เวลาปิ้ง เฮียอ้วนใช้กรรไกรเล็มส่วนเกรียมออก

ปิ่นโตเถาเล็กไม่ค่อยได้พาแฟนๆ ไปชิมของอร่อยยามดึกสักเท่าไหร่ เนื่องจากติดภารกิจถ่ายทำรายการโทรทัศน์ทุกอาทิตย์มาตลอดหลายปี อีกทั้งยังลาวงการกินดื่มยามราตรีตั้งนานนมเนแล้ว

มาบัดนี้สถานการณ์โควิดทำให้อะไรหลายอย่างไม่เหมือนเดิม แต่ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ของอร่อยที่แต่ก่อนเคยได้กินเฉพาะช่วงมิดไนต์เที่ยวคืนก็ย้ายมาขายตอนกลางวัน พวกนอนหัวค่ำอย่างเราก็สามารถไปลิ้มลองได้แล้ว

ปิ่นโตเถาเล็กจึงมีความยินดีนำเสนอเจ้าหมูปิ้งรถเข็นธรรมดาไม่มีชื่อร้าน แต่โด่งดังในหมู่มนุษย์กลางคืน ต่างรู้จักกันดีในชื่อ หมูปิ้งเฮียอ้วน ขอบอกเลยว่าหมูปิ้งร้านนี้อร่อยที่สุดในกรุงเทพฯทีเดียว

หมูปิ้งของ เฮียอ้วน หรือ คุณพงศ์ธนัส วรรณอิทธิวิชญ์ (ชื่อเดิมกฤตมงคล จินดาศรี) เป็นขวัญใจในหมู่นักท่องราตรีมานานกว่า 30 ปี สมัยเริ่มแรกขายอยู่แถวหน้าปากซอยสีลม 4 (คนรุ่นเดียวกันกับปิ่นโตเถาเล็ก ยังจำบาร์โรมกันได้ไหมจ๊ะ) นักเที่ยวผู้หิวโหยยามดึกต่างแวะออกมากินหมูปิ้งของเฮียอ้วนอย่างเอร็ดอร่อย หนึ่งในนั้นคือเจ้านีโน่ เพื่อนของข้าพเจ้าที่เป็นขาประจำตัวยง

จากนั้นเฮียอ้วนย้ายมาปักหลักขายอยู่ที่หน้า ปากซอยคอนแวนต์ (ถนนคอนแวนต์) ถนนสีลม หน้าอาคารสีบุญเรืองเก่า (ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นโครงการใหม่ขนาดใหญ่) ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มครึ่ง ไปจนถึงตี 3 ได้รับความนิยมทั้งในหมู่พวกเราชาวไทยรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกด้วย

แต่เมื่อมีช่วงเวลาเคอร์ฟิวออกไปขายไม่ได้ เฮียอ้วนจึงหันมาเน้นขายที่หน้าบ้านใน ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 15 แทน ตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่ม ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้ก็ขายที่บ้านอยู่แล้วช่วงเช้าตอน 6 โมงถึง 10 โมงเช้า แต่ไม่ค่อยมีใครรู้

แฟนๆ คนไหนอยากลิ้มลองให้โทรสั่งล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงได้ที่เบอร์ 08-3999-6997 (เบอร์ก่อนหน้านี้ทำมือถือหาย ต่อไปจะใช้เบอร์นี้ตลอดนะจ๊ะ) หรือโทรหา น้องแบล็ก ลูกชายเฮียอ้วนได้ที่เบอร์ 08-7330-2209 โดยจะปิ้งร้อนๆ ให้เฉพาะเมื่อสั่งแล้วเท่านั้น นอกจากนี้ น้องแบล็กยังมีบริการส่งถึงบ้านให้ด้วย ถ้าไม่ไกลข้ามเมืองจนเกินไป (เช่นแถวลาดพร้าวยังไปส่งได้)

ทางไปบ้านเฮียอ้วนนั้น จากถนนสาทรใต้ เลี้ยวซ้ายที่ สี่แยกสาทร-นราธิวาส มาตามถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ประมาณ 700 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 15 ซอยนี้เป็นซอยแคบๆ มีความยาวเพียง 500 เมตร เห็นที่ว่างตรงไหนก็จอดรถริมซอยฝั่งขวาได้เลย เพราะท้ายซอยจะไม่ค่อยมีที่จอด หรือจะจอดตามซอยแยกด้านขวาก็ยังพอมีที่จอดได้บ้าง จากนั้นเดินเข้าไปจนสุดซอยจะกลายเป็นตรอกเล็กๆ สำหรับคนเดิน เข้าไปอีกไม่กี่สิบเมตรก็ถึงแล้ว รถเข็นของเฮียอ้วนจะอยู่ฝั่งซ้ายตรงสี่แยกคนเดินแรกเลย ตามกลิ่นหมูปิ้งหอมๆ ไปเดี๋ยวก็หาเจอ

หมูปิ้งมีขายอยู่ถมถืดทั่วไป บ้างก็หมักนมสด บ้างก็หมักกะทิ บ้างก็ใช้หมูติดมันเยอะๆ แต่หมูปิ้งของเฮียอ้วนมีจุดเด่นตรงที่มีมันแทรกพองาม เนื่องจากใช้ส่วนสันคอนุ่มๆ ซึ่งต้องเลาะมันออกไปมหาศาล เนื้อสันคอ 10 กิโลกรัม เลาะมันไป 1 กิโลกรัม จึงกินเท่าไหร่ก็ไม่เลี่ยน แถมเนื้อสันคอนั้นทั้งนุ่มและเด้งหนึบในตัว กินอร่อยมาก

เฮียอ้วนใช้หมูสดทำวันต่อวัน โดยภรรยาของเฮียอ้วนตื่นขึ้นมาตอนตี 5 เสียบไม้เนื้อหมูที่หมักไว้แล้ว และหมักเครื่องเนื้อหมูของวันใหม่ตอน 8 โมงเช้า เป็นสูตรลับประจำบ้าน ผมปะเหลาะถามมาได้คร่าวๆ มีทั้งกระเทียม (ไทย) พริกไทย รากผักชี ซีอิ๊วขาวและซีอิ๊วดำ แต่ไม่ใส่ผงปรุงรสชูรสใดๆ เลย จากนั้นเอาใส่ถุงแช่ถังน้ำแข็งไว้ 1 คืน (หรืออย่างน้อย 6 ชั่วโมง) มิน่าล่ะหมูปิ้งเฮียอ้วนเมื่อปิ้งบนเตาถ่านแล้ว จึงมีความหอมรสชาติเข้าเนื้อเป็นยิ่งนัก ไม่เค็มเกินไปไม่หวานเกินไป และเวลาปิ้ง เฮียอ้วนจะพิถีพิถันคอยใช้กรรไกรเล็มส่วนที่ไหม้เกรียมออกให้อีกด้วย

ส่วน น้ำจิ้ม นั้นก็เด็ดเช่นกัน มีรสเปรี้ยวหอมจากมะขามเปียก แต่ไม่เปรี้ยวไม่หวานไม่เผ็ดไม่เค็มจนเกินไป เรียกได้ว่ากลมกล่อมกำลังดี กินกับข้าวเหนียวนุ่มๆ (เฮียอ้วนบอกว่าต้องใช้ข้าวเหนียวทางเหนือจึงจะนุ่มกว่า) กินเพลินหยุดไม่ได้จริงๆ สนนราคาหมูปิ้งไม้ละ 12 บาท ข้าวเหนียวถุงละ 5 บาท เฮียอ้วนบอกว่าเริ่มจากชายไม้ละ 3 บาท กลายเป็น 5-10 และ 12 บาทในปัจจุบัน

น้ำจิ้มใส่มะขามเปียกรสเปรี้ยวอมหวานเด็ดมาก

มีเคล็ดลับมาฝาก คือ เมื่อซื้อมาแล้วต้องกินหมูปิ้งตอนร้อนๆ อย่าปล่อยให้ตากลมทิ้งไว้บนจานเป็นอันขาด ยิ่งไปกินหน้าร้านตอนปิ้งเสร็จใหม่ๆ ยิ่งดี เพราะเฮียอ้วนเลาะมันออกไปเยอะ ถ้าปล่อยจนเย็นชืดเนื้อหมูจะแข็งขึ้นเป็นกอง (หรืออุ่นร้อนก่อนอีกครั้งก็ได้) ลองชิมดูแล้วจะรู้ว่ากินตอนร้อนๆ อร่อยเหาะขึ้นสวรรค์จริงๆ จิ้มน้ำจิ้มชุ่มโชกยิ่งเด็ด

แต่ละวันเฮียอ้วน (ความจริงต้องเรียกน้องอ้วนเพราะอ่อนกว่าปิ่นโตเถาเล็กหลายปี) จะทำไม่มาก วันละ 700-800 ไม้เท่านั้น ดังนั้น อย่าลืมโทรไปจองล่วงหน้า เฮียอ้วนรับไปออกงานด้วย สนใจติดต่อตามเบอร์ที่บอกไป และร้านที่เฮียอ้วนทำเองคือที่ในซอยนราธิวาสฯ 15 กับที่หน้าปากซอยคอนแวนต์เท่านั้นนะจ๊ะ ย้ำอีกทีว่า ช่วงนี้ขายที่บ้านเท่านั้นตอน 6 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม ถ้าไม่มีเคอร์ฟิวเมื่อไหร่ก็จะกลับไปขายเวลาเดิม คือที่บ้านตอน 6 โมงเช้า ถึง 10 โมงเช้า ส่วนที่สีลมขายตอนกลางคืน 4 ทุ่มครึ่ง ถึงตี 3

เป็นโอกาสอันดีที่มนุษย์กลางวันอย่างพวกเราจะได้ลิ้มลอง จะได้รู้ซึ้งว่าทำไมหมูปิ้งเฮียอ้วนจึงเป็นขวัญใจของดารา (เช่นน้องแพนเค้ก น้องกิ๊บซี่) เชฟก้องโลกและนักชิม (อย่างเชฟกากั้น และน้องแทน I Tan) กันขนาดนี้ อ่านจบแล้วรีบโทรสั่งแล้วไปชิมกันได้เลยนะจ๊ะ

หมูปิ้งเฮียอ้วน

โดย คุณพงศ์ธนัส (เฮียอ้วน) วรรณอิทธิวิชญ์

ที่ตั้ง หน้าบ้าน 119/37 ซอยนราธิวาสฯ 15 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ทุ่งมหาเมฆ สาทร กรุงเทพฯ 10120

ถ้าไม่มีเคอร์ฟิว จะขายที่รถเข็นปากซอยคอนแวนต์ ถนนสีลม สีลม บางรัก กรุงเทพฯ 10500

โทร 08-3999-6997 (เฮียอ้วน) และ 08-7330-2209 (น้องแบล็ก)

เปิดบริการ ช่วงนี้ขายที่บ้าน 06.00-21.00 น. ทุกวัน

ถ้าไม่มีเคอร์ฟิว จะกลับไปขายที่ปากซอยคอนแวนต์ 22.30-03.00 น. และต่อด้วยที่บ้าน 06.00-10.00 น. ทุกวัน

แนะนำ หมูปิ้ง

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
กุ้งทอดเกลือตัวละครึ่งกิโล

ถ้าอยากลิ้มลองกุ้งแม่น้ำเผาต้องไปอยุธยา แต่ถ้าอยากชิมกุ้งแม่น้ำทอดเกลือแล้วล่ะก็ ใครๆ ต้องนึกถึง กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ในตำนานที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี แน่นอน

ร้านดังในบางปลาม้า หนีไม่พ้น 2 ร้านขึ้นชื่อ นั่นก็คือ ร้านกุ่ยหมง และ ร้านแม่บ๊วย แต่ก่อนทั้ง 2 ร้านเป็นห้องแถวไม้อยู่ริมแม่น้ำสุพรรณบุรีหรือแม่น้ำท่าจีน ต่อมามีการทำเขื่อนริมน้ำ ไม่มีที่จอดรถ ก็เลยย้ายมาอยู่ปากทางแยกเข้าบางปลาม้าเสียเลย

ซึ่งคุณชายถนัดศรีคุ้นเคยกับเจ้าของร้านทั้งสองนี้มาตั้งแต่สมัยยังหนุ่มยังแน่น อีกทั้งย่าของผมก็เป็นคนสุพรรณฯ และลุงของผม คุณเฉลิม สุวรรณเนตร ก็เคยเป็นนายอำเภอบางปลาม้าด้วย ผมจึงโชคดีได้ตามพ่อไปชิมบ่อยๆ ในครั้งกระโน้น

ร้านที่ถือเป็นเจ้าตำนานกุ้งแม่น้ำทอดเกลือหรือเรียกสั้นๆ ว่ากุ้งทอดเกลือ คือ ร้านกุ่ยหมง ความโดดเด่นของกุ่ยหมงอยู่ที่มีกุ้งแม่น้ำทอดเกลือให้เลือกหลายไซซ์หลายขนาด ตั้งแต่ขนาดย่อมไปถึงไซซ์ยักษ์มหึมา นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนใฝ่ฝันที่จะมาชิมสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่กุ่ยหมงให้จงได้ สมควรแก่การพาแฟนๆ มาทบทวนความอร่อยกันอีกครั้ง

ทางไปบางปลาม้าเดี๋ยวนี้แสนสะดวกสบาย ไปตามทางหลวง 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว ทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าบางปลาม้าอยู่ก่อนถึงตัวจังหวัดสุพรรณฯ 10 กม. มีป้ายบอกชัดเจน เข้าไปไม่กี่สิบเมตรก็จะเห็นร้านกุ่ยหมงทางด้านขวา (และร้านแม่บ๊วยด้านซ้ายมือ) จอดรถได้ตามสบายทั้งสองฝั่ง

เจ้าของร้านกุ่ยหมง คุณศุภชัย หรือคุณเอี้ยง ในวัย 71 ปี ยังขยันขันแข็งเหมือนเดิม ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง คุณเอี้ยงคือลูกคนที่ 6 ของเตี่ย ผู้ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้านและเป็นเจ้าของร้านรุ่นแรก (เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2466) เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า สมัยก่อนคุณชายถนัดศรีมากับคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ และคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ เจ้าของนิตยสาร “ฟ้าเมืองไทย” รายสัปดาห์ในยุคนั้น (คอลัมน์เชลล์ชวนชิมในอดีตก็อยู่ในนิตยสารฟ้าเมืองไทยนี้เอง)

ทุกวันนี้คุณเอี้ยงยังดูแลร้านอยู่ตลอด มีภรรยาชื่อ คุณเนียร ว่าการอยู่ในครัว อีกทั้งลูกสาวชื่อน้องวิว คอยต้อนรับลูกค้าข้างหน้าร้าน

ใครมากุ่ยหมงแล้วไม่ได้กิน กุ้งทอดเกลือ เหมือนมาไม่ถึงร้านนี้ กุ้งแม่น้ำธรรมชาติตัวโตๆ ส่งมาจากสุราษฎร์ธานี อย่างที่บอกไว้ว่ากุ่ยหมงขึ้นชื่อเรื่องกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ไซซ์โต มีให้เลือก 6 ขนาด ขายเป็นตัวๆ มีตั้งแต่ขนาด 2 ขีด หรือ 5 ตัวต่อกิโล (มีเป็นบางวัน) สนนราคาตัวละ 600 บาท และขนาด 2 ขีดครึ่ง หรือ 4 ตัวต่อกิโล ตัวละ 800 บาท ขนาด 3 ขีดครึ่ง หรือ 3 ตัวต่อกิโล ตัวละ 1,000 บาท ขนาด 5 ขีด หรือครึ่งกิโล ตัวละ 1,200 บาท รวมไปถึงไซซ์ใหญ่มหึมา ขนาด 6 ขีดครึ่ง ตัวละ 1,500 บาท และขนาด 8 ขีด ตัวละ 2,000 บาท ซึ่งขนาดมหึมาใหญ่คับจานอย่างนี้ควรโทรมาจองไว้ล่วงหน้าด้วย

เราสั่งมาทั้งตัวใหญ่สุดหนัก 8 ขีด แบ่งกันกินได้ 3 คนสบายๆ และตัวละครึ่งกิโลก็แบ่งได้ 2 คน ส่วนขนาดที่กินคนเดียวกำลังดีคือขนาด 3-4 ตัวต่อกิโล (800-1,000 บาท) กุ้งทอดเกลือกลิ่นหอมๆ เนื้อสดหวานเต็มคำ เนื้อแน่นจนต้องใช้มีดหั่น รสชาติหอมๆ มันๆ เค็มๆ นิดๆ มันกุ้งเต็มหัวเอามาคลุกข้าว ทีเด็ดอยู่ที่น้ำมันด้วยเพราะมีมันกุ้งผสมอยู่ในน้ำมันอีกต่างหาก อร่อยล้นเหลือ คุณเอี้ยงบอกว่าต้องใช้มันกุ้งแม่น้ำเพิ่มต่างหากหล่อกระทะก่อน พอร้อนแล้วค่อยใส่กุ้งแม่น้ำลงไป มันกุ้งในหัวก็จะออกมาผสมอีกด้วย อีกอย่างที่เหมาะสำหรับกินคู่กันคือ ผักกาดขาวผัดก้ามกุ้ง (200 บาท) รสชาตินุ่มนวลมาก หรือจะเปลี่ยนเป็นผักคะน้าก็ได้

มาบางปลาม้าก็ต้องกินปลาม้า มากุ่ยหมงต้องสั่ง ปลาม้านึ่งมะนาวกระเทียมโทน (ชิ้นละ 300 บาท) หอมมะนาวสดชื่นรสจัดแบบกลมกล่อม เนื้อปลาม้าหั่นเป็นชิ้นโตๆ เบ้อเริ่ม ไม่โตได้อย่างไร อยากรู้ปลาม้าตัวโตแค่ไหนให้ดูรูปที่ติดฝาผนังได้เลย กระเทียมโทนเคี้ยวมันๆ หอมๆ แต่ไม่เผ็ดเหมือนกระเทียมทั่วๆ ไป เฮียเอี้ยงซื้อกระเทียมโทนเป็นกระสอบๆ มาตุนไว้ ส่วนของน้ำๆ ต้องสั่ง ต้มยำปลาม้า (300 บาท) รสจัดแบบพื้นบ้าน ใส่ผักชีฝรั่งและพริกขี้หนูลอยฟ่องเต็มหน้า

คุณเอี้ยง เจ้าของกุ่ยหมง
กุ้งทอดเกลือมหึมาแปดขีด
ปลาม้านึ่งมะนาวกระเทียมโทน

และที่ห้ามพลาดอีกอย่างคือ เนื้อปลากรายผัดกะเพรากระเทียมโทน (200 บาท) รสนุ่มนวลมาก เนื้อปลากรายเป็นชิ้นเล็กๆ แน่นมากเหมือนเนื้ออกไก่แต่อร่อยกว่ามากมาย คนชอบกินกบให้สั่ง กบผัดกะเพรากระเทียมโทน (200 บาท) แทน หรือจะสั่ง เชิงปลากรายทอดกระเทียมพริกไทย (200 บาท) เชิงปลากรายชิ้นโตๆ แทะมันๆ ถึงใจ อีกทั้ง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย (200 บาท) ตัวเล็กๆ กรอบๆ กินได้ทั้งตัว ปิดท้ายด้วยเมนูง่ายๆ ที่อร่อยจนคาดไม่ถึง หมูผัดซีอิ๊ว (200 บาท) เนื้อหมูนุ่ม หอมซีอิ๊ว รสชาติเหมือนที่เคยกินที่บ้านสมัยเด็กๆ เลย

ร้านกุ่ยหมงเพิ่งกลับมาเปิดให้นั่งกินที่ร้านได้เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง ขอเชิญมาลิ้มลองกุ้งทอดเกลือในตำนานกันอีกครั้งได้ทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงครึ่งไปจนถึงบ่าย 3 โมง ถึงแม้ตัวร้านจะใหญ่โต แต่ด้านในร้านมีเพียง 11 โต๊ะ จุได้ประมาณ 70 คนเท่านั้น ถ้ามาเสาร์-อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ ควรโทรมาจองโต๊ะก่อน อีกทั้งถ้าอยากได้กุ้งขนาดใหญ่มากๆ ควรจองไว้ด้วยเช่นกัน ที่เบอร์ 035-587-256 และ 09-7159-4246 โดยเสาร์-อาทิตย์จะตั้งโต๊ะเพิ่มที่ลานในร่มหน้าร้านได้อีก 10 โต๊ะ

อีกอย่างที่ต้องรีบบอกก็คือร้านกุ่ยหมงรับแต่เงินสดกับโอนเงินเท่านั้น อย่าลืมพกสตางค์มาให้พอด้วยนะจ๊ะ

กุ่ยหมง

โดย คุณศุภชัย (เอี้ยง) วทาทิยาภรณ์

ที่ตั้ง 328/5 หมู่ 5 ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี 72150

โทร 0-3558-7256, 09-7159-4246 (น้องวิว)

เปิดบริการ 10.30-15.00 น. ทุกวัน

หยุด เมื่อมีธุระ

แนะนำ กุ้งทอดเกลือ ปลาม้านึ่งมะนาวกระเทียมโทน เนื้อปลากรายผัดกะเพรากระเทียมโทน ต้มยำปลาม้า หมูผัดซีอิ๊ว กบผัดกะเพรากระเทียมโทน เชิงปลากรายทอดกระเทียมพริกไทย ผักกาดขาวผัดก้ามกุ้ง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย

Facebook กุ่ยหมง 桂茂 Kui Mong

Line kui_mong

ช่วงคนแน่น เสาร์-อาทิตย์-วันนักขัตฤกษ์ 12.00-13.00 น.

ต้มยำปลาม้า
กบผัดกะเพรากระเทียมโทน
ปลากรายผัดกะเพรากระเทียมโทน
กุ้งทอดเกลือขนาดกินคนเดียว
หมูผัดซีอิ๊ว
ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
เนื้อเปื่อยชั้นดี

ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ทางการอนุญาตให้ร้านอาหารทั้งที่เป็นร้านสตรีทฟู้ดริมทางและร้านติดเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งร้านในห้างสรรพสินค้าเปิดขายได้อีกครั้งหนึ่งนั้น (มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 2) ปิ่นโตเถาเล็กก็เริ่มออกตระเวนชิม และถือโอกาสคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับเจ้าของร้านในตำนานที่คุ้นเคยกันดีมาตั้งแต่สมัยพ่อยังหนุ่ม

สำหรับคิวในอาทิตย์นี้คือร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อใส่สารพัดเครื่องใน เพ็ญจันทร์โภชนา ซึ่งเจ้านี้มีประวัติมายาวนาน เริ่มขายที่เพชรบุรีตัดใหม่ตั้งแต่ พ.ศ.2505 ถือเป็นปรมาจารย์ด้านก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะ แม้กระทั่งเจ้าดังๆ ที่เชียงใหม่ เชียงราย แต่ก่อนยังมาฝึกการปรุงก๋วยเตี๋ยวจากร้านเพ็ญจันทร์นี่แหละ

ผมเองเป็นขาประจำตั้งแต่ตอนที่เขามาเปิดสาขาตรงปากซอยสุโขทัยซอย 3 จนในที่สุดปี 2535 เพ็ญจันทร์โภชนาจึงย้ายมาปักหลักแห่งเดียวที่ย่านตลิ่งชัน โดยแต่ก่อนนั้นคุณชายถนัดศรีแวะเวียนไปชิมไม่เคยขาดช่วง ถึงขนาดที่ว่าบางครั้งไปอาทิตย์ละ 3 วันทีเดียวเลย

ร้านเพ็ญจันทร์ใหญ่โตโอ่โถง สะอาดสะอ้าน เป็นตึกแถวสองคูหาขนาดใหญ่ริมถนนฉิมพลีระหว่างซอย 6 กับ 6/1 ซึ่งเข้าได้หลายทางทั้งจากถนนราชพฤกษ์และจากทางคู่ขนานด้านนอกของถนนบรมราชชนนี ทางเข้าอยู่เลยสถานีตำรวจตลิ่งชันไปนิดเดียว

เมื่อเข้ามาในร้านจะสะดุดตากับป้ายใต้ชั้นลอยบรรยายสรรพคุณของดีๆ กรอบๆ หลายอย่าง เช่น กระเพาะวัวกรอบ ลูกชิ้นทำเองกรอบ ผ้าขี้ริ้ววัวกรอบ เนื้อกรอบปรุงพิเศษ ด้านหน้าตรงที่ปรุงก๋วยเตี๋ยวมีตู้กระจกวางขวดซอสปรุงรสไว้เต็มตู้ ข้างๆ ตู้มีเครื่องในวัวเครื่องเคราต่างๆ วางเรียงรายอยู่เต็ม มีหม้อน้ำซุปตั้งไฟเคี่ยวควันฉุยอยู่ตลอดเวลา

ลักษณะเด่นของก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้านี้อยู่ที่มีเครื่องเคราหั่นชิ้นโตๆ สารพัดอย่าง น้ำซุปรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นซอสปรุงรสและหนักพริกไทยพอดู มีรสหวานเล็กน้อย แนะนำว่าให้ผสมน้ำจิ้มประกอบด้วยน้ำส้มพริกตำ น้ำตาล ซีอิ๊วขาว และพริกป่น เอาไว้จิ้มเครื่องในกับเนื้อต่างๆ เพื่อความเข้มข้นยิ่งขึ้นด้วยนะจ๊ะ

ถ้าเป็นเครื่องสด เช่น เนื้อสด ร้านนี้จะเตรียมวันต่อวัน ส่วนเครื่องที่ต้องใช้เวลาเคี่ยว เช่น เนื้อเปื่อย ไส้ ม้าม เอ็น จะเตรียมล่วงหน้า 1 คืน ทุกอย่างจึงเปื่อยอร่อยได้ที่

ของอร่อยที่นี่คือสันในวัวหรือเนื้อสด ใช้เนื้อคุณภาพดี ไม่เหนียว และ เนื้อกรอบ หรือเนื้อน่องลายที่หมักค้างคืนกับพริกไทย น้ำตาล และซอสปรุงรส จึงมีความนุ่มแต่กรอบ มีรสชาติในตัว เนื้อเปื่อยนั้นเปื่อยสมชื่อ ต้องการเปื่อยติดมันมากๆ หรือเปื่อยสามชั้นก็สั่งได้ ซึ่งมีปริมาณต่อวันไม่เยอะมาก

ของดีอีกอย่างคือ ไส้ นุ่มๆ หอมๆ นอกจากนี้ ยังมีกระเพาะวัวกรอบ ลูกชิ้นกรอบๆ ผ้าขี้ริ้ววัวกรอบสีขาวสวย ตัวเดียวอันเดียว ตับ หัวใจ ม้าม ขอบกระด้ง เอ็น ลืมบอกไปว่าเวลาสั่งเกาเหลาทุกอย่างจะไม่มีเนื้อกรอบ ถ้าอยากชิมต้องบอกเขาให้ใส่ด้วย หรือจะสั่งเนื้อกรอบลวกมาต่างหากหนึ่งชามกินให้จุใจเลยก็ได้

เส้นก๋วยเตี๋ยวมีทั้งเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ ใส่ผักหลายชนิดทั้งผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย ต้นหอม ถั่วงอก ผักชี สนนราคาก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นที่ชามละ 100 บาท สั่งเครื่องอื่นๆ เพิ่มได้ เช่น ใส่เนื้อกรอบหรือสันในวัวด้วยคิด 100 บาท (สั่งน้ำซุปใส่ถ้วยเพิ่มต่างหากคิด 10 บาท ข้าวเปล่า 10 บาท)

13Penjun

ก่อนหน้านี้ที่ร้านยังมีเมนูพิเศษอีกอย่างคือเกาเหลาหม้อไฟ ต้นคิดให้ทำขายคือคุณชายถนัดศรีนี่แหละ เป็นหม้อไฟซึ่งตอนหลังเปลี่ยนเป็นหม้อไฟฟ้าสำหรับใส่น้ำซุปเดือดๆ ให้เราได้ลวกกินกันเอง เริ่มต้นที่ขั้นต่ำชุดละ 400 บาท มีเครื่องให้เลือก 4 จาน ผักอย่างละ 20 บาท ส่วนถ้าสั่งเพิ่มคิดจานละ 100 บาท น้ำซุปฟรี ชอบสุกแค่ไหนลวกได้ตามใจชอบ ช่วงที่กำลังเขียนต้นฉบับอยู่นั้นที่ร้านยังงดขายหม้อไฟอยู่ แต่ถ้าใครอยากกินก็สั่งมากินคนเดียวหม้อใครหม้อมันได้นะจ๊ะ

กินก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้วอย่าลืมล้างปากด้วยขนมหวานร้านแม่บุญยังที่อยู่หน้าร้าน เมนูเด็ดคือลอดช่องสิงคโปร์ ทับทิมกรอบ และลอดช่องโบราณใส่ข้าวเม่า

ร้านเพ็ญจันทร์โภชนาเปิดบริการตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่าย 4 โมงทุกวัน โดยจะหยุดวันจันทร์-วันพุธที่ 3 ของเดือน (หยุด 3 วันต่อ 1 เดือน) ถ้าไปกันเป็นหมู่คณะให้สอบถามที่ร้านก่อนว่าตอนนี้จัดที่นั่งรวมกันอย่างไร เพราะเรื่องพวกนี้กลายเป็นสิ่งที่เป็นนิวนอร์มอลไปแล้ว โทรสอบถามได้ที่ 0-2887-3670 นะจ๊ะ

เพ็ญจันทร์โภชนา

โดย คุณชิงชัย-คุณวิไลวรรณ วิมลสิทธิชัย

ที่ตั้ง 8/77 ถนนฉิมพลี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170

โทร 0-2887-3670

เปิดบริการ 08.00-16.00 น. ทุกวัน

หยุด ทุกวันจันทร์-อังคาร-พุธที่ 3 ของเดือน ถ้าตรงกับวันนักขัตฤกษ์จะเลื่อนออกไป

แนะนำ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำข้นใส่เครื่องใน เกาเหลาหม้อไฟ

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก

ช่วงที่ปิ่นโตเถาเล็กอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ทำให้มีเวลาว่างจัดคิวสำหรับการออกไปชิมตามร้านอีกครั้ง จึงนึกขึ้นมาได้ว่ามีร้านขาประจำอยู่ร้านหนึ่ง ที่ตั้งแต่ย้ายร้านไป 2 ปีกว่า ยังไม่มีโอกาสตามไปทบทวนถึงที่ร้านสักที ได้แต่ให้คนซื้อกลับมากินที่บ้านสม่ำเสมอ

ร้านนี้มีชื่อว่า ข้าวมันไก่มงคลวัฒนา คือร้านข้าวมันไก่ประจำครอบครัวที่ผมชอบกินเป็นประจำ บ่อยที่สุด ถี่ที่สุด แค่น้ำจิ้มก็อร่อยเด็ดเข้มข้นรสจัด เอามาคลุกข้าวมันกินเปล่าๆ ยังได้เลย ประกาศนียบัตรรับรองความอร่อยของเจ้านี้มีมากมายจนเต็มฝาผนังร้าน

เจ้าของร้านรุ่นแรกยุคบุกเบิกนั้นชื่อ คุณสมนึก ภาคกินนร เป็นชาวบ้านสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ากรุงเทพฯ มาเป็นเด็กล้างจานอยู่ที่ร้านหลีฮวดตรงเมอร์รี่คิงส์ สะพานควาย จากเด็กล้างจานเงินเดือน 250 บาท มีโอกาสได้ฝึกฝนวิทยายุทธ์ทางด้านข้าวมันไก่จากเจ้าของร้านจนกระทั่งสามารถมาเปิดร้านของตัวเองได้อยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์มงคลรามา สะพานควาย (อันเป็นที่มาของชื่อร้านมงคลวัฒนา)

ดูสิคนไทยแท้ๆ แต่กลับทำข้าวมันไก่ได้อร่อยเทียบเท่าร้านคนไทยเชื้อสายจีน เรียกได้ว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าเลย แต่ก่อนนั้นครอบครัวผมจะสั่งข้าวมันไก่มงคลวัฒนามากินที่บ้านแทบทุกอาทิตย์

ต่อมาเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว ลุงสมนึกส่งต่อร้านข้าวมันไก่ให้หลานของตนเอง ซึ่งเป็นคนกาฬสินธุ์ ชื่อน้องออฟ หรือ พัลลภ อุ่นเพ็ญ โดยตัวเองเกษียณไปอยู่แถวคลอง 5 รังสิต น้องออฟย้ายมาเปิดร้านอยู่หน้าโรงหนังอีกฟากหนึ่งได้ 3 ปี จากนั้นที่ทางบริเวณนี้มีผู้มาซื้อต่อและกำลังจะพัฒนากลายเป็นคอนโดมิเนียม ออฟจึงย้ายไปอยู่ที่ใหม่ได้ 2 ปีกว่าแล้วตั้งแต่ พ.ศ.2561

ร้านข้าวมันไก่มงคลวัฒนาที่ใหม่นั้นมาไม่ยาก อยู่ในตึกแถว 1 คูหา ริมถนนพหลโยธินฝั่งขาออก (เลยเมเจอร์รัชโยธินมาไม่ไกล) ก่อนถึง ปากซอยพหลโยธิน 37/1 ใกล้สามแยกเสนานิคม

ถ้านำรถมาให้จอดรถใน เสนาเซ็นเตอร์ (เสียค่าบริการ) ซึ่งอยู่เลยปากซอยพหลโยธิน 37 มาเล็กน้อย จากนั้นเดินเลี้ยวซ้ายไปที่ร้านซึ่งอยู่ก่อนถึงซอยพหลโยธิน 37/1 หรือจะไปจอดที่ลานจอดรถกลางแจ้ง ปากถนนเสนานิคม 1 ฝั่งตรงข้ามตรงสามแยกไฟแดง (ค่าจอดชั่วโมงละ 20 บาท) แล้วข้ามถนนเดินย้อนสามแยกมาที่ร้าน ส่วนถ้ามารถไฟฟ้าบีทีเอสให้ลงที่ สถานีเสนานิคม แล้วเดินย้อนมาทาง ถ.เสนานิคม 1

จุดเด่นความอร่อยของร้านนี้ยังคงเส้นคงวาเหมือนแต่ก่อน ประการแรกต้องยกให้ ข้าวมัน ที่ยังคงใช้กรรมวิธีการหุงแบบโบราณบนเตาถ่าน โดยใช้ข้าวหอมมะลิเก่ามาหุงกับน้ำมันไก่และขิง จึงทำให้ข้าวมันมีความนุ่มและมีกลิ่นหอมเฉาะตัว ส่วนน้ำจิ้มรสจัดนั้นเป็นสูตรดั้งเดิมสไตล์ไหหลำ และเป็นสูตรลับของทางร้าน รับรองความเด็ดแค่คลุกกินกับข้าวมันเปล่า ๆ ยังอร่อย ถึงขนาดที่ว่ามีผู้ขอซื้อเพิ่มไปที่บ้าน โดยจะขายน้ำจิ้มขีดละ 30 บาท กิโลละ 300 บาท

ส่วนไก่ต้มนั้น ไม่มีความลับอะไรต้องปกปิด แค่เน้นความสดของไก่ตอนที่ให้เนื้อนุ่มอยู่แล้ว ซึ่งยังสั่งจากเจ้าประจำตั้งแต่สมัยลุงสมนึกทำร้านเริ่มแรก โดยคนส่งจะรับไก่มาจากราชบุรีและนครนายก ต้มแค่ให้สุกพอดี หั่นไก่แบบไม่ต้องตบให้แบน ส่วนน้ำแกงของที่นี่ก็เด็ดเช่นกันเพราะใช้กระดูกไก่มาต้มน้ำแกงใส่ฟัก ให้รสหอมหวานซดคล่องคอ

โดยเจ้านี้จะต้มไก่วันละ 25-30 ตัวเท่านั้น แต่จะทยอยเอาออกมาเรื่อยๆ ทีละ 10 ตัว จึงไม่ต้องกลัวหมดอดกิน ไก่ที่ใช้เป็นไก่ตอนพันธุ์เนื้อ นุ่มอร่อย ถ้าไม่ชอบหนังก็บอกให้เอาออกได้ สนนราคา ข้าวมันไก่ ธรรมดาจานละ 50 บาท พิเศษ 60 บาท ไก่สับเปล่าๆ มีตั้งแต่ 100-150-200 บาท ข้าวมันเปล่าๆ ก็ถ้วยละ 12 บาท ถ้าติดใจอยากซื้อไก่ทั้งตัวกลับบ้านก็คิดกิโลกรัมละ 250 บาท

นอกจากไก่ตอนธรรมดายังมี ไก่ทอด ด้วย ถ้ารักพี่เสียดายน้องให้สั่ง ข้าวมันไก่ทูอินวัน (2-in-1) (60 บาท) ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแชมพู แต่คือ ข้าวมันไก่ตอนผสมไก่ทอด นอกจากนี้ยังมีบะหมี่แห้งไก่ทอด (40 บาท) ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำใส่หมูเด้ง (แนะนำให้สั่งบะหมี่หมูเด้ง) ก๋วยเตี๋ยวไก่ ส่วนเส้นมีให้เลือกครบทั้งบะหมี่ เกี้ยมอี๋ วุ้นเส้น เส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่

ช่วงมาตรการเว้นระยะห่างนิวนอร์มอลนั้น ที่ร้านจัดให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะนั่งหันหน้าเข้ากำแพงร้าน ถ้าอยากกินสบายๆ ก็ให้ซื้อกลับไปกินที่บ้าน ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีคนมายืนออรอซื้อกลับกันอย่างหนาตาอยู่เช่นเดิม

ขอแจ้งว่าร้านข้าวมันไก่มงคลวัฒนาได้เปลี่ยนเวลาขายเป็นตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึงบ่าย 3 โมง เท่านั้น และน้องออฟบอกว่าสำหรับ วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายนนี้ ร้านยังหยุดวันอาทิตย์เป็นครั้งสุดท้ายนะจ๊ะ อย่าเผลอไปเป็นอันขาด

ส่วนอาทิตย์หน้าจะเริ่มเปิดขายวันอาทิตย์ตามเดิมแล้ว โดยจะกลับมาหยุดขายทุก วันพฤหัสบดี และวันศุกร์สุดท้ายของเดือน เช่นเดิม

โทรสอบถามได้ที่ 09-0990-6973, 08-7107-3426 และ 08-1814-2605

คุณออฟ เจ้าของร้าน หลานคุณสมนึก
คุณออฟ เจ้าของร้าน หลานคุณสมนึก
ข้าวมันไก่มงคลวัฒนา

โดย คุณพัลลภ (ออฟ) อุ่นเพ็ญ

ที่ตั้ง 1895/8 ใกล้ปาก ซอยพหลโยธิน 37/1 ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทร 09-0990-6973, 08-7107-3426, 08-1814-2605

เปิดบริการ 07.00-15.00 น. ทุกวัน

วันหยุด วันพฤหัสบดีและวันศุกร์สุดท้ายของเดือน

แนะนำ ข้าวมันไก่ตอนและไก่ทอด

ไก่ทอด
นั่งหันหน้าเข้ากำแพง
ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)

ขอทบทวนร้านอาหารเวียดนามอร่อยสะอาดถูกหลักอนามัย ที่ว่างเว้นไม่ได้ไปชิมมาตั้งหลายปี อยู่ใกล้ๆ กับมติชนแค่นี้เอง ร้านนี้มีชื่อว่า ญีญวน ครัวเวียดนาม

ช่วงเดือนเมษายนที่ปิ่นโตเถาเล็ก (และแฟนๆ ทุกท่าน) อยู่ที่บ้าน จึงถือโอกาสสั่งอาหารทั้งร้านเก่าร้านใหม่ ให้ดิลิเวอรีมาตลอดแทบทุกวัน หนึ่งในนั้นก็คือญีญวนของคุณอิ๋ว อุดหนุนกันมานานจนกลายเป็นเพื่อนไปโดยปริยาย หวังว่าตอนนี้ร้านอาหารคงเปิดให้ไปกินที่ร้าน (อย่างมีระยะห่างทางสังคม) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้ก็สามารถสั่งผ่าน GRAB และ LINEMAN ได้เลย หรือโทรสั่งตามเบอร์ร้าน หรือสั่งและสอบถามที่ LINE ร้าน @yeeyuan และดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊ก ญีญวน ครัวเวียดนาม นะจ๊ะ

ร้านญีญวนมีอยู่ 2 สาขาเท่านั้น เปิดมานานเกือบ 20 ปีแล้ว ประสบความสำเร็จเสียจนมีคนตั้งชื่อร้านพ้องกันอีกหลายชื่อ เพราะฉะนั้นจำให้ดี ของแท้ที่ปิ่นโตเถาเล็กชื่นชอบต้องญีญวนนะจ๊ะ อย่างอื่นที่สะกดคล้ายกันหรือสลับคำคือคนละเจ้าของกัน

ญีญวน สาขาแรกอยู่ที่ ประชานิเวศน์ หรือ ประชาชื่น ที่นี่แต่งร้านง่ายๆ ไม่เน้นบรรยากาศ จากถนนวิภาวดีรังสิตขาออก เลี้ยวเข้าถนนเทศบาลสงเคราะห์ ผ่าน แยกวัดเสมียนนารี มาที่ สี่แยกตลาดบองมาร์เช่ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเทศบาลนิมิตเหนือ ผ่านท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตไปเรื่อยๆ ตามทางโค้ง ถึงแยก สถานีตำรวจประชาชื่น เมื่อไหร่ให้เลี้ยวขวาที่แยก วิ่งผ่าน 7-11 เข้าไป แล้วจะเห็นร้านญีญวนอยู่ทางขวา

อีกสาขาหนึ่งอยู่ไกลหน่อยถึง บางบัวทอง จาก สี่แยกบางพลู ถนนรัตนาธิเบศร์ (สถานี MRT บางพลู) เลี้ยวเข้า ถนนบางกรวย-ไทรน้อย (3215) ไปอีก 1 กม.กว่าๆ ร้านญีญวนจะอยู่ทางขวามือ อยู่ก่อนถึงวัดเล่งเน่ยยี่ 2 หรือวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ประมาณ 4 กม.

คุณอิ๋ว วราลักษณ์ โชคพระสมบัติ เจ้าของร้าน พื้นเพเป็นคนหนองคาย อ.ศรีเชียงใหม่ เลยให้น้องชายไปเรียนวิธีทำหมูยอกับชาวเวียดนาม ตั้งแต่นั้นมาที่ร้านจึงทำของเองแทบทุกชนิด

รายการอาหารมีมากมายประมาณ 80 อย่าง พร้อมภาพประกอบมากมาย อยากได้อะไรชี้เอา อาหารยอดฮิตติดอันดับคือ แหนมเนือง (130 บาท) แถมผักแกล้มโถแรกฟรี (ถ้าขอผักเพิ่มคิดโถละ 20 บาท) ผักกาดหอมที่นี่คัดแต่ใบอ่อนๆ จากสวนผัก กินแล้วไม่ขม แหนมเนืองทำจากเนื้อหมูส่วนสะโพกนุ่มๆ เครื่องที่ใส่มีทั้งกล้วยดิบ กระเทียม มะม่วงดิบ พริกจินดา แตงร้าน กินกับขนมจีน ห่อด้วยผักต่างๆ รวมทั้งผักแพวที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ราดน้ำจิ้มสูตรของที่ร้านข้นๆ ถั่วลิสงคั่วเอง เลือกแต่ถั่วดีๆ มีคุณภาพ กินได้สนิทใจ

ที่กินแล้วหยุดไม่ได้คือ เส้นหมี่หมูย่าง (95 บาท) ใช้ส่วนคอหมูย่าง (เลาะมันออก) หมักตะไคร้หอมอร่อย เส้นหมี่เป็นเส้นของเวียดนามเหนียวหนึบดี

ส่วนใครชอบกินผักให้สั่ง สลัดเวียดนาม (140 บาท) ใส่ไก่ฉีก หมูยอ ไข่ต้ม น้ำราดเป็นน้ำสลัดน้ำข้น เปรี้ยว (ด้วยมะนาว) เค็มหวาน (น้ำตาลโตนดเมืองเพชร) ครบทุกรสหอมมาก มีเคล็ดลับเวลากินให้บีบมะนาวเพิ่มอีกต่างหาก

ให้ลองชิม หมูยอห่อใบตอง ทำเอง เด็ดเสียจนมีคนสั่งไปขายต่อด้วย มีทั้งหมูยอล้วนกับหมูยอผสมหนัง สั่งได้ทั้ง หมูยอลวก หรือ หมูยอทอด (85 บาท) ยำหมูยอ (100 บาท) รสจัดครบ 3 รส และต้องสั่ง ปากหม้อญวน (95 บาท) แป้งนุ่มหนึบละมุนลิ้นมากินคู่กับหมูยอด้วย

ยังมีเมนูอร่อยที่คุณอิ๋วคิดขึ้นมาเองและตั้งชื่อว่า ซาโมซ่าญีญวน (100 บาท) ลักษณะเป็นเปาะเปี๊ยะทอดผสมกุ้งกระเบื้อง ถ้าชอบกินไข่ก็มี ไข่กระทะเวียดนาม (100 บาท) กินคู่กับขนมปังเวียดนามที่ดัดแปลงจากบาแก็ตของฝรั่งเศส อย่าลืมเหยาะซอสพริกลงไปด้วย ของกินเล่นอีกจานคือ กุ้งพันอ้อย (100 บาท) จิ้มน้ำจิ้มสูตรพิเศษทำจากน้ำมะพร้าวอ่อนใส่แครอต

อาหารจานหนักๆ น่าลองหลายอย่าง ห้ามพลาด กวยจั๊บญวน (70 บาท) เส้นทำเอง (อีกแล้ว) เหมือนเส้นอูด้งของญี่ปุ่นแต่หนึบกว่า ใส่หมูยอและกระดูกหมูอ่อน อร่อยสะใจ

ข้าวผัดญีญวน (90 บาท) ก็หอมอร่อยใส่เครื่องหลากหลาย ทั้งกุ้ง หมึก หมูยอ กุนเชียง โรยหน้าด้วยหอมเจียว ส่วนของน้ำๆ ต้องสั่ง ฟองดูเวียดนาม ชุดละ 190 บาท คิดเมนูเองเช่นกัน ใส่เครื่องสารพัดทั้ง กล้วยดิบ กระเทียมสด สับปะรด ตะไคร้ เนื้อปลา กุ้ง หมึก สันในหมู และเส้นหมี่ จิ้มด้วยน้ำจิ้มแซ่บรสจัดจ้าน มีเคล็ดลับการลวกเส้นหมี่มาฝาก ให้จุ่มเส้นลงไปในน้ำเดือดแป๊บเดียวแล้วยกขึ้นเลย ถึงจะกินอร่อยนะจ๊ะ

เครื่องดื่มที่น่าลิ้มลองคือ น้ำกระเจี๊ยบ รสเข้มข้น ส่วนของหวานต้อง กล้วยหอมทอดราดน้ำผึ้งป่า คุณอิ๋วพูดหน้าตาเฉยว่าถ้าเลี้ยงผึ้งเองได้คงจะทำเองแล้ว

อาหารเวียดนามเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความอร่อยกับมีผักหลากหลาย ซึ่งถ้ายังไม่ให้เปิดร้านนั่งกินก็สามารถสั่งอาหารกลับกันได้ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม ส่วนในยามปกติถ้าไม่มีเคอร์ฟิว ร้านญีญวนจะเปิดตั้งแต่ 11 โมงถึง 4 ทุ่มนะจ๊ะ

ข้อมูล

ญีญวน ครัวเวียดนาม

โดย คุณวราลักษณ์ โชคพระสมบัติ (คุณอิ๋ว)

ที่ตั้ง 1.บางบัวทอง

94/15 หมู่ 3 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110

โทร 0-2920-4090

2.ประชานิเวศน์ (ประชาชื่น)

226 ถ.เทศบาลนิมิตเหนือ ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทร 0-2953-8117 ถึง 8

การสั่ง นอกจากโทรสั่งแล้ว สั่งผ่าน GRAB และ LINEMAN ได้ด้วย หรือจะสั่งและสอบถามได้ที่ LINE ร้าน @yeeyuan

เปิดบริการ สั่งดิลิเวอรี 09.00-20.00 น.ทุกวัน

แนะนำ แหนมเนือง หมูยอ (ลวก ทอด ยำ) เส้นหมี่หมูย่าง สลัดเวียดนาม ปากหม้อญวน กวยจั๊บญวน ซาโมซ่าญีญวน ขนมปังไข่กระทะ กุ้งพันอ้อย ฟองดูเวียดนาม ข้าวผัดญีญวน กล้วยหอมทอดราดน้ำผึ้ง

ที่มามติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563, หน้า 20
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก

ขณะที่เขียนต้นฉบับล่วงหน้าอยู่นี้ (สัปดาห์ที่สามของเดือนเมษายน) มีข่าวดีว่าช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ประเทศไทยของเราจะค่อยๆ เริ่มมาตรการผ่อนคลายให้มีการเปิดร้านรวงบางประเภทได้ โดยจะมีการทดลองเปิดก่อนบางเขตบางพื้นที่

สำหรับกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรของเราที่ยังมีผู้ป่วยประปรายรายวันจะผ่อนคลายกันได้หรือไม่ ป่านนี้แฟนๆ คงทราบกันแล้ว แต่ที่แน่ๆ ยังมีร้านอาหารอีกหลายเจ้าที่ยังทำโปรโมชั่นเมนูอาหารราคาดีๆ หรือไม่ก็มีของกินหน้าร้อนอร่อยๆ ส่งตรงถึงที่บ้านให้กับพวกเรา มาดูกันต่อเลยนะจ๊ะ ว่าอาทิตย์นี้มีเจ้าไหนบ้าง

เริ่มกันที่ร้านข้าวต้มสารพัดอย่างโด่งดังในย่านวังหิน มีชื่อว่า เลิศทิพย์ ของ เชฟกิ๊ก-กมล ชอบดีงาม ซึ่งถ้าใครติดตามรายการอาหารต่างๆ น่าจะรู้จักเขาคนนี้เป็นแน่

ประวัติความเป็นมาของร้านเลิศทิพย์นั้นนานกว่า 60 ปี แรกเริ่มสมัยอากงขายอาหารอยู่แถวเสาชิงช้า ต่อมารุ่นพ่อเข็นรถขายอาหารที่ประตูน้ำ จากนั้นก็ย้ายไปเป็นเขยที่ลำปาง เปิดร้านชื่อว่าจันทร์เพ็ญ ซึ่งคุณชายถนัดศรีเคยไปเชลล์ชวนชิมตั้งแต่สมัยนั้น ในที่สุดก็ย้ายมาหาดใหญ่อีกครั้ง เพราะส่งลูกๆ ไปเรียนที่นั่น แต่ตัวพ่อย้ายมากรุงเทพฯ เปิดร้านเย็นตาโฟ ข้าวขาหมู หมูสะเต๊ะ ที่ลาดพร้าว 52 พอย่านนั้นเจริญหาที่จอดรถยาก จึงย้ายมาขายข้าวต้มใช้ชื่อว่าเลิศทิพย์ ริมถนนลาดพร้าววังหิน อยู่เลย แยกวังหิน ที่ตัดกับเสนานิคม 1 มาไม่ถึง 500 เมตร อยู่ทางซ้ายมือ ปากซอยลาดพร้าววังหิน 70

เชฟกิ๊กกับพี่ชายช่วยพ่อทำอาหารตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำร้านกันต่อ 2 คนในบรรดาพี่น้อง 4 คน โดยน้องกิ๊กนั้นซึ่งเดิมทำงานพิธีกร อีเวนต์ กลับมาดูแลร้านที่ สาขาวังหิน (มีสาขาเซ็นทรัลเวิลด์สไตล์ฟิวชั่นด้วย) ส่วนพี่ชายนั้นไปเปิด สาขาเมืองนนท์ ที่ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี

จากที่ร้านข้าวต้มปกติจะเปิดร้านตอน 5 โมงเย็นถึงตี 2 แต่ตอนนี้ต้องปรับตัวเปิดขาย 10 โมงเช้า-ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง (จนกว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายยกเลิกเคอร์ฟิว) ร้านเลิศทิพย์จึงออกเมนูเด็ดดิลิเวอรี 69 บาททุกเมนู จำนวน 11 เมนู ผลปรากฏว่าเป็นที่ฮือฮามากเพราะให้ปริมาณจุใจ แถมยังมีให้เลือกหลากหลายถูกใจทุกชั่วอายุ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ วัยรุ่นวัยทำงานและเด็กเล็ก ประกอบด้วยข้าวคลุกกะเพราหมูสับไข่ดาว ข้าวกะเพราหมูสับไข่เยี่ยวม้า ข้าวกะเพราหมูสับเต้าหู้ไข่ไข่ดาว ข้าวผัดปลาเค็มหอมไข่ดาว (ใส่คะน้า) ข้าวหมูสับปลาเค็มผัดแห้งไข่ดาว ข้าวหมูสับไข่แดงเค็มไข่ดาว ข้าวหน้าเป็ดเลิศทิพย์ ข้าวผัดหนำเลี้ยบทรงเครื่องไข่ดาว ข้าวหมูนุ่มพริกไทยดำไข่ดาว ข้าวหมูสับซีอิ๊วหวานไข่แดง (เด็กชอบกิน) ข้าวยำบะเต็งไข่แดงเค็ม ทุกเมนูผัดได้หอมมากตามสไตล์ร้านจีน

นอกจากนี้ ยังมี โปร 199 บาท เป็นเมนูคู่กัน เช่น ข้าวกะเพราคลุกหมูนุ่มไข่ดาวกับเมนูขนมจีบ และข้าวผัดหมูนุ่มกุนเชียงกับเมนูหมูมะนาวด้วย

ส่วนเมนูทั่วไปนั้นจะลด 10% อีกด้วย (เชฟกิ๊กเพิ่มเติมว่าให้บอกว่าอ่านมาจากคอลัมน์ของอิ๊งค์ ปิ่นโตเถาเล็กในมติชนก็ได้) ขอแนะนำเมนูโปรดที่ปิ่นโตเถาเล็กชื่นชอบ มีตั้งแต่ ปูทะเลไข่ดอง (780-980-1,200-1,400 จนถึง 2,000 บาท ซึ่งขนาดใหญ่ต้องจองล่วงหน้า) ใช้ปูทองหลางสดๆ จากคลองด่าน สมุทรปราการ นำมาดองน้ำปลาโบราณรับจากเจ้าประจำซึ่งไม่เค็มมาก ดองนาน 1 คืน จากนั้นเข้าช่องแข็ง เวลามีคนสั่งก็นำมาล้างน้ำปลา และแกะปูเป็นชิ้นๆ ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษที่ปรุงโดยใช้น้ำปลาเจ้าเดียวกันที่ไม่เค็มมาก

เป็ดพะโล้ (150-200-250 บาท) เมื่อก่อนใช้เป็ดโป๊ยฉ่าย เดี๋ยวนี้ใช้เป็ดเชอรี่ไซซ์ XL ต้มกับเครื่องพะโล้สูตรป๊าซึ่งไม่เค็มจัดมีรสอมหวานเล็กน้อย ใส่เครื่องเทศสมุนไพรไทยด้วยเพื่อดับกลิ่นสาบ ต้มนานชั่วโมงครึ่ง-2 ชั่วโมง (ตามน้ำหนักตัว) ซึ่งมีเทคนิคต้องจิกตะขอ ดึงขึ้นดึงลงให้ความร้อนหมุนเวียนจนทั่ว ได้เป็ดพะโล้นุ่มหอมจิ้มกับน้ำส้มพริกตำใส่พริกเหลือง นอกจากนี้ยังมี ห่านพะโล้ ด้วย แต่ต้องโทรจองล่วงหน้า ถึงจะทำให้

อีกเมนูเป็ดที่ขายดีมากคือ เป็ดกะเพรากรอบ (200 บาท) ทำจากเป็ดพะโล้นุ่มหอมทอดให้หนังกรอบ ผัดกะเพราปรุงรสสไตล์จีนใส่ซีอิ๊วแทนน้ำปลา โรยหน้าด้วยใบกะเพราทอดกรอบ

ที่ห้ามพลาดอีกอย่างคือ หมูมะนาว (160-300 บาท) หมักข้ามคืนสไตล์จีนด้วยซีอิ๊วเป็นหลัก แล้วทอดก่อน จากนั้นหั่นพอดีคำราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด ใส่ผักชีฝรั่งกับกระเทียมจีนเต็มจานสำหรับแกล้ม

ใครอยากกินเลิศหรูมีเมนูเนื้อชื่อว่า กะเพราเนื้อวากิว (1,200-1,500 บาท) จากเมืองอกิตะ (Akita) เชฟกิ๊กโปะพริกไทยดำรอบเนื้อและเกลือเพื่อทำให้ผิวกรอบ ส่วนเนื้อด้านในนุ่มชุ่มฉ่ำ ไข่ดาวที่ให้เป็นไข่แฝดด้วย นอกจากนี้ ก็มี ฮ่อยจ๊อ กรอบๆ ให้กินเล่น ไม่เน้นเนื้อปูเยอะ เน้นรสชาติและความกรอบ (เส้นละ 160 บาท 8-9 ลูก) ถ้าอยากเน้นเนื้อปูให้โทรจองล่วงหน้า (เส้นละ 600 บาท)

เมนู69บาท
เป็ดพะโล้
ปูทะเลไข่ดอง

อ่านเสร็จอย่ารีรอ ให้โทรสั่งได้ที่เลิศทิพย์สาขาลาดพร้าว-วังหิน 0-2570-5261 และสาขานนทบุรี 08-1301-7888 หรือสั่งผ่าน line man, get, grab food ตั้งแต่ 10.00-20.30 น. (ช่วงยังมีเคอร์ฟิว)

มีของกินหน้าร้อนมาฝากอีกด้วยซึ่งไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะหมดฤดูกาลหรือยัง เนื่องจากปิ่นโตเถาเล็กเพิ่งได้ชิมช่วงท้ายฤดู หวังว่าแฟนๆ คงจะยังมีโอกาสลิ้มลองกันนะจ๊ะ ข้าวเหนียวที่ว่านี้คือ ข้าวเหนียวมะม่วงอกร่องพิกุลทอง ออร์แกนิค (organic) ของ อ.มัลลิการ์ ใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงรายมูนกับหัวกะทิล้วน คั้นสดๆ จากมะพร้าวทับสะแก มูนทิ้งไว้นาน 5 ชั่วโมง จนซึมซาบหอมมัน

ทีเด็ดคือมะม่วงอกร่องพิกุลทองออร์แกนิค ปลูกโดยใช้ปุ๋ยหมักที่ได้จากเศษอาหารที่เก็บมาจากร้านอาหารสาขาต่างของ อ.มัลลิการ์ มาหมักรวมกันที่ครัวกลาง (อีกทั้งได้แก๊สมาใช้ทดแทนในครัวกลางด้วย) ใช้ที่สวนสาระพรรณ โดย อ.มัลลิการ์ จังหวัดลพบุรี

ซึ่งมะม่วงแต่ละลูกจะบ่มห่อในกระดาษหนังสือพิมพ์ โดยไม่มีการใช้แก๊สบ่มแต่อย่างใด และเปิดดูทุกๆ วันทุกๆ ลูก คัดลูกที่สุกพร้อมรับประทานออกมาเพื่อแยกคัดเกรดอย่างพิถีพิถัน ก่อนจะถูกจัดส่งไปตามร้านสาขาต่างๆ ในเครือในรถควบคุมอุณหภูมิ ได้มะม่วงอกร่องที่ลูกโตหวานหอมสะใจ ปกติปิ่นโตเถาเล็กจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของมะม่วงอกร่อง จึงลืมกลัวอ้วน ซัดไปจานโตเลยจ้า

แฟนๆ สนใจสั่งได้ที่ 08-4088-3759 และ Line @a.mallika (มี@ด้วย) มีทั้ง ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นชุด 180 บาท และจัดข้าวเหนียวพร้อมมะม่วงออร์แกนิคใน กระเช้าใหญ่ สวยงาม (1,450 บาท) มี มะม่วงอกร่องพิกุลทอง และ มะม่วงน้ำดอกไม้ทอง (180 บาท/กิโลกรัม)

เชิญสั่งกันทั้ง 2 ร้าน จะได้มีกินทั้งคาวและหวานนะจ๊ะ อาทิตย์หน้าเป็นคิวของร้านเชลล์ชวนชิมดิลิเวอรีทำกันในครอบครัวบ้าง


เลิศทิพย์

โดย เชฟกิ๊ก-กมล ชอบดีงาม

ที่ตั้ง 3/151 ปากซอยลาดพร้าววังหิน 70 ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230

โทร สาขาลาดพร้าว-วังหิน 0-2570-5261

สาขานนทบุรี 08-1301-7888 หรือสั่งผ่าน line man, get, grab food

เปิดบริการ 10.00-20.30 น. ทุกวัน

ช่วงปกติถ้าไม่มีเคอร์ฟิว จะเปิดให้นั่งที่ร้านได้ตอน 17.00-02.00 น.

แนะนำ เมนู 69 บาท จำนวน 11 เมนู (เฉพาะช่วงโปรโมชั่นตอนนี้) และเมนูทั่วไปลด 10% (เฉพาะช่วงนี้) ปูทะเลไข่ดอง เป็ดพะโล้ เป็ดกะเพรากรอบ หมูมะนาว กะเพราเนื้อวากิว ฮ่อยจ๊อ

Instagram lerdtip

Facebook เลิศทิพย์ วังหิน

ข้าวเหนียวมะม่วงอกร่องพิกุลทอง ออร์แกนิค อ.มัลลิการ์

โทร 08-4088-3759 และ Line @a.mallika

เปิดบริการ สั่งได้ตั้งแต่ 10.00-20.00 น. ทุกวัน

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก
หมูมะนาว
ข้าวเหนียวมะม่วงอกร่องพิกุลทอง อ.มัลลิการ์

ขณะที่ปิ่นโตเถาเล็กเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ยังไม่ทราบว่าสถานการณ์และบรรยากาศของเมืองไทยตอนต้นเดือนพฤษภาคม จะดีขึ้นเพียงพอให้ร้านอาหารกลับมาเปิดใหม่แล้วหรือยัง แต่ไม่เป็นไร ร้านที่จะแนะนำในครั้งนี้ แฟนๆ สามารถสั่งดิลิเวอรีมาที่บ้านหรือบุกไปกินถึงร้านเลย ก็อร่อยเด็ดได้ไม่แตกต่างกัน

รายแรกเป็นร้านที่โด่งดังในโลกโซเชียลสังคมออนไลน์ มีชื่อว่าเฮียให้ ข้าวผัดปูเอกมัย ตั้งตามชื่อคุณพ่อเจ้าของร้าน ชื่อนี้เหมาะมากเพราะว่าจุดขายของร้านเฮียให้คือจะให้ปริมาณของทะเลจุใจจัดเต็มทุกเมนู สมกับการตั้งชื่อในทุกเมนูว่าโคตร เช่นข้าวผัดปูโคตรใหญ่

ความเป็นมาร้านนี้ เฮียให้หรือคุณพิทักษ์ เติมไพสิฐ บิดาของน้องเซิร์ฟ พฤทธิ์ เติมไพสิฐ เจ้าของร้าน มักจะทำข้าวผัดปูสูตรเด็ดประจำบ้านรวมทั้งอาหารทะเลอื่นๆ ให้ครอบครัวกินเป็นประจำ ตามแบบฉบับคนไทยเชื้อสายจีน น้องเซิร์ฟจึงถือโอกาสนำเมนูนี้มาเป็นจุดขายเสียเลย

ประกอบกับน้องเซิร์ฟได้มาเป็นเขยของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาวโรชา (เต็ง) ร้านเชลล์ชวนชิมเจ้าเก่าริมถนนเอกมัย ใกล้สี่แยกเจริญใจ (ปากซอยเอกมัย 12) อีกด้วย ช่วงแรกจึงเปิดร้านบนชั้น 2 ของวโรชาเมื่อปลายปี 2560 โดยมีน้องออม นิสากร สุรเกษมสวัสดิ์ ผู้เป็นภรรยา ว่าการเป็นแม่ครัวเอกเอง

เปิดมาได้ 2 ปีกว่า บัดนี้ร้านเฮียให้ ข้าวผัดปูเอกมัยมีที่ทางของตนเองแล้ว แค่ย้ายมาอยู่ในตึกแถวริมถนนใกล้กัน ถัดไปแค่ 2 หลัง (บ้านเลขที่ 112/1) ระหว่างปากซอยเอกมัย 10 และเอกมัย 12 ผู้หลักผู้ใหญ่อากงอาม่าไม่ต้องเดินขึ้นบันไดแล้ว (ร้านนี้มี 2 ชั้น)

ช่วงที่ร้านยังเปิดให้เข้าไปนั่งรับประทานไม่ได้ จะมีผู้คนสั่งดิลิเวอรี อีกทั้งแวะมาซื้อด้วยตนเองกันล้นหลาม จึงขอบอกที่จอดรถไว้ด้วยเลย ให้จอดรถในลานจอดรถชื่อเวิ้งโบราณ ปากซอยเอกมัย 10 นำบัตรมาประทับตราที่ร้านได้ จากนั้นเดินเลี้ยวขวาริมถนนมาที่ร้าน หรือถ้าที่จอดรถเต็ม ให้ไปจอดรถที่ห้างดองกี้หรือดองกิ (Donki) ซอยทองหล่อ 10 ใกล้กันได้ แต่ต้องเสียค่าจอดรถเอง (รู้สึกว่าจอดชั่วโมงแรกฟรี)

แน่นอนว่าเมนูดังย่อมต้องเป็นข้าวผัดปูโคตรใหญ่ (990 บาท) กินได้ 4-6 คนเลย (ถ้ากินจุอย่างปิ่นโตเถาเล็กก็ได้ 4 คนเท่านั้น) ช่างเป็นข้าวผัดปูที่หอมกลิ่นผัดในกระทะมาก ใช้เนื้อก้อนกรรเชียงและส่วนก้าม ผัดกับข้าวหอมมะลิจากสุรินทร์ ให้ปูโปะหน้ามาเต็มทุกอณู ซึ่งถ้ากินแค่ 2 คน ให้สั่งข้าวผัดโคตรปู (340 บาท) และถ้าอยากได้ปูจุใจต้องสั่งเอ็กซ์ตร้าปู (440 บาท) เพิ่มเพียง 100 บาท ได้ปูมากขึ้นไปอีก

ต่อกันด้วยโคตรกั้งผัดพริกเกลือ (กับข้าว 380 บาท ถ้าราดข้าว 360 บาท) ซึ่งของทะเลสดๆ นั้นสั่งมาจากแพที่สุราษฎร์ฯของเพื่อนเฮียให้ ต้มกั้งบนเรือแล้วแกะเนื้อมาให้เลยเพราะหากต้มทีหลังเนื้อจะฝ่อ คนชอบกินกั้งจะสะใจมากได้เคี้ยวเนื้อเต็มคำ เมนูถัดมาคือโคตรหอยเชลล์ผัดกะเพรา (300 บาท) หอยเชลล์จากชลบุรีก็หวานสดเช่นกัน

ปิดท้ายด้วยกะหล่ำปลีทอดน้ำปลากากหมู ซึ่งจะแยกกากหมูมาให้เต็มถุงเล็กๆ (80 บาท) กากหมูเจียวคือผลพลอยได้จากร้านวโรชา เอามาโรยหน้าผัดกะหล่ำกรอบหอมมัน ส่วนเมนูอื่นๆ ให้สอบถามกันเอาเองเช่น แกงโคตรปูใบชะพลู (380 บาท)

ช่วงที่ยังนั่งกินที่ร้านไม่ได้ ร้านเฮียให้จะเปิดให้สั่งกลับบ้านช่วง 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น (หยุดเฉพาะวันจันทร์) ติดต่อสอบถามได้ทาง Line @herehai หรือโทร 06-3219-9100 (ถ้าสั่งปริมาณมากให้โทรสั่งที่ร้านโดยตรงและนัดเวลาไปรับ) หรือสั่งทาง LINEMAN กับ GET และ GRAB FOOD

เจ้าถัดมาเป็นภัตตาคารจีนมีชื่อว่าอัน อัน เหลา ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะย้ายมาจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นเมืองที่ในอดีตมีชาวจีนอพยพจากมณฑลต่างๆ อพยพมาตั้งรกรากอยู่เป็นจำนวนมาก ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 โดยเข้ามาเปิดร้านในกรุงเทพฯครั้งแรกที่ย่านทองหล่อ ปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่ ซ.สุขุมวิท 26 เยื้องๆ กับ K-Village

อัน อัน เหลาจึงมีเมนูอาหารที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนและชาวเบตงดั้งเดิม ดังนั้นแฟนๆ จึงควรสั่งเมนูเบตงมากินที่บ้านด้วย นั่นก็คือไก่เบตง (250 บาท) ไก่พันธุ์พื้นเมืองหนังบางกรุบๆ เนื้อแน่นแต่นุ่มสุดสุด ต้มและราดซีอิ๊วกับกระเทียมเจียว จิ้มน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวและขิงสูตรเด็ดของอัน อัน เหลา

อีกทั้งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สั่งเป็ดปักกิ่ง (449 บาท) มาที่บ้าน รับมาแล้วควรรีบกินทันที รองด้วยแผ่นแป้งโรตีโฮมเมด ส่วนเนื้อเป็ดจะนำไปทอดกระเทียม ทำเมี่ยง ผัดเต้าซี่ก็ได้ ซึ่งปิ่นโตเถาเล็กสั่งให้ผัดพริกเกลือ ผัดแห้งๆ ไม่อมน้ำมัน

ข้าวผัดปูโคตรใหญ่
โคตรกั้งผัดพริกเกลือ
กะหล่ำปลีทอดน้ำปลากากหมู

ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือหัวปลาผัดเผ็ด (300 บาท) กินแล้วหายคิดถึงอาหารปักษ์ใต้ ได้แทะเนื้อหัวปลาที่มันๆ อร่อยมาก เพราะที่ร้านเลือกใช้ปลากะพงทะเลตัวใหญ่ 7-8 กิโล/ตัว ใช้เฉพาะส่วนหัวและพุงปลามาผัดกับเครื่องแกงสูตรปักษ์ใต้แท้ๆ จากบ้านเจ้าของร้าน ตำเครื่องแกงสดๆ เดี๋ยวนั้น นอกจากนี้ยังมีใบเหลียงผัดกุ้งเสียบ (150 บาท) จากภูเก็ตคู่กันด้วย

ถ้าอยากกินอาหารจานเดียวอิ่มให้สั่งข้าวอบหนำเลี้ยบ (150 บาท) แกล้มด้วยเม็ดมะม่วง มะนาวและพริกขี้หนูซอย นอกจากนี้ยังมีปลากะพงทอดราดน้ำปลา (500 บาท) อีกด้วย

ร้านอัน อัน เหลา ช่วงนี้สั่งอาหารได้ทาง line @ananlao หรือโทรสอบถาม 0-2261-8188-9 ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม ทุกวัน

ปิ่นโตเถาเล็กยังมีร้านดีๆ มาให้แฟนๆ เชยชมทั้งเจ้าเล็กเจ้าใหญ่อีกมาก โปรดอดใจรอ อีกอาทิตย์เดียวเท่านั้นนะจ๊ะ

โคตรหอยเชลล์ผัดกะเพรา

ข้อมูลร้าน

เฮียให้ ข้าวผัดปูเอกมัย

โดย คุณพฤทธิ์ (น้องเซิร์ฟ) เติมไพสิฐ

ที่ตั้ง 112/1 ถ.สุขุมวิท 63 (เอกมัย )ระหว่างซอยเอกมัย 10-12 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร 06-3219-9100 (สั่งเยอะ โทรโดยตรงแล้วไปรับที่ร้านได้เลย)

ติดต่อสอบถามได้ทาง Line @herehai

หรือสั่งทาง LINEMAN,GET, GRAB FOOD

เปิดบริการ 10.00 – 18.00 น.(ช่วงนี้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว) อังคาร-อาทิตย์

และถ้าเปิดขายนั่งที่ร้านได้เมื่อไหร่ ศุกร์-เสาร์ เปิดถึง 21.00 น.

หยุด จันทร์

แนะนำ ข้าวผัดปูโคตรใหญ่ ข้าวผัดโคตรปู เอ็กซ์ตร้าปู โคตรกั้งผัดพริกเกลือ โคตรหอยเชลล์ผัดกะเพรา กะหล่ำปลีทอดน้ำปลากากหมู

อัน อัน เหลา

โดย คุณรุ่งนภา จงศุจิพันธุ์

ที่ตั้ง 122 ซ.สุขุมวิท 26 คลองตัน คลองเตย กรุงเทพฯ 10110

โทร 0-2261-8188-9

หรือสั่งอาหารได้ทาง line @ananlao

เปิดบริการ 09.00 – 20.00 น. ทุกวัน(ช่วงนี้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว)

ช่วงปกติ ร้านจะเปิด 10.00 – 22.00 น.

แนะนำ ไก่เบตง เป็ดปักกิ่ง หัวปลาผัดเผ็ด ใบเหลียงผัดกุ้งเสียบ ข้าวอบหนำเลี้ยบ ปลากะพงทอดราดน้ำปลา

ดูข้อมูลได้ที่ www.ananlao.com

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน อาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563, หน้า 20.
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก
ข้าวผัดหนำเลี๊ยบ ใบเหลียงผัดไข่ใส่กุ้งเสียบ และหัวปลาผัดเผ็ด
อัน อัน เหลา
ข้าวหน้าโทโร่รมควัน(Toro Ibushi Don)

อาทิตย์นี้คือของอร่อยดิลิเวอรีนานาชาติ เริ่มกันด้วยร้านพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ ที่ติดอันดับขายดีในกรุงเทพฯ Pizzeria Limoncello ใน ซอยสุขุมวิท 11 ขอเรียกชื่อร้านสั้นๆ ว่า ลิมอนเชลโล (หรือเลมอนเชลโล) อันหมายถึงเหล้าหลังอาหารรสมะนาว ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของสาวๆ

ที่ลิมอนเชลโลมีพิซซ่าแป้งบางกรอบสไตล์เมือง Napoli กับ Capri ประกอบด้วยพิซซ่าหน้าซอสมะเขือเทศให้เลือกหลายสิบรายการ มีทั้งเผ็ดและไม่เผ็ด เช่น พิซซ่ารสจัดหน้าไส้กรอกอิตาเลียนกับพริกสด ถัดมาเป็นไวต์พิซซ่า ซึ่งก็คือไม่ใส่ซอสมะเขือเทศอีกเกือบสิบรายการ

และยังมีพิซซ่าเมนูพิเศษที่โดนใจลูกค้าอีกนับสิบอย่าง ที่ไม่ควรพลาดคือเบอร์ 1 พิซซ่าลิมอนเชลโล (Limoncello) (482 บาท) หน้ามะเขือเทศ มอซซาเรลลาชีส แฮม เห็ดแชมปิญองสดจากนิวซีแลนด์ และกอร์กอนโซลา (Gorgonzola) ชีสที่ทำให้พิซซ่ามีกลิ่นและรสชาติเข้มข้น โรยหน้าด้วยใบร็อกเก็ต

ส่วนเบอร์ 2 คือพิซซ่าสุดโปรดของปิ่นโตเถาเล็ก พิซซ่าซานอตติ (Zanotti) (632 บาท) ตำรับเด็ดของคุณย่าของคุณซานอตติที่เพิ่มมาสคาร์โปเนชีสเข้าไปนอกเหนือจากมะเขือเทศและมอซซาเรลลาชีส ชีสตัวนี้ตามปกติเอาไว้ทำขนมทีรามิสุ ช่วยเพิ่มความมัน ความชุ่มฉ่ำให้พิซซ่าเป็นทวีคูณ โรยหน้าด้วยพาร์มาแฮมชั้นเลิศ ทำแบบวิธีดั้งเดิม หมักเกลือและตากลม (Air-Dried) ที่เมืองปาร์มาจริงๆ ซึ่งเป็นของ Cipriani เจ้าของ Harry’s Bar ชื่อดัง โดยนำเข้ามาในไทย อนุญาตให้ใช้เฉพาะเครือซานอตติเพียงหนึ่งเดียว

แต่หากเป็นทรัฟเฟิลเลิฟเวอร์ให้สั่งพิซซ่าเมนูพิเศษ แบล๊กทรัฟเฟิล (Black Truffle)(1,284 บาท) ที่ใส่ทั้งมอซซาเรลลาชีส มาสคาร์โปเนชีสเล็กน้อย ใส่ทรัฟเฟิลดำสไลซ์มาแบบไม่ยั้ง และเพิ่มความกลมกล่อมด้วยน้ำมันทรัฟเฟิล หอมเข้มอร่อยถึงใจ

ส่วนพาสต้านั้นมีให้เลือกอีกสิบกว่าเมนู ขอแนะนำ Spaghetti al Nero Di Seppia (632 บาท) สปาเกตตีหมึกดำ ที่รีดหมึกสดๆ และน้ำมาต้ม เคี่ยวกับสมุนไพรเพื่อดับกลิ่น แล้วนำมาผัดกับเส้นสปาเกตตีโฮมเมดกับน้ำมันมะกอก ใส่กุ้ง หมึก หอยแมลงภู่ หอยลาย และหอยตลับ ปากดำไม่ต้องเกรงใจใครเพราะอยู่ที่บ้านไม่มีใครเห็น และเมนูสลัดแนะนำ สลัดไส้กรอกอิตาเลียนย่าง (632 บาท) มีน้ำสลัดบัลซามิคเปรี้ยวหอมมาให้ด้วย

ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมายให้สั่งเดลิเวอรีตั้งแต่ 10 โมงครึ่งถึง 4 ทุ่มครึ่ง ทุกวันทาง LINEMAN และ GRABFOOD ซึ่งมีโปรโมชั่นพิเศษด้วย ให้ระบุหรือใส่ รหัส INK ลงในช่องหมายเหตุหรือ remark เพื่อรับของแถม (เช่นขนมหวานหรือสลัด) จากที่ร้าน ถึง 30 เมษายนนี้

โทรสอบถามได้ที่ 0-2651-0707 หรือ 08-8851-0707

ร้านต่อมาเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่ร้านญี่ปุ่นเมนูทั่วๆ ไป เพราะเชื่อว่าแฟนๆ สามารถสั่งได้เองอยู่แล้ว แต่นี่คือร้านข้าวหน้าปลาดิบและของทะเลต่างๆ (และมีเนื้อกับหมูสอดแทรกด้วย) ของญี่ปุ่น ชื่อว่า คิมูระด้ง (Kimura Don) อยู่ที่ ชั้น 4 สยามพารากอน ดูแลโดย เชฟโคจิ คิมูระ (Koji Kimura) เชฟซูชิชื่อดังระดับโลก ผู้ที่คว้ามิชลินสตาร์ 2 ดาว 5 ปีซ้อนให้กับร้าน ซูชิ คิมูระ (Sushi Kimura) ของเขาในกรุงโตเกียว

เชฟโคจิ คิมูระ คือเจ้าพ่อวงการอาหารซูชิด้วยการบ่มหมัก (Father of Aged Sushi) ในคอนเซ็ปต์ที่ว่าซูชิอร่อยที่สุดไม่ใช่ซูชิซึ่งเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ แต่เป็นซูชิที่มีการบ่มหรือหมักเนื้อปลาต่างๆ จนดึงรสชาติความอร่อยของเนื้อปลาออกมาได้เต็มที่

พิซซ่าซานอตติ
แบล็กทรัฟเฟิล
คิมูระด้ง

ขอให้ลืมข้าวหน้าปลาดิบตามที่เห็นกันทั่วไปได้เลย เพราะเชฟคิมูระหมักหรือบ่มปลาจนมีรสมีชาติสุดยอดเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งที่นี่จะใช้แต่วัตถุดิบของทะเลสดๆ จริงๆ (แน่นอนว่าราคาย่อมสูงกว่าเป็นธรรมดา) อย่างเช่นช่วงนี้ถ้าหาอูนิหรือไข่หอยเม่นสดๆ ไม่ได้ก็จะไม่เอาแบบแช่แข็งมาขายเป็นอันขาด อีกอย่างที่ชอบมากคือการปรุงข้าวญี่ปุ่นให้มีความหอมเปรี้ยวเล็กน้อยของน้ำส้มสายชู ทำให้กินแล้วไม่เลี่ยน บางเมนูก็จะใช้ข้าวญี่ปุ่นที่เป็นข้าวสวยหุงโดยไม่ปรุงเลย

เมนูต่างๆ จะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่มีในวันนั้น แนะว่าให้เข้าไปที่ อินสตาแกรม kimuradon ก่อนสั่งว่าวันนี้มีอะไรบ้าง แล้วให้โทรไปที่ 09-7056-9228 ตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 1 ทุ่มครึ่ง

มาดูตัวอย่างกันว่ามีอะไรน่ากินบ้าง คนญี่ปุ่นชอบกินทูน่าหรือมากุโระกันมาก เริ่มกันด้วยเมนู เทกกะด้ง (Tekka Don) (750 บาท) คือข้าวหน้าทูน่าอกามิหมักโชยุ กินกับวาซาบิ และดอกโฮจิโสะ ถ้าชอบเปรี้ยวหอมนิดๆ เหมือนปิ่นโตเถาเล็กให้สั่ง อูเมะเทกกะด้ง (Ume Tekka Don) (890 บาท) ชอบมากเพราะเนื้อปลาทูน่าอกามิสับมีความเปรี้ยวหอมของบ๊วยญี่ปุ่น และให้ชิ้นท้องปลาทูน่าหรือชูโทโร (Chutoro) มันๆ อีกด้วย ต่อด้วย ข้าวหน้าปลาไหลทะเลอนาโกะ (Anago Don) (600 บาท) นุ่มที่สุดเท่าที่เคยกินมา (เมนูนี้ไม่ดิบนะจ๊ะ)

ข้าวหน้าปลาไหลทะเลอนาโกะ

ต่อด้วย ข้าวหน้าปลาแซลมอนรมควันหมักซอส (Salmon Ibushizuke Don) (285 บาท) กินกับวาซาบิ คนชอบแซลมอนต้องถูกใจมาก ข้าวหน้าโทโร่รมควัน (Toro Ibushi Don) (750 บาท) เป็นท้องปลาทูน่าส่วนชูโทโร่ (chutoro) รมควัน ใส่คาราชิ (karashi) หรือมัสตาร์ดญี่ปุ่นและใบโอบะ ข้าวหน้าปลาฮามาจิหมักซอส กับไข่แดงญี่ปุ่น (Hamachi Ran-O Don) (400 บาท) ข้าวหน้าปลาแซลมอนกับหมึก (Salmon Ika Don) (350 บาท) กินกับต้นหอมจิ๋วญี่ปุ่น

ส่วนเมนูอื่นๆ ที่ไม่ดิบก็มีด้วยเช่น อามาเอบิ ยานากาว่า (Ama Ebi Yanagawa) (325 บาท) ข้าวสวยญี่ปุ่นหน้ากุ้งหวานกับไข่สดญี่ปุ่น และต้นหอมขาวญี่ปุ่น (Shiro Negi) กับใบนิระ (Nira)

ถือว่าสัปดาห์นี้เป็นการเลี้ยงฉลองล่วงหน้าก่อนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติในอนาคตอันใกล้นะจ๊ะ

Pizzeria Limoncello
(ลิมอนเชลโล)

ที่ตั้ง 17 ซอยสุขุมวิท 11 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

บริการดิลิเวอรี 10.30-22.30 น.

โทร 0-2651-0707, 08-8851-0707

หรือสั่งทาง LINEMAN และ GRABFOOD ซึ่งมีโปรโมชั่นพิเศษด้วย ให้ระบุหรือใส่รหัส INK ลงในช่องหมายเหตุหรือ remark เพื่อรับของแถม (เช่นขนมหวานหรือสลัด) จากที่ร้าน ถึง 30 เมษายนนี้

แนะนำ พิซซ่าลิมอนเชลโล พิซซ่าซานอตติ พิซซ่า Black Truffle สปาเกตตีหมึกดำ (Spaghetti al Nero Di Seppia) สลัดไส้กรอกอิตาเลียนย่าง

Facebook : Pizzeria Limoncello

Kimura Don

ที่ตั้ง ชั้น 4 สยามพารากอน ถ.พระราม 1 ปทุมวัน กรุงเทพฯ

โทร 09-7056-9228

บริการดิลิเวอรี 11.00-19.30 น. ทุกวัน

แนะนำ ข้าวหน้าปลาดิบและของทะเลต่างๆ หมักหรือบ่มปลาจนมีรสมีชาติสุดยอดเป็นเอกลักษณ์

Instagram : kimuradon

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
Kimuradon
เชฟโคจิ คิมูระ
ข้าวหน้าปลาแซลมอนรมควันหมักซอส
อูเมะเทกกะด้ง
เป็ดย่าง

เดือนแห่งการดิลิเวอรีนี้ มาต่อกันด้วยร้านโปรดของครอบครัวเรา โตเป็ดย่าง เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2524 เป็ดย่างหนังกรอบของโตเป็ดย่างอร่อยถึงขนาดเคยนำขึ้นเครื่องไปเสิร์ฟบนสายการบินแห่งชาติ ได้ตราเชลล์ชวนชิมมานานแล้ว

ตอนนี้คุณสน-สมประสงค์ กิ้มนวล ภรรยาของโตเป็นผู้ดูแลร้าน ซึ่งตัวร้านยังอยู่ใกล้ สี่แยกบางโพ ตรงถนนประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 20 เข้าซอยไปนิดเดียวร้านอยู่ทางขวามือ

เมนูอร่อยของที่นี่นอกจากเป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบแล้ว กับข้าวตามสั่งประเภทขึ้นเหลาก็มีหลากหลาย คนผัดคือคุณน้อย น้องสะใภ้ของคุณสนซึ่งเป็นชาวจังหวัดตรัง ทำอาหารได้รสจัดเป็นที่สุด สลับมือกับตัวน้องสนเองซึ่งมีพรสวรรค์แต่กำเนิด เคยผัดข้าวห่ออาหารตามสั่งมานาน

ร้านโตเป็ดย่าง เปิดร้านไวมากแค่ 6 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม แต่ถ้าจะสั่งเป็ดย่างควรจะรีบตั้งแต่กลางวัน เพราะมักจะหมดก่อนอย่างอื่น

สูตรและวิธีการย่างเป็ดมาจากก๋งของสน แล้วโตนำมาปรับปรุงเพิ่มเติมจนลูกค้าติดใจไปตามๆ กัน โดยจะหมักเป็ดเชอรี่ยัดไส้ด้วยเครื่องเทศต่างๆ เช่น ผงพะโล้ พริกไทย และเหล้าขาวไว้ตอนบ่าย 3 โมง แล้วผึ่งพัดลมไว้ 1 คืน พอตี 5 ของวันรุ่งขึ้นก็นำไปแขวนย่างกลับด้านในเตาสเตนเลส คือด้านหน้าอกนาน 25 นาที ที่ย่างนานกว่าเพราะเนื้อแน่นกว่า และด้านหลังอีก 20 นาที รวมแล้วเป็ด 1 ตัวใช้เวลาย่าง 45 นาที

ก่อนอื่นราคาอาหารที่แจ้งนี้คือ ไปซื้อหรือสั่งที่หน้าร้าน ไม่ได้ผ่านระบบดิลิเวอรีของเจ้าต่างๆ ซึ่งจะมีราคาแตกต่างกัน

เป็ดสูตรนี้เนื้อนุ่ม หนังหอมหวนชวนกิน อร่อยทั้งเมนู เป็ดย่าง เปล่าๆ (จานละ 125 บาท ครึ่งตัว 250 บาท ตัวละ 500 บาท) และ เป็ดผัดกะเพรา (180 บาท) ยิ่งอร่อย ซึ่งเคล็ดลับอยู่ที่เขาใส่ใบมะกรูดและพริกเหลืองกับพริกขี้หนูสวนลงไปผัดด้วยเพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอม ซึ่งถ้าเป็ดหมดในแต่ละวัน ก็จะแจ้งไว้ในบริการส่งทั้งหลายเลยว่าหมดแล้ว สั่งไม่ได้

เมนู กับข้าวตามสั่งมีอีกหลายอย่าง ที่ห้ามพลาดก็คือ เนื้อปูผัดผงกะหรี่ (350 บาท) เนื้อปูสดเป็นก้อนๆ มาจากจังหวัดตรังของน้องสะใภ้ ผัดสูตรเด็ดใส่นมสดกับน้ำพริกเผาด้วย รสจัดหอมหวานอร่อยอย่าบอกใคร มาร้านโตเป็ดย่างแล้วไม่ได้ชิมปูผัดผงกะหรี่เหมือนมาไม่ถึงร้าน

ตามด้วย กระเพาะปลาผัดแห้ง (180 บาท) ใส่เห็ดหอม ถั่วงอก ต้นหอม และเนื้อปู กับ กระเพาะปลาน้ำแดง (150 บาท) นี่ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน กระเพาะปลาแห้งนั้นซื้อแบบเป็นตัวจากเยาวราช นำไปทอดให้พอง แล้วแช่น้ำบีบเอาน้ำกับน้ำมันออก นำไปแช่ตู้เย็น ใครสั่งทำเมื่อไหร่ค่อยเอาออกมาปรุง ส่วนกระเพาะปลาน้ำแดงร้านนี้รสชาติกลมกล่อม อย่าลืมเติมน้ำส้มพริกตำกับจิ๊กโฉ่วเปรี้ยวๆ หอมๆ ลงไปด้วย

ต้มยำปลากะพงขาว (120-220 บาท) หากหน้าไหนมีตะลิงปลิงหรือมะดันเปรี้ยวๆ หอมๆ ก็จะใส่ด้วย และหมูกรอบที่นี่เลือกชิ้นที่มีมันแทรกเยอะๆ มาทำ ถึงจะกรอบ แล้วนำมาย่างด้วยเตาถ่าน 1 ครั้ง รุ่งขึ้นก็เอามาย่างซ้ำอีกรอบเพื่อให้น้ำมันออกจากหนังให้มากที่สุด หนังจะได้กรอบอร่อย (ขีดละ 70 บาท)

ซึ่งนอกจากจะสั่งที่ร้านตามเบอร์ 0-2912-6395 และ 0-2912-6380 แล้ว ยังสั่งทาง LINEMAN, WONGNAI, GET FOOD และ FOOD PANDA ได้ด้วย

เนื้อปูผัดผงกะหรี่
กระเพาะปลาน้ำแดง
ข้าวต้มปลา

โตเป็ดย่างยังมีอีกสาขาอยู่ที่เมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ญาติๆ กันเป็นคนดำเนินงาน โทร 0-2982-9904 และ 08-5065-6456 ด้วย

สำหรับใครที่อยู่บ้านนานๆ ต้องการชิมของอร่อยถูกปากแต่อยากคุมน้ำหนัก ขอแนะนำ ร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์ เจ้านี้ร้ายครบเครื่องทั้งน้ำ เนื้อ ข้าว และน้ำจิ้ม มีดีกรีห้อยท้ายว่า เจ้าเก่าสะพานเหลือง (ซึ่งปิดตัวกลายเป็นตำนานไปแล้ว หลังจากอยู่มานานครึ่งศตวรรษ) ฝีมือคนปรุงไม่ธรรมดา เพราะเป็นลูกมือช่วยพ่อทำตั้งแต่ยังเล็ก

ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้าของร้านคือคุณอุษณีย์ ลิขิตยั่งยืน ลูกสาวของร้านข้าวต้มปลาสะพานเหลือง ซึ่งได้สืบทอดตำนาน ย้ายมาเปิดร้านข้าวต้มปลาในย่านเก่าแก่ดงร้านอาหารอร่อยเช่นกัน นาน 6 ปีแล้ว อยู่ในตึกแถว 1คูหาริมถนน ก่อนถึง ปากซอยยศเส ฝั่งถนนพลับพลาไชย เลยวัดเทพศิรินทร์มาไม่กี่ร้อยเมตร โดยร้านจะเปิดช่วงเย็น ตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึง 3 ทุ่ม

ลวกจิ้มเครื่องในปลาใส่ราวท้องปลากะพง

เริ่มกันที่น้ำซุป น้ำต้มกระดูกหมูหม้อหนึ่งใส่กระดูกถึง 4-5 กิโล เคี่ยวนานตั้งแต่เช้า ตกตอนบ่ายๆจึงยกมาที่ร้านนี้ น้ำซุปจึงมีรสมีชาติหอมหวาน ไม่จืดชืด ส่วนข้าวก็เป็นองค์ประกอบสำคัญ ต้องเป็นเม็ดสวย ซึ่งต้องใช้ข้าวเก่ามาต้มจึงไม่เละ เคี้ยวได้อร่อย สั่งเป็นข้าวต้มหรือข้าวสวยกินกับเกาเหลาก็ดีทั้งคู่

และเครื่องนั้นมีหลากหลาย ซึ่งเนื้อปลาเน้นแต่ ปลากะพง ที่คัดมาเฉพาะปลากะพงทะเล ไม่ใช่ปลากะพงเลี้ยง ตัวหนึ่งหนักกว่า 12 กิโล เนื้อจึงแน่นหวานและมีหนังหนึบอร่อย ที่สำคัญคือผลพลอยได้ กระเพาะปลาสด ที่ใหญ่โตเคี้ยวได้เต็มคำ นำมาล้าง ขูดเมือก ทำความสะอาด ลวกและหั่นชิ้นโตๆ อร่อยจนไม่อยากกลืน นอกจากกระเพาะปลาแล้ว ยังได้ ตับปลา ที่เนื้อเนียนสดหอมอีกด้วย และหน้านี้ยังมีไข่ปลาอีกด้วย

ยังไม่หมดนะจ๊ะ มี หอยนางรม ปากจีบตัวเล็กๆ หวานสด กุ้งแชบ๊วยเนื้อแน่น เซ่งจี๊ ที่กรอบอร่อยปราศจากกลิ่นฉุน ซึ่งต้องไปเลือกซื้อแต่เช้าๆ เลือกเอาเฉพาะที่สดจริงๆ กระเพาะหมูที่ล้างทำความสะอาดจนหมดจด ปรุงด้วยพริกไทย นำไปเคี่ยวนาน 4 ชั่วโมง นุ่มอร่อยหอมมาก ต้องยกความดีให้น้องท็อป ลูกชายคุณอุษณีย์ ที่นับเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ข้าวต้มปลาก็ต้องคู่กับ บะเต็ง ที่แสนจะนุ่มเข้าเนื้อหอมๆ ไม่มีชิ้นแข็งๆ ให้เสียอารมณ์ ที่นี่เขาเรียกว่า หมูอบซอส ทำจากหมูเนื้อสันติดมันนิดๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนนุ่มได้ที่

ไม่เอ่ยถึงน้ำจิ้ม คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขามีน้ำจิ้ม 3 ชนิด ทั้ง น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวดั้งเดิม หอมๆเค็มๆ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวพริกกระเทียม มีรสเผ็ดด้วย และ น้ำจิ้มซีฟู้ด ที่ปั่นเองปรุงเอง รสแซ่บอร่อยที่สุด

เมนูเดลิเวอรีที่ขอแนะนำคือ ข้าวต้มรวมมิตร (200 บาท) ใส่ทั้งปลากะพง หอยนางรม เซ่งจี๊ กุ้งแชบ๊วย กระเพาะหมู และหมูบะเต็ง และมี ลวกจิ้มเครื่องในปลา (250 บาท) มีทั้งกระเพาะปลาสดสีขาวๆ กระเพาะกรอบ(เครื่องในของปลากะพงทะเล) ตับปลาชิ้นโตๆ และไข่ปลา (ถ้าไม่ใส่กระเพาะปลาสด คิด 200 บาท) ผมสั่งให้เพิ่ม เนื้อราวท้องปลากะพง มันๆ อีกด้วย

เดี๋ยวนี้มีเมนูใหม่โดนใจวัยรุ่น ข้าวต้มแห้ง 2 หมู (100 บาท)ใส่ทั้งหมูบะเต็งกับหมูสับ หรือจะทำเป็นข้าวต้มใส่น้ำซุป 2 หมูตามปกติก็ได้ ส่วนข้าวต้มปลากะพงเริ่มต้นที่ 150 บาท

โทรสอบถามที่ร้านได้ที่เบอร์ 08-1000-0671 08-1868-5323 ตั้งแต่ บ่าย 4 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม หรือสั่งทาง Lineman กดหาร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์ ก็ได้

อาทิตย์หน้าปิ่นโตเถาเล็กจะแนะนำร้านอาหารนานาชาติบ้าง โปรดอดใจรออีกแค่ 7 วัน

 

ร้านโตเป็ดย่าง

โตเป็ดย่าง

โดย คุณสมประสงค์ (สน) กิ้มนวล

ที่ตั้ง 324/3 ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 20 เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800

โทร 0-2912-6395, 0-2912-6380

เมนูแนะนำ/ราคา เป็ดย่าง เป็ดผัดกะเพรา เนื้อปูผัดผงกะหรี่ กระเพาะปลาผัดแห้งกระเพาะปลาน้ำแดง ต้มยำปลากะพง หมูแดงและหมูกรอบ

เปิดบริการ ทุกวัน 06.00-20.00 น.

Facebook โตเป็ดย่าง-บางโพ

สั่งได้ทาง ที่ร้านตามเบอร์โทร และ ทาง LINEMAN, WONGNAI, GET FOOD และ FOOD PANDA

ร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์

ข้าวต้มปลา by อุษณีย์

โดย คุณอุษณีย์ ลิขิตยั่งยืน

ที่ตั้ง 19/2 ซอยยศเส ถนนพลับพลาไชย ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

โทร 08-1000-0671, 08-1868-5323

เปิดบริการ 16.00-21.00 น. ทุกวัน(เฉพาะช่วงนี้)

สั่งได้ทาง Lineman กดหาร้านข้าวต้มปลา by อุษณีย์

แนะนำ ข้าวต้มปลากะพงรวมมิตร ลวกจิ้มเครื่องในปลา ข้าวต้มแห้ง 2 หมู

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)

ข้าวแกงดิลิเวอรี – การระบาดของ ไวรัสโควิด-19 คือสถานการณ์พิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกยุคปัจจุบัน ที่ทุกคนคุ้นเคยกับการเดินทางไปมาหาสู่กันในชีวิตประจำวัน กลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านต้านภัยไวรัสตลอด 24 ชั่วโมง

ร้านอาหารแทบทุกแห่งต่างปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด หันมาเปิดบริการดิลิเวอรีส่งตรงถึงประตูบ้าน ปิ่นโตเถาเล็กจึงขอเอาใจแฟนๆ ด้วยการแนะนำร้านอาหารเหล่านี้เป็นซีรีส์ยาวๆ หลายตอน อยู่บ้านเฉยๆ ก็มีบริการส่งอาหารมาปรนเปรอ เพิ่มความสุขทางใจในยามที่ออกไปไหนไม่ได้

เริ่มกันด้วยร้านแรกที่ไม่มีหน้าร้าน เปิดบริการเฉพาะกิจสดๆ ร้อนๆ ในยามนี้เลย ร้านนี้มีชื่อว่า เจริญแกง ถึงแม้จะเป็นน้องใหม่แต่ก็ไม่ธรรมดา เพราะเจริญแกงอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ น้องปลา อัจฉรา บุรารักษ์ แห่ง Iberry เพื่อการดิลิเวอรีเท่านั้น

คอนเซ็ปต์ของเจริญแกงต่างจากร้านอื่นๆ ในเครือนี้ ตรงที่จะเน้นเมนูข้าวแกง ซึ่งคนไทยคุ้นเคย ทำรสจัดถูกปากมาก ผมลองมาแล้วเกือบทุกเมนู ขอบอกว่ารสชาติพื้นบ้านดั้งเดิมเผ็ดร้อนกว่าเดิม และมีของอร่อยเหมือนในวัยเด็กหลายอย่าง เหมาะสำหรับพวกเราที่สามารถสั่งอาหารมากินไม่ซ้ำกันได้ทุกวัน กินง่ายแต่อร่อยไม่เลี่ยน

ของกินบ้านๆ ที่ว่านี้มีตั้งแต่ หลนปลาร้า ใส่ปลาดุก แนมด้วยผักสดสารพัด (125 บาท) หรือจะเป็นน้ำพริกคุ้นเคย น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ชุดผัก (140 บาท) น้ำพริกปลาร้า กับผักสดและผักนึ่ง (120 บาท) อย่างที่บอกไปว่าปิ่นโตเถาเล็กลองชิมทุกอย่างแล้ว รสบ้านๆ ถูกใจมาก

จำพวกแกงๆ มีของดีที่หายาก แกงคั่วหอยขมยอดชะอม (150 บาท) สุดยอดมาก (เวลากินอาจจะกัดโดนลูกหอยกรุบๆหน่อย) แกงอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่น แกงเทโพหมูสามชั้น (135 บาท) แกงเหลืองปลายอดไหลบัว (165 บาท) แกล้มด้วย ไข่พะโล้หมูสามชั้น (145 บาท) ที่ไข่รัดตัวเคี้ยวดังกึ๊ดเลย และ ไข่ลูกเขย (95 บาท) ไข่แดงเป็นยางมะตูมเยิ้มๆ ที่น่าลิ้มลองมากคือ ปีกไก่ต้มซีอิ๊วใส่ไข่พะโล้ไข่นกกระทา (145 บาท) ที่น้องอีกคนสั่งไปกินที่บ้าน บอกว่าไข่พะโล้ไข่นกกระทาหอมมันจริงๆ อีกอย่างที่ควรลองคือเมนูผัด ไก่ผัดพริกใส่หน่อไม้ดอง (110 บาท) ซึ่งมี หมูสับผัดพริกหน่อไม้ดอง อีกอย่างด้วย (110 บาท)

ของไม่เผ็ดก็มีให้เลือกมากมาย เช่น หมูสามชั้นทอดน้ำปลา (110 บาท) ต้มจืดมะระยัดไส้ (75 บาท ต่อ 1 ชิ้น) กุยช่ายผัดตับ (105 บาท) ใบเหลียงผัดไข่ (105 บาท) ซึ่งเมนูนี้สั่งมาควรรีบกินก่อนที่ผักจะสลด

น้องปลาไฟแรงมาก กำลังจะออกเมนูใหม่มาอีกเพียบ ตอนนี้เมนูอาหารหลักๆ มีมากกว่า 30 อย่างแล้ว ไม่นับพวกไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ข้าวสวย ข้าวไรซ์เบอร์รี นอกจากนี้ยังมีขนมไทยๆ อีกด้วย ที่ห้ามพลาดคือ ขนมกล้วย ชิ้นหนาๆ โตๆ (60 บาท) ขนมถ้วยกะทิสด (50 บาท) อีกทั้ง สังขยาฟักทอง (ชิ้นละ 65 บาท ลูกละ 250 บาท) ไม่นับเครื่องดื่มน่ากินอีกต่างหาก เช่น น้ำส้มมะปี๊ด (55 บาท) เปรี้ยวหอมหวาน ซึ่งมีเฉพาะฤดูกาล และ ชาไทยนมเย็นเฉาก๊วย (55 บาท)


ร้านเจริญแกงเปิดให้สั่งได้กับที่ร้านทาง Line: @charoengang ในเวลา 09.00-21.00 น. มีค่าจัดส่งตามระยะทาง (จากทองหล่อ) ถ้าสั่งที่ร้านก็โอนเงินเข้าบัญชีได้เลย จัดส่งโดยพนักงานบริษัท โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 06-3464-9929 อีกทั้งดูได้ที่ Facebook : Charoengang และ IG: charoengang

และสามารถสั่งดิลิเวอรีได้ทาง Lineman และ Grabfood อีกด้วยในช่วงเวลา 10.00-20.30 น. กับ Lineman: https://wongn.ai/3jrw0 และ Grabfood: https://bit.ly/3bsoxqK

หลนปลาร้า
หมูสามขั้นทอดน้ำปลา
น้ำพริกปลาทู

อีกร้านหนึ่งชื่อคล้ายกันแต่เป็นคนละเจ้าของ คือร้านก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำเจ้าดัง เจริญพุงโภชนา ของ น้องอาร์ท ภาคภูมิ สุวรรณเตมีย์ มีสาขาหลายแห่ง ที่น่าสนใจมากคือนอกจาก ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ ข้าวต้มแห้ง เกี๊ยวทอดหน้าโรงเรียน กุ้งแพทอด สามชั้นเซิ้งแจ่ว ซึ่งเป็นเมนูดังประจำร้านแล้ว ยังมีเมนูพิเศษสุดยอดทั้งหมด 4 อย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่น้องอาร์ททำกินเองสมัยเรียนที่เมืองนอก (ซานฟรานซิสโก) ทำแจกน้องๆ เพื่อนๆ คนไทยที่โน่น

แกงเขียวหวานเนื้อสามชั้นและซี่โครงเนื้อพริกขี้หนูสวน ที่ใช้เนื้อชิ้นโตประมาณ 10 กิโลมาตุ๋นจนเปื่อย 50% เกือบ 2 ชั่วโมง ทิ้งให้เย็นจนเนื้อรัดตัวก่อน นำมาแล่ชิ้นโตๆ หนาๆ แล้วเคี่ยวกับหางกะทิและเครื่องแกงจนเปื่อยนุ่ม (กล่องละ 200 บาท) ใช้เครื่องแกงซื้อมา เติมลูกผักชียี่หร่าคั่ว กับพริกขี้หนูสวน ซึ่งถ้าไม่กินเนื้อ ก็มี แกงเขียวหวานหมูสามชั้นและซี่โครงหมูพริกขี้หนูสวน

ต่อด้วย สามชั้นทอดน้ำปลา (150 บาท) หมักกับน้ำปลาดี ทอดจนแห้งนิดๆ นุ่มอร่อยกินแล้วจะหยุดไม่ได้ และ ต้มจับฉ่าย (กล่องละ 100 บาท) ใส่ผักหลากหลาย ต้มกับข้อไก่และเนื้อไก่กับเห็ดหอม ใช้น้ำซุปเคี่ยวกระดูกหมูสำหรับทำก๋วยเตี๋ยวหอมหวานมาต้ม เมนูสุดท้ายคือ เนื้อแดดเดียว (ถุงละ 120 บาท) ซึ่งมีจำนวนจำกัด น้องอาร์ทรับมาเจ้าประจำที่หนองจอก รสอมหวานนิดๆ ใส่ลูกผักชีนิดๆ

ทุกเมนูสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นอาทิตย์ (แต่ไม่กี่มื้อก็หมดเกลี้ยงแล้ว) สามารถสั่งจองเข้ามา โดยสั่งทิ้งไว้ใน line id art_sf ได้ตลอด ซึ่งอาร์ทจะดูทุกวัน และจะมารับที่ร้านเจริญพุงโภชนาสาขาเจริญรัถ ตรงข้ามซอยเจริญรัถ 3 หรือสุดซอยลาดหญ้าซอย 6 หรือให้จัดส่งก็ได้เช่นกัน สั่งขั้นต่ำ 500 บาท จัดส่งฟรี (เฉพาะในเมือง) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08-1657-4568 ซึ่งถึงเวลาอาจจะมีเมนูอื่นๆ ขึ้นมาใหม่หมุนเวียนเปลี่ยนไปแน่นอน

แกงเขียวหวานหมูสามชั้น

ยังมีร้านดีๆ ที่ทำอาหารหลากประเภทหลายสัญชาติให้แนะนำอีกเพียบ ซึ่งจะทำให้การเก็บตัวอยู่ที่บ้านของแฟนๆ มีความรื่นรมย์ขึ้นเป็นกองเลยนะจ๊ะ

เจริญแกง

โดย คุณอัจฉรา (ปลา) บุรารักษ์

แนะนำ เมนูข้าวแกงดิลิเวอรีสารพัด รวมทั้งขนมไทยและเครื่องดื่มต่างๆ

โทร 06-3464-9929

วิธีการสั่ง สั่งกับที่ร้าน Line: @charoengang 09.00-21.00 น. มีค่าจัดส่งตามระยะทาง และทาง Lineman และ Grabfood 10.00-20.30 น.

Lineman: https://wongn.ai/3jrw0 และ Grabfood: https://bit.ly/3bsoxqK

น้องอาร์ตเจ้าของร้าน

เจริญพุงโภชนา

โดย คุณภาคภูมิ (อาร์ท) สุวรรณเตมีย์

แนะนำ นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยวและของกินเล่นประจำร้านแล้ว ยังมีเมนูพิเศษ 4 อย่าง แกงเขียวหวานเนื้อ (และหมู) สามชั้น และซี่โครงเนื้อพริก ขี้หนูสวน สามชั้นทอดน้ำปลา ต้มจับฉ่าย เนื้อแดดเดียว และอื่นๆ

โทร 08-1657-4568

วิธีการสั่ง Line: art_sf w โดยไลน์สั่งทิ้งไว้

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
เจริญแกง-น้ำพริกปลาร้า
เจริญแกง-น้ำส้มมะปี๊ด
เจริญแกง-ขนมกล้วย
เจริญแกง-ไก่ผัดพริกหน่อไม้ดอง
เจริญพุงโภชนา-ต้มจับฉ่าย
เจริญพุงโภชนา-เนื้อแดดเดียว
เจริญพุงโภชนา-บริการดิลิเวอรี่