นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช เจ้าของรางวัล People Management Award 2022 ประเภท The Best of CEO People Leader จากสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย

รางวัล People Management Award 2022

ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลที่อะไรๆ ก็ดูยากที่จะคาดเดา แต่สิ่งหนึ่งที่จะนำพาองค์กรให้สามารถลงสนามช่วงชิงชัยชนะมาได้ นั่นก็คือ “พนักงาน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ  “ซีอีโอ” ที่จะต้องรักษาคนเก่ง พัฒนาศักยภาพ ทำงานเป็นทีมเวิร์ก เพราะการจัดการปัญหาภายในองค์กรยากที่สุดคือเรื่อง “คน”

แต่สำหรับคุณหมอนักบริหาร นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช เจ้าของรางวัล People Management Award 2022 ประเภท The Best of CEO People Leader จากสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย หรือ พีแมท (PMAT) ผู้ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตด้วย “ความสุข” ของพนักงานเป็นที่ตั้ง บริหารคนแบบที่ในตำราไม่มีสอน

“คน เท่ากับ ฟันเฟือง … แต่ละฟันเฟืองมีวิธีดูแลต่างกัน”

เมื่อ คน หรือ พนักงาน คือ ฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนองค์กรพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จ ในขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลก็มีธุรกิจส่วนอื่นทำงานสอดประสานเกิดเป็นโรงพยาบาลให้บริการรักษา ดูแลคนไข้ ดังนั้นฟันเฟืองต้องทำงานประสานกันไปในทิศทางเดียวกัน

“การบริหารคนของผมเป็นการบริหารนอกตำรา เกิดจากการทำงานได้เรียนรู้ สังเกตพฤติกรรมของคน แต่ละคนมีอุปนิสัย ความคิด วัฒนธรรมต่างกัน เช่นเดียวกับการบริหารงานในแต่ละอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว การแพทย์ สื่อสารมวลชน ก็มีวิธีบริหารไม่เหมือนกัน เราจะใช้วิธีเดิมๆ บริหารเหมือนกันหมดได้อย่างไร ดังนั้นเราต้องเข้าใจความหลากหลายของคน ความหลากหลายของหน้าที่การงาน และความหลากหลายของสถานการณ์ เอามาเสียบปลั๊กให้ตรงกัน คนไหนเก่งเรื่องไหนให้ไปทำเรื่องนั้น แล้วนำมารวมกันต้องบรรลุเป้าหมาย”

Passion อาวุธชั้นเลิศ ให้พุ่งชนเป้าหมาย

การรับสมัครพนักงาน เป็นด่านแรกที่จะทำให้องค์กรได้เจอกับคนที่มี Passion ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร เมื่อพนักงานมีแรงจูงใจให้อยากทำงาน เพื่อบรรลุเป้าหมาย ดังนั้น ผู้บริหารต้องรู้ว่าเป้าหมายของพนักงานแต่ละคนคืออะไร องค์กรสามารถตอบโจทย์ได้อย่างไร

“หาพนักงานที่มี Passion มาทำงาน เกิดจากการเปิดรับสมัครตั้งแต่แรก เราต้องสัมภาษณ์เพื่อดูนิสัย ทัศนคติ ดูเป้าหมายชีวิต ดูว่าเป็นคนต้องการสร้างคุณค่าให้องค์กร เพราะความมุ่งมั่นสำคัญที่สุด ร้อยปัญญาไม่เท่าหนึ่งความอยาก เพราะหนึ่งความอยากจะทำให้คนหาวิธีหลายร้อยวิธีที่จะไปให้ถึงความอยากนั้น และที่สำคัญต้องรู้ด้วยว่าเป้าหมายองค์กรคืออะไร เป้าหมายของรพ.สมิติเวช คือ ทำให้ชีวิตผู้รับบริการ พนักงาน แพทย์ คู่ค้า ชุมชนให้ดีกว่าเก่า สร้างคุณค่า สร้าง Eco System ดูแลผู้คน ทำอย่างไรให้คนไม่ป่วย เรามุ่งสร้างคุณค่า ดังนั้นเราต้องหาคนที่อยากสร้างคุณค่าไปพร้อมกับเรา นำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน”

เพิ่ม Passion ด้วยการบริหารกิเลส และกฏดูแลอย่างสาสม

คุณหมอนักบริหาร นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร กล่าวถึงการบริหารคนว่า เวลาอยากให้ใครทำอะไร ต้องบอกว่าทำแล้วคุณจะได้อะไร สิ่งนี้คือกิเลส แต่ถ้าไม่ทำจะมีผลอย่างไร อันนี้คือ ความกลัว มนุษย์เราตราบใดที่ยังไม่บรรลุความเป็นอรหันต์ ย่อมมีกิเลส โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา ต่างกันที่ใครจะมีมากใครจะมีน้อย การบริหารคนจึงเป็นเรื่องของการบริหารกิเลสคนให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร  เพราะจริงๆแล้ว การบริหารคนเป็นนามธรรม ซึ่งมักชนะรูปธรรม ดังนั้น บริหารกิเลส ก็คือการบริหารความอยากของคน เพราะทุกคนรักตัวเอง เมื่อรักตัวเองก็จะรักองค์กร “ความกลัว ความอยาก คือกิเลสที่ทำให้คนขับเคลื่อนได้ ดังนั้นเราต้องรู้ความฝันของเขา กล่องดวงใจของเขาคือใคร และต่อมกังวลของเขาคืออะไร”

จุดสำคัญคือ คนกับองค์กรต้องไปด้วยกัน ดังนั้นต้องมีการรีเช็กความสุขของพนักงานอยู่เสมอ อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเสมอ ด้วยหลัก healthy wealth happy และ WWW คือ woy want wow ผลักดันให้คนมีพลัง เมื่อรีเช็กความสุขพนักงานแล้ว ต้องมีการประเมินผลแบบ บวก ลบ คูณ หาร ซึ่งแต่ละระดับมีการบริหารจัดการต่างกัน การประเมินคูณและบวก (เกรด A-B) จะได้รับการตอบแทนอย่างสาสม ลบและหาร (เกรด D-E) จะได้รับการตอบแทนอย่างสาหัส องค์กรจะมีแต่คนทำงานจริงๆ ทำให้ Engagement score ของพนักงานสมิติเวชสูงถึง 88% ซึ่งค่าเฉลี่ยของประเทศไทยในปี 2022 อยู่ที่ 71% และ Thailand Best Employer ประมาณ 85%

ในแข่งมีประสาน ในประสานมีแข่ง สู่ Team work

ขนมปัง 1 ชิ้นก็สามารถควบคุมปลาทุกสายพันธ์ที่มีอุปนิสัยต่างกันให้เดินทางไปยังทิศที่ต้องการได้ อยู่ที่ว่าจะโยนไปในทิศทางใดเท่านั้น การบริหารทีมเวิร์กมี 2 วิธี คือ “ในแข่งมีประสาน ในประสานมีแข่ง” เป็นการนำจุดแข็งของแต่ละคนมาแลกกัน และแต่ละคนก็จะมีเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง ซึ่งก่อนจะประสาน เราต้องเข้าใจก่อนว่า คนในแต่ละ Gen มีความคิด มุมมอง สกิลไม่เหมือนกัน การบริหารคนในองค์กรที่มีทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า เหมือนหยินกับหยาง คือในดำมีขาว ในขาวมีดำ ซึ่งสัดส่วนของสีขาวและดำในหยินและหยางจะต่างไปตามสถานการณ์ที่ต่างกัน ผู้บริหารต้องผสานทั้งสองเจนเนอเรชั่นไว้ด้วยกัน เปรียบเทียบง่ายๆ คือ แต่ละคนจะมีเชือกผูกรั้งไว้ หากเชือกที่ผูกกันไว้สั้นเกินไปก็ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาเจอกันได้ ดังนั้น Gen เก่า ต้องยอมที่จะตัดเชือกและเดินไปหา Gen ใหม่ก่อน เพราะ Genใหม่ เปรียบกับโจทย์ที่ดี เมื่อมีโจทย์ที่ดีนั้นหมายถึง เราจะมีการคิดวางแผนใหม่ๆ  เมื่อทั้งสองฝ่ายประสานกันได้ องค์กรก็เดินไปข้างหน้าได้ เพราะคนเป็นต้นน้ำของความสำเร็จ หากคนในองค์กรเก่งและดี เรื่อง Quality, Service, Innovation และอื่นๆ ซึ่งเป็นกลางน้ำ ก็จะดี และด้าน Finance ซึ่งถือเป็นปลายน้ำก็จะดีเองโดยอัตโนมัติ

“เลี้ยงแกะ อยากให้แกะอ้วน ก็ต้องมีปัจจัยลบหรือตัวเร่ง คือ หมามาไล่แกะ เมื่อแกะเห็นหมา แกะจะรีบกินแล้ววิ่งหนี หมาคือตัวกระตุ้น แต่อย่ามีเยอะเกินไป เพราะจะทำให้แกะกินบนความกังวลจะวิ่งหนีอย่างเดียว แกะก็จะกินน้อยลง เปรียบเหมือนการบริหารคนรุ่นใหม่ หมายถึงเรามีกรอบ มีเป้าหมายให้ไปถึง แต่ระหว่างทางที่จะไปถึงนั้น ต้องเปิดประตูให้เขาออกไปวิ่งได้ด้วย”

นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความสำเร็จต้องมีความสุขเสมอเพราะความสำเร็จที่ปราศจากความสุข ไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง นิยามความสุขของผมคือ การทำให้ชีวิตของทุกผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (Stakeholder) ดีกว่าเก่า เราอยู่ตรงนี้เราได้เปรียบเพราะสามารถทำให้ชีวิตของเจ้าหน้าที่ หมอ ลูกค้า ชุมชน ผู้ถือหุ้น ยิ้มได้ มีชีวิตที่ดีกว่าเก่า และสามารถสร้างคุณค่าให้เขาได้ด้วย”

‘สมิติเวช’ เปิดตัวแคมเปญ #เราไม่อยากให้ใครเปลือง จัด 3 แพ็กเกจสุดคุ้มจ่ายคืนค่าคัดกรอง มะเร็งลำไส้-หัวใจ-มะเร็งเต้านม/ปากมดลูก เปิดศูนย์ Long COVID Center ครบวงจรแห่งแรกของไทย หลังพบสถิติเกือบครึ่งของผู้ป่วยโควิดเป็น Long COVID

เมื่อเวลา 10.30 น.  วันที่ 26 เมษายน 2565 ที่ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 1 โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์  รพ.สมิติเวช เปิดตัวแคมเปญ #เราไม่อยากให้ใครเปลือง ร่วมฝ่าฟันวิกฤติ โดยออกแพ็กเกจ คัดกรอง โรคร้าย รู้เร็วรักษาได้  และ เจอ จ่ายคืนค่าตรวจคัดกรองเป็นส่วนลดค่าผ่าตัด  กับ 3  แพ็กเกจ  คือ  1. แพ็กเกจส่องกล้องตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่  2. แพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคหัวใจ   และ 3. แพ็กเกจตรวจคัดกรอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง สำหรับสุภาพสตรี   พร้อมสิทธิพิเศษเมื่อเข้ารับการผ่าตัด  นอกจากนี้ยังร่วมกับบริษัทประกันกว่า 50 แห่งครอบคลุมสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล และแบ่งชำระ 0% สูงสุด 10 เดือนกับ 7 ธนาคารชั้นนำ   เพราะการช่วยให้คนไทย ไม่ป่วย ไม่เปลือง ถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่และมีคุณค่ายิ่งกว่าการรักษา

รวมถึงเปิดศูนย์ Long COVID Center ดูแล รักษา ฟื้นฟู ครบทุกด้าน  โดยโรงพยาบาลสมิติเวช มุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพดีเป็นพื้นฐาน  นอกจากนี้รพ.สมิติเวช ได้จัดกำลังรับโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ร่วมมือภาครัฐเน้นการดูแลผู้ป่วย บริการฉีดวัคซีน ตรวจหาเชื้อ บริการผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวใน Hospitel หรือHome isolation 

นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร

นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช กล่าวว่า ในภาวะเช่นนี้ เรียกได้ว่าอยู่ในยุคที่คนไทยเจอมรสุม 2 เรื่อง 1.โรคโควิด-19  2.พิษเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนมหาศาล กำลังซื้อลดลง รวมถึง ภัยธรรมชาติ ไม่มีนักท่องเที่ยว ร้านค้าปิดกิจการ เกิดความเครียด  ความกลัว  จึงเกิดเป็นวิกฤติสุขภาพทางร่างกาย และจิตใจ สิ่งที่เราทุกคนควรทำตอนนี้ คือร่วมมือร่วมใจฝ่าฟันวิกฤติช่วงนี้ไปให้ได้ ทำอย่างไรถึงจะเซฟจากโรคโควิด ทำอย่างไรถึงจะรอดจากพิษเศรษฐกิจไปได้ เราจึงต้องเสียสละทำเพื่อสังคมให้อยู่รอดได้ ให้ประชาชนพึ่งพาตัวเองได้ โดยผลักออกจากโรงพยาบาล ด้วยการป้องกัน จึงเกิดแคมเปญเราไม่อยากให้ใครป่วย ไม่อยากให้ใครเปลืองขึ้นมา

“สำหรับแนวโน้มธุรกิจของโรงพยาบาล ถึงแม้จะรายได้หดตัวเนื่องจากไม่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาตัวได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ยังมีรายได้จากการร่วมมือจากพันธมิตรทางธุรกิจในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19  ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับโรงแรมเปิดเป็น Hospitel ในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 การตรวจหาเชื้อ การฉีดวัคซีน  พร้อมตั้งศูนย์  Long COVID Center ให้การรักษาโดยการฟื้นฟูร่างกายให้ครบวงจรทุกด้าน จะเรียกว่าสมิติเวชเปิดเป็นแห่งแรกเลยก็ได้ เพราะเราไม่มีนโยบายเอากำไรกับความทุกข์ของผู้คนกับวิกฤติโรคภัยที่เป็นอยู่ เรายิ่งต้องเสียสละช่วยเหลือกันและกัน ถ้าสังคมอยู่ไม่ได้ สุดท้ายเราก็อยู่ไม่ได้ เพราะสมิติเวชเป็น Agile Organization of Value สร้างคุณค่าต่อชุมชนและสังคม ไม่ใช่ Organization of Success ที่เน้นแต่ความสำเร็จขององค์กรเท่านั้น” นพ.ชัยรัตน์ กล่าว

นพ.ชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็น Long COVID 30-50% หรือ 1-2 ล้านคน โดยพบว่ามีผลกระทบต่อระบบโดยรวม อาทิ อาการก่อนเพลียเหนื่อยล้าสูงสุด 58% ส่วนอาการต่อระบบประสาทและสมอง ปวดศีรษะ 44% สูญเสียสมาธิ 27% สูญเสียการรับรส 23% สูญเสียความทรงจำบางส่วน 16% นอนไม่หลับ 11% เป็นต้น สมิติเวชจึงทำศูนย์  Long COVID Center ที่ใหญ่และครบวงจร เพื่อช่วยเหลือสังคม

“ไม่ป่วย คือ การรู้เท่าทันโรค นำไปสู่การป้องกัน บรรเทาความเจ็บป่วยก่อนที่จะเกิดขึ้นได้ รู้เท่าทัน-สกัดกั้น-วางแผนสุขภาพ เซฟชีวิต ลดการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษา และ Health Care Cost ของประเทศชาติลดลง  นอกจากนี้ รพ. มีการนำนวัตกรรมการสุขภาพเพื่อดักจับและคัดกรองความเสี่ยงที่จะทำให้ป่วย  อาทิ  การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ด้วยเทคโนโลยี AI (Assisted Colonoscopy) จากประเทศญี่ปุ่น มีความแม่นยำขึ้น 1.5 เท่า สามารถตัดติ่งเนื้อได้ทันทีขณะตรวจส่องกล้อง และเน้นการป้องกันโรคด้วยวัคซีน 

“พร้อมตั้งศูนย์  Long COVID Center โดยให้บริการตรวจสุขภาพร่างกาย ตรวจสมรรถภาพปอด ตรวจการทำงานของหัวใจ ตรวจการอักเสบของร่างกาย การรักษาโดยการฟื้นฟูร่างกายให้ครบทุกด้าน ทั้งการฝึกหายใจ การออกกำลังกายเบาๆ การวัดระดับวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายการเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินสูตรเฉพาะบุคคล วัคซีน รวมถึงการเสริมสุขภาพในด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นการประเมินสุขภาพและวางแผนดูแลฟื้นฟูตัวเองต่อไป รวมถึงเพื่อให้อวัยวะต่างๆ และร่างกายกลับมาทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้มีการนำแพทย์ให้ความรู้กับประชาชนและองค์กร ผ่านงานสัมมนาวิชาการออนไลน์ (Webinar)  วิดีโอ โทรทัศน์ บทความสุขภาพ  ล่าสุดได้จัดฝึกอบรมการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนเพื่อรับมือเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยคาดไม่ถึง

0Q4A3042

“ไม่เปลือง คือ จากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด -19  ที่เกิดขึ้น คนไทยมีเรื่องให้กังวลหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน สังคม การดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ “เอาไว้ก่อน”จนอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งบางโรคหากคัดกรองตั้งแต่เริ่มต้นสามารถรักษา ช่วยประหยัดเงินและเซฟชีวิตไว้ได้  สมิติเวชจึงออกมาตรการช่วยเหลือ อาทิ เจอ จ่ายคืนค่าตรวจคัดกรองเป็นส่วนลดค่าผ่าตัด โดยเมื่อมาตรวจคัดกรอง พบความผิดปกติ และรักษากับสมิติเวช จะได้รับส่วนลดค่าผ่าตัดเท่ากับค่าตรวจคัดกรองใน 3 แพ็กเกจ 1.แพ็กเกจส่องกล้องตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ 2. แพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคหัวใจ การตรวจวินิฉัยด้วยเครื่องมือพิเศษและการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ รวมถึงการวิ่งสายพาน  เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ 3. แพ็กเกจตรวจคัดกรอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง สำหรับสุภาพสตรี ที่เลือกทั้ง3โรคนี้ เพราะถ้าไม่ตรวจตั้งแต่เริ่มต้นปล่อยให้ป่วยแล้ว เป็นโรคที่เป็นแล้วทรมาน ญาติก็ทรมาน และต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเป็นล้าน แต่ถ้าตรวจคัดกรองก่อนจะลดค่ารักษาพยาบาลได้เยอะ จึงเป็นที่มาของแคมเปญว่าไม่อยากให้ใครเปลือง”นพ.ชัยรัตน์กล่าว

ด้าน นพ.นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร ผอ.รพ.สมิติเวช สุขุมวิท กล่าวว่า คนทั่วโลกเป็นโควิด 500 กว่าล้านคน ประเทศไทยมีคนป่วย 4 ล้านคน โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนใน 3-4 เดือน มียอดผู้ป่วยเกือบ 2 ล้านคน ในจำนวนนี้ 30-50% มีอาการ Long COVID เกิดจากช่วงที่เป็นโควิดมีภูมิคุ้มกันผิดปกติ โดย CEO รพ.สมิติเวช ตระหนักถึงผลกระทบจาก Long COVID จึงตั้งเป็นศูนย์ Long COVID Center ทั้งนี้ในการดูแล เราจะดูแลเป็นองค์รวม คือ ตั้งแต่การสร้างเสริมสุขภาพ ตรวจเช็กสุขภาพตลอด ให้ออกกำลังกาย และถ้าเป็นโควิดจะมีกระบวนการรักษาที่ดี จนถึงเมื่อเป็น Long COVID จะมุ่งสู่การรักษาแบบครบวงจร โดยมีแบบประเมินอาการที่ยังหลงเหลือ

เนย - โชติกา วงศ์วิลาศ

“การตั้งศูนย์ Long COVID Center ครบวงจร ถือว่าสมิติเวชทำเป็นอันดับแรกๆ จะมีอยู่ทุกสาขาในกลุ่มรพ.สมิติเวชและ BNH กระบวนการรักษาจะมีการคัดกรองผู้ป่วย ก่อนส่งแพทย์เฉพาะทาง เป็นสหสาขาวิชาชีพ โดยผู้ป่วย1คนอาจมีหลายอาการ ในการรักษาส่วนใหญ่จะหายขาดได้ ใช้ระยะเวลารักษาประมาณ 1-6 เดือน ขึ้นกับว่าแต่ละคนมีอาการรุนแรงมากน้อยแค่ไหน”นพ.นิธิวัฒน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงอาการ Long COVID ในส่วนของเด็ก นพ.นิธิวัฒน์ กล่าวว่า เด็กจะมีอาการ Long COVID น้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่เด็กบางคนโชคไม่ดีเกิดภูมิต้านทานผิดเพี้ยนระหว่างป่วยโควิด ทำให้เป็นเบาหวาน ส่วนใหญ่จะเป็นระยะสั้น ถ้าเข้าสู่การรักษาให้เร็วขึ้น ทำให้ตับอ่อนฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ปัญหาเบาหวานก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าเขาไม่รู้และปล่อยให้อักเสบเรื้อรัง จะกลายเป็นถาวรได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการรักษาโรคโควิด ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะได้รับยาเยอะแล้ว เมื่อเป็น Long COVID อีกจะต้องได้รับยาเพิ่มอีก จะมีปัญหาในการรักษาหรือไม่ นพ.นิธิวัฒน์ กล่าวว่า เป็นยาคนละกลุ่ม จริงๆแล้วสาธารณสุขของไทยมีระบบของรัฐบาลซัพพอร์ตเรื่องโควิดดีมากๆ ทำให้คนไทยที่เป็นโควิดเข้าถึงการดูแลการรักษาได้อย่างทั่วถึงทำให้ลดปัจจัย Long COVIDลง เมื่อรักษาดี หายเร็ว ฟื้นตัวเร็ว ผลกระทบจาก Long COVIDก็ลดลง

“ส่วนการจะใช้ยาตัวไหนแล้วแต่ความรุนแรงของโรค เมื่อเป็น Long COVID ก็มีการดูแลอีกกระบวนการหนึ่ง จะไม่มีผลต่อการรักษา แต่ถ้าจำเป็นจะมีเรื่องการชั่งน้ำหนัก ตัวอย่างถ้าเราให้ยาฟาวิพิราเวีย ก็จะไม่ให้ยาฟ้าทะลายโจร เพราะฉะนั้นระบบการแพทย์เรามีระบบการเฝ้าระวังอยู่แล้ว”ผอ.รพ.สมิติเวช สุขุมวิท กล่าว

เมื่อถามว่าทราบว่า นอกจากการรักษาแผนปัจจุบันแล้ว สมิติเวชมีการฝังเข็มเพื่อฟื้นฟูผู้ป่วย Long COVID แทนการใช้ยาแผนปัจจุบันด้วย นพ.นิธิวัฒน์ กล่าวว่า บางคนมีปัญหาเรื่องสภาวะการนอนไม่หลับ สภาวะร่างกายอ่อนล้า จิตใจไม่สดชื่น บางคนกลัวการกินยาแผนปัจจุบัน จะมีศาสตร์ทางเลือกเรื่องการใช้การฝังเข็ม ซึ่งเรามีแพทย์ฝังเข็มที่จบศาสตร์นี้โดยเฉพาะจากประเทศจีน ถือเป็นทางเลือกได้ถ้าบางคนกังวลเรื่องการสะสมของยา

ส่วน พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันแพทย์เข้าใจเรื่อง Long COVID และกลไกการดูแลรักษาขึ้นมาก และทางสมิติเวชพร้อมดูแลให้ผู้ป่วยแข็งแรงเหมือนเดิม

“ในการจัดแคมเปญเราไม่อยากให้ใครเปลือง จึงออกแพ็กเกจคัดกรองโรคร้าย เจอ จ่ายคืนค่าตรวจคัดกรองเป็นส่วนลดค่าผ่าตัด โดยเมื่อมาตรวจคัดกรอง พบความผิดปกติ และรักษากับสมิติเวช จะได้รับส่วนลดค่าผ่าตัดเท่ากับค่าตรวจคัดกรอง  3 แพ็กเกจ  1.แพ็กเกจส่องกล้องตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่  2.แพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคหัวใจ การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือพิเศษและการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ รวมถึงการวิ่งสายพาน  เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และ 3.แพ็กเกจตรวจคัดกรอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง สำหรับสุภาพสตรี 

“นอกจากนี้ยังจัด Surgery Plus สิทธิพิเศษเมื่อเข้ารับการผ่าตัด ตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้ป่วย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนลดค่าตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด (Pre-Operation) มูลค่า 5,000 บาท สำหรับการผ่าตัดที่มีค่าใช้จ่าย 100,000 บาทขึ้นไป Biobeat ติดตามสัญญาณชีพของผู้ป่วยในห้องพัก Samitivej Pace ติดตามสถานะการผ่าตัด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Samitivej Prompt ติดตามสถานะการดูแลผู้ป่วยในห้องพัก โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยแพ็กเกจนี้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2565

ดีเจพุฒ - พุฒิชัย เกษตรสิน

“รวมถึงร่วมมือกับ บริษัทประกันกว่า 50 แห่งครอบคลุมสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล ด้านค่าใช้จ่ายและการบริการ ด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ส่วนลดค่าห้องพัก โปรแกรมตรวจสุขภาพราคาพิเศษ  ห้องรับรองพิเศษ ช่องทางติดต่อพิเศษ และสามารถแบ่งชำระ 0%สูงสุด 10 เดือนกับ 7 ธนาคารชั้นนำ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 2565 ประกอบด้วย

“1.บัตรเครดิตเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์  และยูโอบี ผ่อนนานสูงสุด 10 เดือน (สำหรับผู้ป่วยในที่มียอดใช้จ่ายเกิน 200,000  บาท) 2.บัตรเครดิต  Co- Brand :  BDMS-กสิกร  และ เคทีซี-สมิติเวช  6 เดือน (สำหรับผู้ป่วยในที่มียอดใช้จ่ายเกิน 50,000 บาท) 3.บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ กสิกรไทย เอสซีบี กรุงเทพ เคทีซี  4 เดือน (สำหรับผู้ป่วยในที่มียอดใช้จ่ายเกิน 50,000 บาท) ทั้งนี้แคมเปญและแพ็กเกจทั้งหมดเราคาดหวังว่า ต้องการให้สมิติเวชเป็นองค์กรแห่งคุณค่า ต้องการให้เกิดความยั่งยืนมั่นคงกับคนไทยทุกคน”พญ.ธิดากานต์ กล่าว

ด้าน บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ศิลปินนักร้องชื่อดัง แคมเปญพรีเซนเตอร์ #เราไม่อยากให้ใครเปลือง กล่าวว่า ผมให้ความสำคัญกับสุขภาพ ควรมาตรวจก่อนที่คิดว่าเปลือง เพราะการลงทุนเพื่อสุขภาพเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องเอาไว้ก่อน ตัวผมเองมีไลฟ์สไตล์ที่สุดในทุกด้านและชอบทานเนื้อสัตว์ พอถึงอายุที่ต้องตรวจมะเร็งลำไส้ ก็เลยมาหาคุณหมอที่รพ.สมิติเวช เพราะรักษาที่รพ.นี้มาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ 20,000 กว่าบาท แต่สบายใจอยู่ได้ 4-5 ปี ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะถ้ามีอาการแล้วลุกลามต้องรักษากันเป็นหลักล้าน ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย

“อยากเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนหันมาตรวจสุขภาพกันเพราะถ้าตรวจพบได้เร็วก็ยิ่งรักษาให้หายได้เร็ว ไม่ป่วย ไม่เปลือง อยากจะฝากให้ทุกคนติดตามโปรเจกต์พิเศษระหว่างผมกับรพ.สมิติเวชได้เร็วๆ นี้ ได้ทาง Facebook : samitivej club”บุรินทร์กล่าว

ด้าน เนย – โชติกา วงศ์วิลาศ ดารานักแสดงสาว คุณแม่ลูก 2 ร่วมแชร์ประสบการณ์ตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสมิติเวช ว่า ตรวจสุขภาพที่สมิติเวชตลอด เคยตรวจพบก้อนซีสต์ที่เต้านมตั้งแต่อายุ 20 ปี จึงให้หมอเอาออกไป จากนั้นจึงตรวจสุขภาพทุกปี ตอนนี้มีก้อนซีสต์เล็กๆที่เต้านมอยู่ 6 ก้อน แต่สภาพไม่เปลี่ยนแปลง จึงมาตรวจกับหมอตลอด และออกกำลังกายด้วย กินผักผลไม้อาหารที่มีประโยชน์ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เลิกกินอาหารแปรรูป เพราะอยากสุขภาพดี จะได้อยู่กับลูกไปนานๆ

ขณะที่ ดีเจพุฒ – พุฒิชัย เกษตรสิน นักแสดงชื่อดัง ทำหน้าที่เป็นพิธีกร กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว คุณจุ๋ย วรัทยา นิลคูหา มาส่องกล้องตรวจลำไส้ด้วยระบบ AI ที่รพ.สมิติเวช พบว่าลำไส้สะอาดก็สบายใจไป 4-5 ปี จากนั้นผมจึงพาคุณพ่อคุณแม่อายุ 70 กว่าแล้วมาส่องกล้อง พบว่าคุณพ่อไม่เป็นอะไร ส่วนคุณแม่พบติ่งชิ้นเนื้อแต่ไม่ใช่เนื้อร้าย คุณหมอสามารถรักษาได้ เสียเงินนิดเดียว ดีกว่าปล่อยทิ้งเอาไว้แล้วเกิดโรคมะเร็ง

นพ. ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และรพ.บีเอ็นเอช  กล่าวว่า “สมิติเวช มีแนวคิดที่จะพัฒนานวัตกรรมให้ทันกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน ยิ่งในช่วงของการระบาดของโคโรน่าไวรัส (COVID-19) คนกลัวการมาโรงพยาบาลแต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องพบแพทย์  ทำให้  Samitivej Virtual  Hospital มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่คนจะมาโรงพยาบาลลดลง”

Samitivej Virtual Hospital ให้บริการที่ครบวงจร ผู้รับบริการสามารถวีดีโอคอลกับแพทย์ โดยสามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-time ผ่านเทคโนโลยี Telemedicine ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ปัจจุบันได้มีแพทย์เฉพาะทาง 51 สาขาถึง  642  คน ซึ่งสามารถให้บริการได้ตั้งแต่โรคทั่วไป ปวดหัว เป็นไข้ ภูมิแพ้ จนถึงโรคเฉพาะทางไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง ทางเดินอาหาร จิตเวช ออฟฟิศซินโดรม หรือ โรคในเด็ก ผู้รับบริการสามารถเบิกประกันได้ตามสิทธิกว่า 13 บริษัทประกันที่รองรับ นอกจากนี้ก็มีบริการ [email protected] ตรวจเลือดเจาะเลือดถึงบ้าน รวมถึง Medicine Delivery ส่งยาถึงบ้านอีกด้วย โดย Samitivej Virtual Hospital มีความร่วมมือกับ Save Drug ซึ่งเป็นร้านขายยาและสินค้าเพื่อสุขภาพในเครือ BDMS ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้การส่งยาถึงบ้านเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และตอบโจทย์ของผู้รับบริการในเรื่องของความสะดวกสบายอย่างดีที่สุด

ขั้นตอนการรับบริการ ง่าย สะดวก รวดเร็ว #คลิกเดียวถึง โดยสามารถเข้ารับบริการได้ผ่านทาง

  • แอปพลิเคชัน Samitivej Plus ที่เป็นช่องทางหลักของสมิติเวช
  • [email protected]
  • เว็บไซต์สมิติเวช https://www.samitivejhospitals.com

นายแพทย์ชัยรัตน์ เพิ่มเติมว่า “ช่วงโควิด-19 มีผู้รับบริการเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยมีจำนวนผู้รับบริการเพิ่มขึ้นถึง 221% ในช่วงเดือนสิงหาคมเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งโรคอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมในการรับคำปรึกษาคือโรคผิวหนัง โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร โรคต่างๆ ในเด็ก และเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะของโรคทางจิตเวชทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้รับบริการในช่วง โควิด-19 ผู้รับบริการมีความพึงพอใจบอกต่อถึง 95%  เทคโนโลยี Telemedicine  มีแนวโน้มเติบโตแน่นอน พฤติกรรมผู้บริโภคจะมีการเปลี่ยนแปลง สมิติเวชจึงมีการปรับตัวเพื่อรองรับเทรนด์ในอนาคต คาดเดาพฤติกรรมของผู้บริโภค และนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสร้างคุณค่าต่อส่วนรวมและชุมชน (Agile Organization of Value) เพราะ “เราไม่อยากให้ใครป่วย

Samitivej Virtual Hospital เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2562   มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ รวมทั้งช่วยให้ชีวิตของผู้รับบริการดีขึ้น สะดวก รวดเร็ว ในทุกมิติการดูแลสุขภาพ จนเป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศไทยและระดับนานาชาติ ด้วย 4 รางวัลการันตี

  • Prime Minister’s Export Award 2021: สาขา Best Service Enterprise Award (Health& Wellness) ความเป็นเลิศด้านบริการทางการแพทย์ Samitivej Virtual Hospital, Samitivej Plus และ Precision Medicine
  • Product Innovation Awards 2021: สาขาความเป็นเลิศด้านบริการทางการแพทย์ Samitivej Virtual Hospital
  • GlobalHealth Asia –Pacific Awards 2021: สาขา Smart Hospital of the Year in the Asia –Pacific
  • Thailand Digital Excellence Awards 2020: สาขา Thai Digital Champion for Business Innovation

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2022-2222

ศูนย์ภูมิแพ้สมิติเวช ศรีราชา SAMITIVEJ ALLERGY INSTITUTE (SAI @Sriracha) ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564  นำทีมโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ปกิต  วิชยานนท์  ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี  นำความเชี่ยวชาญมาสร้างทีมแพทย์ ด้วยความมุ่งหวังและมุ่งมั่นที่จะให้การดูแลรักษาเทียบเท่ามาตรฐานสากล รวมถึงให้ความรู้ ความเข้าใจในวิธีการดูแลรักษาแก่ผู้ป่วยและผู้ดูแล ด้วยความเข้าใจและใส่ใจในการให้ดูแลรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

จากการวิจัยพบว่า โรคภูมิแพ้เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) พบร้อยละ 20-40, โรคหืด (Asthma) พบ ร้อยละ 10-15, โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic dermatitis) พบร้อยละ 10-15, และแพ้อาหาร (Food allergy) พบร้อยละ 6 เป็นต้น การพบโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เนื่องด้วยวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น มีการพํฒนาด้านอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาฝุ่นควัน มลพิษและ PM2.5 ที่เพิ่มมากขึ้น

“จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่สำคัญในภาคตะวันออก มีการเพิ่มขึ้นของโรงงานอุตสาหกรรม มีการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเกิดโรคภูมิแพ้ต่างๆ มากขึ้น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา เห็นถึงความสำคัญของการรักษาอาการเหล่านี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโรคจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งในพี้นที่ชลบุรีและภาคตะวันออก ยังไม่มีศูนย์รักษาโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ จึงได้เปิดศูนย์ SAI @ Sriracha ขึ้น เพื่อให้การดูแลรักษาประชาชนด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย” รศ. นพ. อัษฎา ตียพันธ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา

ศูนย์ภูมิแพ้สมิติเวชศรีราชา ดูแลทุกปัญหาภูมิแพ้ไม่ว่าจะเป็น โรคหืด (Asthma),โรคจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinoconjunctivitis), โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic dermatitis), แพ้อาหาร (Food allergy) และภาวะแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งให้การวินิจฉัยและค้นหาสาเหตุโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมพยาบาล รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้รับความรู้และความเข้าใจถึงวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง  เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาออกมาดีที่สุดอีกด้วย

ในด้านการดูแลรักษา ศูนย์ภูมิแพ้สมิติเวชศรีราชา ได้นำเทคนิคใหม่ๆเพื่อให้การดูแลรักษา เช่น  การรักษาด้วยการแช่น้ำเกลือ (Salt bath) และพันตัว (Wet wrap) ในโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic dermatitis), การรักษาโดยฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Allergen Immunotherapy) ในโรคโรคหืด(Asthma)และโรคจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinoconjunctivitis) หรือการรักษาการแพ้อาหารชนิดเฉียบพลันโดยการรับประทานอาหาร (Oral Immunotherapy Therapy) เป็นต้น การรักษาเหล่านี้ทำให้อาการของโรคลดลง สามารถลดการใช้ยารักษาโรค  รวมถึงทำให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

โรคภูมิแพ้มีโอกาสเกิดได้ทุกเพศทุกวัย เช่น  น้องปราง (ลูกสาวคุณเบนซ์ พรชิตา) มีอาการผื่นขึ้นเต็มหน้า บางบริเวณผิวหนังเป็นแผลเปิดอักเสบ คันทั้งตัว  คุณเบนซ์ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนและได้เข้ารับการรักษาที่  [email protected] STH  เพียง 3วันหลังรักษาด้วย Wet wrap therapy อาการดีขึ้น  นอกจากนั้นตรวจเพิ่มเติม พบว่ามีแพ้นมวัว (Cow’s milk  protein allergy) และแพ้ไข่ (Egg allergy) ทำให้ต้องงดอาหารที่แพ้ทั้งในน้องปราง และคุณเบนซ์เพราะให้นมแม่อยู่  คุณเบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตรงในการรักษาที่ศูนย์ภูมิแพ้ สมิติเวชธนบุรี

การบริการของศูนย์ภูมิแพ้ สมิติเวชศรีราชา

  • ตรวจทดสอบภูมิแพ้ด้วยวิธีสะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test)
  • ตรวจเลือดจำเพาะหาภูมิแพ้ (Specific IgE)
  • ตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Test)
  • การตรวจค่าไนตริกออกไซด์ในลมหายใจ (FeNO)
  • การตรวจเซลล์ภูมิแพ้ในจมูก เสมหะ (Nasal Cytology, Sputum Cytology)
  • ทดสอบเพื่อวินิจฉัยการแพ้อาหาร และแพ้ยา (Food Challenge and Drug Challenge)
  • การตรวจวินิจฉัยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดปฐมภูมิ (Primary Immunodeficiency Diseases)
  • รักษาโรคภูมิแพ้โดยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Allergen Immunotherapy)
  • การรักษาโรคภูมิแพ้อาหารโดยวิธี Oral Immunotherapy Therapy (OIT)
  • ให้การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis) ด้วยการทำ saline bath และ Wet Wrap Therapy)
  • ชุดฉีด Adrenaline สำหรับผู้ป่วยแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)
  • การให้ยา biologic agents เช่น Anti IgE
  • การให้ความรู้เกี่ยวกับการให้ความรู้เรื่องโรคภูมิแพ้ การใช้ยาอย่างถูกต้อง  และการจัดการสิ่งแวดล้อมแก่ผู้ป่วยภูมิแพ้ ( Environment Control)

หลายคนมีความเชื่อแบบผิดๆ ในการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร หรืองดอาหารบางมื้อ แต่วิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้ผอมลงอย่างมีคุณภาพ หรือบางคนอาจเกิดอาการอ้วนหนักกว่าเดิม

ดังนั้นการลดน้ำหนักไม่ใช่การอดอาหารเสมอไป เร็วๆนี้ทาง รพ.สมิติเวชได้ร่วมมือกับ Grab แนะนำ 11 ร้านอาหารดัง ที่กินแล้วไม่อ้วนและไม่ต้องมานั่งอดอาหารให้ทรมานกาย  

ทาง รพ.สมิติเวช เปิดบริการ “หมอ(สมิติเวชช่วย)ดู เมนูเสริม (ดวง) สุขภาพ ” แนะนำอาหารสุขภาพที่ ได้รับการการันตีคุณภาพจากคุณหมอโรงพยาบาลสมิติเวช โดยให้บริการผ่านไลน์ @samitivej และทาง

แอพพลิเคชั่นแกร็บ  ที่ช่วยกันสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง เป็นทางเลือกสุขภาพที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ สามารถนำคะแนน Grab Rewards มาแลกเป็นส่วนลดค่าเวชภัณฑ์ 10 % (เฉพาะค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการบางรายการ และค่าฉายรังสี โดยยกเว้นค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการ และค่าฉายรังสีบางรายการ) สุดท้ายยังมีส่วนลดพิเศษค่าส่ง หากสั่งอาหารมาส่งที่โรงพยาบาลสมิติเวช (สุขุมวิท ศรีนครินทร์ ไชน่าทาวน์ และธนบุรี) ทั้งหมดนี้จะเริ่มให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป

เมนูอาหารจานเดียว”ผอมได้ไม่ต้องอด”จาก 11 ร้านดัง

  1. สุกี้ทะเล จาก MK

    ว่ากันด้วยวัตถุดิบมาทำสุกี้ที่ผ่านการหมัก การปรุงมาอย่างดี น้ำซุปรสชาติกลมกล่อมโดนใจ น้ำจิ้มรสเด็ดหลากหลายสูตรให้เลือกสรร แถมอิ่มเบาๆไม่หนักท้อง ด้วยโปรตีนดีจากอาหารทะเล และเส้นใยอาหารจากผักหลากหลายอีกด้วย  

1

2.โตเกียวโซบะ จาก Greyhound

การกินโซบะก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะที่ร้าน Greyhound café เสิร์ฟเส้นโซบะมีดัชนีน้ำตาลต่ำ จับคู่มากับโปรตีนดีจากไก่ฉีกและผักสดๆ เพิ่มความอร่อยและอิ่มท้อง

3.Set menu แซลมอนย่างถ่าน เปลี่ยนข้าวเป็นข้าวธัญพืช จากร้าน Ootoya

อีกหนึ่งเมนูอาหารที่มีโปรตีน เนื้อปลามีความสดชิ้นใหญ่  ที่ร้าน Ootoya  ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันโอเมก้า 3 จากแซลมอน เสิร์ฟพร้อมข้าวธัญพืชที่มีเส้นใยอาหารและสามารถเติมได้ไม่อั้นอีกด้วย

4.สเต็กปลาดอรี่ซอสเห็ด จากร้าน Santa Fe’ Steak

อิ่มอร่อยกับร้านสเต็กราคาไม่แพงมากกับร้าน Santa Fe’ Steak ที่มีจุดเด่นหลายอย่าง เมนูเด็ดที่ทุกคนต้องสั่งคือ “สเต็กปลาดอรี่ซอสเห็ด”  เมนูลดน้ำหนักแบบเน้นโปรตีนและไขมันดีจากปลาดอรี่ บอกได้เลยว่าเหมาะกับคนรักสุขภาพอย่างมาก

5.ไก่ย่างสไปซี่ ข้าวออร์แกนิก จากร้าน Sizzler

รสชาติหอมกรุ่นกลิ่นไก่ย่างบนเปลวไฟ  ร้อน นุ่ม  ไก่ย่างชิ้นใหญ่คัดเนื้ออกชั้นดี  ที่ร้าน Sizzler  พร้อมกับความอร่อยและได้โปรตีนจากไก่ย่าง ทานกับผักสดๆและข้าวออร์แกนิกเพื่อสุขภาพอย่างเข้ากันที่สุด

6.สลัดไก่อบ จากร้าน S&P

เมนูสุดฮิตประจำร้าน S&P ต้องไก่ที่อบสูตรเด็ด เนื้อไก่มีความนุ่มและเปื่อยมาก  ได้กลิ่นหอมบาง ๆ ของเครื่องปรุงรส และได้รสชาติมันเค็มเบา ๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสลัดและน้ำสลัดใสสามรส  อิ่มแบบไม่ง้อข้าว

7.สลัดยำแซลมอนซาชิมิกับมะม่วงและอะโวคาโด้ จากร้าน Jones’ Salad

เมนูสลัดยำแซลมอนซาชิมิกับมะม่วงและอะโวคาโด้ น้ำยำรสเข้มข้น  อิ่มสบายท้องด้วยไขมันดีจากอะโวคาโด โปรตีนจากแซลมอน เส้นใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระจากมะม่วง เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะสำหรับสาวๆที่ไม่อยากอ้วนและรักสุขภาพ

8.ผัดไทไดเอ็ทกุ้งสด จากร้าน เย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์

“ผัดไทไดเอท”ร้านนี้มีความพิเศษตรงที่ใช้เส้นมะละกอแทนเส้นก๋วยเตี๋ยว สูตรเฉพาะ อ.มัลลิการ์ ผอมได้โดยไม่ต้องอดและผัดด้วยสูตรลับเฉพาะของร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงสำหรับคนชอบไดเอท  แกล้มกับหัวปลีสดใหม่ พร้อมกุ้งสดตัวอวบ ๆ เนื้อหวาน ๆ อร่อยครบสูตรผัดไทโบราณ

9.ก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำสุโขทัย ไข่มะตูม จากร้าน รสนิยม

“ก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำสุโขทัยไข่มะตูม” รสชาติอร่อย กลมกล่อมพอดี ไม่ต้องปรุงเพิ่ม ทางร้านมีวุ้นเส้นที่มีน้ำตาลต่ำ ส่งผลดีต่อระดับน้ำตาลในเลือดและการคุมน้ำหนัก ตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังมองหาอาหารรสแซ่บแต่ไม่ทำให้อ้วน ต้องลองก๋วยเตี๋ยวร้านรสนิยม

9

10.ชุดข้าวกล้องสุขภาพปลาแซลมอนย่างเกลือ จากร้าน Fuji

เมนูลดน้ำหนักสไตล์ญี่ปุ่น ที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันดีจากแซลมอน   “ชุดข้าวกล้องสุขภาพปลาแซลมอนย่างเกลือ” ของ Fuji ที่จัดเต็มเครื่องธัญญาหารที่ดีต่อสุขภาพ และทานพร้อมสลัดผัก เมนูนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่รักในการกินแต่ไม่อยากอ้วน  

11.Grilled Chicken with Quinoa Salad จากร้าน The Coffee Club

“สลัดคีนัวอกไก่”  อิ่มแบบไม่อ้วน เพราะอัดแน่นด้วยโปรตีนดีจากไก่และวัตถุดิบพิเศษของทางร้าน The Coffee Club นั่นคือ ควินัว ที่ช่วยในเรื่องของการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมนูนี้กินแล้วไม่ต้องกลัวอ้วนและไม่ต้องอดอาหารแน่นอน

ในปัจจุบันเมื่อสังคมดูเร่งรีบ ครอบครัวมีเวลาอยู่ด้วยน้อยลงการดูเเลเอาใจใส่คนรอบข้างก็ลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อเเม่ผู้ปกครองที่ต้องทำงานหนักในยุคเศรษฐกิจใหม่ การเลี้ยงลูกอย่างไรให้มี “จิตใจเเข็งเเกร่ง” ที่เเท้จริงไปพร้อมๆ กับมีสุขภาพกายที่เเข็งเเรง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้

ภาวะการพัฒนาการทางด้านจิตใจของเด็กเเต่ละคนช้าเร็วไม่เหมือนกัน บางครั้งเกิดความผิดปกติขึ้นบ้างเเละมีอยู่มากมายหลายรูปแบบ บางครั้งก็เป็นเพียงอาการทางสุขภาพจิตเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นได้เป็นโรคเเละไม่ต้องกินยา เเต่ต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมเเละการดูเเลเอาใจใส่จากพ่อเเม่ ซึ่งจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือกันทั้งครอบครัวเเละได้รับคำเเนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

ที่ผ่านมาเราคงเคยได้ยินคำว่า IQ (Intelligence Quotient) , EQ (Emotional Quotient) , AQ (Adversity Quotient) หรือ  CQ (Creativity Quotient) มามากมายหลายคำนิยามในการพัฒนาจิตใจของเด็กเเละเยาวชน

วันนี้เราจะมารู้จักกับ RQ คำที่เพิ่งคิดขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันย่อมาจาก Resilience Quotient จาก “นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์” ผู้อำนวยการศูนย์ Samitivej Parenting Center อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นจากสหราชอาณาจักร ในงานเปิด Samitivej Parenting Center เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา

นพ.ธีระเกียรติ อธิบายว่า RQ  เป็นคำนิยามในช่วงที่เราเจอสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจ เหตุการณ์ร้ายเเรง เเต่เราก็สามารถฟื้นกลับคืนมาได้ เหมือนคนที่ “ล้มเเล้วลุก” ได้ ซึ่งสะท้อนภาพอะไรได้หลายอย่างว่าเด็กที่จิตใจเเข็งเเกร่งนั้น ข้างในต้องมี “Growth Mindset” กรอบความคิดหรือทัศนคติ แนวคิดแบบยืดหยุ่นและเติบโตพัฒนาต่อไปข้างหน้า ประกอบรวมกับ EF ซึ่งย่อมาจาก Executive Function ความสามารถของสมองและจิตใจที่ใช้ในการควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ดังนั้นการมี RQ จึงผสมกันทั้งการมี Growth Mindset เเละ EF ซึ่งเด็กทุกคนสามารถมีได้ หากได้รับการดูเเลอบรมที่ดี พ่อเเม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจในเรื่องนี้อย่างมาก

“สุขภาพจิตของเด็กเป็นปัญหาสำคัญ เด็กบางคนเริ่มตั้งแต่ ขี้กลัว อ่อนไหว ดื้อ และลุกลามไปจนถึงการฆ่าตัวตาย แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเด็กในการปรับตัวต่อสภาวะที่ยากลำบาก หรือความยืดหยุ่นในการปรับตัวลดลง  อย่างไรก็ตาม ความเเกร่งในจิตใจไม่ใช่อยู่ดีๆ จะผุดขึ้นมาต้องสะสมมาเรื่อยๆ สภาพเเวดล้อมก็มีส่วน โดยเด็กที่โตในสังคมเมืองมีอัตราการมีปัญหาทางจิตใจมากกว่าเด็กต่างจังหวัด 2 เท่า ไม่ใช่เเค่ในไทยเเต่เป็นกันทั่วโลก”

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า การทำหน้าที่ของพ่อเเม่ ผู้ปกครองเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตทางจิตใจของบุตรหลาน เปรียบเทียบกับการที่คนเรากว่าจะเชี่ยวชาญในอาชีพใดอาชีพหนึ่ง จะต้องผ่านการเทรนนิ่ง สั่งสมประสบการณ์นานนับ 10 ปี เเต่การได้มาเป็นพ่อเเม่ของคนๆหนึ่ง พอลูกคลอดออกมาเรากลายเป็นพ่อเเม่เลย จึงไม่ค่อยรู้ว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไรดี ส่วนใหญ่ยังเลี้ยง “ตามความรู้สึก” เลี้ยงตามที่ตัวเองถูกเลี้ยงมา หรือเลี้ยงตามพรรคพวก

“ผมอยากให้มีการดูเเลสุขภาพจิตเด็กอย่างเป็นระบบในเมืองไทย ส่งต่อระบบความรู้ไปให้จิตแพทย์รุ่นน้องเพื่อช่วยเหลือคนในสังคม ถึงเวลาที่ทุกคนต้องมาเรียนรู้ถึงกระบวนการสร้างให้เด็กมีจิตใจที่เเข็งเเกร่งอย่างแท้จริง รู้จักองค์ความรู้ที่จะให้เข้าใจสุขภาพจิตเด็กมากขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น โดยทุกคนต้องร่วมมือกัน พ่อแม่ก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองมี EF มากขึ้นตามลูกด้วย ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็สามารถเปลี่ยนได้”

สำหรับโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช มีวิสัยทัศน์ที่จะดูแลเด็กแบบ Total Health Solution หรือการดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้วยกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสาขาต่างๆ กว่า 150 คน จึงได้จัดตั้ง Samitivej Parenting Center ขึ้น เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้สุขภาพจิตเด็กเเละการรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

โดยจะดูแลเด็กในขั้น  Advanced   ที่ไม่ใช่เพียงแค่รักษาอาการต่างๆ ของเด็ก แต่เป็นศูนย์ในการรวมพลังของแพทย์และพ่อแม่ผู้ปกครองในการเรียนรู้วิธีรับมือกับลูกอย่างมีแบบแผนถูกต้อง และตรงจุด ตัวอย่างเช่น เด็กต่ำกว่าอายุ 6 ขวบที่มีปัญหาในเรื่องดื้อหรือสมาธิสั้น จะไม่แนะนำให้ใช้ยา  พ่อแม่เป็นยาที่ดีที่สุดในการปรับพฤติกรรมของลูก  เด็กมีความเก่งอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบในยุคนี้แลัว แต่เด็กต้องเติบโตมาด้วยคุณภาพทางอารมณ์ด้วย

ในระยะแรก Samitivej Parenting Center จะเปิดโปรแกรมสำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองเพื่อการรักษาเด็กสมาธิสั้น (ADHD) และเด็กดื้อ(ODD) อายุระหว่าง 2-12 ปี โดยเป็นการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการที่มีโครงสร้างลักษณะเฉพาะและมีแบบแผนชัดเจนอิงตาแนวทางของ Russell A. Barkley ศาสตราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาธิระดับโลก โดยพ่อแม่และผู้ปกครองจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ เรื่องโรคสมาธิสั้น และพฤติกรรมดื้อต่อต้าน อย่างครบวงจร อาทิ ฝึกสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับลูก ฝึกการออกคำสั่งแบบมีประสิทธิภาพ ฝึกทักษะการปรับพฤติกรรม การเลือกโรงเรียน การรักษาโรคสมาธิสั้น เป็นต้น

“จากผลวิจัยซึ่งทำต่อเนื่องระยะยาวพบว่า เด็กที่มีความสามารถรอได้เมื่อตอน 4 ขวบ เมื่อมีอายุมากขึ้นส่วนใหญ่จะมีชีวิตที่ดี และมีหน้าที่การงานดี มีรายได้สูงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการฝึกให้รอเป็นตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จึงต้องฝึกฝน โดยต้องการเลือกสถานการณ์ให้ถูกต้อง ตามหลักพัฒนา 5 Point of EF intervention ได้แก่ Choose Situation – Change Situation – Choose Attention – Change Thoughts – Change Response พัฒนาไปพร้อมกับลูก เพราะถ้าจะเเก้ปัญหาจิตใจเด็ก เเต่ตราบใดที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวยังไม่ได้เรื่อง เเม้จะมีเทคนิควิเศษสุดก็จะไม่เปลี่ยน ดังนั้นจึงต้องทุ่มเทให้กับการสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกก่อน แล้วค่อยไปสอนพ่อเเม่ว่าต้องจัดการกับลูกอย่างไร เเต่หลายครอบครัวมักไม่สนใจขั้นตอนพื้นฐานเหล่านี้ อยากกระโดดไปสเต็ปที่ 4-5 เลย แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา”

 

 

 

นอกจากนี้ นพ.ธีระเกียรติ ได้แชร์ประสบการณ์ที่ได้โอกาสสัมภาษณ์ทีมหมูป่า ผู้รอดชีวิตทั้ง 13 คน โดยเป็นการเข้าไปพูดคุยเรื่องสภาพจิตใจ การเอาตัวรอด การปรับตัว การตัดสินใจเเล้วนำมาวิเคราะห์การก้าวผ่านในปัจจัยต่างๆ แบบไม่อิงเรื่องดราม่าและกระแสสังคมว่า หัวใจสำคัญคือทีมเวิร์ก มนุษย์เราอย่าเเก้ปัญหาคนเดียว เเละความเป็นผู้นำของโค้ชก็มีส่วนช่วยได้มาก เด็กต้องมีตัวอย่างเเละผู้นำที่ดี มีความคิดในเเง่ดีจึงทำให้มีความหวังเเละกำลังใจ เป็นพื้นฐานที่ดีมากของสุขภาพจิตใจเด็ก อีกทั้งการเล่นกีฬาก็มีส่วนในการพัฒนา EF เเละ RQ อย่างมาก ซึ่งถ้ามองถึงสังคมปัจจุบัน เด็กในเมืองกรุง อาจไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้น เนื่องด้วยการอยู่อาศัยเเละการดำรงชีวิตที่เร่งรีบและเป็นปัจเจกกว่า

 

 

 

 

 

โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช เชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกระหว่างอายุ 2-12 ปี ร่วมงานเสวนาหาทางออกวิกฤต ความบกพร่องทางอารมณ์ของบุตรหลาน เพื่อรวมพลัง #สร้างเกราะให้ใจแกร่ง กับ 6 เทคนิคที่จะทำให้เด็กๆมีจิตใจแข็งแกร่ง

โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ Samitivej Parenting Center อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นจากสหราชอาณาจักร จะมาถอดบทเรียนปัญหาของเด็กไทยและแนวทางแก้ไขปัญหาที่ได้ตีแผ่ไปทั่วโลกและเปิดเผยทางแก้ไข วิกฤตเด็กไทยมีปัญหา RQ เสี่ยงฆ่าตัวตายสูง ปรับตัวเข้าสังคมยาก มีปัญหาทางอารมณ์ของบุตรหลาน

“สุขภาพจิตของเด็กเป็นปัญหาสำคัญ เด็กบางคนเริ่มตั้งแต่ ขี้กลัว อ่อนไหว ดื้อ และลุกลามไปจนถึงการฆ่าตัวตาย นั่นแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเด็กในการปรับตัวต่อสภาวะที่ยากลำบาก หรือความยืดหยุ่นในการปรับตัวลดลง ดังนั้นเรามีความประสงค์จะเป็นผู้นำในการดูแลพัฒนาสุขภาพจิตเด็กไทย” นายแพทย์ธีระเกียรติกล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจมาร่วมกันซักถามและหาทางออกให้กับวิกฤตนี้ร่วมกันได้ในงาน เปิด Samitivej Parenting Center เพื่อการเรียนรู้ด้านอารมณ์ RQ ย่อมาจาก Resilience Quotient #สร้างเกราะให้ใจแกร่ง วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2562 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม ชั้น 7 โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ (จำกัดแค่ 100 ท่านเท่านั้น) สำรองที่นั่งได้ที่ 0-2022-2222 ไม่เสียค่าใช้จ่าย