ข้าวผัดซาบะตะไคร้

Recipes สูตรอาหาร

เบื่อข้าวผัดไข่ลองหันมาทำข้าวผัดปลาซาบะตะไคร้กันค่ะ

ส่วนผสม

  • ปลาซาบะ 1 ตัว
  • ตะไคร้ 2 หัว
  • พริกหวานเขียว เหลือง 1/4 ลูก
  • แครอท 1/4 หัว
  • เกลือหิมาลัย 1 1/2 ชช.
  • หญ้าหวาน 2 ชช.
  • พริกขี้หนู 5 เม็ด
  • ใบมะกรูด 2 ใบ
  • กระเทียม 5 กลีบ
  • น้ำมันหมู 2 ชต.
  • ข้าวกล้องสุก 1 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ผัดกระเทียม พริกพอหอม ใส่พริกหวาน ปลาซาบะ 1/2 ตัว ผัดจนปลาสุก ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำซุป หญ้าหวาน
  2. นำข้าวลงผัด ชิมรส ใส่ตะไคร้ซอยผัดจนหอม ตักเสิร์ฟ โรยใบมะกรูดหั่นฝอย ผักชีและปลาซาบะอบ

ที่มา : แม่บ้าน

ห่อหมกปลาสมุนไพร

Recipes สูตรอาหาร

ส่วนผสม

  • ปลานิล 5 ชิ้น
  • หอมแดง 10 หัว
  • ตะไคร้ 3 หัว
  • ใบมะกรูด 7 ใบ
  • ใบแมงลัก 1 กำ
  • เกลือหิมาลัย 2 ชช.
  • หญ้าหวาน 2 ชช.
  • ข้าวกล้องคั่ว 1 กำ
  • ใบตอง
  • พริกขี้หนู 10 เม็ด
  • ขมิ้นชันหัวเล็ก 6 หัว

วิธีทำ

  1. โขลกพริก หอมแดง ตะไคร้ ข้าวกล้องคั่ว ขมิ้น เกลือ เติมน้ำหญ้าหวาน
  2. นำปลาลงคลุก ใส่ใบมะกรูด ใบแมงลักคลุกให้เข้ากัน
  3. ตักใส่ใบตองห่อและนำไปนึ่งในลังถึงจนปลาสุกกลิ่นหอม

ที่มา : แม่บ้าน

กะพงผัดสามรส : อาหารสุขภาพ

ที่มา : แม่บ้าน

ส่วนผสม

  • ปลากะพง 1 ชิ้น
  • มะเขือเทศ 2 ลูก
  • พริกหวานสามสี ตามชอบ
  • ไข่เป็ด 1 ฟอง
  • ผงลูกเดือยกล้อง
  • เกลือหิมาลัย 1 ชช.
  • น้ำหญ้าหวาน 4 ชช.
  • ต้นหอม 2 ต้น
  • พริกไทย 5 เม็ด
  • งาม่อน 1 ชช.
  • กระเทียมสับ 5 กลีบ
  • พริก 7 เม็ด
  • น้ำมันหมู 2 ชต.

วิธีทำ

  1. ปลากะพงคลุกด้วยงาม่อน พริกไทย ผงลูกเดือย ชุบไข่ทอดจนสุก
  2. ผัดกระเทียม พริกพอหอมใส่มะเขือเทศพอสุก ใส่พริกหวานสามสี
  3. ปรุงรสด้วยน้ำซุป เกลือ หญ้าหวาน ชิมรสเปรี้ยวนำ หวานตามและนัว ผัดจนงวดตักราดปลา

ปลากระเทียม เมนูง่ายๆ จานเดียวจบ

ส่วนผสมปลากระเทียม

  • ปลานิลหั่นลูกเต๋า
  • กระเทียม
  • พริกไทย
  • เกลือหิมาลัย
  • งาม่อน
  • น้ำมันหมู

วิธีทำ

  1. หมักปลาเกลือพริกไทยงาม่อน
  2. ทอดในน้ำมันจนเหลืองพักไว้
  3. ตั้งน้ำมันทอดกระเทียมจนเหลือง แล้วนำมาราดปลา

ที่มา : แม่บ้าน

ปลาทูต้มกะทิแกงเผ็ด

Recipes สูตรอาหาร

อาหารเที่ยง หอมเครื่องแกง ปลาทูหอมเต็มคำ

ส่วนผสม

  • ปลาทู 3 เข่ง
  • กะทิ 1/2 กิโลกรัม
  • กระชาย 1 กำ
  • น้ำมันมะกอก 2 ชต.
  • พริกแดง 10 เม็ด
  • ข่า 1/2 แว่น
  • หอมแดง 5 หัว
  • กระเทียม 10 กลีบ
  • เกลือหิมาลัย 1 ชต.
  • หญ้าหวาน 4 ชช.
  • ตะไคร้ 3 หัว

วิธีทำ

  1. ทอดปลาทูพักไว้
  2. โขลกพริก กระเทียม ข่า หอมแดง ตะไคร้ ใส่เกลือพักไว้
  3. ผัดข้อ 2 จนหอม เติมหัวกะทิต้มจนเดือด ปรุงรสน้ำหญ้าหวาน ใส่ปลาทูต้มจนเข้าเนื้อ ใส่กระชายหั่น

ที่มา : แม่บ้าน

หมูโสร่ง เมนูอาหารว่างไทยโบราณที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ในสมัยก่อนอาจจะหากินยาก แต่ตอนนี้เราสามารถทำกินเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน เพียงแค่เตรียมหมูบดปรุงรส ปั้นเป็นก้อนชิ้นพอดีคำ พันด้วยเส้นบะหมี่ แล้วนำไปทอดจนสุกเหลือง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ทำง่ายขนาดนี้ก็ไปจดสูตรกันได้เลยจ้า

ส่วนผสม

เส้นบะหมี่200 กรัม
เนื้อหมูบด1 ถ้วยตวง
รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกละเอียด2 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ

  1. ผสมหมูบดกับเครื่องที่โขลกไว้ เติมซีอิ๊ว ขาว แป้งข้าวโพด นวดให้เข้ากันและเหนียว
  2. ปั้นส่วนผสมข้อที่ 1 ให้เป็นก้อนกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร เตรียมไว้
  3. ใช้เส้นบะหมี่ 2-3 เส้น พันหมูจนมิด
  4. นำไปทอดในน้ำมันพืชร้อนไฟปานกลางจนสุกเหลือง จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

ส่วนผสมน้ำจิ้ม

น้ำส้มสายชู1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย3/4 ถ้วยตวง
เกลือป่นหยาบ2 ช้อนชา
พริกชีฟ้าสีแดง1 เม็ด
กระเทียมไทยปอกเปลือก

ที่มา : แม่บ้าน

วิธีทำ

  1. ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือป่น นำขึ้นตั้งไฟประมาณ 5 นาที ยกลงพักไว้ให้เย็น
  2. ใส่พริกชี้ฟ้ากับกระเทียมที่โขลกละเอียดแล้ว ผสมให้เข้ากัน

ระหว่างที่รอให้รัฐบาลประกาศยกเลิกกักตัวอยู่บ้าน ซึ่งคิดว่าคงกินระยะเวลาอีกหลายเดือน คนที่กำลังจะเซ็งกับชีวิตที่ไม่ได้ออกไปไหน ก็อย่าเพิ่งเซ็งนะจ๊ะ มีอะไรดีๆ ให้ทำเยอะแยะ อย่างวันนี้มาทำกับข้าวกินกันในบ้านอีกเมนูหนึ่ง ง่ายๆ แต่อร่อยเหลือเชื่อ คือ “ปลาหมึกยัดไส้ทอดกระเทียม” เป็นเมนูที่ใครๆ ก็กินได้ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น ชอบกันนัก โดยเฉพาะเคี้ยวเนื้อปลาหมึกกับกระเทียมที่ทอดจนเหลืองกรอบ นอกจากความอร่อยแล้วยังเป็นยาไปในตัวด้วย

ก่อนอื่นมาดูส่วนผสมของเมนูนี้กันก่อน เริ่มตั้งแต่เลือกซื้อ ปลาหมึก 8 ตัว น้ำหนักประมาณ 500 กรัม  หมูสับ 250 กรัม  ต้นหอม 1 ต้น  รากผักชี 1 ราก  กระเทียมกลีบเล็ก 4 ช้อนโต๊ะ  พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา  น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา  น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ  น้ำปลา 2 ช้อนชา  เกลือ 2 ช้อนชา  และน้ำมันพืชสำหรับทอด

เมื่อได้วัตถุดิบตามต้องการแล้ว มาถึงขั้นตอนการทำเริ่มด้วยการโขลกกระเทียม โขลกแล้วแบ่งกระเทียมออกมา 1 ช้อนโต๊ะเก็บไว้ แล้วสับรากผักชีให้ละเอียด ซอยต้นหอมให้ละเอียด พักไว้ก่อน จากนั้นนำกระเทียมที่โขลกไว้ ต้นหอมซอย รากผักชี มาหมักรวมกับหมูสับใส่เครื่องปรุง ได้แก่ น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย พริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน

นำหมูสับที่หมักไว้ยัดใส่ลงในตัวปลาหมึก จากนั้นตั้งน้ำมันให้ร้อน นำปลาหมึกลงทอดให้สุกและให้สะเด็ดน้ำมัน จึงนำกระเทียมโขลกที่เก็บไว้ส่วนหนึ่งหมักเกลือไว้ แล้วนำลงทอดให้เหลืองกรอบ เวลาจัดเสิร์ฟให้โรยกระเทียมที่ทอดนี้ไว้บนตัวปลาหมึก เป็นอันเสร็จ รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ รับรองใครๆ ก็ติดใจ

ภาพจาก : wongnai

เคล็ดลับในการเลือกซื้อปลาหมึก

ให้ดูตัวที่ตาใส ไม่ขุ่น เห็นตาดำด้านในอย่างชัดเจน หัวและลำตัวของปลาหมึกต้องติดกันแน่น และดึงออกจากกันได้ยาก เมื่อกดดูเนื้อต้องแน่นไม่เละ หนวดปลาหมึกแข็งไม่เปื่อยยุ่ย เยื่อหุ้มปลาหมึกไม่หลุดลุ่ย ต้องมีกลิ่นคาวธรรมชาติไม่เหม็นเน่า ถุงน้ำหมึกต้องไม่แตกหรือฉีกขาด และก่อนทำอาหารให้นำปลาหมึกไปล้างในน้ำเปล่าผสมน้ำมะนาว จะช่วยดับกลิ่นคาวได้ดีขึ้น

วุ้นเส้นอบอินเตอร์

Recipes สูตรอาหาร

วุ้นเส้นอบอินเตอร์ เมนูที่ประยุกต์มาจากกุ้งอบวุ้นเส้น เพิ่มความอินเตอร์ด้วยเบคอนและไส้กรอก น้ำมันจากเบคอนผสมผสานกับเครื่องอบวุ้นเส้น ยิ่งช่วยเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมและกลิ่นหอมยิ่งขึ้น

ส่วนผสม

ไส้กรอกชิกเก้นแฟรงค์หั่นชิ้น150 กรัม
วุ้นเส้น แช่น้ำพอนุ่ม150 กรัม
ขิงแก่หั่นแว่น5 แว่น
เบคอนหั่นชิ้น50 กรัม
กระเทียมทุบพอแตก10 กลีบ
รากผักชีทุบพอแตก4 ราก
ต้นหอมหั่นท่อน2 ต้น
น้ำมันพืช2 ช้อนโต๊ะ
ซอสเห็ดหอม2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา2 ช้อนชา
พริกไทยดำบดหยาบ1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย1 1/2 ช้อนชา
น้ำซุป1/2 ถ้วยตวง
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน1 ต้น

วิธีทำ

  1. ผสมซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา น้ำมันพืช น้ำตาลทราย พริกไทยดำบด และน้ำซุปคนให้เข้ากัน
  2. ใส่วุ้นเส้น ลงคลุกเคล้าพอเข้ากันเตรียมไว้
  3. เรียงเบคอน กระเทียม ขิงแก่ รากผักชี ต้นหอม และไส้กรอกลงในภาชนะตามด้วยส่วนผสมในข้อที่ 2
  4. ปิดฝาภาชนะ ยกขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที เปิดฝาใส่ขึ้นฉ่าย ปิดฝาอบต่ออีกสักครู่ ตักใส่จานจัดเสิร์ฟ

Cooking Tip

  • การเลือกซื้อน้ำมันงา ต้องเลือกที่ใส มีกลิ่นหอม ไม่เหม็นหืน
  • คุณสามารถเพิ่มเติมผัก เช่น แคร์รอต ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง หรือเปลี่ยนเนื้อสัตว์เป็นชนิดอื่น เช่น กุ้ง ไก่ หอย ปลา เนื้อวัวสไลซ์ ได้ตามที่คุณชื่นชอบ

ที่มา : แม่บ้าน

ต้องยกนิ้วให้ จากวัตถุดิบบ้านๆ มาเป็น ขนมกล้วยเวียดนาม ราดกะทิหอมหวาน

ในบรรดาขนมใส่กะทิต่างๆ นั้น ฉันขอยกนิ้วให้กับชาวเวียดนาม ด้วยความคิดสร้างสรรค์เสกขนมสารพัดชนิดจากวัตถุดิบบ้านๆ ธรรมดาๆ มาเป็นขนมอร่อยๆ และหอมหวานกะทิ  ฉันได้ของฝากเป็นกล้วยน้ำว้าอินทรีย์จากบ้านทุ่งเทิง จ.เลย ก็เลยนำมาแปรรูปเป็นของหวานที่ทำไม่ยากนัก  วันนี้ฉันจะทำขนมกล้วยนึ่งราดกะทิ ที่มีชื่อว่า บั๊นจ๋วยฮับเนื้อกก๊กเหยื่อ  Bánh Chuối hấp nước Cốt Dừa  ถ้าเรียกสั้นๆ ก็เรียกว่า บั๊นจ๋วยฮับ Bánh Chuối hấp แปลว่า ขนมกล้วยนึ่ง

ส่วนผสมจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ตัวขนมกล้วย ได้แก่ กล้วย 10-12 ผล แล้วแต่ว่าจะผลเล็กหรือใหญ่ แป้งมันสำปะหลัง 350 กรัม แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม น้ำตาลทราย 100 กรัม ฉันใช้น้ำตาลทรายแดง น้ำ 380 มิลลิลิตร วานิลลา และสีผสมอาหารสีเหลือง บางสูตรจะใส่แต่แป้งมันสำปะหลังอย่างเดียว ขนมจะใสและเหนียวหนึบ ก็แล้วแต่ความชอบค่ะ

อีกส่วนคือ น้ำกะทิ ฉันว่าขนมจะอร่อยถ้าราดกะทิชุ่มๆ ใส่ไปเลยค่ะ หัวกะทิ 1 กิโลกรัม ถ้าชอบกะทิมากๆ หรือถ้าเอาแบบปกติ ½ กิโลกรัมก็พอ น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ สาคูเม็ดเล็ก 10 กรัม ฉันใช้สาคูแท้ๆ จากสาคูต้น ไม่ใช่สาคูที่ทำจากแป้งมันสำปะหลัง ใครไม่มีก็ใช้สาคูทั่วไปก็ได้ แต่แช่น้ำให้พองเสียก่อน และงาขาวคั่ว ตามชอบใจ

วิธีทำ เริ่มจากผสมแป้ง น้ำตาล และน้ำ คนให้ละลาย หยดวานิลลาและสีผสมอาหารลงไป 2-3 หยด เพื่อแต่งกลิ่นแต่งสี คนให้เข้ากัน หั่นกล้วยเป็นแว่นๆ ใส่ลงไป คลุกเคล้าเบาๆ ให้เข้ากันดี นำถาดมาทาน้ำมันแล้วตักส่วนผสมใส่ลงไป นำไปนึ่งให้สุกใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่ขนาดและความหนาของถาดขนม เช็กสุกโดยเอาไม้จิ้มฟันจิ้มดู ถ้าขนมเป็นตัวไม่เปียกติดไม้จิ้มฟันก็แสดงว่าสุกแล้ว ให้ยกขึ้นมาผึ่งลมให้เย็นสนิท ก่อนจะตัดเป็นชิ้นๆ ขนมจะเหนียวหนึบติดมีดติดเขียง ให้เอาน้ำมันทาเสียก่อนจะได้ไม่ติดมาก ชาวเวียดนามนิยมตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด

ระหว่างที่รอให้ตัวขนมกล้วยเย็น ก็มาทำน้ำกะทิกันค่ะ เอาหัวกะทิตั้งไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลและเกลือลงไปคนให้ละลาย เมื่อกะทิร้อนดีแล้วก็โรยสาคูลงไป คนเบาๆ เพื่อไม่ให้สาคูติดกันเป็นก้อน ฉันใช้สาคูแท้จะมีสาคูที่แตกเป็นผงด้วยก็จะทำให้น้ำกะทิข้นกำลังดี ถ้าคุณทำแล้วไม่ข้นจะเติมแป้งข้าวเจ้าละลายน้ำลงไปนิดหน่อยก็ได้ค่ะ กะทิไม่ต้องต้มนานแค่ร้อนเกือบเดือดและสาคูสุกก็พอ

จัดขนมใส่จาน ราดกะทิ โรยด้วยงาขาวคั่ว หรือใครชอบถั่วลิสงจะเอาถั่วลิสงคั่วบุบให้แตก มาโรยผสมกันกับงาขาวคั่ว ก็จะอร่อยไปอีกแบบค่ะ

ส่วนผสม ขนมกล้วยเวียดนาม
ขั้นตอนนึ่งกล้วย

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

ผู้เขียน : นันทนา ปรมานุศิษฏ์

ผมมารู้จัก “น้ำพริกอ่อง” แบบดั้งเดิมของชาวเมืองเหนือเมื่อโตเป็นวัยรุ่นแล้ว หมายถึงน้ำพริกที่ปรุงโดยเอาเนื้อหมูติดมันสับหยาบๆ ผัดกับเครื่องพริกแห้งเม็ดใหญ่ตำจนมีน้ำมันสีแดงเข้มขลุกขลิกลอยหน้า หอมกลิ่นถั่วเน่าแข็บเค็มๆ เปรี้ยวกลมด้วยมะเขือส้ม โรยต้นหอมผักชี จ้ำข้าวเหนียวกินกับผักสด แคบหมู แบบนั้นน่ะครับ

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีผู้รอบรู้เรื่องอาหาร เขียนไว้ในหนังสือน้ำพริกของท่านว่า ที่จริงน้ำพริกนี้ควรเรียก “น้ำพริกอ่อม” ท่านบอกว่า “อาศัยความละม้ายคล้ายคลึงระหว่างน้ำพริกครกนี้กับแกงอ่อม ผมจึงตัดสินใจเรียกว่าน้ำพริกอ่อมตลอดมา..”

ความเหนือชั้นของน้ำพริกอ่องนั้น ผมคิดว่าอยู่ที่ มะเขือส้ม มันเป็นมะเขือเทศลูกเล็ก รสเปรี้ยวจัดอมหวานนิดๆ เมื่อใส่มากๆ จะคุมรสเปรี้ยวรสหวานในน้ำพริกอ่องได้แบบไม่ต้องเพิ่มมะขามเปียกหรือน้ำตาลอ้อยเลย และดังที่วงการโภชนาการสมัยใหม่ทราบดีว่ามะเขือเทศมี ไลโคปีน (lycopene) สูงมาก มันจึงช่วยสนับสนุนให้ร่างกายสร้างสภาวะต่อต้านสารอนุมูลอิสระอันเป็นโทษแก่สุขภาพได้ดีขึ้น

ผมคิดของผมมานานแล้วว่า น้ำพริกอ่องนี้ช่างละม้ายซอสเนื้อแบบยุโรปหลายสำรับ เป็นต้นว่า ซอสโบโลเนส (Bolognese Sauce) ทั้งสีสัน วัตถุดิบ และวิธีปรุง จึงได้แอบคิดเสมอมาว่า ถ้าเอาน้ำพริกอ่องมาราดพาสต้าเส้นเล็กๆ กิน ก็ควรอร่อยแน่ พอดีกับไปได้มะเขือส้มทั้งแบบดิบ (เปรี้ยวมาก) และสุก (เปรี้ยวอมหวาน) มาจากรถพุ่มพวงในหมู่บ้าน เลยจะขอลองปรับระดับ ขยับสูตรน้ำพริกอ่องกระทะนี้ให้ออกแนว “อินเตอร์” สักหน่อย

ต้มเส้นสปาเกตตีเตรียมไว้เลยครับ หากใครชอบเส้นอื่นๆ คล้ายๆ กัน ก็เลือกได้ เช่น จานนี้ผมใช้หมี่ไข่แบบอิสลาม เส้นจะออกแนวนุ่มๆ เหนียวๆ ละมุนๆ หน่อย

“ซอสเนื้ออ่อง” นี้ ผมยังยืนพื้นอยู่ที่วิธีการของน้ำพริกอ่อง แต่ขอใช้เนื้อวัวแทนเนื้อหมู ดังนั้นก็หาเนื้อวัวสับมาเตรียมไว้ครับ เครื่องน้ำพริกใช้พริกแกงส้มแบบภาคกลางก็ได้ ด้วยว่ามันมีส่วนผสมของพริกแห้งเม็ดใหญ่และหอมแดงเป็นหลักอยู่แล้ว เราแค่ปอกกระเทียม หอมแดง เพิ่มถั่วเน่าแข็บปิ้งไฟจนกรอบหอม ตำสามอย่างนี้รวมกับน้ำพริกในครกใบใหญ่

จากนั้น ใส่เนื้อสับลงไปตำ ตามด้วยมะเขือส้ม เอาสากบุบๆ ให้แตก ตำเคล้าจนเข้ากันดี ไม่ต้องให้มะเขือส้มแหลกละเอียดมากนักหรอกนะครับ

อีกอย่างที่ต้องใช้ เพื่อให้มีกลิ่นอายแบบซอสเนื้อ คือ มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) ครับ

ใบผักโรย ผมตั้งใจใช้หอมเบี้ย หรือผักสะแงะ มันเป็นผักชีแบบหนึ่งที่คนเหนือกินสดหรือใส่แกง ก็หมายจะให้มีกลิ่น “เมืองๆ” น่ะครับ ทั้งหมดนี้คือความพยายามสถาปนา “ความเป็นอื่น” ให้เกิดลักษณะเฉพาะขึ้นสำหรับจานนี้นั่นแหละครับ

เริ่มปรุงกันแบบง่ายๆ โดยเทน้ำมันหมูลงกระทะ หรือถ้าจะให้ซับซ้อนแบบที่ผมทำ ก็คือเจียวมันหมูขาวจนได้น้ำมันหมูใสๆ แล้วตักเอากากหมูขึ้นไว้ก่อน

ใส่เครื่องพริกตำเนื้อสับของเรา ผัดคั่วไฟกลางไปเรื่อยๆ เติมมะเขือเทศเข้มข้น เด็ดผักสะแงะใส่ไปด้วย ติ๊ต่างว่าเป็นผักชีฝรั่ง (Parsley) แล้วชิมดูว่าขาดรสอะไรไป หากว่าอ่อนเปรี้ยว เค็ม หวาน ก็เติมน้ำมะขามเปียกหรือน้ำส้มสายชูหมักตามที่ชอบ เกลือป่น น้ำตาลอ้อย โดยคอยเติมน้ำให้ได้ซอสข้นใสแบบที่เราต้องการ

พ้นไปจากรสซอสเนื้อมะเขือเทศแบบยุโรปที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว “ซอสเนื้ออ่อง” กระทะนี้มีรสเผ็ดหอมจากพริกแห้งเม็ดใหญ่โดดเด่นขึ้นมา ผสานรสเค็มและกลิ่นหมักแบบพื้นเมืองเหนือของถั่วเน่าแข็บ แถมความข้นเปรี้ยวของ Tomato paste ยังถูกเสริมด้วยรสเปรี้ยวแหลมของมะเขือส้มทั้งเปลือกที่เจือรสฝาดแต่เพียงเล็กน้อยด้วย

อุ่นจนข้นได้ที่ ตักราดจานเส้นแป้งที่เราโปรดปราน โรยหน้าด้วยผักสะแงะหั่นหยาบ แล้วถ้าใครทำแบบผมในขั้นตอนแรก ก็ย่อมจะมีกากหมูกรอบๆ หอมๆ โรยหน้าสลับแซมด้วยอย่างสวยงาม

การที่ผมเผลอไปนิยามว่าน้ำพริกอ่องจะ Go international ในตอนต้น อาจดูเหมือนหมิ่นแคลนรสชาติท้องถิ่นจนเกินไปครับ เพราะที่จริงแล้ว วัฒนธรรมอาหารน่ะไม่ควรมีใครอุปโลกน์ตัวเองขึ้นมาเป็นศูนย์กลางเหนือคนอื่นได้หรอก

จริงไหมล่ะ ?

ที่มาเสาร์ประชาชื่น มติชนรายวัน
ผู้เขียนกฤช เหลือลมัย