จัดงานปาร์ตี้ทั้งทีจะขาดสีสันคัลเลอร์ฟูลของลูกโป่งไปได้ยังไง

เพราะลูกโป่งสีสดใสนั่นเองที่ทำให้บรรยากาศการสังสรรค์สนุกสนานขึ้นทันตาเห็น ดังนั้นงานรื่นเริงต่างๆ จะพลาดลูกโป่งไม่ได้เด็ดขาด

ปัจจุบันการตกแต่งด้วยลูกโป่งยังคงเป็นเทรนด์ที่ทั้งงานวันเกิด งานเลี้ยงฉลอง งานอีเว้นท์ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินค้า เรียกว่าแทบทุกงานก็หันมาใช้ลูกโป่งทั้งนั้น เพราะนอกจากงานที่ออกมาจะว้าวแล้ว ราคายังสบายกระเป๋ากว่าการประดับด้วยดอกไม้สดที่ราคาสูงลิบด้วย

แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าเบื้องหลังความสดใสนี้ ที่จริงสามารถทำเองได้ ขอแค่มีเทคนิคที่ถูกต้อง ที่คิดว่ายากก็กลายเป็นง่ายไปเลย

“มติชนอคาเดมี” ได้เชื้อเชิญ “อ.แป๊ะ-สุธีมนต์ ปรีชานุวัฒน์” เจ้าของร้าน piggieballoon เคยฝากฝีไม้ลายมือในงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ มาเปิดคอร์ส “เวิร์กช็อปลูกโป่ง DIY สร้างอาชีพง่ายๆด้วยตัวเอง”

ที่จะมาทำเรื่องยุ่งยากให้กลายเป็นของง่ายๆ มีแค่ลูกโป่ง ที่สูบ และ ที่วัดขนาด ก็สามารถตกแต่งงานเลี้ยงด้วยตัวเอง หรือ จะรับจัดตกแต่งแบบง่ายๆ สร้างรายได้เสริมก็ยังได้

อ.แป๊ะ เรียนจบปริญญาตรี สาขาศิลปะไทย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงธัญบุรี อยู่ในสายศิลปะมาตลอด จนไปเจอหนังสือของอ.เป็นต่อ-รุ่งโรจน์ สุวรรณธาดา เจ้าของร้าน Balloonie ก็รู้สึกทึ่ง เริ่มหัดทำตามในหนังสือ จนได้มีโอกาสมาเรียนกับ อ.เป็นต่อ 2 คอร์ส ได้เทคนิค บิดดัด ผูกปากลูกโป่ง เป่าลูกโป่ง 3 อย่าง นอกนั้นเสิร์ชข้อมูลอินเทอร์เน็ต กลับมาพัฒนาฝีมือตัวเอง เริ่มทำตุ๊กตาที่ยากขึ้น บวกกับไปจอยกลุ่มงานทำลูกโป่ง ได้แลกเปลี่ยนกันภายใน 4 เดือน บิดได้ราว 200 แบบ

พอมั่นใจขึ้นก็เริ่มออกไปบิดดัดตามตลาดนัด เจอโจทย์ท้าทายจากลูกค้า ฝึกฝนตัวเอง กระทั่้งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา อ.แป๊ะ เปิดร้านลูกโป่งย่านประชานิเวศน์ ได้รับโจทย์ลูกค้าสั่งทำ ตอนนั้นไอเดียได้ขยายขอบเขตมากขึ้นจากโจทย์ของลูกค้า

“ผมเคยเป็นโบโซ่ด้วยนะ ลูกค้าจ้าง วันเด็ก วันเกิด เลี้ยงรุ่นเด็กๆ อนุบาล ประถม ไปสร้างสีสัน ผมมองว่าลูกโป่งคือของเล่นที่น่าอัศจรรย์สำหรับเด็ก เป็นของเล่นที่ให้ประสบการณ์ เล่นได้เต็มที่ พังก็สร้างใหม่ได้ ลูกโป่งเป็นของเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่มาก”

อ.แป๊ะ บอกว่า ร้านได้ปิดตัวด้วยหลายสาเหตุ โดยสาเหตุหนึ่งมาจากปัญหาสุขภาพ พอเริ่มฟื้นตัวก็อยากจะถ่ายทอดความรู้ให้คนอยากทำลูกโป่ง เพราะมองว่ายังเป็นโอกาสของลูกโป่ง และ ยังมีกลุ่มคนเล่นลูกโป่งทำให้ขยายขอบเขตงานลูกโป่งให้กว้างขึ้น

“การสร้างอาชีพกับลูกโป่งจะทำให้ลูกค้าสนใจต้องทำให้เห็นความมหัศจรรย์ของมัน แม้แต่เทคนิคการเด็ดลูกโป่งให้ไม่แตกก็ดูมหัศจรรย์นะ หากเรามีทักษะที่สะสมไว้ก็โชว์ได้ทันที จากชิ้นเล็กๆ กลายเป็นช่อดอกไม้ ตุ๊กตาตัวใหญ่ จนเป็นชิ้นงานที่ใช้ประดับตกแต่งได้ นี่คือการสร้างจุดเด่นการขาย”

อ.แป๊ะ บอกว่า ในแง่การลงทุน พูดตรงๆ สามารถหากำไรจากชิ้นงานได้ถึง 200% อย่างตนเคยขายลูกโป่งเส้นละ 10 บาท จากต้นทุน 2 บาท สร้างกำไรถึง 5 เท่า ดูเหมือนเป็นเศษเงิน แต่ได้ถึง 5 เท่า จึงเป็นโอกาสที่เราจะหาได้ในรูปแบบอื่น

“ลูกโป่งเป็นงานอดิเรกก็ได้ ทำมาหากินก็ได้ เวลาคนเห็นเราทำเขาจะรู้สึกว้าวมาก การจัดตกแต่งสถานที่โดยการใช้ลูกโป่ง ให้ความรู้สึกอลังการสีสัน อะไรที่สามารถเปลี่ยนฟิลลิ่งสถานที่นั้นได้โดยต้นทุนน้อยมาก โดยไม่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสถานที่นั้นเลย”

สำหรับผู้ที่สนใจ คอร์ส”เวิร์กช็อปลูกโป่ง DIY สร้างอาชีพง่ายๆด้วยตัวเอง” ราคาคอร์สละ 2,500 บาท เรียนวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2562 เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่อยากมีงานอดิเรก หรือเป็นอาชีพเสริม หรือ พ่อแม่เรียนไปเล่นกับลูกก็เหมาะมากเช่นกัน

สนใจติดต่อมติชนอคาเดมี

Inbox : Facebook Matichon Academy
Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124
Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105
line : @matichonacademy

“อย่าลืม…สีฟ้า…เวลาหิว” สโลแกนติดปากเมื่อพูดถึงร้านอาหาร “สีฟ้า”

83ปีบนเส้นทางธุรกิจอาหารไทย-จีน ต้นตำรับราชวงศ์ นับแต่ยุคถนนราชวงศ์มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยสูตรเฉพาะรสชาติอร่อยคงที่ และวัตถุดิบสดใหม่อย่างดี จึงทำให้ “ร้านสีฟ้า “ยืนหยัดอย่างยาวนาน และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

 

ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2479 ชายคนหนึ่งเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ตัดสินใจก่อตั้งร้านอาหารขึ้นกับเพื่อนอีกคน เป็นร้านเล็ก ๆ ธรรมดาทั่วไปในย่านราชวงศ์ ในขณะนั้นขายเพียงแค่ไอศกรีม กาแฟ และผลไม้แช่แข็งเท่านั้น

เมื่อกิจการดำเนินไปด้วยดีพร้อมทั้งร้านอาหารบริเวณรอบข้างปิดตัวลง จึงเป็นโอกาสดีที่จะขยายร้าน โดยเริ่มจากการจ้างกุ๊กมาคิดสูตรอาหาร และทาสีผนังใหม่ด้วยสีฟ้าทำให้ผู้คนผ่านไปมามองเข้ามาในร้านเห็นแสงไฟนีออนสะท้อนกับผนังจึงเรียกร้านอาหารนี้ว่า “สีฟ้า”

ด้านการดีไซน์ตกแต่งร้าน จากอดีตถึงปัจจุบัน มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงร้านผสมผสานหว่างความทันสมัยและความร่วมสมัยแบบดังเดิมได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่า “เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป” โดยยังคงกลิ่นอายของความเป็นร้าน “สีฟ้า”

ล่าสุด ร้านสีฟ้าจัด Campaign: Good Food Good Health เมื่อของดีมาเจอกับของอร่อย ตลอดเดือน มิ.ย. – ก.ค. 62 นี้  โดยนำเสนอเมนู3ใหม่

ข้าวดอกมะขามผัดน้ำพริกไข่ปูปลาสลิด

จานแรก ข้าวดอกมะขามผัดน้ำพริกไข่ปูปลาสลิด จานนี้ ราคาพิเศษ 280 บาท จากปกติ 350 บาท อร่อยเต็มคำกับไข่ปูและเนื้อปูเน้น ๆ ปลาสลิดทอดกรอบ ไขมันต่ำ มีโอเมก้า 3, 6 ไข่ต้ม S-Pure ต้มสดใหม่ อนามัยปลอดสารให้คุณค่าทางอาหารสูง กับดอกกะหล่ำ หนึ่งในซุปเปอร์ฟู้ด อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ส่วนข้าวดอกมะขาม หรือ ปกาอำปึล เป็นข้าวสุขภาพมีรสชาติหอม นุ่ม และมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนข้าวหอมมะลิ สีเหลืองนวลเหมือนดอกมะขามออกลายเมล็ดข้าว จานนี้ทั้งอร่อยทั้งเฮลท์ตี้

หากใครติดใจข้าวดอกมะขาม ร้านสีฟ้า มีข้าวออร์แกนิค 7 สายพันธุ์ มาจำหน่าย ตลอดเดือน มิ.ย. – ก.ค. 62 นี้ด้วย

 

             ข้าวดอกมะขามผัดพริกขิงไข่เค็มปลาดุกฟู

 

จานต่อมา ข้าวดอกมะขามผัดพริกขิงไข่เค็มปลาดุกฟู เมนูนี้ราคา 175 บาท หน้าตาดูดีมาก หอมเครื่องแกงพริกขิงและไข่เค็ม คลุกเคล้าเข้ากันกับปลาดุกฟูทอดกรอบ แคบหมูไร้มัน กรอบ อร่อย แคลอรีต่ำ ปลาดุกฟูทอดกรอบ เนื้อปลาล้วน 100% ไม่ใส่แป้งและเกล็ดขนมปัง ไข่ตะไล การนึ่งไข่เค็มเป็ดในถ้วยตะไล สูตรลับเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของสีฟ้า ทั้งอร่อยทั้งเฮลท์ตี้

 

 

                                                                                                          ข้าวดอกมะขามผัดคั่วกลิ้งหมู

 

จานที่สาม ข้าวดอกมะขามผัดคั่วกลิ้งหมู จานนี้ราคา 165 บาท ใช้เครื่องแกงคั่วกลิ้งเผ็ดเบา ๆ กลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร หมูหวานสูตรเด็ด ทำจากเนื้อหมูสันนอก หอมกลิ่นเครื่องเทศจีน สูตรต้นตำรับสีฟ้า 80 ปี ไข่ต้ม S-Pure ต้มสดใหม่ อนามัยปลอดสารให้คุณค่าทางอาหารสูง และดอกกะหล่ำ หนึ่งในซุปเปอร์ฟู้ด อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร จานนี้จัดว่าเด็ดเผ็ดเบาๆ


ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ

 

มาถึงเมนูขายดี อย่าง ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ พร้อมเสิร์ฟในราคา 155 บาท สูตรของสีฟ้าใช้น้ำพริกกลมกล่อมกำลังดี หมูหวานสูตรต้นตำรับสีฟ้า 80 ปี ไข่ตะไล กินคู่กับผักเครื่องเคียงสด กรอบ อร่อย ไม่เหม็นเขียว

 

 

ข้าวคลุกกะปิ

 

อีกจาน ที่อยู่คู่กับร้านสีฟ้ามาอย่างยาวนาน คือ ข้าวคลุกกะปิ จานนี้ราคา 150 บาท เป็นข้าวคลุกกะปิสูตรเฉพาะของสีฟ้า มีการปรุงรสอย่างดีมาแล้ว หอมกลิ่นเครื่องเทศ หมูหวาน สูตรต้นตำรับสีฟ้า 80 ปี กุนเชียงหอมหวานมันกำลังดี เป็นข้าวคลุกกะปิที่อร่อยไม่เหมือนใครแน่นอน

นอกจากนี้ ร้านสีฟ้า ยังมีเมนู Amazing Thai Taste เมนูที่ได้รับรางวัลการันตีความอร่อยจาก ททท. ในปี 2560 เมนูชุดกับข้าวเติมเต็มความอร่อยมีให้คุณเลือก 2 SET คือ

SET 1 มีหลนไข่ปูทะเล ต้มข่าไก่ หมูแดง เนื้อปลากะพงผัด SET 2 น้ำพริกลงเรือ แกงพริกขี้หนูเนื้อน่อง ไข่ฟูปูทะเล ยำวุ้นเส้น ทั้ง 2 SET เสิร์ฟพร้อมข้าวดอกมะขาม 2 จาน

อีกทั้งยังมี โปรโมชั่นพิเศษ เมื่อลูกค้าสั่งเมนู Good Food Good Health หรือ Amazing Thai Taste อย่างใดอย่างหนึ่ง เพิ่มเงิน 99 บาท รับทันที ขนมจีบนึ่งหรือทอด 4 ลูก + น้ำสมุนไพร 1 แก้ว  รวมถึงโปรโมชั่นวันศุกร์สีฟ้า พิเศษสำหรับสมาชิก Seefah Family Card รับฟรี! ข้าวออร์แกนิค 500 กรัม (มูลค่า 50 บาท)

ไปลิ้มลองกันได้ที่ ร้าน สีฟ้า ทั้ง 21 สาขา ได้แก่ สยาม, ธนิยะ, เมเจอร์รัชโยธิน, ทองหล่อ, แฟชั่นไอส์แลนด์, โลตัสพระราม 4, โลตัสพระราม 3, เทอร์มินัล 21, โลตัสประชาชื่น, โลตัสลาดพร้าว, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัลเวิลด์, เอสพลานาด รัชดา, เอสพลานาด งามวงศ์งาน-แคราย, เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์, โรงพยาบาลรามาธิบดี, สาธร, เมกาบางนา,เซ็นทรัลพลาซา พระราม3, เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต และ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก

สวยหล่อดูอ่อนกว่าวัยโดยไม่ต้องพึ่งเข็ม ด้วยการนวดหน้า V-shape เทรนด์ความสวยความงามที่กำลังมาแรง และเติบโตอย่างรวดเร็ว

ล่าสุดคนไทยสร้างชื่อเสียง คว้ารางวัลที่ 1 ในการแข่งขันนวดหน้าระดับนานาชาติ International Body Art Contest 2019  ที่ประเทศเกาหลีใต้

อ.ธัญญ์นภัส ภัทร์ฐานนท์ชัย หรือ ครูธัญญ์ เจ้าของกิจการนวดหน้า Akira นำทีมไปแข่งขันด้วยการนวดหน้าสไตล์อาคีร่า จนคว้าแชมป์ได้ถ้วยรางวัลมาครองอย่างภาคภูมิใจ

แต่ก่อนจะมาประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย ครูธัญญ์ นับเป็นหญิงแกร่ง สู้ชีวิต ต้องฟันฝ่าและก้าวข้ามอุปสรรคมากมาย

อ.ธัญญ์นภัส ภัทร์ฐานนท์ชัย หรือ ครูธัญญ์

ครูธัญญ์ เปิดใจกับมติชนอคาเดมี ว่า ก่อนจะมีทุกวันนี้ต้องผ่านมรสุมชีวิตมามากมาย ทั้งปัญหาการสูญเสียคนรัก และปัญหาสุขภาพตัวเอง จนทำให้ธุรกิจที่สร้างมาทั้งหมดไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ แต่ในวันที่แย่ที่สุดได้บอกตัวเองว่า เราคือ ผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก และลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง จนประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักในชื่อ “ครูธัญญ์สอนนวดหน้าพลิกชีวิต”

 “ก่อนหน้านี้ได้ทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งรถให้เช่า เปิดห้องให้เช่าสำหรับติวเตอร์ แต่หลังจากแฟนที่คบกันมา 12 ปีเสียชีวิต ธุรกิจทั้งหมดก็พังไม่เป็นท่า จากนั้นก็เปิดร้านอาหารอีสาน เปิดร้านเสื้อผ้า หรือแม้แต่เปิดร้านข้าวไข่เจียว มีถึง 4 สาขา ก็ยังไปไม่รอด แถมร่างกายยังรับมือกับงานหนักไม่ไหว จนเกิดการล้มป่วยตามมา

“จากประสบการณ์ตรงนี้ทำให้ตระหนักว่า การทำธุรกิจอะไรก็ตาม จะต้องเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เต็มที่กับสิ่งเดียว อย่าทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะนั่นเป็นการกระจายความสามารถของตัวเอง ทำให้ไม่เต็มที่กับงานที่ทำ สุดท้ายก็จะทำให้ธุรกิจไปไม่รอด และต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีควบคู่กันไปด้วย จากนั้นจึงหันมาเปลี่ยนตัวเองตาม 5 ปัจจัยหลัก คือถึงเวลากินต้องกิน ถึงเวลานอนต้องนอน ถึงเวลาพักต้องพัก ถึงเวลาขับถ่ายต้องขับถ่าย และเมื่อเจอปัญหาต้องคิดบวกทุกสถานการณ์

ในเรื่องของอาการป่วยนั้น ครูธัญญ์ เป็นโรคสะเก็ดเงิน และหมอบอกว่าเธออาจเป็นโรคร้ายอย่างมะเร็งได้

ครูธัญญ์ เล่าว่า ได้ทดลองใช้น้ำมันมะรุมจากการแนะนำของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเพื่อรักษาโรคภัยที่เธอเป็นอยู่จนอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวที่เคยลอกกลับมาดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงได้ขอยืมเงินแม่ 3,000 บาทเพื่อไปลงทุนขายน้ำมันมะรุมที่ตลาดนัด แม้มีเงินทุนไม่มาก แต่ด้วยความตั้งใจที่จะขายของและให้คำปรึกษาที่เป็นความจริงแก่ลูกค้า จนการค้าขายเดินหน้าไปได้

การที่มีเงินทุนน้อยมันทำให้เราขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ช้า แต่มันคือข้อดี เพราะทำให้เราต้องดิ้นรนเพื่อเรียนรู้ที่จะทำงานให้ดีขึ้น” ครูธัญญ์เผย

ภายหลังการขายน้ำมันมะรุม ครูธัญญ์ ได้แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกเป็นครีมตัวอื่น โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า .ใจใส จนกระทั่งธุรกิจเริ่มไปได้ดี สื่อให้ความสนใจและเข้ามาสัมภาษณ์ลงบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ครูธัญญ์ได้โปรโมทสินค้าและแบรนด์ของตัวเอง

“จากนั้นครูธัญญ์รู้สึกว่าธุรกิจยังโตได้มากกว่านี้ จึงตัดสินใจเรียนรู้การสร้างแบรนด์กับ อ.สมคิด ลวางกูร” หลังจากนั้นได้เรียนรู้ศาสตร์การนวดหน้าจากอ.สมคิด และออกมาทำธุรกิจนวดหน้าเป็นของตัวเอง โดยตั้งเป้าว่าใครที่มานวดหน้ากับครูธัญญ์จะต้องสวยและต้องดูดีขึ้น แต่ด้วยความที่ยังมีเงินทุนไม่มากนักจึงได้เริ่มต้นจากการ นวดหน้าเดลิเวอรี่  โดยมีแนวคิดว่า ยกสปาไปหาลูกค้าถึงที่บ้าน” เราเชื่อว่า ผู้หญิง เมื่อสวยจากภายนอกความมั่นใจก็จะตามมาเอง

“ผลตอบรับออกมาค่อนข้างดีทำให้เรามีฐานลูกค้าแน่นขึ้น โดยตั้งกฎกับตัวเองไว้ว่า ทำให้ดีที่สุด สุดชีวิต เพราะทุกครั้งที่ได้จับหน้าลูกค้า นั่นถือเป็นโอกาส ถ้าเราให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ลูกค้าก็จะให้สิ่งที่ดีที่สุดตอบแทนเรามาเหมือนกัน คือการแนะนำและบอกต่อ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในอาชีพนี้อย่างรวดเร็ว จนมีธุรกิจนวดหน้าเป็นของตัวเองภายใต้แบรนด์ Akira และเป็นที่มาของคำว่า ครูธัญญ์สอนนวดหน้าพลิกชีวิต” ครูธัญญ์เผย

ครูธัญญ์ บอกด้วยว่า แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีความงามจะมาแรง แต่สุดท้ายและท้ายสุดคนเราก็ต้องหันมาพึ่งธรรมชาติอยู่ดี เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่เยียวยาได้ดีที่สุดไม่ว่าจะด้านจิตใจหรือด้านความงาม ฉะนั้น การนวดหน้าสไตล์ Akira จึงเป็นการรวบรวมศาสตร์สุดยอดของโลก 5 ศาสตร์ มารวมกัน 1.ศาสตร์การเหลาหน้าของประเทศเกาหลี 2 .ศาสตร์การกัวซาของประเทศจีน(การกดและขูดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เชื่อกันว่าช่วยล้างพิษในร่างกาย) 3.การกดจุดจากประเทศญี่ปุ่น 4.การรีดน้ำเหลืองจากประเทศอินเดีย และ5.ศาสตร์อายุรเวท เป็นศาสตร์การนวดแผนไทย

“การนวดสไตล์อาคีร่า เป็นการนวดกล้ามเนื้อเชิงลึก คล้ายกับการออกกำลังกายผิวหน้าเพื่อขับของเสียใต้ผิวหนัง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ผิวหมองคล้า สามารถปรับรูปหน้าให้ดูยกกระชับขึ้น ทุกวิธีการนวดจะใช้เพียง 2 มือเท่านั้น โดยความถี่ในการนวดจะต้องนวด 2 ครั้งต่อสัปดาห์ นวด 10 ครั้งอยู่ได้นาน 8-12 เดือน แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของลูกค้าด้วย

“นอกจากการนวดหน้าแล้ว ทางร้านยังมีการกดจุด โดยจะกดจุดทั้งหมด 40 จุดบนผิวเพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบนใบหน้า สามารถแก้ไขปัญหาของผู้ที่มีฝ้า กระ ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่มีน้ำมีนวล จะทำให้หน้าเรียวกระชับ ความหมองคล้ำหายไป เหลือแต่ความสดใสเปล่งปลั่ง”ครูธัญญ์เผย

ครูธัญญ์ บอกด้วยว่า สมัยนี้เป็นยุคของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ ยุคของการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาควบคู่ไปกับความสวยความงาม ใครก็อยากสวยอยากหล่อ แต่การนวดหน้าก็สามารถทำให้สวยได้เช่นกัน  สวยโดยการใช้มือ ไม่ต้องพึ่งเข็มหรือการศัลยกรรม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคลว่าชอบสวยแบบธรรมชาติ หรือต้องการสวยด้วยระยะเวลารวดเร็ว

สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจนวดหน้า ครูธัญญ์ บอกว่า ในการรับนวดหน้าให้ลูกค้า สามารถเริ่มได้จากการมีแค่กระเป๋าใบเดียว เพราะครูธัญญ์เริ่มต้นจากศูนย์ จึงมีความต้องการที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าใช้ต้นทุนน้อยที่สุดในการประกอบอาชีพ

ล่าสุด ครูธัญญ์ จับมือกับมติชนอคาเดมี เปิดคอร์สสุดคุ้ม สร้างอาชีพได้ทันที คอร์ส หน้าสวย รวยทรัพย์ อาชีพสร้างได้ด้วย 2 มือ” คอร์สนี้จะสอนตั้งแต่เทคนิคการตลาด การหาลูกค้า การตั้งราคา และการใช้วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพ เป็นการติดอาวุธให้กับลูกศิษย์ทุกคน เพราะถ้ามืออาชีพแล้วก็ต้องรู้จักการหาช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า หลังจากนั้นจะสอนต่อที่ท่านวดทั้ง 12 ขั้นตอนอย่างละเอียด หลังจากเรียนรู้ท่านวดแล้วจึงค่อยมาเรียน Anatomy (กายวิภาคศาสตร์) เป็นสิ่งที่สำคัญในการนวดหน้า หลังจากนั้นจะมาสอนปฏิบัตินวดหน้าอย่างเต็มรูปแบบ และจะเห็นได้ชัดถึงผลลัพธ์ว่า การนวดหน้าสามารถแก้ไขปัญหาบนใบหน้าได้จริงหรือไม่

“การสอนของครูธัญญ์ ได้เอาประสบการณ์ทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มาถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ โดยจะบอกเสมอว่า เราสามารถสวยได้ และรวยได้ด้วยตัวของเราเอง ไม่ว่าจะอยู่มุมใดบนโลกใบนี้ ตราบใดที่ยังมีคนที่อยากสวยและดูดี อาชีพนี้ยังคงเป็นที่ต้องการเสมอ อย่าท้อ ล้มแล้วต้องลุกให้ได้ เพราะการเจอมรสุมชีวิตที่ทำให้เราล้มเหลว มันทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่เราไม่สามารถหามันได้จากในห้องเรียน และมันจะทำให้เราแข็งแกร่งได้จากสิ่งที่เกิดขึ้น”ครูธัญญ์กล่าวทิ้งท้าย

______________________________________________________________________________

สำหรับคนที่สนใจเรียนกับ ครูธัญญ์ หรือ อ.ธัญญ์นภัส ภัทร์ฐานนท์ชัย แชมป์นวดหน้าระดับนานาชาติ  อยากรู้วิธีนวดหน้าพลิกชีวิต ในคอร์ส “หน้าสวย รวยทรัพย์ อาชีพสร้างได้ด้วย2มือ” ที่มติชนอคาเดมี เป็นคอร์สระยะสั้น2วัน เรียนวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 25-26 พฤษาภาคม 2562 ราคา 6,900 บาท

สนใจติดต่อได้ที่ Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124 Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105 สอบถามทาง Inbox Facebook : Matichon Academy – มติชนอคาเดมี หรือ line : @matichonacademy

คลิกอ่านเพิ่มเติม : https://www.matichonacademy.com/craftwork/article_24749  

มันน่าทึ่งมาก ที่ครอบครัวหนึ่งจะเลี้ยงลูกๆทั้ง3คนของพวกเขา ให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยระดับเวิลด์คลาส อย่างสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ได้

คำถามในใจของพ่อแม่หลายๆคนคือ เขาเคี่ยวเข็ญลูกๆยังไงให้เรียนเก่ง จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้?

แต่แค่ตั้งคำถามก็ผิดแล้ว เชื่อหรือไม่ว่าเบื้องหลังความสำเร็จด้านการศึกษา พวกเขาไม่เคยเคี่ยวเข็ญ บังคับ ดุ และตีลูกๆเลย ตรงกันข้ามเขาปลูกฝังความคิด ความรัก แทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกๆทุกๆวัน จนกลายเป็นความคิดและพัฒนาการเชิงบวก จากเด็กเล็ก เด็กโต สู่วัยรุ่น วัยเรียน และวัยทำงาน

คุณแม่ยอดอึด หญิงแกร่ง ที่ใจดีโคตร ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือ แอกเนส ชาน ไอดอลเกาะฮ่องกง คนดังในยุค 70 กระแสแอกเนส ชาน ดังไกลถึงเมืองไทย เธอกลายเป็นไอดอลขวัญใจวัยรุ่นไทยยุคเบบี้บูมเมอร์ เป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆพากันฮิตจับกีตาร์เล่นเพลงโฟล์คซอง

ความโด่งดังของเธอ ทำให้ค่ายใหญ่อย่างชอว์บราเดอร์ส ชวนไปเล่นภาพยนตร์คู่กับเดวิด เจียง และตี้หลุง

นอกจากจะเป็นซุปตาร์แล้ว แอกเนส ชาน ยังมุ่งศึกษาด้านจิตวิทยาเด็กและด้านการศึกษา  เธอจบปริญญาตรี ด้านจิตวิทยาเด็ก ที่มหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนนาดา และปริญญาเอก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา เท่ากับครอบครัวของเธอเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดถึง 4 คน อีกทั้งเธอยังมุ่งมั่นทำงานอาสาช่วยเหลือเด็กยากไร้ในหลายประเทศจนได้รับเชิญให้เป็นทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟ (UNICEF)ด้วย

แอกเนส ชาน ใช้ความรู้ที่สั่งสมมาเรื่อยๆ บวกกับสัญชาตญาณของตัวเอง และสิ่งพี่พ่อแม่สอนมา กลั่นออกมาเป็นวิธีการสอนแบบแอกเนส มาเลี้ยงดูลูกๆของเธอด้วยความรัก ความตั้งใจและความเอาใจใส่ ที่เธอบอกว่าท้าทายและสนุกในทุกๆวัน

เส้นทางชีวิตของเธอมาถึงจุดนี้ได้ยังไง เป็นจุดที่ต้องยกนิ้วให้กับหญิงเก่งและแกร่งคนนี้ กลายเป็นที่มาของหนังสือดีๆน่าอ่าน2เล่ม ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เล่มแรก อัตชีวประวัติ แอกเนส ชาน และเล่มที่สอง 50วิธีสอนลูกทั้งสามเข้าเรียนสแตนฟอร์ด

แอกเนส ชาน และอาเธอร์ ลูกชายคนโตของเธอ บินตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เพื่อแถลงเปิดตัวหนังสือ2เล่มนี้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 ที่มติชนอคาเดมี การบินมาเมืองไทยของเธอครั้งนี้ ถือโอกาสมีตติ้งกับแฟนคลับชาวไทย ร่วมกันย้อนวันวาน“แอกเนส ชาน ยอดรัก”เป็นชื่อที่ติ่งชาวไทยใช้เรียกเธอ

เนื้อหาในหนังสือ “อัตชีวประวัติ แอกเนส ชาน” ไม่ใช่แค่บอกเล่าความสำเร็จของเธอ แต่ได้บอกเล่าถึงปัญหาอุปสรรคที่มักยิ่งใหญ่กว่าความสำเร็จเสมอ กว่าจะมาถึงจุดนี้ซุปเปอร์สตาร์คนดังต้องฟันฝ่าอุปสรรคอะไรบ้าง และผ่านความยากลำบากมาได้อย่างไร

เมื่อตอนคลอดลูกชายคนโต แอกเนส ชาน พาลูกไปทำงานด้วย ในปี 1987 เกิดประเด็น “ข้อวิพากษ์แอกเนส”หรือ“ข้อวิพากษ์เหม่ยหลิง”ขึ้น โดย เหม่ยหลิง เป็นอีกชื่อหนึ่งของเธอ ครั้งนั้นเธอถูกนักข่าวถ่ายรูปขณะพาลูกชายที่ยังแบเบาะมาทำงานอัดรายการโทรทัศน์ด้วย ในตอนนั้นญี่ปุ่นถือว่าการเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงาน เป็นสิ่งผิดประเพณีอย่างแรง คนญี่ปุ่นประณามเธอว่าผู้หญิงคนนี้ทำตัวไม่เหมาะสม

เธอต้องอดทนกับคำประณามและการต่อว่าอย่างหนักนานกว่า2ปี จนกระทั่งรัฐสภาเอาเรื่องนี้ไปอภิปรายและเป็นข่าวไปทั่วโลก จนมีการออกกฎหมายว่าผู้หญิงสามารถเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงานได้

แต่ท่ามกลางมรสุมชีวิต ก็มีเรื่องดีๆผ่านเข้ามาในชีวิต เมื่อนิตยสารไทม์ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นตีพิมพ์ และไปเข้าตา ดร.ไมรา สโตรเบอร์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จนแอกเนส ชานได้รับเชิญให้เข้าพบ เธอได้รับคำแนะนำให้เข้าศึกษาต่อ ปริญญาโท และทำวิจัยวิเคราะห์มุมมองด้านเศรษฐศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรมจาก”ข้อวิพากษ์แอกเนส” จนกระทั่งสอบเอนทรานซ์เข้าเรียน และเรียนต่อจนจบปริญญาเอกคณะศึกษาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

อีกเล่มที่ เหล่าแม่ๆและครอบครัวที่มีลูกวัยเรียนหรือวัยก่อนเข้าเรียนควรอ่าน คือ หนังสือ“50 วิธีสอนลูกทั้งสามเข้าเรียนสแตนฟอร์ด” แม้ว่าแอกเนส ชาน ไม่ได้มีเป้าหมายเลี้ยงลูกเพราะอยากให้เข้าเรียนที่สแตนฟอร์ด แต่มันกลายเป็นผลลัพธ์ของการเลี้ยงลูกทั้ง3คนของเธอ การสอนลูกให้เป็นคนใฝ่เรียน รักการเรียนรู้ และนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างประสบความสำเร็จ สอนให้เป็นคนดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง รู้ว่าตัวเรามีดีแต่ก็ต้องยอมรับและเข้าใจในจุดด้อยของตัวเอง แล้วเราจะเข้าใจคนอื่น มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่

เคล็ดลับบางข้อ ที่แอกเนส ยกตัวอย่างในการแถลงข่าว คือ พ่อแม่ต้องไม่เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น แต่ต้องมอบความรัก มอบหัวใจให้กับลูก100% ต้องทำให้เขารู้ว่าเรารักเขา เราให้เกียรติเขา รักในความเป็นเขา ในตัวตนของเขา เขาก็จะรักตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น

ไม่ตีและไม่เคยดุลูก เพราะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องคือ พูดคุยกันด้วยเหตุผล ให้เข้าใจอะไรคือสิ่งที่ทำผิด พยายามพูดคุยไม่ให้เขาทำสิ่งนี้อีก พ่อแม่หลายคนที่ตีลูก ลูกจะเจ็บปวด ลูกจะกลัวและบอกว่าผมขอโทษๆ แต่เป็นการขอโทษจากใจจริงหรือเปล่า หลายๆครั้งเขาทำสิ่งนั้นอีก รวมทั้งเขาจะคิดว่าทำสิ่งนี้ได้เมื่อแม่ไม่อยู่ จะไม่โดนตี

แอกเนส เล่าว่า เธอเคยเปิดอกคุยกับอาเธอร์นานถึง 8 ชั่วโมง จากสาเหตุโกหกแม่ เขาทำข้อสอบได้ 70 คะแนนจาก 100 คะแนน แล้วแอบไว้ในกระเป๋า พอถามก็บอกว่ายังไม่ได้ข้อสอบกลับมา เมื่อทราบเรื่องมีการถามกัน เขาบอกว่าไม่อยากให้แม่ผิดหวังที่ได้คะแนนน้อย ทำให้เธอต้องกลับมาคิดทบทวนและรู้ตัวว่าเธอได้ทำอะไรผิดไปแล้ว เธอเคยบอกเป็นนัยกับลูกว่าฉันจะมีความสุขถ้าลูกได้คะแนนดี ทำให้อาเธอร์เชื่อว่าเธอจะผิดหวังถ้าได้คะแนนไม่สูง ซึ่งไม่จริง ไม่ว่าจะได้คะแนนน้อยหรือมากแค่ไหน เธอก็ยังรัก จะไม่ได้รักมากขึ้นถ้าได้100คะแนนเต็ม หรือรักน้อยลงถ้าได้0คะแนน ไม่ว่าลูกจะทำอะไรมันเป็นสิ่งที่รับได้เสมอ ขอให้บอก และมาแก้ปัญหาร่วมกัน จึงเป็นที่มาของการเปิดอกคุยกันของแม่ลูกแบบมาราธอน

อยากรู้เคล็ดลับสอนลูกเจ๋งๆมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ต้องทำงานไปด้วยและเลี้ยงลูกไปด้วย แอกเนส ชาน ได้บอกใบ้ผ่านหนังสือ“50 วิธีสอนลูกทั้งสามเข้าเรียนสแตนฟอร์ด”ไว้อย่างน่าสนใจ

หนังสือทั้ง2เล่ม กลั่นออกมาจากทุกช่วงชีวิตของไอดอลคนดัง แอกเนส ชาน จากนักร้อง นักแสดง นักพูด สู่นักเขียน ขอบอกว่าอ่านเพลินจนวางไม่ลง และยังได้ทั้งข้อคิด แนวทางดีๆ ในการใช้ชีวิตและการสอนลูกให้เติบโตเป็นคนดีที่มีคุณภาพด้วย

วางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไป และที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 28 มี.ค.-7เม.ย.62นี้

เครื่องดื่มดับกระหายสัญชาติไต้หวันอย่างชานมไข่มุก เป็นเครื่องดื่มที่ครองใจชาวไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติชานมที่หอมหวาน เข้ากันดีกับไข่มุกเนื้อหนึบ จนทำให้เมนูนี้กลับมาฮิตติดลมจนกลายเป็นกระแสชานมไข่มุกฟีเวอร์ โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา

นอกจากชานมไข่มุกจะขายดิบขายดี ยังมีชาผลไม้ ที่เพิ่มกิมมิคด้วยไข่มุกสแปลช เพิ่มความจี๊ดจ๊าดให้เมนูชาเป็นเมนูที่ไม่น่าเบื่อไปอีก

มติชนอคาเดมี เสิร์ฟเมนูอินเทรนด์ เอาใจสายชาไข่มุก ด้วยสูตรชาไข่มุกลาวาบราวชูการ์ สูตรนี้ที่ใครๆก็ติดใจ กับรสชาติยอดฮิต ชาไต้หวัน ชาเขียว ชาเย็น โกโก้ ชาพีช สอนโดยเชฟมืออาชีพ เชฟจิ๊บ เขมจิรา คำสุวรรณ

เชฟจิ๊บ บอกว่า ชาไข่มุกเคยเป็นกระแสฮิตมานานแล้ว แล้วก็กลับมาฮิตอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่พูดกันปากต่อปาก จนกลายเป็นไวรัล ปัจจุบันมีทั้งชานมและชาผลไม้ และคิดว่ามันน่าจะยังอยู่ในกระแสไปได้อีกพักใหญ่ จุดเด่นของสูตรที่สอนอยู่ที่วัตถุดิบที่ใช้ ถ้าเราใช้วัตถุดิบที่ดี ชาดี นมดี และการต้มไข่มุก ก็จะทำให้เครื่องดื่มเราออกมาอร่อย

สูตรที่เอามาสอนพิเศษกว่าสูตรอื่นตรงที่ ชงง่าย ใครๆก็สามารถทำได้แม้จะไม่มีพื้นฐานมาก่อน สามารถทำได้ครั้งละมากๆโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องคำนวณสูตรแก้วต่อแก้ว ที่สำคัญคือสูตรที่นำมาสอนจะเน้นให้รสชาติของนมมีความเข้มข้น

ถ้าถามว่าช่วยไหนชาไข่มุกขายดี ก็จะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าร้อนก็ยังขายดีอยู่เพราะรสชาติชานมและไข่มุกของแต่ละร้านไม่เหมือนกัน ทำให้ลูกค้าจำนวนมากต้องการที่จะชิมชานมไข่มุกของทุกร้าน

ด้านต้นทุน กำไร ราคาขายแต่ละแก้ว เชฟจิ๊บ บอกว่า ต้นทุนของชานมไข่มุกขึ้นอยู่กับการเลือกวัตถุดิบ สูตรนี้เราเน้นวัตถุดิบคุณภาพดีแต่ราคาไม่สูงมาก ทำให้ราคาของชานมไข่มุกอยู่ที่แก้วละ 25-35 บาท ถือว่าราคาถูกเมื่อเทียบกับร้านทั่วไป แต่เมื่อหักลบต้นทุนกับกำไรแล้วจะอยู่ที่ครึ่งต่อครึ่ง

“ส่วนมากแบรนด์ดังหลายแบรนด์จะเน้นวัตถุดิบที่มีราคาสูง ทำให้ต้องใส่ในปริมาณน้อย ทำให้รสชาติออกมาค่อนข้างจืด แต่สูตรของเราสัดส่วนพอดี เน้นความเข้มข้น รสชาติที่ได้จะไม่จืด รวมกับการต้มไข่มุกให้สุกพอดี จึงออกมาเข้มข้นและอร่อย สามารถทำได้ทีละมากๆได้โดยที่ไม่ต้องชงแก้วต่อแก้ว”เชฟจิ๊บเผย

_____________________________________________________________________________

สำหรับผู้สนใจ หลักสูตรชาไข่มุกลาวาบราวชูการ์ วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2562 ราคา 2,140 บาท

ติดต่อได้ที่ Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

สอบถามทาง Inbox Facebook : Matichon Academy – มติชนอคาเดมี

หรือ line : @matichonacademy 

 

 

อากาศร้อนอย่างบ้านเรา จะมีอะไรที่คลายร้อนได้ดีกว่าการได้กินไอศกรีมเย็นๆรสหวานชื่นใจอีก ยิ่งเข้าหน้าร้อนยิ่งขายดี

ปัจจุบันไอศกรีมมีหลายรูปแบบให้ได้เลือกกินตามความชอบของแต่ละคน อย่างไอศกรีมโฮมเมดที่ทำด้วยความพิถีพิถัน เนื้อเนียนละเอียดเข้มข้นก็ถูกใจใครหลายๆคน

อยากทำไอศกรีมโฮมเมดรสชาติเข้มข้น เนื้อเนียนละเอียด มติชนอคาเดมีมีสูตรเด็ดจากเชฟมืออาชีพ สอน4รสชาติยอดนิยม และเป็นรสชาติพื้นฐานที่สามารถต่อยอดเป็นรสชาติอื่นๆได้มากมาย สูตรนี้ทำกินเองก็เลิศ ทำขายก็รวย ทำง่ายขายได้จริง สอนโดยเชฟมืออาชีพ เชฟจิ๊บ เขมจิรา คำสุวรรณ

เชฟจิ๊บ บอกว่า 4รสชาติที่สอนมี 1.วนิลา 2.นูเทลล่าคุกกี้แอนด์ครีม 3.เชอร์เบท ราสเบอร์รี่ โยเกิร์ต และ4.บลูเบอร์รี่ชีส ในการสอนจะใช้เครื่องทำไอศกรีมเจลาโต้ทำให้ไอศกรีมออกมาเนื้อเนียนละเอียด อย่างวนิลาเป็นรสชาติพื้นฐาน สามารถต่อยอดมิกซ์กับรสอื่นๆได้หลายรสชาติ ในคลาสจะแนะนำให้ด้วย รวมทั้งสอนให้รู้วิธีการตุ๋นไข่กำลังพอดี ไม่สุกจนเกินไป สำหรับใช้เป็นส่วนผสมไอศกรีมโฮมเมดทำยังไง รวมทั้งจะสาธิตการทำไอศกรีมด้วยเครื่อง2แบบ เปรียบเทียบให้ผู้เรียนดู แบบไอศกรีมที่ใช้เครื่องธรรมดา กับแบบไอศกรีมเนื้อเนียนละเอียดที่ใช้เครื่องทำไอศกรีมเจลาโต้

 “ผู้เรียนทุกคนได้รู้ทุกขั้นตอนที่ถูกต้องในการทำไอศกรีมโฮมเมด ตั้งแต่การต้มนม ไปจนถึงการฟรีซไอศกรีม ทั้งสูตรที่ทำมาจากไข่และสูตรที่ทำจากผลไม้ และสามารถนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพหรือทำกินได้ในครอบครัว” เชฟจิ๊บเผย

__________________________________________________________________________

สำหรับผู้สนใจเรียน หลักสูตรไอศกรีมโฮมเมด สอนโดยเชฟจิ๊บ เขมจิรา คำสุวรรณ วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2562 ราคา 2,140 บาท

ติดต่อได้ที่ Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

สอบถามทาง Inbox Facebook : Matichon Academy – มติชนอคาเดมี

หรือ line : @matichonacademy 

เราจะได้อะไรจากคอร์ส Family’s Sunday “Berry Cheesecake” คอร์สที่เปิดให้ผู้เรียนจับคู่ผู้ปกครองกับเด็ก มาเรียนทำเบเกอรี่แสนอร่อย?

อ.กฤษณะ ยุคะลัง อาจารย์สอนหลักสูตร  Family’s Sunday “Berry Cheesecake” บอกว่า ที่กำหนดให้การสอนทำเบเกอรี่ เมนู Berry Cheesecake เป็นคอร์ส Family หรือคอร์สสำหรับครอบครัว เพราะมองเห็นว่ามีเด็กๆส่วนหนึ่งอยากทำอาหาร เป็นการปลูกฝังเด็กๆที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากทำอาหารเป็น อยากทำขนมเป็น

“ขนมตัวนี้สามารถทำได้ง่ายๆ โดยจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใหญ่ อย่างเตาอบ ที่มีความร้อน บางทีเด็กๆอาจยังใช้ไม่ถนัดด้วย โดยการทำ Berry Cheesecake สามารถใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว ทำง่ายๆได้ที่บ้าน ทำกินเล่นในครอบครัวได้ เป็นกิจกรรมง่ายๆที่บ้าน”

อ.กฤษณะ บอกว่า ในส่วนของผู้ปกครองสามารถช่วยแนะนำเด็กให้ลองทำเป็นแบบไหน ช่วยให้เขาได้รังสรรค์มันออกมาเป็นชิ้นจริงๆได้ จะครีเอทเป็นเลเยอร์แบบชั้นๆไหม ทำเป็นเลเยอร์สลับสีไหม หรืออยากจะบีบในภาชนะรูปทรงแบบไหน มันครีเอทได้ อย่างเช่น เราอยากจะทำให้เป็นถ้วยพลาสติก เป็นถ้วย Dessert ธรรมดา ก็สามารถทำได้ หรืออยากจะทำให้เป็นเค้กสามเหลี่ยมเป็นเค้กธรรมดาก็สามารถทำได้เหมือนกัน ในการเรียนการสอนจะสาธิตให้ดูหลายๆแบบเพื่อให้ผู้เรียนมีทางเลือก

ถามว่า จะมองเห็นแววด้านการทำอาหารของเด็กๆจากการเรียนคอร์สนี้ ได้ไหม?

อ.กฤษณะ บอกว่า เราสามารถมองเห็นว่าเขามีแววด้านนี้ด้วยไหมได้จากคอร์สนี้ เด็กบางคนที่มีแววด้านนี้อยู่แล้ว เขาจะแสดงออกมา อย่างเช่น อยากจะจับทำโน่นทำนี่เอง โดยที่เขาไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่ง อันนั้นจะดูได้เลยว่าเขามีความกระตือรือร้นที่อยากจะทำด้วยตัวเอง

ด้านรสชาติและเนื้อสัมผัสขอกระซิบนิดนึงค่ะ ว่า Berry Cheesecake สูตรของ อ.กฤษณะ พิเศษกว่าใครๆ ถ้าไปกินที่อื่นเนื้อจะแน่นๆหนักๆหน่อย แต่สูตร Berry Cheesecake ของอ.กฤษณะ มีความโดดเด่นกว่าที่อื่น จะทำให้เนื้อฟูขึ้น ผ่านการตีวิปปิ้งครีมให้เนื้อฟูขึ้น เนื้อสัมผัส texture ที่กินเข้าไป เนื้อจะนุ่มฟู จะไม่เหมือนที่เราซื้อกินทั่วไปที่เนื้อจะแน่นแข็งๆ

แต่สูตรนี้อารมณ์เวลาเรากินจะนุ่มๆละลายในปาก เป็นสูตรที่ อ.กฤษณะ ปรับใหม่ขึ้นมาเอง!!

รสชาติของขนมจะบาลานซ์กัน เนื่องจากตัวครีมชีสจะมีรสเปรี้ยวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว พอเราเอามาทำตัวชีสเค้กมันก็จะมีความหวานเพิ่มขึ้นมา แล้วเราก็จะเอามาตัดด้วยรสชาติของบลูเบอรี่ซอสที่ท็อปปิ้งอยู่ด้านบน เวลากินเข้าไปรสชาติก็จะบาลานซ์กันระหว่างความเปรี้ยวและความหวาน บวกกับจะมีความกรุบกรอบ ที่เราได้เคี้ยวตัวแครกเกอร์ด้านล่างด้วย

คอร์ส Family’s Sunday “Berry Cheesecake” จึงมีดีหลายต่อ ที่มาบอกต่อและอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองชวนเด็กๆมาเรียนกัน กิจกรรมช่วงปิดเทอมที่มติชนอคาเดมี recommend ได้ทั้งสาระ ความสนุก เพลิดเพลิน เรียนวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2562 ราคาเพียง 2,140 บาท (สำหรับ2ท่าน ผู้ปกครอง/เด็ก) รีบๆจองกันเข้ามานะคะ

อาหารไทยแท้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกง ใครเห็นก็อยากกิน อย่าง ห่อหมกปลาช่อน และหากใครชอบรับประทาน อยากได้สูตรไปทำ ทั้งทำไว้รับประทานในครอบครัว และเพื่อการขาย

มติชนอคาเดมี เปิดสอนหลักสูตร “ห่อหมกปลาช่อนหม้อดิน ตำรับพ่อบัว เจ้าดังย่านบางใหญ่” สอนโดย อ.เจริญ กลิ่นหอม สูตรการปรุงตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น สามารถสร้างรายได้หลักหมื่นบาทจนเป็นธุรกิจเลี้ยงครอบครัวได้มานานนับ 10 ปี

อ.เจริญ เล่าว่า “ห่อหมกปลาช่อนหม้อดิน ตำรับพ่อบัว” เป็นการปรุงสูตรถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย ที่เก่งในการทำอาหารคาว จากนั้นคุณพ่อบัว ซึ่งเป็นลูกและเป็นคุณพ่อของผมจึงนำมาสานต่อ และปรับปรุงสูตรเครื่องแกง ทดลองทำจนได้สูตรเครื่องแกงที่หอมสมุนไพรโดดเด่นลงตัว และเริ่มลองทำขาย ตอนนั้นอยากรู้ว่ารสชาติจะถูกปากคนอื่นหรือไม่

ปัจจุบัน อ.เจริญ สานต่อการทำห่อหมกจากพ่อบัว การทำใช้วัตถุดิบทุกอย่างที่สดใหม่ คุณภาพดี เช่น ปลาช่อน เลือกปลาช่อนที่สดใหม่ ตัวใหญ่ เพราะก้างไม่เยอะ กะทิสดคั้นเอง และจุดเด่นสุดอยู่ที่เครื่องแกงของห่อหมก ส่วนผสมทุกอย่างต้องอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ข่า ตะไคร้ มะกรูด กระเทียม พริกขี้หนูแห้งเม็ดใหญ่เกรดดี ผสมพริกขี้หนูสวนไม่เด็ดก้านออก เพราะก้านของพริกขี้หนูจะทำให้หอม เกลือแกงเม็ด และกะปิอย่างดี สัดส่วนในการทำแต่ละครั้งจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการทำมากหรือน้อย และเคล็ดลับการทำห่อหมกให้อร่อย อยู่ที่การผสมเครื่องแกง

อ.เจริญ เล่าต่อว่า ส่วนวิธีการห่อใช้ใบตองกล้วยน้ำว้า ใบตองจะแข็งและเหลืองสวยงามกว่าใบตองชนิดอื่น ใช้เวลานึ่งห่อหมกประมาณ 25-30 นาที ในน้ำเดือดจะทำให้หอมนุ่มกำลังดีไม่แห้ง

ส่วนการขาย อ.เจริญ ทำขายวันละ 200-300 ห่อ ราคาห่อละ 50 บาท ลงทุน 10,000 บาท ได้กำไร 20% หรือประมาณ 2,000 บาทต่อวันจึงจะอยู่ได้ การทำห่อหมกหากทำเยอะจะขายได้กำไรมากกว่า การทำในปริมาณน้อย

“การทำอาหารให้ขายดีต้องพีถีพิถัน ใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำ อาศัยความอดทน ถือคติในการทำที่ว่า ต้องทำให้ดีกว่ารุ่นเก่า อย่าให้ด้อยกว่า” อ.เจริญ กล่าวทิ้งท้าย

______________________________________________________________________________

หลักสูตร ห่อหมกปลาช่อนหม้อดิน ตำรับพ่อบัว เจ้าดังย่านบางใหญ่

สอนโดย อ.เจริญ กลิ่นหอม

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2562

ราคา 2,140 บาท

 

สนใจติดต่อ มติชนอคาเดมี

Inbox : Facebook Matichon Academy

Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

line : @matichonacademy