชามทั้งเนื้อทั้งน้ำเแบบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย ที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่นิด อ้อ..เจ้าของสูตรกระซิบว่าใครอยากให้รสชาติเด่นขึ้นหยิบเกลือใส่ลงไปหน่อยนึงก็ได้ ไม่ทำให้รสชาติเสียแต่เป็นการชูรสขึ้นมาอีกระดับ

ได้คุยกับเจ้าของสูตร “คุณลุ้ย-ดวงใจ เสกธีระ” อดีตเคยเป็นนักข่าวสายสภา จากนั้นไปทำงานที่ “จิมโบรี” สถาบันเด็กและครอบครัว กระทั่งลาออกมาดูแลลูกๆ เต็มตัว ก็เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ซุปไก่ดำตุ๋นสมุนไพร ซึ่งเป็นสูตรที่ทำให้ลูกๆ รับประทานเป็นประจำ

คุณลุ้ย บอกว่า สูตรนี้มาจากคุณแม่ซึ่งเป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิดทำให้ลูกๆ รับประทานตั้งแต่เด็ก ปกติคนฮ่องกงจะกินซุปในทุกมื้ออาหาร เวลากินกับข้าวเขาจะกินบำรุงกันก่อนถ้วยหนึ่ง เหมือนเป็นแอพพิไทเซอร์ ซดทั้งเนื้อและน้ำ ซัก 1 ถ้วย แล้วก็รับประทานข้าวร่วมกัน แล้วพอเราแต่งงานก็ทำให้ลูกกิน ลูกก็ชอบ เป็นเมนูในดวงใจทั้งพ่อทั้งลูกทุกคนชอบหมด

“คนจีนจะใช้อาหารเป็นยา ไม่ต้องรอป่วยแล้วค่อยรักษา เขาจะมีสมุนไพรนู่นนี่นั่นกินตลอดเวลา ไม่ใช่ผักหญ้าทั่วไป แต่เป็นการกินเพื่อบำรุงจริงๆ มันเป็นวิถีของคนจีน เหมือนกับเราโตมาก็รู้อยู่แล้วว่า อ๋อ..เก๋ากี้กินแล้วตาดี แต่จะบอกว่ากินครั้งเดียวแล้วตาดีก็ไม่ใช่ มันก็ต้องกินเรื่อยๆ การกินซุปก็ทำให้สะสมไปเรื่อยๆ อย่างคนป่วยกินเนื้อไม่ไหวก็กินแต่น้ำก็ได้สารอาหารครบ แล้วมันกินง่าย หอม เข้มข้น”

สำหรับแบรนด์ Little Kowloon เริ่มมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว เริ่มจากทำกินเองที่บ้าน แล้วลูกๆ ของคุณลุ้ยจุดประกายว่าของอร่อยน่าจะให้คนอื่นได้กินบ้าง ซุปไก่ดำตำรับฮ่องกงจึงได้เริ่มออกแจกจ่ายเพื่อนฝูง หลายคนไม่เคยกินก็ตื่นเต้นเพราะในห้างร้านก็ไม่มีแบบนี้ มีเสียงชื่นชม ก็เริ่มลองทำเล็กๆ ก่อน จนตอนนี้เริ่มเป็นที่รู้จักและเชื่อมั่น มีการบอกปากต่อปากกันแล้ว

กรรมวิธี คุณลุ้ยตุ๋นด้วยหม้อความดันใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง จะเร็วกว่าต้มหม้อปกติที่ต้องต้มกันข้ามวันข้ามคืน วัตถุดิบจะใช้ไก่ดำตัวย่อมๆ ทั้งตัว นำมาตุ๋นกับสมุนไพร 11 อย่างได้แก่ โสมอเมริกัน ปักคี้ ตังเซียม เก๋ากี้ เง็กเต็ก ตังกุย ลำไยแห้ง เม็ดบัว พุทราจีน ฮวยซัว และ เห็ดหอม เพียงเท่านี้ไม่ปรุงรส ไม่เติมสี ไม่แต่งกลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น ตุ๋นจนกระทั่งความหวานจากไก่ออกมาจนหมด กระดูกไก่ถ้าได้จับจะเปราะละเอียดเลยทีเดียว

พอตุ๋นเสร็จทิ้งให้เย็น มาคัดแยกน้ำและเนื้อ ส่วนน้ำนำไปเข้าฟรีซจะมีไขมันลอยแข็งอยู่ด้านหน้า ตรงนี้จะปาดออกจนหมดทำให้น้ำซุปไขมันน้อยมาก ใน 1 หม้อนี้ น้ำจะเทได้ 7 ถ้วย ส่วนเนื้อมาแยกได้เป็น 7 พอร์ชั่น

พอดิบพอดี เวลาจะกินก็อุ่นแล้วมารวมกันทั้งน้ำทั้งเนื้อเป็นสไตล์คนฮ่องกง

“ที่เลือกไก่ดำเพราะมีมันน้อย กล้ามเนื้อเยอะ โปรตีนสูงกว่าไก่ธรรมดา บางคนไม่กล้ากินไก่ดำปี๋ เราก็เลยเลือกไก่ดำที่ข้างในขาวนิดหน่อย เราเลือกตัวกำลังดีเป็นไก่รุ่นปลอดสาร ส่วนสมุนไพรคัดของคุณภาพดีๆ บางอย่างซื้อจากฮ่องกง เช่น โสม เราเลือกใช้โสมอเมริกาที่ไม่ร้อนมากเท่าโสมเกาหลี แล้วใส่พอดีๆ ให้เป็นกลางๆ ทุกคนกินได้ ช่วยบำรุง และปรับสมดุล”

ใครที่สงสัยว่าไก่ธรรมชาติขนาดไหน ก็ขนาดที่ฟาร์มเลี้ยงปล่อย ให้อาหารเป็นข้าวโพดบด หยวกกล้วยสับ รำข้าว กากมะพร้าว ผสมสมุนไพรไทย 5 ชนิด ฟ้าทลายโจร บอระเพ็ด ขมิ้นชัน กวาวเครือดำ และ กระชายดำ ดูแลกันขนาดนี้ไม่อร่อยให้รู้ไปค่ะ

หลังจากที่ลองตลาดไปได้ 1 ปี มีเสียงตอบรับค่อนข้างดี ลูกค้าที่สั่งหลายคนเป็นการบอกต่อ บางคนบอกว่าคุณแม่ทานซุปแล้วทานอาหารได้เยอะขึ้น บางคนบอกไปใส่เกลือและพริกป่นบอกอร่อย บางคนเอาน้ำซุปลงไปผัดผักนิดหน่อยก็หอมขึ้น หรือเอาเนื้อไก่ไปผัดกะเพราก็มี

“ตอนนี้ก็เป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว เราทำสิ่งที่คนอื่นทั่วไปไม่ได้ทำ เวลาต้มทุกครั้งจะหอมมาก ข้างบ้านจะมาถามว่าต้มอีกแล้วเหรอ (หัวเราะ)”

ส่วนคนที่รู้สึกว่าซุปเข้มข้นมาก ไม่ชิน สามารถเติมน้ำร้อนลงไปได้ ใครซื้อไปหลายเซตสามารถเก็บในช่องฟรีซได้นาน 2 เดือน ในตู้เย็นธรรมดาได้ 7 วัน ข้อมูลนี้ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเอง แต่ผ่านการวิเคราะห์จากแล็บของคณะวิทยาศาสตร์จุฬาฯ เรียบร้อยแล้ว

เซตซุปไก่ตุ๋นสมุนไพร หนึ่งเซตมี 7 ชุด
เห็ดหอม
ตังเซียม

นอกจากซุปไก่ ก็ยังมีน้ำสมุนไพรสูตรของครอบครัวให้ลองชิมกัน มี 3 แบบ คือ น้ำเก๊กฮวย น้ำหล่อฮั่งก้วย และ น้ำเก๊กฮวยผสมหล่อฮั่งก้วย มีทั้งแบบหวานน้อย และไม่ใส่น้ำตาล ขวดละ 20 บาทเท่านั้น

เนื่องจากเป็นคนชอบจัดเต็ม พอทำน้ำสมุนไพรคุณลุ้ยก็ไม่มีเบามือ ข้อสำคัญกลิ่นต้องเข้มข้น รสชาติพอหวานให้ชุ่มคอชื่นใจ ถูกใจคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพอย่างมาก

ใครอยากลองกินเอง ซื้อเยี่ยมคนป่วย ให้ลูกที่กำลังเตรียมสอบ หรือมอบให้คนที่รัก นอกจากเพื่อบำรุงร่างกายแล้ว ยังสื่อถึงความรักความห่วงใยที่เรามีแด่คนที่เรามอบให้ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ สนใจโทร 08-6977-5156 Line : @littlekowloon Facebook : little Kowloon IG : little_kowloon

เนื้อไก่ดำและสมุนไพรซีลสุญญากาศอย่างดี
สมุนไพรที่ใช้ตุ๋นไก่
น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนชม นำพา [email protected]

แม้จะยังไม่มีการสรุปมูลค่าความเสียหายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่จนถึงตอนนี้ “ความเดือดร้อน” ได้เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า โดยอาชีพที่รับแรงกระแทกก่อนใคร หนีไม่พ้นธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งการขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก บริษัททัวร์ และ มัคคุเทศน์ หรือ ไกด์

“อัมรินทร์ โภคา” ไกด์ผู้คร่ำหวอดในแวดวงท่องเที่ยวมานาน เผยด้วยน้ำเสียงหม่น ๆ ว่า “ช็อก เพราะทุกอย่างเกิดเร็วมาก พวกเราใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการตั้งสติ”

“อัมรินทร์” เล่าว่า หลังจาก “คนทำทัวร์” ว่างงานพร้อมกันชนิดตั้งตัวไม่ติด ทุกคนจึงมาช่วยกันคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่

“ไม่มีสัญญาณอะไรที่ชัดเจน ไม่รู้ว่ามาตรการรัฐบาลจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ขยายไปเรื่อย ๆ หรืออย่างไร ประเทศอื่น ๆ จะปิดอีกนานแค่ไหน วัคซีนจะพร้อมเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้”

ทุกคนจึงกลับไปสำรวจ “ต้นทุน” ของตัวเอง ว่ามีอะไรบ้าง ก่อนจะพบว่าพวกเขามี “ฝีมือ” ในการทำอาหารชนิดไม่ธรรมดา

“อัมรินทร์” เล่าว่า สตาฟฟ์ทัวร์ทุกคน เวลาไปทำงานพาลูกทัวร์ไทยไปเที่ยวต่างประเทศ มักเจอโจทย์เหมือนกัน คือ ลูกทัวร์อยากกินอาหารไทย คิดถึงอาหารรสแซ่บ ตั้งแต่มื้อที่สองมื้อที่สาม ขณะที่การไปทำงานต่างประเทศนั้น ทั้งพื้นที่และเวลามีจำกัด แต่พวกเราสามารถทำอาหารให้ลูกทัวร์รับประทานได้ แถมทุกคนบอกอร่อย หายคิดถึงบ้าน จนทำให้การท่องเที่ยวสนุกสนานขึ้น

ไกด์หนุ่มคุยอีกว่า บางครั้งสตาฟฟ์ทัวร์ต้องทำกับข้าวนำไปแทรกในไลน์อาหารของโรงแรมบ้าง ในร้านอาหารบ้าง จนหลายครั้ง ลูกทัวร์รับประทานอาหารที่สตาฟฟ์ทำเยอะกว่าอาหารที่โรงแรมจัดเตรียมไว้อีก

เมื่อตัดสินใจว่าจะ “ทำอาหารขาย” สิ่งที่ต้องคิดต่อ คือ แล้วจะขายที่ไหน ซึ่งโจทย์ข้อนี้ “อัมรินทร์” ได้ “ธฤษณัช เรือนเงิน” เพื่อนไกด์รุ่นน้อง มาช่วยคลี่คลาย เนื่องจาก “ธฤษณัช” ได้เช่าร้านอาหารกลางคืนชื่อ “นั่งล้าน” บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ไว้ทำเป็นอาชีพเสริมได้เกือบ 2 ปี แล้ว

เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร้านจึงต้องปิด เลยคิดเปิดร้านตอนกลางวันแทน และ ทำอาหารส่งขายตามบ้าน

จากนั้น “คนทำทัวร์” เกือบสิบชีวิต ก็มาแบ่งงานกันว่าใครถนัดทำอาหารประเภทไหน จนได้อาหารที่หลากหลาย ทั้ง อาหารเหนือ เช่น ขนมจีนน้ำยา ไส้อั่ว แกงฮังเล ข้าวกั้นจิ้น ขนมครกนางฟ้า ข้าวเหนียวหมูทอดแจ่วบอง นอกจากนี้ มี ยำรสเด็ด ลูกชิ้นหมูปิ้งน้ำจิ้มโบราณ เต้าทึงเย็น ทับทิมกรอบ

ต่อมาจึงทำป้ายไวนิลขนาดใหญ่แขวนหน้าร้าน ถ่ายภาพอาหาร บอกเบอร์ติดต่อ ให้คนที่สัญจรผ่านไปมามองเห็นชัด ๆ ก่อนลงทุนโปรโมตเพจบนเฟซบุ๊ก ระบุรัศมีไม่เกินจากร้าน 5 กิโลเมตร เพราะตั้งไว้ว่าจะส่งอาหารฟรี 3 กิโลเมตรแรก และ เพิ่มช่องทางการขายผ่านไลน์ @ เปิดขายวันแรก 1 เมษายน ที่ผ่านมา และ ล่าสุด เข้าร่วมกับแอปฯ ส่งอาหาร 2-3 แบรนด์

การดีลิเวอรี่ ของ “นั่งล้าน” มี 2 แบบ คือ ส่งเอง ด้วยจักรยานยนต์และรถเก๋ง ซึ่งมีอยู่แล้วไม่ต้องลงทุนใหม่ อีกส่วนหนึ่ง ร่วมกับแอปฯ ส่งอาหาร เป็นอีกฐานหนึ่ง แต่ไม่ใช่รายได้หลัก เพราะการส่งหลัก คือ ส่งเองฟรีในรัศมี 3 กิโลเมตรแรก กลุ่มเป้าหมายคือคนละแวกถนนเกษตร-นวมินทร์

“ทำร้านอาหารดีลิเวอรี่ครั้งนี้ ไม่ได้กำไรเยอะ แต่อย่างน้อยทุกคนมีงานทำ”

“อัมรินทร์” ยังบอกด้วยว่า ร้านของพวกเขาไม่ใช่ร้านอาหารมืออาชีพ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการเปรียบเทียบยอดขายกับในอดีต ดังนั้น ทุกวัน คือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น

“เราเริ่มจากศูนย์ เริ่มจากที่ไม่มีใครรู้จัก ช่วงแรกได้เพื่อนฝูงมาช่วยกันก่อน แต่ตอนนี้คนที่เคยมากิน ถามไถ่กันทุกคนว่า ส่งให้ได้ไหม นั่นแสดงว่าเกิดการซื้อซ้ำ ซึ่งทำให้พวกเรามีกำลังใจกันมาก”

“อัมรินทร์” ตั้งใจด้วยว่า หากผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้ว ก็จะไม่ทิ้งร้านนี้ จะทำต่อไป โดยอาจหาทีมงานมาเสริม เปลี่ยนจากผับมาเป็นร้านอาหารที่เน้นบริการเดลิเวอรี่ ควบคู่กับการทำทัวร์ต่อไป

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เป็ดย่าง

เดือนแห่งการดิลิเวอรีนี้ มาต่อกันด้วยร้านโปรดของครอบครัวเรา โตเป็ดย่าง เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2524 เป็ดย่างหนังกรอบของโตเป็ดย่างอร่อยถึงขนาดเคยนำขึ้นเครื่องไปเสิร์ฟบนสายการบินแห่งชาติ ได้ตราเชลล์ชวนชิมมานานแล้ว

ตอนนี้คุณสน-สมประสงค์ กิ้มนวล ภรรยาของโตเป็นผู้ดูแลร้าน ซึ่งตัวร้านยังอยู่ใกล้ สี่แยกบางโพ ตรงถนนประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 20 เข้าซอยไปนิดเดียวร้านอยู่ทางขวามือ

เมนูอร่อยของที่นี่นอกจากเป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบแล้ว กับข้าวตามสั่งประเภทขึ้นเหลาก็มีหลากหลาย คนผัดคือคุณน้อย น้องสะใภ้ของคุณสนซึ่งเป็นชาวจังหวัดตรัง ทำอาหารได้รสจัดเป็นที่สุด สลับมือกับตัวน้องสนเองซึ่งมีพรสวรรค์แต่กำเนิด เคยผัดข้าวห่ออาหารตามสั่งมานาน

ร้านโตเป็ดย่าง เปิดร้านไวมากแค่ 6 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม แต่ถ้าจะสั่งเป็ดย่างควรจะรีบตั้งแต่กลางวัน เพราะมักจะหมดก่อนอย่างอื่น

สูตรและวิธีการย่างเป็ดมาจากก๋งของสน แล้วโตนำมาปรับปรุงเพิ่มเติมจนลูกค้าติดใจไปตามๆ กัน โดยจะหมักเป็ดเชอรี่ยัดไส้ด้วยเครื่องเทศต่างๆ เช่น ผงพะโล้ พริกไทย และเหล้าขาวไว้ตอนบ่าย 3 โมง แล้วผึ่งพัดลมไว้ 1 คืน พอตี 5 ของวันรุ่งขึ้นก็นำไปแขวนย่างกลับด้านในเตาสเตนเลส คือด้านหน้าอกนาน 25 นาที ที่ย่างนานกว่าเพราะเนื้อแน่นกว่า และด้านหลังอีก 20 นาที รวมแล้วเป็ด 1 ตัวใช้เวลาย่าง 45 นาที

ก่อนอื่นราคาอาหารที่แจ้งนี้คือ ไปซื้อหรือสั่งที่หน้าร้าน ไม่ได้ผ่านระบบดิลิเวอรีของเจ้าต่างๆ ซึ่งจะมีราคาแตกต่างกัน

เป็ดสูตรนี้เนื้อนุ่ม หนังหอมหวนชวนกิน อร่อยทั้งเมนู เป็ดย่าง เปล่าๆ (จานละ 125 บาท ครึ่งตัว 250 บาท ตัวละ 500 บาท) และ เป็ดผัดกะเพรา (180 บาท) ยิ่งอร่อย ซึ่งเคล็ดลับอยู่ที่เขาใส่ใบมะกรูดและพริกเหลืองกับพริกขี้หนูสวนลงไปผัดด้วยเพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอม ซึ่งถ้าเป็ดหมดในแต่ละวัน ก็จะแจ้งไว้ในบริการส่งทั้งหลายเลยว่าหมดแล้ว สั่งไม่ได้

เมนู กับข้าวตามสั่งมีอีกหลายอย่าง ที่ห้ามพลาดก็คือ เนื้อปูผัดผงกะหรี่ (350 บาท) เนื้อปูสดเป็นก้อนๆ มาจากจังหวัดตรังของน้องสะใภ้ ผัดสูตรเด็ดใส่นมสดกับน้ำพริกเผาด้วย รสจัดหอมหวานอร่อยอย่าบอกใคร มาร้านโตเป็ดย่างแล้วไม่ได้ชิมปูผัดผงกะหรี่เหมือนมาไม่ถึงร้าน

ตามด้วย กระเพาะปลาผัดแห้ง (180 บาท) ใส่เห็ดหอม ถั่วงอก ต้นหอม และเนื้อปู กับ กระเพาะปลาน้ำแดง (150 บาท) นี่ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน กระเพาะปลาแห้งนั้นซื้อแบบเป็นตัวจากเยาวราช นำไปทอดให้พอง แล้วแช่น้ำบีบเอาน้ำกับน้ำมันออก นำไปแช่ตู้เย็น ใครสั่งทำเมื่อไหร่ค่อยเอาออกมาปรุง ส่วนกระเพาะปลาน้ำแดงร้านนี้รสชาติกลมกล่อม อย่าลืมเติมน้ำส้มพริกตำกับจิ๊กโฉ่วเปรี้ยวๆ หอมๆ ลงไปด้วย

ต้มยำปลากะพงขาว (120-220 บาท) หากหน้าไหนมีตะลิงปลิงหรือมะดันเปรี้ยวๆ หอมๆ ก็จะใส่ด้วย และหมูกรอบที่นี่เลือกชิ้นที่มีมันแทรกเยอะๆ มาทำ ถึงจะกรอบ แล้วนำมาย่างด้วยเตาถ่าน 1 ครั้ง รุ่งขึ้นก็เอามาย่างซ้ำอีกรอบเพื่อให้น้ำมันออกจากหนังให้มากที่สุด หนังจะได้กรอบอร่อย (ขีดละ 70 บาท)

ซึ่งนอกจากจะสั่งที่ร้านตามเบอร์ 0-2912-6395 และ 0-2912-6380 แล้ว ยังสั่งทาง LINEMAN, WONGNAI, GET FOOD และ FOOD PANDA ได้ด้วย

เนื้อปูผัดผงกะหรี่
กระเพาะปลาน้ำแดง
ข้าวต้มปลา

โตเป็ดย่างยังมีอีกสาขาอยู่ที่เมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ญาติๆ กันเป็นคนดำเนินงาน โทร 0-2982-9904 และ 08-5065-6456 ด้วย

สำหรับใครที่อยู่บ้านนานๆ ต้องการชิมของอร่อยถูกปากแต่อยากคุมน้ำหนัก ขอแนะนำ ร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์ เจ้านี้ร้ายครบเครื่องทั้งน้ำ เนื้อ ข้าว และน้ำจิ้ม มีดีกรีห้อยท้ายว่า เจ้าเก่าสะพานเหลือง (ซึ่งปิดตัวกลายเป็นตำนานไปแล้ว หลังจากอยู่มานานครึ่งศตวรรษ) ฝีมือคนปรุงไม่ธรรมดา เพราะเป็นลูกมือช่วยพ่อทำตั้งแต่ยังเล็ก

ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้าของร้านคือคุณอุษณีย์ ลิขิตยั่งยืน ลูกสาวของร้านข้าวต้มปลาสะพานเหลือง ซึ่งได้สืบทอดตำนาน ย้ายมาเปิดร้านข้าวต้มปลาในย่านเก่าแก่ดงร้านอาหารอร่อยเช่นกัน นาน 6 ปีแล้ว อยู่ในตึกแถว 1คูหาริมถนน ก่อนถึง ปากซอยยศเส ฝั่งถนนพลับพลาไชย เลยวัดเทพศิรินทร์มาไม่กี่ร้อยเมตร โดยร้านจะเปิดช่วงเย็น ตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึง 3 ทุ่ม

ลวกจิ้มเครื่องในปลาใส่ราวท้องปลากะพง

เริ่มกันที่น้ำซุป น้ำต้มกระดูกหมูหม้อหนึ่งใส่กระดูกถึง 4-5 กิโล เคี่ยวนานตั้งแต่เช้า ตกตอนบ่ายๆจึงยกมาที่ร้านนี้ น้ำซุปจึงมีรสมีชาติหอมหวาน ไม่จืดชืด ส่วนข้าวก็เป็นองค์ประกอบสำคัญ ต้องเป็นเม็ดสวย ซึ่งต้องใช้ข้าวเก่ามาต้มจึงไม่เละ เคี้ยวได้อร่อย สั่งเป็นข้าวต้มหรือข้าวสวยกินกับเกาเหลาก็ดีทั้งคู่

และเครื่องนั้นมีหลากหลาย ซึ่งเนื้อปลาเน้นแต่ ปลากะพง ที่คัดมาเฉพาะปลากะพงทะเล ไม่ใช่ปลากะพงเลี้ยง ตัวหนึ่งหนักกว่า 12 กิโล เนื้อจึงแน่นหวานและมีหนังหนึบอร่อย ที่สำคัญคือผลพลอยได้ กระเพาะปลาสด ที่ใหญ่โตเคี้ยวได้เต็มคำ นำมาล้าง ขูดเมือก ทำความสะอาด ลวกและหั่นชิ้นโตๆ อร่อยจนไม่อยากกลืน นอกจากกระเพาะปลาแล้ว ยังได้ ตับปลา ที่เนื้อเนียนสดหอมอีกด้วย และหน้านี้ยังมีไข่ปลาอีกด้วย

ยังไม่หมดนะจ๊ะ มี หอยนางรม ปากจีบตัวเล็กๆ หวานสด กุ้งแชบ๊วยเนื้อแน่น เซ่งจี๊ ที่กรอบอร่อยปราศจากกลิ่นฉุน ซึ่งต้องไปเลือกซื้อแต่เช้าๆ เลือกเอาเฉพาะที่สดจริงๆ กระเพาะหมูที่ล้างทำความสะอาดจนหมดจด ปรุงด้วยพริกไทย นำไปเคี่ยวนาน 4 ชั่วโมง นุ่มอร่อยหอมมาก ต้องยกความดีให้น้องท็อป ลูกชายคุณอุษณีย์ ที่นับเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ข้าวต้มปลาก็ต้องคู่กับ บะเต็ง ที่แสนจะนุ่มเข้าเนื้อหอมๆ ไม่มีชิ้นแข็งๆ ให้เสียอารมณ์ ที่นี่เขาเรียกว่า หมูอบซอส ทำจากหมูเนื้อสันติดมันนิดๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนนุ่มได้ที่

ไม่เอ่ยถึงน้ำจิ้ม คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขามีน้ำจิ้ม 3 ชนิด ทั้ง น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวดั้งเดิม หอมๆเค็มๆ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวพริกกระเทียม มีรสเผ็ดด้วย และ น้ำจิ้มซีฟู้ด ที่ปั่นเองปรุงเอง รสแซ่บอร่อยที่สุด

เมนูเดลิเวอรีที่ขอแนะนำคือ ข้าวต้มรวมมิตร (200 บาท) ใส่ทั้งปลากะพง หอยนางรม เซ่งจี๊ กุ้งแชบ๊วย กระเพาะหมู และหมูบะเต็ง และมี ลวกจิ้มเครื่องในปลา (250 บาท) มีทั้งกระเพาะปลาสดสีขาวๆ กระเพาะกรอบ(เครื่องในของปลากะพงทะเล) ตับปลาชิ้นโตๆ และไข่ปลา (ถ้าไม่ใส่กระเพาะปลาสด คิด 200 บาท) ผมสั่งให้เพิ่ม เนื้อราวท้องปลากะพง มันๆ อีกด้วย

เดี๋ยวนี้มีเมนูใหม่โดนใจวัยรุ่น ข้าวต้มแห้ง 2 หมู (100 บาท)ใส่ทั้งหมูบะเต็งกับหมูสับ หรือจะทำเป็นข้าวต้มใส่น้ำซุป 2 หมูตามปกติก็ได้ ส่วนข้าวต้มปลากะพงเริ่มต้นที่ 150 บาท

โทรสอบถามที่ร้านได้ที่เบอร์ 08-1000-0671 08-1868-5323 ตั้งแต่ บ่าย 4 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม หรือสั่งทาง Lineman กดหาร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์ ก็ได้

อาทิตย์หน้าปิ่นโตเถาเล็กจะแนะนำร้านอาหารนานาชาติบ้าง โปรดอดใจรออีกแค่ 7 วัน

 

ร้านโตเป็ดย่าง

โตเป็ดย่าง

โดย คุณสมประสงค์ (สน) กิ้มนวล

ที่ตั้ง 324/3 ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 20 เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800

โทร 0-2912-6395, 0-2912-6380

เมนูแนะนำ/ราคา เป็ดย่าง เป็ดผัดกะเพรา เนื้อปูผัดผงกะหรี่ กระเพาะปลาผัดแห้งกระเพาะปลาน้ำแดง ต้มยำปลากะพง หมูแดงและหมูกรอบ

เปิดบริการ ทุกวัน 06.00-20.00 น.

Facebook โตเป็ดย่าง-บางโพ

สั่งได้ทาง ที่ร้านตามเบอร์โทร และ ทาง LINEMAN, WONGNAI, GET FOOD และ FOOD PANDA

ร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์

ข้าวต้มปลา by อุษณีย์

โดย คุณอุษณีย์ ลิขิตยั่งยืน

ที่ตั้ง 19/2 ซอยยศเส ถนนพลับพลาไชย ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

โทร 08-1000-0671, 08-1868-5323

เปิดบริการ 16.00-21.00 น. ทุกวัน(เฉพาะช่วงนี้)

สั่งได้ทาง Lineman กดหาร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์

แนะนำ ข้าวต้มปลากะพงรวมมิตร ลวกจิ้มเครื่องในปลา ข้าวต้มแห้ง 2 หมู

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
Pike/Pine

ตั้งแต่เปิดคอลัมน์มา นับนิ้วดูก็ตระเวนชิมไปแล้วหลายร้านมากทั้งไทยจีนแขกฝรั่ง แต่ใครจะไปคิดล่ะคะว่าธุรกิจอาหารที่เคยรุ่งโรจน์วันนี้ต้องมาเจอโรคระบาดไวรัสโควิด-19 จนต้องปิดร้านหนีคนกิน เหลือสั่งได้เฉพาะกลับบ้านเท่านั้น เป็นอันว่าบรรยากาศครื้นเครงในกินร่วมกันที่ร้านอาหารต้องปิดฉากลงชั่วคราวซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ก็เป็นเรื่องที่น่าห่อเหี่ยวใจไม่น้อยเลยค่ะ

ในบรรยากาศยามนี้ การไม่สามารถไปนั่งในร้านอาหารได้ยอดขายแต่ละร้านหล่นฮวบอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นที่น่ากังวลว่าร้านในดวงใจของเราไม่ร้านใดร้านหนึ่งอาจต้องปิดตัวลงก็เป็นได้ ในฐานะคนรักการกิน เราไม่อาจนิ่งเฉยดูดายปล่อยให้ร้านอันเป็นที่รักของเราต้องไปถึงจุดนั้น เมื่อร้านอาหารสู้ เราเองก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันฝ่าฟันกันค่ะ วันนี้ขอใช้พื้นที่ในการรวบรวมร้านอาหารอร่อยๆ ที่ส่งดิลิเวอรีนะคะ

สำหรับคนรักอาหารจีน ขอเริ่มที่ เฮียจก โต๊ะเดียวŽ กันก่อน ร้านนี้แทบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย สั่งมาเมื่อไหร่อร่อยเมื่อนั้น สุดยอดฝีมือปรุงอาหารจีนซีฟู้ด ที่ต้องปรับตัวรับกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จากที่นั่งกินที่ร้าน ขณะนี้สามารถสั่งกลับมากินที่บ้านได้แล้ว มีทั้ง เกี๊ยวกุ้ง ข้าวผัดอัยการ และ ปลากะพงต้มบ๊วย นำกับไปกินร้อนๆ ที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางออกมาซื้อเอง ร้านเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. โทร 0-2221-4075 หรือ 08-1919-9468

ร้านสมบูรณ์โภชนาŽ ร้านอาหารในตำนานความอร่อยก็ได้ปรับตัวเช่นกัน โดยให้ลูกค้าที่อยู่ที่บ้าน โดยมีแคมเปญ กินห่างห่าง อย่างห่วงห่วงŽ เวลาหิวอยากกินอาหารร้อนๆ
โทรสั่งได้ที่ สมบูรณ์โภชนาŽ มี 4 สาขาสาขาบรรทัดทอง 0-2216-4203-5 สาขารัชดา 0-2692-6850-2 สาขาสุรวงศ์ 0-2233-3104 สาขาอุดมสุข (บางนา) 0-2746-6850-2
ร้านไชยพราหมณ์Ž (พลับพลาไชย) เปิดให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. มีอาหารไทยโบราณ ไทยประยุกต์หลากหลาย ใครอยากจะลองชิม ติดต่อสั่งอาหารล่วงหน้าได้ที่เบอร์โทร 06-2681-2629

ส่วนอาหารฝรั่งอย่าง Pike/PineŽ ประชานิเวศน์ 1 เพิ่งเปิดเมื่อต้นปี ที่ตอนแรกเน้นให้มาซึมซาบบรรยากาศในร้าน แต่พอเจอแบบนี้เข้าเลยต้องปรับตัวเข้าดิลิเวอรีอย่างด่วนจี๋ ร้านนี้เป็นร้านอาหารสไตล์ Casual Dining กึ่งคาเฟ่ กึ่งร้านอาหาร เน้นการปรุงด้วยวัตถุดิบที่ดี และเป็นโฮมเมดให้มากที่สุด อาทิ ปลาแซลมอนทอดบนกระทะ ซอสโรเมสโก้ และมันบด สลัดผักรวมเมล็ดฟาโรห์ สเต๊กเนื้อบาแวต ซอสชิมิชูริ และมันบด สตูเนื้อไวน์แดง เสิร์ฟพร้อมขนมปังซาวร์โด สปาเกตตีไส้กรอก เฟตตูชินี่กุ้งขาว

ร้าน Pike/Pine วันอังคาร-พฤหัสฯ เปิดเวลา 09.00-20.00 น. วันศุกร์-เสาร์ เปิด 09.00-20.30 น. อาทิตย์เปิด 10.00-15.00 น. ปิดวันจันทร์ โทร 09-9287-0660 สั่งแล้วมารับเอง หรือไลน์แมน แต่ระหว่างนี้อยู่ระหว่างเจรจากับแกร็บฟู้ด และฟู้ด แพนด้า หรือเข้าไปอัพเดตข่าวคราวได้ที่เฟซบุ๊ก @PikePineBKK

จก โต๊ะเดียว
ข้าวผัดปูเมืองทอง
ร้านรสดีเด็ด by นพ

ร้านเจ๊เค็งเจ๊งิ้มŽ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เจ๊เค็ง & เจ๊งิ้ม สวนมะลิ ตำนานคั่วบนเตาถ่าน ทำชามต่อชาม ร้านตั้งอยู่เลขที่ 105 ซอยสวนมะลิ 3 ถนนเฉลิมเขต 4 เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. กับเมนูคั่วไก่ อาทิ คั่วไก่ไข่อบŽ เมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่เพิ่มไข่อบเข้าไป อร่อยไปอีกแบบ คั่วทะเลŽ หรือ คั่วรวมมิตรŽ ที่ใส่ไก่ หมึกกรอบ กุ้ง ลงไปคั่ว ใครไม่ชอบกินเส้นสามารถกินเป็นเกาเหลาคั่วไก่ หรือรวมมิตรทะเลก็ได้
เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น. หิวเมื่อไรโทรได้เลยที่ 08-7028-0721 และ 08-9532-6592

รสดีเด็ดŽ สู้ภัยโควิด-19 บริการเมนูอาหารกลับบ้าน (Take Home) ในราคาพิเศษ ได้แก่ ข้าวผัดกะเพราเนื้อ 95 บาท ข้าวผัดกะเพราหมู 65 บาท สุกียากี้เนื้อ 145 บาท สุกียากี้หมู 125 บาท ส่วนเมนูปกติของทางร้านก็ยังสั่งได้เช่นกัน
หิวแล้วต้องจัดเลย สั่งได้ทุกสาขา ตั้งแต่ร้านรสดีเด็ด by นพ สาขาพระราม 4 (ซอยจุฬา 9) โทร 08-7168-4598 เวลาเปิด-ปิด 10.00-22.00 น. ร้านรสดีเด็ด SteakHouse ถนนพระราม 4 โทร 08-2220-8869 เวลาเปิด-ปิด 11.00-24.00 น. ร้านรสดีเด็ด บ้านคุณนพ ถนนบรรทัดทอง โทร 09-2595-5165 เวลาเปิด-ปิด 10.00-22.00 น.

ร้านข้าวผัดปูเมืองทอง ต้นตำรับโดยคุณพิมพรŽ ความโดดเด่นของข้าวผัดสูตรต้นตำรับคุณพิมพร คือ การผัดข้าวให้เป็นเม็ดๆ แห้ง เนื้อปูสด หวาน นำเข้ากรรเชียงปูจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีทุกวัน โดยมีรถไฟบรรทุกมาในเกรดราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท ส่วนไข่ที่นำมาผัดก็ต้องเฟ้นอย่างดี เน้นต้องสดใหม่ เพราะถ้าไม่สดไข่ตอกมาจะเป็นน้ำ ทำให้ผัดข้าวไม่แห้ง ไม่หอม และเทคนิคสำคัญ คือ ข้าว จะใช้ข้าว 2 ชนิด คือ เสาไห้ กับหอมมะลิ มาผสมกัน ทำให้ข้าวผัดที่ได้เรียงเม็ดเงาสวย ไม่แข็งไปและไม่แฉะไป

ร้านเปิดให้บริการทุกวัน สำหรับแวะมาสั่งซื้อกลับบ้าน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. นอกจากมีข้าวผัดปูที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านแล้ว ยังมีกระเพาะปลา สุกี้แห้ง กรรเชียงปู ข้าวผัดหมูกรอบ กุ้งอบวุ้นเส้น เป็นต้น สำหรับสาขาเกษตร-นวมินทร์ สุคนธสวัสดิ์ โทร 08-2972-0880, 0-2553-0486 สาขาเมเจอร์รัชโยนธิน (ลานน้ำพุกลาง) โทร 09-7136-9991 สาขาธัญบุรี คลองสาม โทร 09-8907-0203, 0-2533-1369 สาขาสุขาภิบาล 3 รามคำแหง โทร 09-5956-6758 สาขาเดอะแจ๊ส รามอินทรา โทร 09-8669-9038 สาขาราชพฤกษ์ โทร 09-6789-5719

ลองดูนะคะ ใครชอบสไตล์ไหนเลือกสั่งกันได้เลย ในสถานการณ์แบบนี้ เราคนไทยคงต้องจับมือ และสู้ไปด้วยกันให้ถึงที่สุด และเราจะผ่านพ้นกันไปด้วยดีอย่างแน่นอน

ที่มา :คอลัมน์เคี้ยวตุ้ยตะลุยกิน มติชนรายวัน

ผู้เขียน :ชม นำพา [email protected]

  
แกงพริกกระดูกหมูกลมกล่อมหรอยแรง

คนไทยช่วยคนไทยได้ด้วยการตระเวนกินเที่ยวทั่วประเทศ ช่วงนี้แน่นอนว่าสายการบินต่างๆ ตลอดจนโรงแรมที่พักต่างทำโปรโมชั่นกันสุดใจ ปิ่นโตเถาเล็กเลยขอเชิญชวนแฟนๆ มาเที่ยวกระบี่กันเถอะ

กระบี่แวดล้อมด้วยน้ำตก ภูเขา หาดทราย ท้องทะเลงดงาม อีกทั้งอาหารการกินก็มีให้เลือกหลากหลาย ดังเช่นในตัวเมืองกระบี่นั้นมีร้านอาหารที่รับรองว่าไม่มีใครเหมือน เพราะเจ้าของร้านมีคาแร็กเตอร์ลักษณะนิสัยไปในทางศิลปินเดี่ยวออกแนวติสต์ หน้าตาร้านดูธรรมดาเหมือนร้านข้าวต้มขายกับข้าว แต่ทำอาหารอร่อยอย่าบอกใคร คนกระบี่ติดกันงอมแงม ร้านนี้มีชื่อว่า ครัวน้องเจน

ร้านครัวน้องเจนอยู่ ริมถนนมหาราช ถนนสายหลักของเมืองกระบี่ ข้างๆ มูลนิธิประชาสันติสุข ตัวร้านเป็นห้องแถวชั้นเดียวแนวยาวขนานไปกับถนน แต่งร้านง่ายๆ ธรรมดาๆ มีทั้งห้องปรับอากาศและบริเวณด้านนอก ตั้งโต๊ะริมทางเท้าอีกด้วย เปิดบริการเฉพาะมื้อค่ำตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 4 ทุ่ม

พระเอกชูโรงประจำร้านคือ โกวัช หรือ คุณธวัช เรือนแก้ว ลูกชายของ โกวี เคยช่วยพ่อทำร้านข้าวต้มตรงแถวธนาคารออมสินเก่าในจังหวัดนครศรีธรรมราชมาก่อน โกวัชย้ายมาเปิดร้านครัวน้องเจนที่กระบี่ได้ 13 ปีแล้ว

โกวัชมีฉายาที่คนกระบี่ตั้งให้ว่า โกว้าก เพราะว่าเป็นคนพูดเสียงดังฟังชัด เอกลักษณ์ประจำตัวคือต้องโชว์ลีลาว้ากศรีภรรยาและลูกน้องในระหว่างการทำกับข้าว บางครั้งก็พูดเสียงดังกับลูกค้าที่คุ้นเคยอีกต่างหาก วันไหนไม่ได้ว้ากเสียงดังก้องร้าน อาหารคงไม่อร่อยเป็นแน่

โกว้ากเป็นเดี่ยวมือหนึ่ง ปรุงอาหารอยู่คนเดียว และจะทยอยทำทีละโต๊ะ ถ้าคนเต็มร้านอาจจะต้องรออาหารนานนับชั่วโมง และถ้าสั่งไปแล้วอยากสั่งเพิ่ม โกว้ากอาจจะว้ากเราได้ว่าสั่งอาหารเต็มโต๊ะพอแล้ว ให้มาสั่งใหม่วันหลัง หรือถ้าจะสั่งกลับบ้านก็ไม่ทำให้ ต้องกินที่ร้าน มีแกงพริกกระดูกหมูเท่านั้นที่ทำไว้เป็นหม้อ ซึ่งถ้าจะสั่งกลับก็ต้องดูทิศทางลมก่อนว่ายอมขายให้หรือไม่ และมาร้านนี้ห้ามเร่งเป็นอันขาด

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ลูกค้าขาประจำก็ไม่มีใครถือสา บอกว่าสนุกดีชินแล้ว ถ้าไม่ว้ากก็ไม่มีสีสัน อีกทั้งถ้าในโต๊ะมีเด็กเล็กมาด้วยโกว้ากจะใจดีเป็นพิเศษ แม้กระทั่งไข่เจียวซึ่งเป็นเมนูต้องห้าม (เพราะโกว้ากบอกว่ากินที่บ้านก็ได้) ก็ยินดีเจียวให้เด็กๆ กิน ร้านมีเอกลักษณ์ขนาดนี้ จึงขอเชียร์ให้มาลองชิมให้จงได้เพื่อประสบการณ์สักครั้งหนึ่งในชีวิต

ของอร่อยที่ต้องสั่งขาดไม่ได้คือ แกงคั่วพริกกระดูกหมู (100-120 บาท) ที่ทำเป็นหม้อหรือกระทะใหญ่ไว้แล้ว เป็นสูตรของภรรยาโกว้าก เคี่ยวนาน 1 ชั่วโมงกว่าๆ จนรสชาติจัดจ้านหรอยแรง แต่กลมกล่อม ไม่มีรสไหนโดดเกินไป กระดูกหมูอ่อนเคี้ยวได้กร้วมๆ นอกจากนี้ยังมี หมูกรอบ (ไม่เกิน 150 บาท) ทอดมาร้อนๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด ก็กินอร่อยเคี้ยวหนังไม่ติดฟัน โดยโกว้ากต้มหมูสามชั้นทั้งแผ่น ใช้ตะปูจิ้มหนังหมูแล้วนำไปเผา และหมูกรอบนี้เอาไปทำ หมูคั่วเกลือ (ไม่เกิน 150 บาท) ได้ด้วย กรอบนอกนุ่มใน รสเค็มกำลังดี หอมมากๆ

แกงอีกอย่างที่ต้องสั่งคือ แกงส้มปลากะพง (260-300 บาท) รสเข้มข้น ใส่ได้ทั้งยอดมะพร้าวสดกรอบ และออดิบ ซึ่งช่วงต้นปีนี้มีมะรุมก็เลยให้ใส่ด้วย แกล้มด้วย หมูสับปลาเค็ม (ชิ้นละ 40 บาท) ปั้นเป็นก้อนๆ ทอด เนื้อหมูสับนุ่มหอม ปลาอินทรีไม่เค็มมากจนเกินไป บีบมะนาวใส่หอมใหญ่และพริกขี้หนูเข้ากันดี เมนูนี้ต้องโทรสั่งล่วงหน้าก่อนจะมาที่ร้านถึงจะได้กิน หรือจะแก้เผ็ดด้วย ไข่ตุ๋น (80 บาท) เนื้อเนียนที่สุด หอมหวานด้วยน้ำซุปกระดูกหมู ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชอบสั่งกันมาก

หมูสับปลาเค็ม
แกงคั่วพริกกระดูกหมู ทำทีละหม้อใหญ่
แกงเลียงไข่มดแดงใส่ผักหวาน

ของซดๆ น้ำๆ ต้องลอง ต้มจิ๊กโก๋ (ไม่เกิน 320 บาท) เมนูดังประจำร้านไม่ซ้ำใคร คล้ายกับต้มยำแต่ไม่ใส่ข่า ปรุงด้วยพริกสดและพริกแห้งทอด มีรสเปรี้ยวอมหวานนิดๆ จากผักกาดดอง ใส่ทั้งเนื้อปลากะพงและกุ้งทะเลสดๆ และเครื่องในปลา (ซึ่งโกว้ากเรียกว่าสัตว์ประหลาด)

ของดีร้านนี้ยังมีอีกมาก ทั้ง กุ้งผัดสะตอใส่กะปิ (160-250 บาท) กรอบอร่อยทั้งสะตอและกุ้งทะเล ผัดเห็ดปลวก หรือ เห็ดโคนน้ำมันหอย ถ้าช่วงไหนมีให้สั่งด้วย ฮ่อยจ๊อ (ลูกละ 30 บาท) ทอดอัดแน่นไปด้วยทั้งเนื้อปูและเนื้อกุ้ง อีกทั้ง ปูม้าผัดผงกะหรี่ สไตล์ไทยปนจีน และช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่กระบี่จะเป็นหน้าไข่มดแดง (ส่วนเดือนเมษายนได้มาจากพัทลุง) ต้องสั่ง ไข่มดแดงคั่วเกลือ (180 บาท) ใส่กระเทียมสดกับกระเทียมเจียว เวลากินให้บีบมะนาวเล็กน้อยอร่อยเหาะจริงๆ หรือจะลองชิม แกงเลียงไข่มดแดงใส่ผักหวาน (180 บาท) รสนุ่มนวลชวนกิน ส่วนผัดผักแน่นอนว่ามาภาคใต้ต้องสั่ง ใบเหลียงผัดไข่ (ไม่เกิน 120 บาท) (หรือเรียกว่าใบเหมียง) ใบมันๆ

โกว้ากบอกว่า ยังมีของดีที่ขาประจำชอบมาก คือ ราดหน้าทะเล (350 บาท แล้วแต่ขนาด) อิ่มแค่ไหนก็ต้องชิม ใส่เครื่องมาเต็มทั้งปลากะพง หมึก กุ้ง ลูกชิ้นปลา ตับหมูและเนื้อหมู น้ำราดหน้ารสชาตินุ่มนวลหอมมาก ปิดท้ายด้วย แตงโม ผลไม้ล้างปากแจกฟรี มากินกี่ครั้งก็หวานฉ่ำตลอด

ขอบอกว่าสนนราคาอาหารของที่นี่จะกะตามจำนวนคนในโต๊ะ จึงไม่สามารถบอกแน่นอนได้ ที่แจ้งไปจึงเป็นราคาคร่าวๆ แต่รับรองว่าสบายกระเป๋าสมเหตุสมผล

มากระบี่แล้วอยากกินให้ได้อารมณ์และอร่อยไม่เหมือนใคร ต้องมาร้านครัวน้องเจนของโกว้ากให้จงได้ อย่าลืมว่าร้านเปิดเฉพาะมื้อค่ำตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 4 ทุ่ม หยุดเดือนละ 2 วัน มักจะเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ปลายเดือน โทร 08-1891-7037 ว้ากเสียงดังอย่างนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้ว

ข้อมูลร้าน

ครัวน้องเจน

โดย คุณธวัช เรือนแก้ว

(โกวัช มีฉายาว่า โกว้าก)

ที่ตั้ง 307/16 ถ.มหาราช ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ 81000

โทร 08-1891-7037

 

เปิดบริการ 18.00 – 22. 00 น. ทุกวัน

หยุด เดือนละ 2 วัน โดยมาก คือ เสาร์-อาทิตย์ ปลายเดือน

แนะนำ แกงคั่วพริกกระดูกหมู หมูกรอบ หมูคั่วเกลือ แกงส้มปลากะพง หมูสับปลาเค็ม ต้มจิ๊กโก๋ กุ้งผัดสะตอใส่กะปิ ผัดเห็ดปลวกหรือเห็ดโคนน้ำมันหอย ฮ่อยจ๊อ ไข่มดแดงคั่วเกลือ แกงเลียงไข่มดแดงใส่ผักหวาน ใบเหมียงผัดไข่ ราดหน้าทะเล

Facebook ครัวน้องเจน กระบี่

ช่วงคนแน่น วันเสาร์-อาทิตย์

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก
โกธวัชหรือโกว้าก
แกงส้มปลากะพง
ไข่มดแดงคั่วเกลือ
ต้มจิ๊กโก๋
ซุปต้มยำโฮมเมด

อะไรใหม่ๆ ที่ผุดขึ้นมาแล้วมีคนพูดปากต่อปากอย่างต่อเนื่องนี้แสดงว่าของนั้นต้องน่าสนใจไม่น้อย

ฉบับนี้เรามาว่ากันด้วยเรื่องของร้าน “Bar Mee Noodles by Chef Willment” ที่คนรักเส้นพูดถึงกันมากจนต้องไปลองกันซักที เอาเป็นว่าจะขอเรียกง่ายๆ ว่าร้านบะหมี่แล้วกันนะคะ

ร้านบะหมี่เป็นไอเดียของเชฟฝีปากคม “วิลแมนต์ ลีออง” ชาวสิงคโปร์ จากรายการ “Top Chef Thailand” และ เชฟเอก ชาตตระกูล เชฟอาหารจีนชื่อดัง ร่วมหุ้นกับบริษัท ดีดี ฟู้ดส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือ SVL Group นั่นเองค่ะ

พิกัดร้านตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคาร SVL House ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์ประมาณ 300 เมตร เยื้อง สน.ยานนาวา ถือว่าเป็นย่าน CBD ที่มีหนุ่มสาวออฟฟิศเดินกันคึกคักพอสมควร

แม้ร้านจะเพิ่งเปิดได้ประมาณ 4 เดือน แต่เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย พูดถึงกันทั้งในแง่รสชาติ คุณค่าสารอาหาร และราคาที่จับต้องได้

ความน่าสนใจอีกอย่าง คือ ก๋วยเตี๋ยวไม่ใช่สไตล์ไทยจ๋า และห้ามปรุง (เพราะไม่มีเครื่องปรุงให้) จะออกแนวเอเชียที่มีความพิถีพิถันยกระดับเป็นไฟน์ไดนิ่งเลยทีเดียว

เรื่องรสชาติต้องมาลองกัน แต่ได้ข้อมูลมาว่ากว่าจะออกมาเป็น 8 เมนูไม้ตายได้ ต้องผ่านทั้งการทดลอง ทำวิจัย กระทั่งใช้นวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาพัฒนาจนได้รสชาติที่เป๊ะ เหมือนกันเด๊ะทุกชาม เสิร์ฟเวลาไหนก็รสชาติเดิม แม้แต่สั่งดิลิเวอรีก็เหมือนกันทุกประการ ถือเป็นการปฏิวัติวงการก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยเลยทีเดียว

มาดูเมนูกันค่ะ ว่า 8 เมนู มีอะไรบ้าง เริ่มจากซิกเนเจอร์ “ซุปต้มยำโฮมเมด” 150 บาท ที่ร้านนี้อะไรที่เป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำ จะเสิร์ฟแบบแยกน้ำซุปมาให้เทใส่เอง ทำให้เห็นเครื่องเคราในชามก๋วยเตี๋ยวชัดเจน เมนูนี้ที่ร้านเลือกใช้เส้นเล็ก กุ้ง ฮื่อก๊วย ลูกชิ้นปลา เนื้อมะพร้าว พอเทน้ำซุปลงไปกลิ่นต้มยำหอมสมุนไพรมากระทบจมูกจนน้ำลายสอ รสชาติไม่เผ็ดมาก แต่จัดจ้าน เพราะน้ำซุปต้มยำนี้ที่ร้านไม่ใช่แค่นำสมุนไพรมาต้ม แต่เลือกใช้วิธีปั่นสมุนไพร เครื่องเทศจนละเอียด ไม่เหลือทิ้ง เน้น Zero waste นโยบายคนยุคใหม่ ผลที่ได้คือคุณค่าสารอาหารเต็มๆ เมนูต้มยำนี้จะสั่งแบบแห้ง “ซอสต้มยำโฮมเมด” ก็ได้ในราคา 120 บาท

ต่อด้วย “ซุปเพสโต้เขียวหวาน” 150 บาท ชามนี้เลือกใช้พาสต้าเส้นดำ เครื่องมี เป็ดชาชูชิ้นหนานุ่ม ไข่เค็มแดง และ มะพร้าวอ่อน ยังอีกหนึ่งชามที่เครื่องเทศสมุนไพรจัดเต็ม ที่สำคัญไม่เคยคิดว่าจะซดน้ำซุปแกงเขียวหวานได้แบบนี้มาก่อน ใครอยากชิมแห้งก็มีเหมือนกัน เป็น “ซอสเพสโต้เขียวหวาน” 120 บาท เครื่องเคราเหมือนกันเปี๊ยบ

“ซุปมิโสะหมู” 150 บาท ชามนี้คอราเมงกรี๊ดสลบ ร้านเลือกใช้เส้นราเมง หมูชาชู กากหมู และ หน่อไม้ ไฮไลต์ คือ หมูชาชูชิ้นหนาเคี้ยวมันสะใจ และที่ไม่เหมือนใคร คือ มีกากหมูด้วยเข้ากันเหลือเชื่อ ซุปกลมกล่อม ไม่เค็มมากเกินไป มีความหวานเพราะเคี่ยวนาน แว่วๆ ว่าเป็นเมนูยอดฮิตของเหล่าเด็กกรุงเทพคริสเตียนที่มาสั่งกันประจำหลังเลิกเรียน

“ซุปเนื้อตุ๋นสมุนไพรจีน” 150 บาท เลือกใช้เส้นบะหมี่เส้นแบน เครื่องมีเนื้อตุ๋น ลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นเอ็นเนื้อ ชามนี้ดีงามที่เนื้อตุ๋นก้อนเบ้อเริ่ม ตุ๋นนานกว่า 6 ชั่วโมงทำให้เนื้อนุ่มเปื่อย น้ำซุปหวาน และหัวไชเท้านุ่มๆ ที่บอกเลยว่าเทคเจอร์ไม่เหมือนร้านไหนๆ ที่เคยกินมา

เชฟวิลแมนต์ ลีออง
ซอสซีอิ๊วสูตรพิเศษ
ซุปเนื้อตุ๋นสมุนไพรจีน

“ซอสฮอยซินสูตรโบราณ” 120 บาท ใช้เส้นบะหมี่หยก เครื่องมีหมูแดง ฮื่อก๊วย เกี๊ยวกรอบ ชามนี้รสชาติกลมกล่อม เชฟวิลแมนต์พูดเองว่า ถ้าอากงอาม่าได้กินต้องร้องไห้!

“บะหมี่รสชาติแบบนี้ที่เมืองไทยเคยมีประมาณ 40 ปีที่แล้ว ถ้าพ่อแม่คนจีนได้กินจะร้องไห้ ที่หายไปเพราะวัยรุ่นอาจจะไม่กินมั้ง หมูแดงเราทำเอง ไม่อร่อยไม่ต้องจ่ายตังค์นะ (หัวเราะ)” เชฟหนุ่มสิงคโปร์คอนเฟิร์มหนักแน่น

ต่อมา “ซอสซีอิ๊วสูตรพิเศษ” 120 บาท เลือกใช้เส้นบะหมี่เส้นแบน เครื่องมีเป็ดพะโล้ กากหมู เกี๊ยวกรอบ ชามนี้เป็นอีกหนึ่งสูตรโบราณที่อากงอาม่าได้กินก็อาจจะร้องไห้อีกเช่นกัน เส้นบะหมี่ที่คลุกซีอิ๊วสูตรเฉพาะ เป็ดพะโล้เนื้อนุ่ม มีกากหมูเพิ่มความฟิน ได้รสชาติที่ถ้าอากงอาม่าได้กินแล้ว อดีตอันสวยงามจะผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำเต็มไปหมด

ทั้ง 8 เมนูนี้ถือว่ากลั่นออกมาจากเชฟแถวหน้าของไทย ถ้าใครยังไม่จุใจก็สามารถสั่งท้อปปิ้งเพิ่มได้ มี ซีฟู้ดรวมจานพิเศษ 60 บาท เป็ดรวมจานพิเศษ 60 บาท หมูรวมจานพิเศษ 60 บาท เนื้อรวมจานพิเศษ 80 บาท

ซุปเพสโต้เขียวหวาน

เชฟวิลแมนต์ บอกว่า ตนเองเป็นคนชอบกินก๋วยเตี๋ยว แต่รู้สึกว่าก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่ที่ไทยน่าจะทำให้ดีกว่านี้เป็นที่มาในการเปิดร้านบะหมี่ ยกระดับให้เทียบเท่าไฟน์ ไดนิ่ง มีระบบครัวกลาง มีห้องแอร์ให้นั่งสบายๆ มีปลั๊กไฟบริการ ราคาไม่ถูกแต่ไม่แพงโอเวอร์ คือ 120-150 บาท ทุกอย่างมีมาตรฐานทั้งวัตถุดิบ และ รสชาติ ต้องเหมือนเดิมทุกชาม แม้แต่ที่สั่งดิลิเวอรีรสชาติก็ต้องเหมือนที่ร้าน

“ดิลิเวอรีของเราไม่เหมือนชาวบ้านนะครับ เราเสิร์ฟเย็น จะมีหัวเชื้อเป็นก้อน นี่คืออินโนเวชั่นล้วนๆ แล้วเราจะมีน้ำพิเศษไปให้เรียกว่ามิกเซอร์ที่เราคำนวณปริมาณไปแล้ว สามารถเทน้ำเอาเข้าไมโครเวฟได้เลย จะซื้อใส่ตู้เย็นไว้ดึกๆ หิวมาก็ใส่น้ำเข้าไมโครเวฟ 2 นาทีก็อร่อยเหมือนเดิม หรือจะช้อนทุกอย่างใส่กระทะใส่น้ำอุ่นกินก็ได้เหมือนกัน”

เรื่องของนวัตกรรมที่นำมาใช้ เชฟวิลแมนต์ บอกว่า เครื่องปรุงทุกอย่างคือสกัดทำเอง ต้มเอง ทำเป็นหัวเชื้อขึ้นมา ทุกชามจะได้รสชาติเหมือนกันทั้งหมด ต่างจากก๋วยเตี๋ยวข้างถนนที่เรากิน เช้าไปน้ำซุปกำลังต้มอยู่ กินไม่เข้มข้น ช่วงบ่ายไปกินกำลังดี ใกล้ปิดแล้วเค็มมาก นี่คือไม่มีมาตรฐาน ดังนั้นเราตัดสินใจสร้างครัวกลางขึ้นมา

“ร้านเรา มี Blast freezer ด้วยนะครับ ก็คือ ของร้อนๆ อัดเข้าไปแป๊บเดียวแข็งเลย ขั้นตอนที่เชื้อโรคเติบโตจะน้อยมาก จะไม่มีโอกาสเติบโต ประโยชน์มันป้องกันเชื้อโรค เราพยายามรักษาคุณค่าอาหารด้วย”

คอก๋วยเตี๋ยวถ้ายังไม่ได้ลอง บอกเลยว่าต้องลองนะคะ ทุกจานจัดว่าเป็นจานด่วนที่ได้รสชาติและคุณค่าอาหารครบถ้วน เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. สนใจเข้าไปดูเพจเฟซบุ๊ก Bar Mee หรือ ไลน์ @barmeenoodle โทร 09-1723-2650

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนชม นำพา [email protected]
ซุปมิโสะหมู แบบดิลิเวอรี
ลูกค้าเทน้ำซุปมิโสะหมูจากกาด้วยตัวเอง

สำหรับนักดื่มทั้งหลายคงจะไม่มีใครที่ไม่เคยผ่านอาการเมาค้าง หรือที่เรียกว่า “แฮงค์” (Hangover) ดื่มอย่างหนักหน่วงจนคลื่นไส้อาเจียน ทำให้มีอาการปวดหัวตึ้บจนลุกไปทำงานไม่ไหว ซึ่งมันไม่ดีเอาซะเลย อย่าปล่อยให้อาการเมาค้างแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณบ่อย ๆ เพราะมันอาจจะทำให้เสียงานเสียการได้ ดังนั้นเราจึงคัดสรรเมนูแนะนำสำหรับสายแฮงค์มาให้ดูกันเลย

ทาง รพ.สมิติเวช เปิดบริการ “หมอ(สมิติเวชช่วย)ดู เมนูเสริม (ดวง) สุขภาพ ” แนะนำอาหารสุขภาพที่ ได้รับการการันตีคุณภาพจากคุณหมอโรงพยาบาลสมิติเวช โดยให้บริการผ่านไลน์ @samitivej และทางแอพพลิเคชั่นแกร็บ  ที่ช่วยกันสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง เป็นทางเลือกสุขภาพที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ สามารถนำคะแนน Grab Rewards มาแลกเป็นส่วนลดค่าเวชภัณฑ์ 10 % (เฉพาะค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการบางรายการ และค่าฉายรังสี โดยยกเว้นค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการ และค่าฉายรังสีบางรายการ) สุดท้ายยังมีส่วนลดพิเศษค่าส่ง หากสั่งอาหารมาส่งที่โรงพยาบาลสมติเวช (สุขุมวิท ศรีนครินทร์ ไชน่าทาวน์ และธนบุรี) ทั้งหมดนี้จะเริ่มให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป

6 เมนูอาหารเช้าแก้แฮงค์

1.Acai Bowl จากร้าน Rocket Coffee Bar

หากใครกำลังมองหาร้านกาแฟสำหรับนั่งทำงานหรือสังสรรค์แบบชิลๆ “Rocket Coffee Bar” คาเฟ่ชื่อดังซึ่งหลายคนคงคุ้นหูมาบ้าง ไม่ควรพลาดกับเมนูเด็ดอย่าง Acai Bowl สำหรับสายปาร์ตี้มากจนอนุมูลอิสระสะสม ต้องแก้ชงด้วยเมนูเสริมสารต้านอนุมูลอิสระจาก Acai Berry ได้อีกด้วย

2.The Unicorn Bowl จากร้าน Acai Story

Acai Story เป็นคาเฟ่ที่สาวๆ และสายเฮลท์ตี้ทุกคนจะต้องตกหลุมรัก เมนู Signature  ได้แก่ Unicorn Bowl ที่สามารถกู้ร่างกายด้วยวิตามินจากผลไม้หลากหลาย ทั้งโกจิเบอรี่ สตรอว์เบอรี่ กีวี่ และแก้วมังกร เหมาะสำหรับสายปาร์ตี้ต้องการแก้แฮงค์ได้อย่างดีเลย

3.Superfood Detox จากร้าน Farmfactory

Farm Factory ร้านอาหารสำหรับคนใส่ใจสุขภาพ เมนูเด็ดจากทางร้านอย่างเมนู “Superfood Detox” ที่สามารถบรรเทาแฮงค์ด้วยซอสทาบัสโก้รสจัดจ้านได้ดี และพร้อมฟื้นฟูร่างด้วยผักสดหลากหลายชนิดภายในชามเดียว

4.Grilled Farm Fresh Chicken with Mango&Pineapple smoothie จากร้าน Grain

ร้าน Grain เหมาะสำหรับสายแฮงค์สุดๆกับเมนู  Grilled Farm Fresh Chicken with Mango&Pineapple smoothie ที่แก้ชงหลังชนด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากมะม่วงและสับปะรด ผลไม้ธรรมดาๆ แต่มีคุณสมบัติในการถอนพิษเหล้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ

5.Tomato Barley Soup จากร้าน Au Bon Pain

สำหรับเมนู Tomato Barley Soup จากร้าน Au Bon Pain สามารถแก้แฮงค์ บรรเทาอาการคลื่นไส้ ด้วยซุปมะเขือเทศที่อุดมด้วยไลโคปีน และสารชีวเคมีในน้ำมะเขือเทศที่จะช่วยในกระบวนการจัดการกับเเอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

คนเรามักนึกถึงของอร่อยกินกันทุกวัน ร้าน Street Food จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะกินได้บ่อยๆ และมีให้เลือกกันหลากหลายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ คล้ายกับเป็นสวรรค์ของนักกินอย่างจริงแท้ ทั่วทุกมุมเมืองต่างมีร้านอร่อยมากมาย บางร้านไม่เคยว่างเว้นจากผู้คนที่แวะเวียนมารอชิมอาหารรสชาติดี

ดังนั้นความอร่อยและได้สุขภาพของแต่ละร้านก็จะต่างกัน

ทาง รพ.สมิติเวช เปิดบริการ “หมอ(สมิติเวชช่วย)ดู เมนูเสริม (ดวง) สุขภาพ ” แนะนำอาหารสุขภาพที่ ได้รับการการันตีคุณภาพจากคุณหมอโรงพยาบาลสมิติเวช โดยให้บริการผ่านไลน์ @samitivej และทาง

แอพพลิเคชั่นแกร็บ  ที่ช่วยกันสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง เป็นทางเลือกสุขภาพที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ สามารถนำคะแนน Grab Rewards มาแลกเป็นส่วนลดค่าเวชภัณฑ์ 10 % (เฉพาะค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการบางรายการ และค่าฉายรังสี โดยยกเว้นค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการ และค่าฉายรังสีบางรายการ) สุดท้ายยังมีส่วนลดพิเศษค่าส่ง หากสั่งอาหารมาส่งที่โรงพยาบาลสมติเวช (สุขุมวิท ศรีนครินทร์ ไชน่าทาวน์ และธนบุรี) ทั้งหมดนี้จะเริ่มให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป

อร่อยได้สุขภาพจาก Street Food ร้านดัง
  1. สุกี้ทะเล จากร้าน เอลวิสสุกี้

    “เอลวิสสุกี้” ร้านแนวสตรีทฟู้ดที่ได้การแนะนำจาก มิชลินไกด์  เมนูเด็ดของที่นี่คือ “สุกี้ทะเล” พร้อมกับเสริมดวงสุขภาพด้วยเส้นใยอาหารจากผัก และโปรตีนดีจากอาหารทะเลหลากหลาย ซึ่งเรียกได้ว่าใหญ่ที่สุด มีของดีและเมนูหลากหลายที่สุด กว่าสาขาอื่น ๆ เลยทีเดียว

2.สุกี้ไก่ จากร้าน เอลวิสสุกี้

อีกหนึ่งเมนูจากร้าน “เอลวิสสุกี้” ร้าน Street food ร้านดัง ที่ได้รับการแนะนำจาก มิชลินไกด์ ส่วนใหญ่ได้รับการตอบกลับดีมากจากลูกค้า โดยเฉพาะเมนู “สุกี้ไก่” ที่เป็นแหล่งของโปรตีนดีที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างดี

3.สเต็กปลาย่าง จากร้าน สเต็กสามย่าน ทูเดย์สเต็ก

ขึ้นชื่อว่าสเต็กสามย่านส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงร้าน “สเต็กสามย่าน ทูเดย์สเต็ก” ซึ่งตั้งอยู่ในตลาดสามย่านชั้นสอง มีเมนูสเต๊กให้เลือกมากมาย เมนูเด็ดจะเป็นเมนู “สเต็กปลาย่าง”  รวมทั้งเสริมสุขภาพด้วยโปรตีนดีและกรดไขมันดีจากปลาย่างหอมๆ อีกด้วย

4.สเต็กไก่สไปซี่ จากร้าน สเต็กสามย่าน ทูเดย์สเต็ก

อีกเมนูที่ทุกคนพลาดไม่ได้ของร้าน สเต็กสามย่าน ทูเดย์สเต็ก กับเมนู “สเต็กไก่สไปซี่” สูตรเด็ดจากทางร้าน ทั้งอร่อยและแซ่บแบบได้โปรตีนดีจากสเต็กไก่ ยิ่งถ้าเลาะหนังออกได้จะยิ่งผอม

5.บะหมี่ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ จากร้าน ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกล้วยน้ำไทย

อีกหนึ่งร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ ในกรุงเทพฯ ที่พลาดไม่ได้เลย ก็คือร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกล้วยน้ำไทย เมนูไก่ตุ๋นก็มีให้เลือกมากมาย รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรสุดๆ โดยเฉพาะบะหมี่ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ถึงแม้มะระจะขม แต่ก็มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง ดังที่โบราณว่าไว้ หวานเป็นลม ขมเป็นยาอีกนั่นเอง

เนื้อปูแกะไซส์ XL

ในยุคข้อมูลข่าวสารแล่นปรู๊ดปร๊าดชั่วพริบตา สมัยนี้อยากกินอะไรช่างง่ายดาย จิ้มมือถือไม่กี่ครั้ง นอนกระดิกเท้าเล่นสบายใจ รอไม่นานเดี๋ยวก็มีของกินมาส่งถึงหน้าบ้านสมใจอยาก

ขอแนะนำของอร่อยสุดยอดอาหารทะเลอยู่รายหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นผู้บุกเบิกพวกแรกในธุรกิจดิลิเวอรีมาตั้งแต่ปี 2555 เจ้านี้มีชื่อว่า JQ ปูม้านึ่ง

JQ ปูม้านึ่งเป็นของ คุณโอ๋ สุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ กับ คุณอี๊ด ประเสริฐ สมบูรณ์ ผู้เป็นสามี เริ่มต้นจากการเป็นลูกจ้างทำงานกินเงินเดือนเหมือนคนทั่วไป ในที่สุดหันมาประกอบอาชีพส่วนตัว รับอาหารทะเลจากคุณแม่ของคุณโอ๋ที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาส่งร้านอาหารกับโรงแรมที่กรุงเทพฯ โดนกดราคา โดนยกเลิกรับของ จึงเกิดไอเดียเร่งด่วนคือปรุงอาหารทะเล ปิ้งๆ ย่างๆ นึ่งๆ ผัดๆ ส่งให้ตามบ้านเสียเลย มิฉะนั้นของที่ส่งมาอาจจะเน่าเสียได้

ผ่านมา 9 ปี ธุรกิจเติบใหญ่ มีปูสดๆ มาจากแพปูของแม่ที่สุราษฎร์ทุกวันนับร้อยกิโล นำมานึ่งที่กรุงเทพฯ มีสาขาสำหรับกระจายของถึง 8 แห่ง สั่งล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมง ปรุงให้เดี๋ยวนั้นร้อนๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้าน อีกทั้งตอนนี้สั่งได้ทุกบ้าน ทุกอำเภอทั่วไทย (โดยต่างจังหวัดให้สั่งล่วงหน้า 1 วัน)

เท่านี้ยังไม่พอ ยังมีอาหารทะเลให้เลือกสั่งหลากหลายอีกเพียบ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา บางอย่างก็เป็นของตามฤดูกาล โดยจะแจ้งเป็นวันๆ ไป

แล้วจะเข้าไปดูที่ไหนล่ะ ช่องทางแรกคือเฟซบุ๊กแฟนเพจ (Facebook Fanpage) เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery เปิดเข้าไปดูมีเมนูอาหารทะเลประจำวันนั้นๆ อีกทั้งโปรโมชั่น (ถ้ามี) ด้วย สั่งผ่านเพจได้เลย

ช่องทางถัดมาคือทาง Line @JQPUUMANUNG (มี @ ข้างหน้าด้วย) ซึ่งผมใช้ช่องทางนี้ในการสั่ง สามารถโต้ตอบกันได้เลยว่าวันนี้มีอะไรที่หมดหรือไม่มีขายบ้าง สะดวกรวดเร็ว ส่วนช่องทางสุดท้ายคือทำแบบดั้งเดิม โทรสั่งที่ 0-2105-4205

ทั้ง 3 ช่องทางนี้จะสั่งได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้าเป็นต้นไปจนถึง 2 ทุ่ม แต่ช้าก่อน ขอเตือนว่า ควรสั่งจองกันตั้งแต่ตอนสายๆ เสียเลย เพราะวันก่อนผมมีบทเรียน จะสั่งช่วง 5 โมงเย็น ปรากฏว่าของหมดไปหลายอย่างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือปูม้า แต่นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าที่ JQ ปูม้านึ่ง ขายปูกันวันต่อวันจริงๆ ข้อดีอีกอย่างของเจ้านี้คือรับบัตรเครดิตด้วย ไม่มีขั้นต่ำในการสั่ง หรือจะโอนเงินก็ได้

ของดีเชียร์ให้ลิ้มลองที่ห้ามพลาดเลยคือ กุ้งแม่น้ำเผา ตัวใหญ่ขนาด 4 ตัวต่อกิโล ผ่าครึ่งซีก เผามาร้อนๆ มันเยิ้มๆ เต็มหัว เนื้อสดหวานจริงๆ สนนราคา 1 ตัว 450 บาท แต่ถ้าสั่ง 2 ตัว เหลือแค่ 850 บาท แล้วจะสั่งแค่ 1 ตัวทำไมล่ะจ๊ะ นอกจากนี้ยังมีกุ้งแม่น้ำเผา จำนวน 4-5 ตัวต่อชุด ราคา 550 บาท ใช้กุ้งแม่น้ำขนาด 8 ตัวต่อกิโล

ทีเด็ดอยู่ที่ น้ำจิ้มซีฟู้ด ที่ให้มาด้วยคู่กัน รสจัด เผ็ดกำลังดี หอมอร่อย ใช้มะนาวแท้ๆ ถึงขนาดที่ว่ามีบริษัททัวร์สั่งน้ำจิ้มซีฟู้ดบรรจุขวดพกติดไปเมืองนอกบริการลูกทัวร์ เก็บในตู้เย็นอยู่ได้นาน 7-10 วัน (บรรจุในคลีนรูม มีตรา อย.) ขวดละ 120 บาท

กุ้งแม่น้ำขนาดแปดตัวต่อกิโล
กรรเชียงปู
เนื้อปูแกะให้ทั้งตัว มีไข่ปูติดมาด้วย

แน่นอนว่าดีที่หนึ่งอันดับหนึ่งย่อมต้องเป็น ปูม้านึ่ง สั่งมากี่ครั้งก็สดหวานอร่อยทุกครั้ง (ผมเคยแอบสั่งในชื่อเพื่อนคนอื่นด้วยต่างหาก) มี ปูม้านึ่งขนาด 3-4 ตัวต่อกิโล สนนราคากิโลละ 900 บาท ซึ่งสามารถสั่งให้แกะหรือทุบเรียงเป็นชิ้นส่วนใส่กล่องให้ได้เลย โดยต้องบอกตอนสั่งว่าจะให้ทุบให้แกะหรือไม่ให้ทำ เพราะบางคนต้องการนำไปถ่ายรูปเป็นตัวๆ ก่อนกินเพื่อความสวยงาม ซึ่งถ้าให้แกะด้วยที่ร้านจะเรียกว่า เนื้อปูแกะไซซ์ XL (900 บาท) นอกจากนี้ยังมี เนื้อปูแกะไซซ์ M (550 บาท) อีกด้วย ขอบอกว่าเนื้อปูม้าสุราษฎร์นี่อร่อยอย่าบอกใคร

ยังไม่จบเรื่องปูๆ ยังมี กรรเชียงปูล้วนๆ (250 กรัม 650 บาท) เคี้ยวกร้วมๆ เต็มคำ และอีกทั้งบางวันก็มี ปูไข่นึ่ง 2 ตัวต่อชุด (550 บาท) ถ้ามีให้รีบตะครุบ อีกอย่างที่สุดยอดคือ หอยจ๊อโคตรปู (5 ลูก 420 บาท) แต่ละลูกนั้นอัดแน่นด้วยเนื้อปูชิ้นเท่านิ้วเด็ก นอกจากปูนึ่งก็มี ปูไข่ดองทรงเครื่องไซซ์ L (650 บาท) ดองน้ำปลาแล้วแช่ช่องแข็ง ถ้ายังไม่จุใจก็มีกรรเชียงปูชิ้นโตๆ บรรจุกระป๋อง จำนวน 45-50 ชิ้น เก็บในตู้เย็น (ยังไม่เปิดกระป๋อง) ได้นาน 18 เดือน (1,450 บาท) อีกด้วย

ของทะเลอื่นๆ มี หมึกย่าง (ตัวละ 300-750 บาท ที่เห็นในรูป ตัวหนัก 9 ขีด 650 บาท) เป็นหมึกกระดองสดๆ ไม่แช่น้ำไม่แช่เกลือ ย่างทั้งตัวโตๆ จะสั่งให้หั่นเลยก็ได้ รวมถึง หมึกไข่แดดเดียว ตัวเล็กๆ พอดีคำ (350 บาท) และก็มี หอยหวานลวกหรือเผา (กิโลละ 400 บาท) หน้าตาเหมือนหอยหมาก แต่พอกินแล้วเหมือนหอยหวานเลย ซึ่งคุณโอ๋บอกว่าเป็นหอยมาจากประเทศปากีสถาน ลวดลายอย่างนี้ ซึ่งนานๆ จะมีที อีกทั้ง ปลากะพงทอดน้ำปลา (ทั้งตัว 385 บาท) ปลากะพงทอดน้ำปลาเป็นชิ้นๆ ซึ่งถ้าเป็นชิ้นจะนำไปนึ่งซีอิ๊วได้ด้วย (250 บาท) ต่อด้วย กุ้งแช่น้ำปลา (250 บาท) ใช้กุ้งขาวสดๆ ข้าวผัดปู (350 บาท) ข้าวผัดกุ้ง (250 บาท) บรรยายเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที มีแม้กระทั่งปูขายเป็นชุด เรียกว่า ชุด Mega ปู มี 4 เมนู (1,600 บาท กินได้ 4-6 คน) เชิญสอบถามกันเอาเอง

สรุปได้ว่า JQ ปูม้านึ่งคือผู้ชำนาญเรื่องอาหารทะเลอย่างแท้จริง อย่าลืมว่าแต่ละวันควรรีบสั่งแต่ตอนสายๆ อย่ารอช้าจนเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลวันพ่อ วันแม่ ปีใหม่ คิวสั่งจองแน่นอย่าบอกใคร ก็ของเขาดีจริงๆ นี่นา

ปูม้านึ่งเป็นตัว

JQ ปูม้านึ่ง

โดย คุณสุรีรัตน์ (โอ๋) ศรีพรหมคำ

ที่ตั้ง ไม่มีหน้าร้าน ดิลิเวอรีได้ทุกบ้านทั่วไทย

ช่องทางการสั่ง 1.เฟซบุ๊กแฟนเพจ (Facebook Fanpage) เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery

2.Line @JQPUUMANUNG

3.โทร 0-2105-4205

 

เปิดบริการ 10.00-20.00 น. ทุกวัน

แนะนำ กุ้งแม่น้ำเผา ปูม้านึ่ง เนื้อปูแกะไซซ์ XL กรรเชียงปูล้วน หอยจ๊อโคตรปู ปูไข่ดองทรงเครื่องไซซ์ L หมึกย่าง หมึกไข่แดดเดียว หอยหวานลวกหรือเผา

ช่วงคนแน่น ช่วงเทศกาลวันพ่อ วันแม่ ปีใหม่

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
หมึกกระดองย่างทั้งตัว
ข้าวผัดกุ้ง
ข้าวผัดปู
คุณโอ๋ สุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ
ปูไข่ดองทรงเครื่องไซซ์L
หมึกไข่แดดเดียว
หอยจ๊อโคตรปู
หอยหวานเผาหรือลวก
กรรเชียงปูชิ้นโตๆบรรจุกระป๋อง
น้ำจิ้มซีฟู้ดบรรจุขวด
ภาพจากเพจ Monosei

อีกหนึ่งธุรกิจอาหารญี่ปุ่นที่เติบโตในเมืองไทยได้อย่างน่าทึ่ง คือ การกินอาหารญี่ปุ่นแบบ “โอมากาเสะ”

สำหรับคนที่รักอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วย่อมรู้ดีว่าการกินแบบโอมากาเสะ คือ การกินอาหารญี่ปุ่นแบบตามใจเชฟ พูดง่ายๆ เชฟทำอะไรมาเราก็กินอันนั้น

โอมากาเสะ คือ การรับประทานที่นอกจากรสชาติอันรื่นรมย์แล้วยังพ่วงมากับประสบการณ์ที่ล้ำค่า ดังนั้นราคาค่าใช้จ่ายจึงสูงตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพวัตถุดิบที่นำมาใช้เกรดพรีเมียม เชฟผู้มีประสบการณ์สูงกับไหวพริบในการเลือกหยิบจับวัตถุดิบที่มีมาประกอบอาหารอร่อยๆ ให้เราได้ลิ้มลอง

อีกหนึ่งโอมากาเสะน้องใหม่มาแรงที่อยากแนะนำในฉบับนี้ คือ Mono Sei อ่านว่า โมโนเซอิ ตั้งอยู่ที่ ชั้น G โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าชิดลม

ร้านนี้เพิ่งเปิดตัวราวๆ 3-4 เดือนที่ผ่านมา เป็นโอมากาเสะแบบพรีเมียม เชฟเป็นชาวญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ละคนประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10-20 ปี

เท่าที่ถามพนักงาน ชื่อร้าน “Mono” นั้นมาจากคำว่า “หนึ่งเดียว” และ “Sei” ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “ดียิ่งขึ้น” และแน่นอนว่าวัตถุดิบคัดสรรจากแห่งที่ดีที่สุดทุกมุมโลกมาเสิร์ฟถึงเมืองไทย เพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้ลูกค้า

วันนี้มีโอกาสลองชิม “ดินเนอร์ คอร์ส” ถือเป็นคอร์สจัดเต็มเลยทีเดียวค่ะ อาหารมีทั้งหมด 24 คอร์ส (ราคา 12,000+++ บาท) แค่เห็นรายการอาหารก็ตื่นเต้นแล้ว เราเริ่มออกสตาร์ตกันที่หกโมงครึ่ง ส่วนเวลาจบน่ะเหรอ สามทุ่มครึ่งโน่นเลย

มื้อนี้เราได้ยอดฝีมือเป็นเชฟจากโอซากา อากิฮิสะ วาตานาเบ้ มาเป็นผู้เสิร์ฟความหฤหรรษ์ให้เราในค่ำคืนนี้ค่ะ

เริ่มต้นก็เรียกเสียงว้าว กับออเดิร์ฟ 3 คอร์ส “Mineoka Tofu” เต้าหู้กับซอสดาชิ “Shiromi no Nanbanzuke” ปลาทอดที่มีรสมีชาติจากการหมักในซอสสูตรเฉพาะ และ “Madai no Nikogori” เป็นเจลลี่คอลลาเจนจากปลากะพงทำหน้าที่ห่อหุ้มเต้าหู้สีนวลรสชาติละมุนสุดสุด

“Nama Kaki” หอยนางรมสดจากฮิวาเตะ คำนี้เนื้อสดกรอบเด้งลื่นลิ้น รสชาติฉ่ำหวานกินกับน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น “Tsukuri” เป็นซาชิมิ 3 อย่าง ฮามาจิ โอโทโร่ ลูกหมึก “Ankimo” ตับปลาในซอสดาชิ รสหวานละมุนลิ้น “Kegani” เป็นเนื้อส่วนก้ามปูและเนื้อปูขน จิ้มมากับมันปูนึ่ง ฟินมาก อารมณ์หวนคำนึงถึงปูอ่องของแม่เลยล่ะค่ะ (ไม่ล้อเล่น) คอร์สนี้เขาเสิร์ฟมาให้กินกับไข่ตุ๋นที่ผสมเนื้อปูเหมือนกัน ไข่เนื้อเนียนกริ๊บสไตล์พี่ยุ่นเขาล่ะ “Anago Tempura Uni Caviar Nose” เทมปุระปลาไหลทะเล วางด้วยอูนิคำโต ท็อปด้วยคาเวียร์

หมดเซตนี้ เชฟอากิ เสิร์ฟ “Yuzu Sherbet” เป็นไอศกรีมยูสึโฮมเมด รสชาติเปรี้ยวหวาน ถือเป็นการล้างปากก่อนเริ่มซูชิคำแรก

เริ่มจาก “Madai” เชฟใช้ปลากะพงประเดิมคำแรก ต่อด้วย “Akami Zuke” ทูน่าส่วนเนื้อแดงที่นำไปหมักกับโชยุเพิ่มความจัดจ้าน “Kuruma Ebi” ซูซิกุ้งลายเสือ ฝนเกลือหิมาลัยโรยหน้าให้รสชาติหวานเค็มกำลังดี

 

ตามด้วย “Aburi Nodoguro Kodonburi” หรือกะพงชมพูที่ว่ากันว่ารสเลิศนักหนา คอร์สนี้เชฟนำปลาไปย่างก่อนให้ได้กลิ่นหอม วางบนข้าวแล้วตักน้ำซุปใส่ขลุกขลิก รสชาติหวานละมุน

“Mushi Awabi” เป็นเป๋าฮื้อนึ่งนานถึง 6 ชั่วโมง ได้รสชาติหนึบอร่อย ให้เลือกซอสได้ 2 แบบ คือ แบบไข่เค็ม และ แบบสาหร่าย ต่อกันด้วย “Taraba Kani” เนื้อปูนึ่งสดหวานกินกับผักลวก 2-3 ชิ้น กินแล้วสดชื่นดี

“Matsuzaka Gyu no Shabu Shabu” ฟินสุดก็คำนี้ เนื้อมัสซึซากะคุณภาพเยี่ยมนำไปแกว่งในซุปชาบูมาเสิร์ฟแบบมีเดียม “Mozuku Su” ยำสาหร่ายรสชาติจี๊ดจ๊าดท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน

กลับมาที่ซูชิต่อ “Hirame” ปลาตาเดียว เนื้อแน่นและเด้งแต่มีความหวานมันจากไขมันที่แทรกเป็นริ้ว “Otoro” ท้องปลาชิ้นหนานุ่ม ป้ายวาซาบิที่ฝนกันแบบสดๆ ให้กลิ่นหอมขึ้นจมูกมากกว่ารสเผ็ด “Uni” เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ โปะหน้าอูนิล้นๆ ถึงอกถึงใจกันไปข้าง ต่อด้วย “Anago” ปลาไหลทะเลย่าง หอมกลิ่นไหม้นิดๆ อร่อยค่ะ

“Shiro Ebi” คอร์สนี้เป็นเนื้อกุ้งขาวสไลซ์มาเป็นริ้วๆ ท็อปด้วยอูนิเยิ้มๆ คาเวียร์ แผ่นทองคำ และวาซาบิ เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงไซซ์มินิ หน้าตาน่ารักยกให้เป็นขวัญใจของมือนี้เลยค่ะ “Lobster” เป็นเนื้อล็อบสเตอร์หวานๆ วางบนเนื้อปู เป็นการรวมตัวของสุดยอดใต้ทะเล เคี้ยวหมดคำก็มี “Miso Soup” เสิร์ฟอย่างต่อเนื่อง

พักหายใจซักเฮือก แล้วไปต่อกันด้วย “Maki roll” พอดีคำไส้ทูน่า ผ่อนอารมณ์ลงมาด้วย “Tamagoyaki” เป็นไข่หวานที่ทำแล้วออกมาคล้ายสปันจ์เค้ก นุ่มหวาน ก่อนจะปิดฉากคอร์สนี้อย่างสวยงามกับ 2 คอร์สขนมหวาน คือ “Fruit Daifuku” เชฟใช้องุ่นเขียวหวานฉ่ำห่อด้วยถั่วแดงบางๆ และแป้งนุ่มๆ “Anmitsu” เป็นไอศกรีมวานิลลา ใส่แป้งโมจิเป็นชิ้นเล็กๆ และถั่วแดง ราดด้วยไซรัปหอมหวาน

เป็นอันจบค่ำคืนนี้อย่างสวยงามและสนุกสนานเพลิดเพลิน ค่าใช้จ่ายคุ้มค่ากับการที่ได้เห็นเชฟยอดฝีมือเตรียมของปรุงอาหารตรงหน้า จับตรงนี้แต่งตรงนั้น ประดิดประดอยอย่างบรรจง เป็นสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมผสมกับความหรูหราแห่งยุคสมัย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเสพงานแสดงศิลปะร่วมสมัยอย่างดื่มด่ำ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง เชียวค่ะ

ถือเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก ยิ่งได้มากับคนพิเศษด้วยแล้วจะยิ่งเพลิดเพลินกว่าเดิมอีกสองเท่า

สำหรับผู้ที่สนใจคอร์สโอมากาเสะ Mono Sei ให้บริการช่วงเวลา 18.00-23.00 น. วันอังคาร-อาทิตย์ เป็น Dinner Course ราคา 12,000+++ บาท ( 24 คอร์ส) รวมถึงของทานเล่นและขนมหวาน หากไม่ทานเนื้อหรือมีวัตถุดิบที่ไม่ชอบ หรือแพ้อาหารชนิดใด สามารถแจ้งกับทางร้านได้ โทร 09-4654-6326 Facebook : Monosei Instagram : monosei_sushi

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนชม นำพา [email protected]