สาวกอาหารคลีนตัวจริงคนไหนที่เวลาน้อย แต่ยังอยากทำอาหารคลีนกินเอง วันนี้เรามีเมนูอาหารคลีนทำง่ายๆ แค่ 10-15 นาที แถมยังอร่อย อยู่ท้อง มาฝากสำหรับวันที่เร่งรีบ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ดูแลตัวเองด้วยอาหารดีๆ ได้แน่นอน

ไข่ดาวอะโวคาโด

ส่วนผสม

อะโวคาโด1ลูก
ไข่ไก่2ฟอง

วิธีทำ

  1. ผ่าอะโวคาโดออกเป็น 2 ซีก และเอาเมล็ดออก
  2. ตอกไข่ไก่ลงไปในอะโวคาโดทั้งสองซีก
  3. นำไปอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจัดใส่จานพร้อมรับประทาน เหมาะสำหรับมื้อเช้าที่เร่งรีบ

ทูน่าสเปรด

ส่วนผสม

ปลาทูน่าในน้ำแร่1กระป๋อง
มายองเนสสูตรไขมันต่ำ1ถ้วย
เกลือป่น1/4ช้อนชา
พริกไทยดำป่นตามชอบ

วิธีทำ

  1. ตักเนื้อปลาทูน่าใส่ชาม ใช้ส้อมยีให้ละเอียด
  2. ใส่มายองเนสลงไป คลุกให้เข้ากัน
  3. ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบ รับประทานกับแครกเกอร์ ขนมปัง หรือแครอทหั่นแท่ง

สลัดผักราดน้ำสลัดน้ำผึ้งมะนาว

ส่วนผสม

น้ำผึ้ง1ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาวคั้นสด1ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก2ช้อนชา
เกลือตามชอบ  
งาขาวและงาดำคั่วตามชอบ  
ผักสลัดตามชอบ

วิธีทำ

  1. ผสมน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และเกลือ คนให้เข้ากัน
  2. เติมน้ำมันมะกอกลงไป จากนั้นคนให้เข้ากันอีกครั้ง
  3. ใส่งาขาวและงาดำคั่วลงไปตามชอบ ผสมให้เข้ากัน รับประทานคู่กับสลัดผัก

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

วันนี้เรามีเมนูที่หลายคนฟังแล้วอาจจะรู้สึกว่า เอ! มันจะอร่อยมั้ย แต่แค่ชื่อเมนูฟังแล้วถ้าได้ทานต้องสุขภาพดีแน่ๆ  เพราะในครั้งนี้เราจะมาทำเมนู “ถั่วปั่นจักรพรรดิ” เมนูเพื่อสุขภาพที่ทานได้ทั้งครอบครัว เพราะถั่วมีโปรตีนสูง มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพดี จัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่หากินได้ง่าย เอาล่ะ มาเข้าครัว เริ่มเตรียม เริ่มทำกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม

  • ถั่วดำ 1/2 ถ้วย
  • ถั่วแดงหลวง 1/2 ถ้วย
  • ถั่วเขียว 1/2 ถ้วย
  • ถั่วลิสงเลาะเปลือก 1/4 ถ้วย

ส่วนผสมตกแต่ง

  • ข้าวโอ๊ตอบแห้ง 1-2 ใบ

วิธีทำ

  • ถั่วเหลือง 1/4 ถ้วย
  • น้ำเปล่า สำหรับต้มถั่ว
  • น้ำนมโคพาสเจอร์ไรส์ 100% 1 ถ้วย
  • ออร์แกนิค น้ำผึ้งใสขวดบีบ 1 ช้อนโต๊ะ

 

  • ใบมิ้นท์ 1-2 ใบ

นำถั่วทั้งหมดมาแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ 1 คืน (ไม่แช่ถั่วรวมกัน) ยกเว้นถั่วลิสงไม่ต้องแช่น้ำ

หลังจากนั้นนำถั่วทั้ง 5 ชนิดที่แช่ทิ้งไว้ นำไปต้มในหม้อหุงข้าวใส่น้ำท่วมถั่ว ต้มจนสุก

นำถั่วทั้ง 5 ชนิดที่ต้มจนสุกแล้ว มาใส่โถปั่น พร้อมใส่นมสด น้ำผึ้ง ที่เตรียมไว้

ปั่นไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้มีเนื้อสัมผัสเวลาดื่ม

โรยด้วยข้าวโอ๊ตอบแห้ง ตกแต่งด้วยใบมิ้นท์ เมนูนี้สามารถเสิร์ฟได้ทั้งร้อนและเย็น

เห็นมั้ยว่าเมนูนี้ไม่ยุ่งยาก ทำง่ายแถมยังได้ประโยชน์ สรรพคุณของถั่ว 5 สี  นั้น ทั้งบำรุงอวัยวะภายใน 5 ระบบ โดยถั่วดำช่วยบำรุงไต ถั่วเขียวช่วยบำรุงตับ ถั่วแดงบำรุงหัวใจ ถั่วขาวบำรุงปอด และถั่วเหลืองมีสรรพคุณบำรุงม้าม และยังช่วยปรับสมดุลธาตุในร่างกายให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม ทำให้ร่างกายแข็งแรงและไม่ป่วยไข้ง่ายๆ โดยเฉพาะวัยทำงาน หากได้กินถั่ว 5 สีเข้าไปจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน และวิตามินอีกหลายชนิดด้วยกัน ที่สำคัญไฟเบอร์ยังช่วยให้รู้สึกอิ่มอยู่ท้องได้นาน

ที่มา : Tesco Lotus

เทรนด์สุขภาพยังคงฮอตฮิตติดลมบนไม่มีตก ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะพบกับร้านอาหาร คาเฟ่ รวมไปถึงฟิตเนสเซ็นเตอร์เกิดขึ้นมากมาย เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น วันนี้เราเลยรวมร้านอาหารเด็ด คาเฟ่สุดชิก ไว้ต้อนรับคนเมืองสายสุขภาพให้มาเช็กอินตามรอยกันแบบอร่อยดี มีประโยชน์ได้ที่ไลฟ์ เซ็นเตอร์

Dressed ร้านอาหารสุขภาพฉบับคนรุ่นใหม่

นับเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่สายเฮลตี้คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว สำหรับ Dressed (เดรส) ที่มีคอนเซ็ปต์ว่า Healthy + Fresh + Delicious คือ อาหารทุกจานต้องได้สารอาหารครบ 5 หมู่ และมีครบทั้งสุขภาพดี ได้ความสด และอร่อย โดยแต่ละรายการจะมีจำนวนแคลอรีกำกับไว้ เพื่อให้รู้ว่าแต่ละเมนูที่ทานนั้นให้พลังงานเท่าไร ถูกใจสายเฮลตี้ชอบนับแคลอรีในแต่ละมื้อแน่นอน

Dressed เสิร์ฟอาหารหลากหลายทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็น สลัด ซุป แซนด์วิช และเครื่องดื่มสมูธตี้ ส่วนไฮไลต์ที่เป็นที่ชื่นชอบของนักชิมคือ เมนูสลัด ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์เลือก D.I.Y. ในสไตล์ที่ใช่ได้เอง ด้วย 4 หมวดคือ ขนาดจาน ผัก ท็อปปิ้ง และน้ำสลัด ที่มีให้เลือกถึง 17 ชนิด เรียกได้ว่า เป็นร้านอาหารสุขภาพแบบยั่งยืน เน้นให้ผู้บริโภคได้ทานอาหารดีต่อร่างกายอย่างแท้จริง

พิกัด ร้านอยู่ชั้น G ไลฟ์ เซ็นเตอร์ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี (MRT ลุมพินี) เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-21.30 น. และ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น.

Tum & Yum ไทย-อีสาน อุดมด้วยสมุนไพร

หากพูดถึงเมนูสุขภาพที่มีไขมันน้อยและให้พลังงานต่ำ ส้มตำ และ ยำ ต้องติดอยู่ในลิสต์ด้วยแน่นอน สำหรับ Yum &Tum เป็นร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่เน้นเมนูยำและตำ ที่นำเสนอการทานอาหารตามธาตุ ตามแบบของแพทย์แผนไทย เพื่อปรับสมดุลของธาตุเจ้าเรือน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ  โดยในแต่ละเมนูอุดมไปด้วยสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ในแต่ละเมนูจะมีสัญลักษณ์ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ กำกับไว้แนะนำไว้ให้ลูกค้าเลือกสั่งรับประทาน  เพื่อปรับสมดุลของธาตุเจ้าเรือน ส่งเสริมให้ร่างกายมีสุขภาพดียิ่งขึ้นไป

ส่วนเมนูมีให้เลือกครบ ทั้ง ส้มตำ ยำที่หลากหลาย น้ำตก ลาบ ก๋วยเตี๋ยว และข้าวยำ อาทิ ตำข้าวโพด ยำผักกูด ลาบหมี่ผัก ก๋วยเตี๋ยวยำบก และ ข้าวยำปักษ์ใต้ การันตีว่าวัตถุดิบและเครื่องปรุงนั้นระดับเกรดเอทั้งนั้น น้ำปลาแท้เกรดเอ มะนาวสด น้ำยำไร้ผงชูรส ซึ่งอาหารที่เสิร์ฟนั้นจะเน้นคุณภาพ ความสะอาด และความกลมกล่อมของรสชาติ ให้ความรู้สึกเหมือนทานที่บ้าน

พิกัด หาง่ายมากอยู่ที่ชั้น G ไลฟ์ เซ็นเตอร์ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี (MRT ลุมพินี) เปิดทุกวัน 10.30-21.30 น.

Squeeze By Tipco เสิร์ฟผลไม้สดเนื้อเน้นๆ

Squeeze by Tipco คือลิสต์ในลำดับต้นๆ ของร้านน้ำผลไม้คุณภาพในประเทศไทย เป็นร้านน้ำผลไม้แท้ๆ ระดับพรีเมี่ยม โดยนำผลไม้ตั้งแต่ 2-4 ชนิดมาปั่นรวมกันด้วยสูตรลับพิเศษของทางร้าน จนได้สมูธตี้เนื้อเนียนนุ่มเต็มแก้ว ได้ประโยชน์และคุณค่าจากธรรมชาติ 100% ที่ร้านมีผลไม้ให้เลือกหลากหลาย ทั้งตระกูลเบอร์รี่ เช่น มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ รวมถึงกีวี่ ส้ม ลิ้นจี่ และอีกมากมาย อีกทั้งหากใครต้องการความสดชื่นดับกระหาย นอกจากนี้ ยังมีน้ำกล่องผลไม้ทิปโก้ขายด้วย จะซื้อทานเองหรือซื้อฝากเป็นของขวัญก็สะดวก

ปัจจุบัน Squeeze By Tipco ให้บริการอย่างทั่วถึง 34 สาขา พิเศษสำหรับสาขาไลฟ์ เซ็นเตอร์ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี ที่เป็นรูปแบบ Grab & Go เหมาะสำหรับคนเมืองผู้รักสุขภาพที่ต้องใช้เวลาอย่างเร่งรีบ แค่สั่งและรับก็ไปต่อ MRT ลุมพินีได้แบบสบายๆ

พิกัด ชั้น G ไลฟ์ เซ็นเตอร์ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี (MRT ลุมพินี) เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-20.00 น. และ เสาร์-อาทิตย์ 10.00-19.00 น.

Ariya Organic Cafe เติมรสชาติให้อาหารเพื่อชาววีแกน

เราอาจคุ้นเคยกับอาหารสุขภาพในรสจืดชืด ไม่ค่อยมีรสชาติมากนัก แต่ที่ Ariya Organic Cafe (อริยะ ออร์แกนิก คาเฟ่) จะเสิร์ฟอาหารสุขภาพแบบสร้างสรรค์ รสจัดจ้าน โดยเฉพาะผู้นิยมทานมังสวิรัติ หรือวีแกน ซึ่งต้องรับประทานวัตถุดิบแบบสดๆ ผ่านความร้อนไม่เกิน 42 องศาเซลเซียส ต้องถูกใจแน่นอน

โดยร้านนี้เกิดจากไอเดียของ คุณนัท-ชรีพรรณ์ เทียมรัตน์ เจ้าของร้านที่ต้องการต่อยอดความรู้ด้านแพทย์แผนไทย ประกอบกับความสนใจเรื่องอาหาร จึงเกิดเป็นร้านอาหารสุขภาพทางเลือกเพื่อชาววีแกนโดยเฉพาะ ครีเอตทุกจานในคอนเซ็ปต์ อาหารอารมณ์ดี ยิ่งกินสุขภาพยิ่งดี โดยทุกเมนูนั้นจะช่วยในการย่อยอาหาร เพราะอุดมไปด้วยเอนไซม์จากพืชผัก ผลไม้ ผู้บริโภคจะรู้สึกถึงความสะอาดของร่างกายจากภายในอย่างแท้จริง

พิกัด ตั้งอยู่ชั้น 1 ของไลฟ์ เซ็นเตอร์ เป็นเครือเดียวกับ Ariya Wellness Center สถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย เรียกว่าครบเครื่องเรื่องสุขภาพอย่างแท้จริง เปิดทุกวัน 10.00-19.30 น. (ปิดวันอาทิตย์)

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

ช่วงนี้มีข่าวหลายอย่างเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อประชาชนตาดำๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ หรือ วิกฤตน้ำท่วม ที่ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประสบภัยที่เครียดเรื่องบ้านได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม หรือ พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่อุทกภัย ที่ไม่สามารถค้าขายหรือประกอบอาชีพได้

เพจโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ได้เผยแพร่บทความสุขภาพ เกี่ยวกับ อาหารต้านความเครียด เพื่อสุขภาพ ที่กินแล้วอาจช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น อาหารที่ว่านั้น ได้แก่

1. ข้าวแป้ง หรือธัญพืชที่ไม่ขัดสี อาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตจะช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนเซโรโทนิน โดยฮอร์โมนนี้จะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และนอนหลับได้ง่ายขึ้น ซึ่งข้าวแป้งที่ไม่ได้ขัดสีใช้เวลาย่อยนานจึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราค่อยๆ สูงขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้รักษาระดับของฮอร์โมนนี้ไว้ส่งผลให้ร่างกายผ่อนคลายความตึงเครียด

2. กล้วย ถั่วเปลือกแข็ง เนื้อสัตว์ทั้งหลาย และไข่ เป็นอาหารที่มีกรดอะมิโน “ทริปโตเฟน” ที่เป็นสารตั้งต้นของการผลิตฮอร์โมนเซโรโทนิน

3. ส้ม หรือ ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีงานวิจัยเกี่ยวกับการช่วยลดความกังวลได้ โดยงานวิจัยนี้สนับสนุนให้รับประทานวิตามินซีจากผักและผลไม้ ซึ่งจะส่งผลดีกว่าวิตามินซีแบบเม็ด

นอกจากการรับประทานอาหารเหล่านี้จะช่วยเรื่องการคลายเครียดได้ในระดับหนึ่งแล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเพิ่มความตึงเครียดให้กับร่างกาย เช่น กาแฟ ชา หรือน้ำอัดลมสีเข้มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน และควรเพิ่มกิจกรรมทางกาย เช่น การออกกำลังกายเบาๆ การหางานอดิเรกที่ชื่นชอบทำในเวลาว่าง หรือการนั่งสมาธิเพื่อฝึกจิตใจให้สงบและคลายความกังวลได้

หมายเหตุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง และไตเสื่อม ควรรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับโรคตามที่แพทย์และนักกำหนดอาหาร แนะนำ

ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์

ผู้เขียน : โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

อาหารเพื่อสุขภาพที่ส่งผลดีต่อร่างกายทั้งในแง่ของพลังงานและสารอาหาร เรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งการทําให้ผอมและสวยคือ “สลัด” เพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่า ผักนั้นนอกจากจะให้พลังงานต่ำ มีกากใยสูงแล้วยังเป็นแหล่งรวมวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินเอและซี ซึ่งวิตามินทั้งสองชนิดนี้ดีต่อผิวของเราอย่างแน่นอน

สลัดมีหลายแบบ ทั้งสลัดผัก สลัดผลไม้ สลัดธัญพืช สลัดพาสต้า และในตระกูลผักก็ยังมีผักสด ผักลวก รวมทั้งยังมีชนิดที่เอาผัก-ผลไม้ ธัญพืชมารวมกัน เรียกได้ว่า “สลัด” เป็นอาหารที่ไม่จํากัดรูปแบบเลยก็ว่าได้

แม้ว่าในครัวฝรั่งจะมีการกําหนดรูปแบบสลัดคลาสสิกหรือสลัดแบบดั้งเดิมเอาไว้หลายชนิด เป็นต้นว่า      สลัดซีซาร์ นิชัวร์สลัด ทูน่าสลัด สลัดมันฝรั่ง ฯลฯ แต่ในทุกวันนี้สลัดแบบประยุกต์ก็เกิดขึ้นมากมาย โดยมีการขายสลัดในรูปแบบของสลัดบาร์ให้คนกินได้เลือกตักตามใจชอบนอกเหนือไปจากการขายสลัดในแบบที่จัดเป็นชุดไว้

สลัดบาร์มีทั้งแบบที่อยู่ในร้านให้ตักไม่อั้นเป็นบุฟเฟ่ต์ และสลัดบาร์ที่ขายโดยชั่งน้ำหนัก โดยมากแต่ละบาร์สลัดจะมีผักสด ผักลวก ผลไม้และธัญพืช รวมไปถึงองค์ประกอบที่ทําให้สลัดดูมีให้เลือกหลากหลาย เช่น  วุ้นมะพร้าว เยลลี่ เส้นแก้ว ฯลฯ ซึ่งโดยทั่วไปหากเป็นสลัดบาร์แบบในร้าน คนกินจะสามารถเลือกน้ำสลัดใส่ได้มาก-น้อยตามใจชอบ ขณะที่สลัดบาร์แบบชั่งจะมีการขายน้ำสลัดแยก ส่วนสลัดที่จัดเป็นชุดนั้นมักจะมีน้ำสลัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

สลัดเสี่ยงอย่างไร

ที่ต้องเล่าภาพรวมของสลัดที่มีขายอยู่ เพราะอยากให้เข้าใจตรงกันก่อนว่าเรากําลังพูดถึงอะไรกันอยู่บ้าง ประการแรกคือความเสี่ยงอันเกิดจากนิสัยของผู้กินเอง นั่นคือในการตักสลัดในร้านแบบที่มีน้ำสลัดให้เติมได้ไม่อั้น หรือใช้ขนาดถ้วยเป็นตัวกําหนดปริมาณของสลัด เรามักพบว่าผู้กินสลัดแบบนี้มักจะใส่น้ำสลัดแบบข้นในปริมาณมากเพื่อให้น้ำสลัดนั้นเป็นตัวช่วยยึดเกาะของสิ่งที่อยู่ในชาม

แน่นอนว่าความเสี่ยงจากการกินน้ำสลัดในปริมาณมาก คือการได้รับพลังงานที่สูง เพราะส่วนผสมสําคัญของน้ำสลัดคือไข่ น้ำมัน และน้ำตาล นั่นหมายความว่าใครที่ตักสลัดแบบนี้บ่อยๆ ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับพลังงานสูงกว่าการกินสลัดแบบทั่วไป อีกทั้งการตักไข่นกกระทามากๆ ก็จะเป็นการเพิ่มคอเลสเตอรอลไปพร้อมๆ กันด้วย

อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับน้ำสลัดที่อาจหลงลืมกันไป คือ เรื่องของเชื้อไข้หวัดนกในไข่ดิบ แน่นอนว่าน้ำสลัดแบบข้นส่วนใหญ่ทําจากไข่แดงดิบ ซึ่งในภาวะที่ไม่มีการระบาดของโรคก็อาจไม่อันตรายนัก แต่หากเป็นช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดนกอาจต้องระวัง หรือหลีกเลี่ยงการกินน้ำสลัดที่ทําจากไข่ โดยเปลี่ยนเป็นการใช้ชนิดน้ำใส หรือน้ำสลัดที่มาจากโยเกิร์ต นม หรือเต้าหู้แทน

อีกหนึ่งทางเสี่ยง

ปัญหาเรื่องน้ำสลัดอาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวลในการกินสลัดแบบชั่งน้ำหนัก หรือสลัดแบบจัดเป็นชุดสําเร็จ เพราะเราสามารถเลือกน้ำสลัดเองได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาร่วมกันในสลัดไม่ว่าจะแบบใดคือ ความสะอาดและความปลอดภัยของผัก

อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า ปัญหาเรื่องยาฆ่าแมลงและไข่พยาธิในผักสดเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป หากผักที่นํามาทําสลัดไม่ได้รับการล้างอย่างถี่ถ้วน มีโอกาสมากที่เราจะได้รับยาฆ่าแมลงหรือไข่พยาธิเข้าสู่ร่างกาย

สารเคมีที่ใช้ปราบศัตรูพืชมีหลายประเภท ได้แก่ ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช ยาเบื่อหนู ซึ่งปกติแล้วเกษตรกรจะเอายาฆ่าแมลงผสมกับยาฆ่าเชื้อราแล้วรดในผัก ซึ่งยาฆ่าแมลงแบ่งเป็นกลุ่มที่มีฤทธิ์ต่างกันได้เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย

  1. ออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphate Insecticides) มีชื่อเรียกกันติดปากว่า “พาราไทออน” เป็นที่รู้จักในหมู่เกษตรกรว่าคือยาฆ่าแมลงตราหัวกะโหลกไขว้ และยาเขียวฆ่าแมลง
  2. คาร์บาเมต (carbamates) ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ไปยับยั้งเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรส (cholinesterase) ของร่างกายไม่ให้ทํางาน ทําให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ปวดท้อง ท้องเดิน น้ำลายฟูมปาก กล้ามเนื้อกระตุก ชัก หายใจลําบาก ตัวเขียว หยุดหายใจ และอาจถึงตายได้
  3. ออร์กาโนคลอรีน (Organochlorine insecticides) มีพิษทําให้ชักหมดสติและตายได้ ซึ่งเป็นอันตรายที่รุนแรงเช่นเดียวกัน ที่เรารู้จักกันดีก็คือดีดีที นอกจากนั้นก็มีตัวอื่นอีก เช่น ดีลดริน (dieldrin) เอนดริน (endrin) เป็นต้น
  4. ไพรีทรอยด์หรือไพรีทรัม (Pyrethrum and Pyrethroides) ได้มาจากการเอาเกสรดอกไพรีทรัมมาสกัด มีตัวยาอยู่แค่ 0.1% ใช้ฆ่าแมลงหรือฆ่ายุงได้ผลดี กว่าจะเก็บดอกไม้มาสกัดได้ 0.1% ต้องลงทุนสูง ในปัจจุบันเขาจึงสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ เรียกว่า “ไพรีทรอยด์” มีใช้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเพื่อกำจัดยุง

การเข้าสู่ร่างกายของสารพิษกลุ่มที่ 1, 2 และ 3 นั้น ส่วนใหญ่เข้าได้ 3 ทางด้วยกันคือ ทางการหายใจ โดยหายใจเอาละอองหรือกลิ่นเข้าไป โดยกินเข้าไปโดยตรง การซึมผ่านทางผิวหนัง ยกเว้นประเภทที่ 3 บางชนิดก็ไม่สามารถซึมผ่านทางผิวหนังได้ นอกจากนั้นเข้าได้เพียง 2 ทางคือ โดยการกินและการหายใจเข้าไป

เมื่อรับสารพิษเข้าไปแล้วจะเกิดอาการต่างๆ กัน ความรุนแรงของอาการพิษที่เกิดขึ้นถึงขั้นสุดท้ายนั่นคือเสียชีวิต ดังนั้น หากขึ้นชื่อว่ายาฆ่าแมลงแล้วละก็ถึงตายได้ทั้งนั้น ยกเว้นไพรีทรอยด์ เนื่องจากเป็นสารพิษที่มีฤทธิ์อ่อน

ผู้ที่ชอบกินผักทุกวันอาจได้รับอันตรายจากพิษตกค้างได้ เช่น กินผักคะน้าวันละ 2 ต้น แต่ละต้นมีพิษตกค้างอยู่เล็กน้อย กินครั้งเดียวไม่ทําให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติแต่อย่างใด แต่ถ้ากินทุกวัน นานวันเข้าก็อาจเกิดอาการพิษได้

การล้างผักช่วยได้ไหม

ผักที่มียาฆ่าแมลงติดอยู่ แม้นำมาเก็บไว้ในตู้เย็นเป็นเวลานาน ก็ไม่ทําให้สารพิษเหล่านี้สลายตัวไปเลยแม้แต่น้อย ในกรณีที่พืชผักยังไม่ได้ดูดซึมสารพิษพวกนี้เข้าไปสู่ลําต้น ใบ การล้างผักด้วยการแช่น้ำ อาจกําจัดหรือทําให้สารพิษที่อยู่ภายนอกลดน้อยลงได้ โดยเฉพาะพาราไทออน หรือออร์กาโนฟอสเฟตที่สามารถสลายตัวได้ดีในน้ำที่เป็นด่าง ดังนั้น การแช่ด้วยไบคาร์บอเนตหรือเบกกิ้งโซดา เป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดยาฆ่าแมลงที่ติดอยู่บนผักได้

แต่ผักที่มีการใช้สารเคมีอย่างสม่ำเสมอและใช้ในปริมาณมาก จะทําให้สารเคมีเหล่านั้นถูกดูดซึมเข้าไปภายในลําต้น ใบ ดอก และผล ซึ่งไม่สามารถล้างออกได้ เมื่อกินเข้าไปอาจไม่เกิดอาการทันที เพราะร่างกายจะต่อสู้กับความเป็นพิษของสารเคมีได้ระยะหนึ่ง และหากหยุดการได้รับก็ไม่เกิดอันตรายใดๆ แต่ถ้าร่างกายของเรารับสารพิษเข้าไปทุกๆ วันต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ในที่สุดก็จะแสดงอาการผิดปกติให้เห็น

แต่ก็เป็นเรื่องน่ายินดี ที่เมื่อสถาบันอาหารได้สุ่มตัวอย่าง ผักสลัด อาทิ แคร์รอตหั่นฝอย กะหล่ำปลีฝอย มะเขือเทศ แตงกวา และหอมใหญ่ ที่ขายตามท้องตลาดเขตกรุงเทพฯ จํานวน 5 ตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์หาปริมาณสารพิษตกค้างกลุ่มไพรีทรอยด์รวม 5 ชนิด ผลปรากฏว่าพบสารไซเปอร์เมธรินตกค้างในมะเขือเทศ  1 ตัวอย่าง ในปริมาณ 0.3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แต่ปริมาณดังกล่าวยังไม่เกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขไทย

กินสลัดปลอดภัย

การเลือกซื้อสลัดจากร้านที่ดูสะอาดเป็นเรื่องสําคัญ เช่นเดียวกับการรู้จักเปลี่ยนชนิดของน้ำสลัดและผักที่รับประทานบ้าง ก็จะช่วยทําให้เรากินสลัดได้โดยไม่มีความเสี่ยง รวมไปถึงการใส่น้ำสลัดในปริมาณพอเหมาะก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทําให้การกินอาหารสุขภาพจานนี้มีคุณค่าอย่างที่ควรจะเป็น

หนทางที่ดีคือการลงมือทําสลัดกินเองเป็นครั้งคราว โดยพยายามเลือกผักชนิดที่ปลอดสารพิษ หรือล้างทำความสะอาดด้วยการแช่ผักในน้ำผสมเบกกิ้งโซดาเป็นเวลา 15 นาที และการเลือกชนิดของผักให้มีหลากสีสัน โดยเลือกหาผักพื้นบ้านมาร่วมด้วยก็จะเป็นหนทางที่ช่วยให้เราได้รับวิตามินอย่างครบถ้วน

ขณะที่การเติมน้ำมันมะกอกลงในสลัดหรือน้ำสลัดก็จะช่วยทําให้ได้รับไขมันชนิดดีที่ทําให้หลอดเลือดไม่แข็งตัว ลดคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ ถือเป็นประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มขึ้นด้วยในการกินสลัด

ทำน้ำสลัดกินเอง

มีวิธีทำน้ำสลัดที่ดีต่อสุขภาพมาฝากเพื่อให้สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนรสชาติของสลัดได้หลากหลาย ส่วนน้ำแบบไหนอร่อยหรือเหมาะกับผักชนิดไหนนั้นก็คงต้องลองกันเอาเอง

น้ำสลัดโชยุ : ซีอิ๊วญี่ปุ่น ½ ถ้วย / น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ / งาคั่วบด      2 ช้อนชา / น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน

น้ำสลัดโยเกิร์ต : โยเกิร์ตรสที่ชอบ 1 ถ้วย / น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ / เกลือป่น ¼ ช้อนชา คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

น้ำสลัดเรดไวน์วินีการ์ : กระเทียมสับ 1 ช้อนชา / น้ำส้มสายชูหมักจากองุ่นแดง ½ ถ้วยตวง / น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ / เกลือป่น ¼ ช้อนชา ผสมรวมกันด้วยที่ตีไข่ พอเข้ากันแล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปช้าๆ ตีไปด้วย อีก 1/3 ถ้วยตวง

น้ำสลัดแบบยำใหญ่ : ไข่ต้มแกะเอาเฉพาะไข่แดง 3 ฟอง (ไข่ขาวเอาใส่ในสลัดได้) บดให้แหลก ใส่น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ / น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ / เกลือป่น ¼ ช้อนชา / น้ำกระเทียมดอง 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ถ้าชอบเผ็ดสับพริกขี้หนูใส่ได้

น้ำสลัดสูตรน้ำข้นแบบไม่ใส่ไข่ : นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ / น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา / เต้าหู้ขาวแบบอ่อน 3 ช้อนโต๊ะ / เกลือป่น ¼ ช้อนชา / น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ปั่นรวมกันในโถปั่น แล้วจึงเติมน้ำมันสลัด หรือน้ำมันถั่วเหลือง 1/3 ถ้วยตวงลงไปปั่นด้วย

 

ข้อมูลจาก : หนังสืออาหารเสี่ยงเลี่ยงได้ สำนักพิมพ์มติชน

ตามไปดูอาหาร 10 ชนิด ที่ช่วยเสริมกำลังให้กับผู้ที่ต้องใช้แรงงานกัน

1.ขนมปังโฮลวีต

ผู้ใช้แรงงานต้องการพลังงานเพื่อเสริมกำลังให้แก่ร่างกาย จึงควรกินอาหารจำพวกแป้ง เช่น ขนมปังโฮลวีต

โดยในขนมปังโฮลวีตมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส

ประโยชน์ต่อร่างกายคือ ฟื้นฟูกำลัง ทำให้จิตใจแจ่มใส กระตุ้นเมแทบอลิซึม

2.มันฝรั่ง

โพแทสเซียมในมันฝรั่งช่วยเสริมกล้ามเนื้อ ซึ่งในมันฝรั่งเองยังมีสารอรหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินซี กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) โพแทสเซียม

ประโยชน์ของมันฝรั่งคือ แก้กระหาย คลายความเมื่อยล้า รักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต

3.มะระ

วิตามินซีในมะระช่วยลดความเครียด ความเมื่อยล้า

ในมะระยังมีเส้นใยอาหาร วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม สารมอร์ดิซีน

มะระยังช่วยรักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน

4.องุ่น

น้ำตาลกลูโคสในองุ่นช่วยให้อาหารถูกย่อยและดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้รวดเร็ว อีกทั้งยังให้พลังงานและทำให้มีกำลัง

ในองุ่นมีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โพแทสเซียม สารฟลาโวนอยด์ กรดอินทรีย์ ซึ่งมีประโยชน์คือช่วยในเรื่องความเมื่อยล้า เพิ่มภูมิคุ้มกัน

5.ส้มเช้ง

วิตามินซีในส้มเช้งช่วยกำจัดกรดแล็กติกที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ใช้แรงงาน

ในส้มเช้งมีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินซี แคโรทีน โพแทสเซียม แคลเซียม สารฟลาโวนอยด์ กรดอินทรีย์

ประโยชน์ต่อร่างกายคือ คลายความเมื่อยล้า รักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย

6.ถั่วแดง

ถั่วแดงอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย

ในถั่วแดงมีสารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยรักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย คลายความเมื่อยล้า

7.เนื้อไก่

เนื้อไก่อุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเป็นสารสำคัญของโครงสร้างกล้ามเนื้อช่วยให้ผู้ใช้แรงงานมีกำลัง

ในเนื้อไก่มีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม

เนื้อไก่มีประโยชน์คือ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ

8.เนื้อเป็ด

เนื้อเป็ดอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบี ซึ่งช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมฟื้นฟูกำลังวังชา

สารอาหารที่พบในเนื้อเป็ด ได้แก่ โปรตีน ไขมัน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ของเนื้อเป็ด คือ บำรุงตับ ทำให้อารมณ์ดีทำให้จิตใจแจ่มใส

9.หอยเชลล์

หอยเชลล์มีแมกนีเซียม ซึ่งช่วยบำรุงร่างกาย นอกจากนี้ ในหอยเชลล์ยังพบสารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินกลุ่มบี วิตามินเอ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

10.หอยนางรม

หอยนางรมอุดมไปด้วยสังกะสี ช่วยคลายความเมื่อยล้า

ในหอยนางรมยังมีสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ของหอยนางรมคือ ทำให้อารมณ์ดี ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานตามปกติ รักษาสมดุลของความเป็นกรดและด่างในร่างกาย

สำหรับคนที่กินมังสวิรัติ ทำให้อาจได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการไม่ครบทุกชนิด ลองมาดูกันว่า 10 อาหารคุณภาพสำหรับคนกินมังสวิรัตินั้นมีอะไรบ้าง

1.ข้าวผสมธัญพืช

คนที่กินมังสวิรัติมักขาดวิตามินกลุ่มบี แก้ได้โดยกินข้าวผสมธัญพืช ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

สารอาหารที่พบในธันพืช ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี วิตามินเค แคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือช่วยบำรุงกระดูก

2.เมล็ดฟักทอง

ซีลีเนียมมักอยู่ในเนื้อสัตว์ คนที่กินมังสวิรัติควรกินเมล็ดฟักทอง เพื่อเสริมซีลีเนียมและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

ในเมล็ดฟักทองยังมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินอี โพแทสเซียมฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

3.ถั่วลิสง

ถั่วลิสงอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งเป็นแร่ธาตุที่คนกินมังสวิรัติมักขาดหรือรับไม่เพียงพอ ช่วยคลายความเมื่อยล้า

โดยสารอาหารที่พบในถั่วลิสง ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ประโยชน์ของถั่วลิสง คือ เสริมแคลเซียม เพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันโรคโลหิตจาง

4.ข้าวโพด

วิตามินบี 12 ส่วนใหญ่อยู่ในเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ และนม และเป็นวิตามินที่คนกินมังสวิรัติมักขาดหรือรับไม่เพียงพอ ซึ่งข้าวโพดช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้ เพราะในข้าวโพดมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม ซิลีเนียม สารซีแซนทิน

โดยรวมข้าวข้าวโพดมีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ บำรุงกำลัง ช่วยให้ขับถ่ายคล่อง คลายความเมื่อยล้า เพิ่มภูมิคุ้มกัน

5.ปวยเล้ง

คนที่กินมังสวิรัติมักขาดธาตุเหล็ก จึงควรกินปวยเล้งซึ่งอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ป้องกันโรคโลหิตจาง

ในปวยเล้งมีสารอาหารประเภทเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินเค โฟเลต แคโรทีน แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก คลอโรฟิลล์ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยเสริมแคลเซียม เพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยในการขับถ่าย

6.ตั้งโอ๋

เส้นใยอาหารที่มีอยู่มากในตั้งโอ๋ช่วยกระตุ้นการบีบตัของกระเพาะและลำไส้ ทำให้ขับถ่ายคล่อง

ในตั้งโอ๋มีเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก แคโรทีน ซึ่งมีประโยชน์คือช่วยเสริมสร้างแอนติออกซิแดนต์

7.สะเดาจีน

สะเดาจีนอุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง จึงเหมาะสำหรับคนที่กินมังสวิรัติ ป้องกันโรคกระดูกพรุน

สารอาหารที่พบในสะเดาจีน ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือช่วยเสริมสร้างแอนติออกซิเดนต์ บำรุงกำลังเพิ่มภูมิคุ้มกัน

8.ถั่วงอก

ถั่วงอกอุดมไปด้วยโปรตีน ทำให้ร่างกายมีกำลังวังชา ในถั่วงอกมีสารอาหารจำพวก โปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม

9.เห็ดหอม

วิตามินดีในเห็ดหอมช่วยดูดซึมแคลเซียม บำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน

สารอาหารที่พบในเห็ดหอม ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินดี แคลเซียม ไอโอดีน โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี

10.เต้าหู้

เต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีนและแคลเซียม จึงช่วยบำรุงกำลังและกระดูก

ในเต้าหู้มีสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก สารไอไซฟลาโวน

นี่อาหารคุณภาพเยี่ยม 10 ชนิด ที่ช่วยบำรุงร่างกายและสายตาผู้ใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ซึ่งการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าต่อร่างกายและดวงตาได้ มาดูกันว่าอาหารคุณภาพเยี่ยม 10 ชนิดนี้มีอะไรบ้าง

1.งา

งาอุดมไปด้วยวิตามินอีที่มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างแอนติออกซิแดนต์ ช่วยกำจัดสารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน

ในงายังมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง

2.ผักบุ้ง

การใช้คอมพิวเตอร์นานๆ มักทำให้ตาล้า การกินผักบุ้งที่อุดมไปด้วยวิตามินเอจะช่วยคลายความเมื่อยล้าของสายตาได้

โดยในผักบุ้งมีคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) แคโรทีน โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายบำรุงกระดูกให้แข็งแรง

3.หอมหัวใหญ่

ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานๆ ควรกินหอมหัวใหญ่ที่มีสารประกอบซัลเฟอร์ เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

ทั้งนี้ ในหอมหัวใหญ่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหารวิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม ซิลีเนียม สารประกอบซัลเฟอร์ สารฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย บำรุงกระดูกให้แข็งแรง

4.ข้าวโพด

ข้าวโพดมีสารลูทีนที่มีคุณสมบัติดูดซับแสงที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ช่วยบำรุงสายตา

ในข้าวโพดมีสารอาหารจำพวกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม ซีลีเนียม สารซีแซนทิน โดยข้าวโพดมีประโยชน์ต่อดวงตาคือช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

5.ส้ม

ส้มมีกรดซิตริกที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด มีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ

ในส้มมีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี แคโรทีน แคลเซียม สารฟาโวนอยด์

ประโยชน์ของส้มที่มีต่อร่างกาย คือ ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย คลายความเมื่อยล้า

6.กีวี

ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานๆ มักได้รับรังสีเป็นประจำ จึงควรกินกีวีที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เมื่อกีวีทำปฏิกิริยากับออกซิเจนก็จะช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

ในกีวีมีสารอาหารปรเภทคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี โฟเลต โพแทสเซียม แคลเซียม ซึ่งมีประโยชน์คือ บำรุงสายตา บำรุงกระดูกให้แข็งแรง

7.ขาหมู

ผู้ที่ใช้เมาส์ แป้นพิมพ์ หรือถือสมาร์ตโฟนนานๆ ควรกินขาหมูที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน เพื่อป้องกันโรคข้ออักเสบ

ในขาหมูมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ บำรุงกระดูกให้แข็งแรง

8.ตับ

การเพ่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนนานๆ จะทำให้สายตาเสื่อม การกินตับที่อุดมไปด้วยวิตามินเอจะช่วยบำรุงสายตา

ในตับมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี วิตามินซี วิตามินดี โคเอนไซม์คิวเทน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ตับยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ เสริมสร้างแอนติออกซิเดนด์

9.ปลาไหล

แคลเซียมในปลาไหลช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่เคลื่อนไหวไขข้อเฉพาะส่วน เช่น ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนนานๆ

ในปลาไหลมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน คอเลสเตอรอล วิตามินเอ วิตามินบี 12 วิตามินดี วิตามินอี โซเดียม ซีลีเนียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งมีประโยชน์คือ ช่วยในเรื่องความเมื่อยล้าของดวงตา เสริมสร้างแอนติออกซิเดนต์

10.ชา

ชามีสารพอลีฟีนอล ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านรังสีที่ออกมาจากคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟน

ในชามีวิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี ซี และอี ฟลูออรีน โพแทสเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี สารคาเทซิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ช่วยเสริมสร้างแอนติออกซิเดนต์


ที่มา หนังสือกินเปลี่ยนชีวิต ด้วยอาหาร 100 ชนิดจากธรรมชาติ สนพ.นานมีบุ๊คส์

เพราะบางครั้งการนอนดึกก็ทำให้ร่างกายเมื่อยล้า อ่อนเพลีย จิตใจไม่แจ่มใส ซึ่งจริงๆ ยังมีอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายได้ ลองมาดูอาหารคุณภาพเยี่ยม 10 ชนิดสำหรับคนนอนดึกกัน

1.ขนมปังโฮลวีต

ขนมปังโฮลวีตอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบี ช่วยคลายความเมื่อยล้าของร่างกายและจิตใจ ทำให้จิตใจแจ่มใส

โดยสารอาหารที่พบในขนมปังโฮลวีต ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ เสริมสร้างแอนติออกซิแดนด์ บำรุงผิวพรรณ ให้พลังงาน กระตุ้นเมแทบอลิซึม

2.งา

การอดนอนเป็นการทำร้ายผิว ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ การกินงาช่วยเสริมวิตามินอีที่มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างแอนติออกซิเดนด์

ในงามีสารอาหารจำพวกโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยบำรุงสมอง ให้พลังงาน

3.พริกหวาน

การอดนอนทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากเกินไปจากกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การกินพริกหวานที่อุดมไปด้วยวิตามินซีจะช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระส่วนเกินได้

โดยในพริกหวานมีสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี วิตามินซี วิตามินเค แคโรทีน โพแทสเซียม ซึ่งช่วยบำรุงสายตา

4.ฝรั่ง

ฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างแอนติออกซิแดนด์ ช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเผาผลาญพลังงานระหว่างที่อดนอน

ในฝรั่งยังอุดมไปด้วยสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม กรดอินทรีย์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

5.ส้มเช้ง

คนที่นอนน้อยมักเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจได้ง่าย ควรกินส้มเช้งที่มีเส้นใยอาหารที่มีคุณสมบัติละลายในน้ำได้ เพื่อช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล

ในส้มเช้งมีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินซี แคโรทีน โพแทสเซียม แคลเซียม สารฟลาโวนอยด์ กรดอินทรีย์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยเสริมสร้างแอนติออกซิแดนด์ ชะลอความแก่

6.น้ำเต้าหู้

การอดนอนทำให้สูญเสียพลังงานมากกว่าปกติ การดื่มน้ำเต้าหู้ที่มีกรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) ช่วยให้คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย

ในน้ำเต้าหู้มีโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) แคลเซียม สารฟาโวนอยด์ สารเลซิทิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือช่วยเสริมสร้างแอนติออกซิแดนต์ บำรุงสมอง

7.ถั่วเขียว

ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบี ช่วยลดความวิตกกังวลจากการอดนอนหรือเข้ากะดึก

สารอาหารที่พบในถั่วเขียว ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ซึ่งช่วยบำรุงสมองให้แจ่มใส เพิ่มภูมิคุ้มกัน กระตุ้นเมแทบอลิซึม

8.กระเทียม

สารอัลลิชินในกระเทียมจะจับตัวกับวิตามินบี 1 กระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมวิตามินบี 1 และนำไปใช้งานได้ดียิ่งขึ้น คลายความเมื่อยล้า

ในกระเทียมมีสารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินกลุ่มบี วิตามินซี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บำรุงสมอง เสริมสร้างแอนติออกซิแดนต์ เพิ่มภูมิคุ้มกัน

9.ตับ

ตับอุดมไปด้วยวิตามินเอ จึงเหมาะสำหรับคนที่นอนน้อยและใช้สายตาเยอะ

โดยในตับมีสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี วิตามินซี วิตามินดี โคเอนไซม์คิวเทน โพแทสเซียม ฟอฟอรัส ธาตุเหล้ก สังกะสี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บำรุงสมอง เสริมสร้างแอนติออกซิเดนต์ บำรุงผิวพรรณ

10.ปลาแซลมอน

คนที่นอนน้อยจะขาดวิตามินดี แก้ได้โดยกินปลาแซลมอน

สำหรับสารอาหารที่พบในแซลมอน ได้แก่ โปรตีน กรดไขมันโอเมากา3 วิตามินกลุ่มบี วิตามินดี วิตามินอี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือช่วยบำรุงสมอง


ที่มา หนังสือกินเปลี่ยนชีวิต ด้วยอาหาร 100 ชนิดจากธรรมชาติ สนพ.นานมีบุ๊คส์

เครื่องปรุง

  1. ขนมปังเบอร์เกอร์ 1 คู่
  2. เนื้อปลาสด 60 กรัม
  3. มะเขือเทศหั่นแว่น 1 ลูก 30 กรัม
  4. ผักกาดแก้วฉีก 2 ใบ 20 กรัม
  5. น้ำสลัดเพื่อสุขภาพ

 

วิธีทำ

  1. นำเนื้อปลาสดอบในเตาไมโครเวฟให้สุก นำออกมาพักไว้
  2. ทาขนมปังเบอร์เกอร์ด้วยน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ
  3. วางผักกาดแก้วและมะเขือเทศลงในขนมปังเบอร์เกอร์
  4. นำเนื้อปลาที่เตรียมไว้ใส่ลงในขนมปังเบอร์เกอร์
  5. ใส่น้ำสลัดลงไปอีกครั้ง

 

สารอาหารที่ได้รับ

คาร์โบไฮเดรต 224.2 กรัม

ไขมัน 8.25 กรัม

โปรตีน 45.60 กรัม

พลังงาน 260.5 กิโลแคลอรี่

 

ข้อมูลจาก : หนังสือเมนูสบายใจ ต้านภัยเบาหวาน สำนักพิมพ์มติชน