ณัฐกานต์ สอนโยหา-เรื่อง, ภัทรสุดา พิบูลย์-ภาพ

หลังเปิดสาขาแรกในไทยไปเมื่อปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าผลตอบรับดีเกินคาด จนนำมาสู่การเปิดตัวสาขาที่ 3 ของร้านอาหารเม็กซิกันเกรดพรีเมียมที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงต่างประเทศก็สามารถกินได้ “Cali-Mex Grill & Bar” โดยสาขานี้ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท ซอย 11 ซึ่งแน่นอนว่านอกจากจะมีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย จุดเด่นก็คือการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก แถมยังคงคุณภาพความสด อร่อย และยึดมั่นในมาตรฐาน ตามสไตล์ครัวแคลิฟอร์เนียน

Cali-Mex Grill & Bar สาขานี้เป็นสาขา Flagship จึงจะมีอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกมากขึ้น บรรยากาศภายในร้านตกแต่งเป็นสไตล์แคลิฟอร์เนีย มีโซฟาใหญ่นั่งสบาย และโต๊ะที่ออกแบบโดยเฉพาะจากประเทศแคนาดา มีโซนต่างๆให้ลูกค้าได้เลือกนั่ง ทั้งบรรยากาศนอกร้านแบบชิลล์ๆ และบรรยากาศสุดหรูภายในร้าน รวมถึงมีเคาน์เตอร์บาร์ไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มค็อกเทล นอกจากนี้ยังมีเตกีล่าบาร์ตั้งอยู่ชั้น 3 ของร้าน ซึ่งจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้อีกด้วย

ไม่พูดพร่ำทำเพลง “มติชนอคาเดมี” พาชิมอาหารเม็กซิกันของร้าน Cali-Mex Bar & Grill กันเลยดีกว่า โดยเริ่มกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยกัน “ปีกไก่สูตรพิเศษ” ที่เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงอย่างอโวคาโด ผักสด คอร์นชิป และชีสทอด เพื่อให้ได้เท็กซ์เจอร์ที่หลากหลาย รสชาติที่ได้จะมีทั้งความเปรี้ยว ความหอม ความมัน ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว พอได้ชิมแล้วถือว่าเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ดีเลยทีเดียว

ปีกไก่สูตรพิเศษ

ที่ชอบเลยก็คือเมนู “Sizzling Garlic Chilli Prawns” หรือกุ้งในกระทะร้อนๆ กินคู่กับแผ่นแป้งตอติญ่าหอมๆ สูตรพิเศษ ใช้เครื่องผลิตที่สั่งตรงมาจากแม็กซิโก ที่สามารถผลิตแผ่นแป้งได้ถึง 900 แผ่นต่อชั่วโมง ได้รสชาติเผ็ดนิดๆ เค็มหน่อยๆ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

Sizzling Garlic Chilli Prawns

นอกจากนี้ยังมีเมนูเรียกน้ำย่อยให้เลือกทานอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Cali-Wings, Mac and Cheese, Spinach and artichoke Dip, Queso Fundido และอีกหลายเมนู

 

มาต่อกันด้วยเมนูอาหารจานหลักของทางร้าน แต่ละเมนูเรียกได้ว่าสวยทั้งรูป จูบก็หอม นั่นก็คือมีทั้งความสวยงามและรสชาติที่อร่อย อัดแน่นด้วยคุณภาพเต็มๆ ทุกจาน อาหารที่นี่จะมีให้เลือกทานหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเมนูเนื้อ หมู ไก่ ซีฟู้ด หรือแม้กระทั่งผู้ที่กินมังสวิรัติก็สามารถแจ้งทางร้านได้

ประเดิมจานหลักด้วย “BBQ Ribs” ซี่โครงหมูอบร้อนๆ เคลือบด้วยซอสบาร์บีคิวสูตรเข้มข้นพิเศษ รสชาติออกเปรี้ยวหวาน เผ็ดนิดๆ ได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศแบบจัดเต็ม ใครที่เป็นสาวกซี่โครงบอกเลยว่าห้ามพลาด

BBQ Ribs

อีกเมนูที่ห้ามพลาดเมื่อมากินอาหารเม็กซิกัน คือ “ทาโก้” แป้งตอติญ่าหอมๆ กินคู่กันกับเนื้อชั้นดี แถมยังให้มาตั้ง 3 ชิ้น เรียกได้ว่าทั้งอร่อยทั้งคุ้มกันไปเลยกับเมนูนี้

Tacos

อีกจานที่เรียกได้ว่าไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ นั่นก็คือเมนู “Slow Roast Duck” อกเป็ดอบกินคู่กับมันบดผสมเห็ดทรัฟเฟิล ทีเด็ดอยู่ตรงที่ซอสบลูเบอรี่ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน กินคู่กับอกเป็ดถือว่าตัดเลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว

Slow Roast Duck

นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นให้เลือกกินอีกหลายเมนู เช่น Baked Canadian Lobster, Nachos, Quesadillas, Cheese Burger, Grilled Atlantic Ocean Salmon, Kurobuta Pork Chop เป็นต้น

 

นอกจากอาหารแล้วทางร้านยังมีบาร์เครื่องดื่มและก๊อกจ่ายเบียร์ (Beer taps) ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งจิบเบียร์อยู่แคลิฟอร์เนียจริงๆ โดยจะสามารถให้ลูกค้ากดเบียร์เองได้ และคิดราคาตามมิเตอร์ เรียกได้ว่า “กินเท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น”

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถไปได้ที่ สุขุมวิท ซอย 11 หรือลง Bts Nana เข้าซอย 300 เมตร ตรงข้ามโรงแรม A loft เวลาทำการ 10.30-02.30 น. ทุกวัน

เรื่องโดย กชกร สายแสง, กมลชนก ครุฑเมือง

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสไตล์เม็กซิกัน “ทาโก้ เบลล์” สาขาแรกในประเทศไทย ที่ศูนย์การค้า เมอร์คิวรี่ วิลล์ แอท ชิดลม ชั้น 1 หลังเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2505 ในสหรัฐอเมริกา ความอร่อยที่รสชาติจัดจ้าน วัตถุดิบมีคุณภาพ ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจำนวนมากจนกลายมาเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ และให้บริการกว่า 7,000 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 450 สาขาใน 29 ประเทศทั่วโลก

“เฉลิมชัย มหากิจศิริ” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าร้านทาโก้ เบลล์ เข้ามาในประเทศไทย กล่าวว่า ตนเคยลองทานตอนอยู่อเมริกา และรู้สึกชอบ ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีฟาสต์ฟู้ดสไตล์เม็กซิกัน จึงอยากให้คนไทยได้มีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติความเผ็ดร้อน กลมกล่อมของทาโก้ เบลล์ ซึ่งเป็นร้านอาหารจานด่วนกึ่งเม็กซิกันสไตล์ที่โด่งดังมากในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก และหวังว่าจะถูกปากนักชิมชาวไทย เพราะรสชาติที่จัดจ้านและความสดใหม่ของวัตถุดิบ เช่น เนื้อไก่และผักสดจากไทย เนื้อหมูจากออสเตรเลีย อโวคาโดจากเม็กซิกัน มันฝรั่งและชีสจากอเมริกา

“จุดเด่นอย่างแรกคือตัวซอสของทาโก้ เบลล์ ที่ซอสเผ็ดมีให้เลือก 2 ระดับ คือ hot sauce และ fire sauce ซึ่งถือว่าเป็นซอสที่เผ็ดที่สุดตั้งแต่เคยทำมา นอกจากนี้ยังพูดได้เลยว่าทาโก้ เบลล์ เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดเม็กซิกันเจ้าแรกของประเทศไทย ที่คนสามารถมาเอ็นจอยกันได้ในราคาเริ่มต้นที่ 69-189 บาท”

“เฉลิมชัย” ยังบอกอีกว่า ไม่เพียงเท่านี้ ทาโก้ เบลล์ จะยังเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแนวใหม่นอกจากนักชิมจะได้ลิ้มรสความจัดจ้านสไตล์เม็กซิกันแล้ว ยังมีบริการ Joox box ที่ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันคลาวด์ ดีเจ โดยที่สามารถกดโหวตเพลงที่อยากฟังในร้านได้ เพลงไหนมีผลโหวตมากที่สุดจะได้เล่นเป็นเพลงถัดไป ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะขยายสาขาของทาโก้ เบลล์ ให้ได้ 40 สาขาใน 5 ปี

สำหรับเมนูภายในร้านทีได้รับความนิยมมากที่สุดหรือมีแค่ในประเทศไทย คือ “คิกกิ้น ชิคเก้น ทาโก้” (Kickin’ Chicken Taco) ไก่ทอดกรอบนอก นุ่มใน ห่อด้วยแป้งตอติญ่าแสนนุ่ม เพิ่มรสชาติจัดจ้านด้วย “คิกกิ้น ซอส” (Kickin’ Sauce) และซาวครีม ท็อปด้วยผักสด มะเขือเทศ และเชดด้าชีส

นอกจากนี้ยังมีเมนูต่อมาที่ได้รับความนิยมพอๆ กันอีกหลากหลายเมนู อาทิ

“ทาโก้ ซูพรีม” (Taco Supreme) เด่นด้วยแป้งทาโก้กรอบๆ หรือจะเลือกแบบนุ่ม ทานคู่กับไก่บด, ไก่ย่าง, ไก่ทอด หรือหมูฉีกสไตล์เม็กซิกัน ราดซอสเผ็ดสูตรลับเฉพาะของทางร้าน เพิ่มรสกลมกล่อมด้วยซาวครีม และ เชดด้าชีส ทานคู่กับผักสดและมะเขือเทศ

“เคซาติญ่า” (Quesadilla) เมนูนี้โดดเด่นด้วยแป้งตอติญ่า นุ่มละมุนลิ้นแบบหนึบๆ ด้วยไส้ชีส 2 ชนิด มอสซาเรลล่าชีสและเชดด้าชีส เพิ่มความลงตัวด้วยซอสเฮลาพิโน โดยสามารถเลือกได้ว่าจะทาน เป็นไก่บดหมักเครื่องเทศ, ไก่ย่าง, ไก่กรอบ, หรือหมูฉีกสไตล์เม็กซิกัน

ปิดท้ายด้วยของว่างเคี้ยวเพลินกับเมนู “นาโช่ส์” (Nachos) ตอติญ่าชิพส์เสิร์ฟพร้อมกับดิปที่มีให้เลือกทั้ง 4 แบบ ดิปชีส ดิปอโวคาโด้ ดิปซอสเผ็ด และดิปซาวครีม

ร่วมพิสูจน์ความอร่อย จัดจ้าน กลมกล่อม ในสไตล์ร้าน “ทาโก้ เบลล์” ร้านอาหารกึ่งเม็กซิกันสไตล์ชื่อดังดังจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้แล้ววันนี้ ที่ศูนย์การค้า เมอร์คิวรี่ วิลล์ แอท ชิดลม ชั้น 1

เรื่อง-ภาพ ศรุตยา ทองขะโชค

 

ลาย ๆ คนที่เคยไปเที่ยวฮ่องกงอาจจะเคยได้ยินชื่อร้าน Cali-Mex ร้านอาหารเม็กซิกัน สไตล์อเมริกัน ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นร้านอาหารที่บูมสุดสุด จนสามารถขยายสาขาในฮ่องกงได้มากถึง 20 สาขา ในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น! จุดที่ดึงดูดผู้คนให้แวะเวียนมาร้านนี้ได้ คือ สไตล์ร้านที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพราะไม่เพียงแต่เป็นอาหารเม็กซิกัน แต่ยังผสมกลิ่นอายของความเป็นแคลิฟอร์เนียเข้าไปด้วย ทั้งการตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ โลหะทองแดง โซฟาที่นั่งขนาดใหญ่ โต๊ะที่ออกแบบเฉพาะจากแคนาดา เพลงสไตล์เม็กซิกันที่เปิดคลอให้อารมณ์สนุกสนานตลอดเวลาที่อยู่ในร้าน และที่สำคัญ คือ Beer Taps (เบียร์แบบหัวจ่ายก็อก กดเท่าไหนจ่ายเท่านั้น) ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน Cali-Mex แห่งนี้ และล่าสุดก็เรียกได้ว่าคนที่อยากกินไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศแล้ว เพราะ Cali-Mex ได้มาเปิดร้านสาขาแรกที่ประเทศไทยด้วย! โดยสาขาแรกในไทยนี้อยู่ที่ชั้นล่างของโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ สุขุมวิท 22

ไมค์ วอร์ด (Mike Ward) ผู้จัดการร้าน Cali-Mex Bar & Grill Thailand บอกว่า ที่เลือกประเทศไทยเพราะว่าคนฮ่องกงมาเที่ยวไทยเยอะมาก และคนไทยเองก็ชอบทานอาหารหลากหลาย รสจัดจ้าน คิดว่าเปิดที่ไทยน่าจะมีผลตอบรับดี ตอนนี้ก็มีสาขาที่จีน และสิงคโปร์อยู่ด้วย Cali-Mex มีทั้งแบบ Bar & Grill และแบบ Taqueria แบบแรกจะเป็นร้านที่มีโต๊ะ เก้าอี้ มี Beer Taps ให้นั่งแฮงเอาท์กับเพื่อนๆ ได้ดื่มด่ำบรรยากาศตั้งแต่แปดโมงเช้ายันตีสอง ส่วนแบบที่สองเป็นร้านแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส เน้นง่าย สะดวก รวดเร็ว จะนำอาหารห่อกลับไปทานที่บ้าน หรือซื้อทานระหว่างรถติดในตอนเช้าก็เข้าท่า

รู้ความเป็นมาคร่าวๆ แล้วดูน่าสนใจไม่น้อย มาดูจุดเด่นสุดว้าวของร้าน ที่ไมค์บอกว่าไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประเทศไทยกันเลยดีกว่า…!

อย่างแรกเลยเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้าน คุณจะรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปอยู่ในทวีปอเมริกา ทั้งเพลง และการตกแต่งร้านที่อาจจะทำให้สงสัยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ หรือแคลิฟอร์เนียกันแน่

สิ่งที่ไมค์ Proud to Present มากที่สุด คือ อาหารเม็กซิกันสไตล์อเมริกา ที่เคลมว่า สด สะอาด คุณภาพแน่น วัตถุดิบคุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ ทั้งเนื้อไก่ เนื้อ Angus และสันคอหมูสดจากฟาร์ม อาหารทะเลจากฟาร์มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเวียดนาม อโวคาโดจากเม็กซิโก ชีสที่ส่งตรงจากซานฟรานซิสโก และแป้ง Tacos ที่ทาง Cali-Mex ทำเองทุกขั้นตอน

ไมค์ วอร์ด

เมนูแนะนำของทางร้านคือ Burritos, Quesadillas, Tacos, Nachos, Enchiladas และ Mexican Lasagna ส่วนเมนูที่เราได้ชิมวันนี้ ไปดูพร้อม ๆ กันเลยจ้าว่ามีอะไรบ้าง…

เริ่มด้วยเมนูแรก “เบอริโทส” (Burritos) ตัวแป้งเนื้อนุ่ม หอม ไม่เหนียวและไม่แข็งจนเกินไป ตัวไส้ประกอบด้วย ไก่ฉีกปรุงรส ข้าวผัดสีเหลืองคล้ายข้าวหมกไก่บ้านเรา ผัก ธัญพืช มะเขือเทศและซอส ดูจากสีและหน้าตาแล้ว เดาว่ารสชาติน่าจะเข้มข้น จัดจ้านไม่น้อย แต่กลับตรงกันข้าม เมื่อทานรวมกันทั้งหมดในคำเดียว รสชาติจะออกนุ่มๆ มีความเปรี้ยวจากมะเขือเทศเล็กน้อย กลิ่นหอมเครื่องเทศกำลังดี ไม่ฉุนเกินไป สำหรับคนไทยแล้วอาจจะต้องเพิ่มความเข้มข้นถึงใจมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าคนที่ชอบรสกลางๆ เบอริโทสก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีได้นะ


มาถึงอีกเมนูน่าสนใจอย่าง “เควอซาดิลาส” (Quesadillas) พิซซ่าสไตล์เม็กซิกัน ตัวแป้งเดียวกันกับเบอริโทส แต่เป็นแบบอบกรอบประกบกัน ไส้ด้านในเป็นชีสและไก่ฉีกปรุงรส เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศ ครีมชีส และกัวคาโมเล หรือซอสอะโวคาโดฉบับโฮมเมด ที่ทาง Cali-Mex ทำสดใหม่ตลอดทั้งวัน เมื่อทานรวมกันแล้ว ส่วนผสมทั้งหมดมีลงตัวมาก ๆ อยากให้ไปลองกันนะ

เมนูถัดมาที่ได้ชิมคือ “กริล เพลทเทอร์ ฟอร์ ทู” สเต็กเนื้อริบอายชุ่มฉ่ำชิ้นโต ย่างแบบ Medium Well (เกือบสุกหมด) รสนุ่มละมุนลิ้น พร้อมเนื้อปลาแบบฟิลเลต์ย่าง ทานคู่กับเลมอนกริล ตัดเลี่ยนได้ดี และยังมีลอบส์เตอร์เนื้อแน่นวางเด่นอยู่ด้านบนด้วย ด้านล่างเป็น พาร์เมซาน ฟรายส์ เพิ่มกลิ่นหอมด้วยทรัฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมซอสครีมชีส รสชาติออกเปรี้ยวเล็กน้อย ถือได้ว่าจานนี้เป็นจานที่คุ้มค่ามากกกก

อีกเมนูที่หากมากินอาหารเม็กซิกันแล้วจะไม่สั่งไม่ได้ “Nachos” นาโชส์ จิ้มซอส อาหารทานเล่นที่เหมาะกับการดูหนังไปกินไปมากๆ ตัวแป้งกรอบ หอมกลิ่นข้าวโพด รสชาติออกเค็มนิดๆ ตัวซอสรสเปรี้ยวนำ พริกไม่เผ็ดแสบปากแบบน้ำจิ้มคนไทย เมื่อทานแล้วจะรู้สึกอุ่นๆ ที่คอ เหมือนเวลาซดน้ำขิงร้อนๆ ซึ่งตัวซอสมีให้เลือกถึง 4 เลเวล คือ mild, medium, hot ส่วนเลเวลสุดท้ายที่ต่างจากฮ่องกง ทาง Cali-Mex เขาเอาใจคนไทยโดยเฉพาะ ด้วยการเพิ่มเลเวลความเผ็ดร้อนขึ้นมาอีก 1 ระดับ เป็นระดับที่เผ็ดที่สุด!! คือ Superhot เมื่อฝรั่งอย่าง ไมค์ วอร์ด ได้ทานแล้วถึงกับต้องดื่มน้ำตามเป็นแก้วๆ แต่กับลิ้นคนไทยคงบอกได้ว่า “แค่นี้สบายมากจ้า…”

ส่วนสาวก Vegan ไม่ต้องน้อยใจไป ที่ร้าน Cali-Mex ยังมีเมนูอาหารมังสวิรัติให้ทานกันด้วย เช่น Classic Cali-Mex, Caesar และ Cali-Cobb

มาถึงซิกเนเจอร์ของร้านที่พูดไปแล้วในตอนต้นก็คือ Beer Taps กดเท่าไหน จ่ายเท่านั้น! มีเบียร์ให้เลือก 2 แบบ คือ Asahi และ Singha คิดราคาไม่เกิน 0.30 บาท/มิลลิลิตร อยากดื่มเท่าไหนก็กดไปเพลินๆ ได้เลยจ้า แต่ในร้านก็ไม่ได้มีแต่ Beer Taps นะ ยังมีเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้ลองลิ้มรสอีกมากมาย เช่น Cocktails, Craft Beers, Wines เป็นต้น


ไมค์ วอร์ด ตั้งเป้าเอาไว้ว่า Cali-Mex Thailand จะเติบโตไม่แพ้ฮ่องกง ภายใน 3 ปี เขาตั้งใจจะขยายร้านให้ได้มากถึง 20 สาขา โดยภายในปีนี้ Cali-Mex คาดว่าจะเปิดให้บริการทั้งหมด 4 สาขา คือ สาขาสุขุมวิทซอย 22 และ 11 สาขาสีลม และสาขาทองหล่อ ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ยาวจนถึงตีสองเลยทีเดียว ส่วนใครที่ไม่สะดวกมาทานที่ร้าน เขาก็มีบริการส่งเดลิเวอรี่ให้ด้วย

เอาเป็นว่าใครอยากกินอาหารเม็กซิกัน ก็ลองแวะเวียนมาชิมกันได้!