เที่ยวปราสาทหิน ถิ่นอีสานใต้ สุรินทร์-บุรีรัมย์
กับ “ศานติ ภักดีคำ” ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ไทย-เขมร
ราวพุทธศตวรรษ์ที่ 16-18 ถือได้ว่าเป็นช่วงที่อารยธรรมขอมโบราณเฟืองฟูถึงขีดสุดและค่อยๆ โรยราลง แต่ยังคงทิ้งพินัยกรรมที่ประกาศความยิ่งมามาถึงปัจจุบันด้วยบรรดาสถาปัตยกรรมแบบขอมที่เรารู้จักพบเห็นกันในรูปแบบ “ปราสาทหิน” ซึ่งไม่เพียงปรากฏแต่ในดินแดนประเทศกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังกระจายอยู่ในประเทศข้างเคียงซึ่งรวมถึงประเทศไทยของเราด้วย โดยเฉพาะในแถบอีสานใต้
พร้อมกับความเชื่อหลายสาย บ้างก็ว่าเป็นการแผ่อำนาจการปกครองของกษัตริย์ขอม บางสายก็ว่าน่าจะเป็นการแผ่ขยายทางวัฒนธรรมผ่านทางเส้นทางการค้า หรือเชื่อว่าเมืองต่างๆ โดยเฉพาะในภาคกลางของประเทศไทยอาจมีความสัมพันธ์กับขอมในฐานะมืองเครือญาติก็เป็นได้
จึงเป็นที่มาของเส้นทางแกะรอยวัฒนธรรมขอมผ่านปราสาทหินยิ่งใหญ่ พร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนถิ่นอีสานใต้ กับ ผศ.ดร. ศานติ ภักดีคำ
สาขาวิชาภาษาเขมร ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งเป็นท่านหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญ
ด้านประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-เขมร
พาบุก 2 จังหวัดที่ขึ้นชื่อด้าน ร่ำรวยปราสาท คือ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อตามแกะรอยอารยธรรมขอมโบราณ
เริ่มสำรวจประวัติศาสตร์ผ่านปราสาทหินกันที่จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์
บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทเหนือพื้นดินขึ้นไปราวสองร้อยเมตรของเทือกเขาพนมรุ้งคือศาสนบรรพตขนาดใหญ่ในรูปแบบสถาปัตยกรรมขอมโบราณ “ปราสาทหินพนมรุ้ง” อายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งมีความงดงามในระดับ “อันซีนไทยแลนด์”
เทวสถานบนยอดเขาที่สะท้อนถึงความพยายามของคนโบราณในการจำลองเทือกเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นสถานที่ประทับของพระศิวะขึ้นบนพื้นโลก เพื่อเป็นที่สถิตของเทพเจ้าซึ่งมีความสงบเงียบ
ตามตำนานกล่าวถึงบุคคลสำคัญในอดีตที่เดินทางมาบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ที่แห่งนี้ก็คือ “นเรนทราทิตย์” พระญาติกษัตริย์ขอมโบราณผู้สร้างนครวัด ทำให้ปราสาทแห่งนี้มีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่ง หินที่ใช้สร้างเป็นหินทรายสีชมพู
จากผืนดินเบื้องล่างเมื่อมองขึ้นไปยังยอดเขา จะเป็นทางเดินทอดยาวไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวยอดปราสาทโผล่เหนือระเบียงคด สวยราวกับทิพยวิมาน สมดังที่จารึกพนมรุ้งได้กล่าวเปรียบไว้ว่า นเรนทราทิตย์ได้มาบำเพ็ญพรต ณ ที่แห่งนี้ เฉกเช่นเดียวกับพระศิวะได้กระทำที่เขาไกรลาส
ทั้งปราสาทหินแห่งนี้ยังได้มีการก่อสร้างตรงตามหลักดาราศาสตร์ซึ่ งทำให้เกิดปรากฎการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติคือ “แสงอาทิตย์ส่องทะลุซุ้มประตูทั้ง15 บานของปราสาทเขาพนมรุ้ง” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีความมหัศจรรย์และสวยงามเป็นอย่างมาก โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นปีละ 4 ครั้ง โดยดวงอาทิตย์ขึ้น ตรง 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้ง 2 ครั้งและดวงอาทิตย์ตก ตรง 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้งอีก 2 ครั้ง โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุกๆปี
ในขณะที่นักดาราศาสตร์เองก็ตั้งข้อสังเกตว่า ช่างที่ก่อสร้างปราสาทหินพนมรุ้งอาจจะพยายามสื่อสัญญาลักษณ์ที่เกี่ยวกับโลก และจักรวาลก็เป็นได้ เช่น บันไดตรงตระพักทางขึ้นมีจำนวน 52 ขั้น เท่ากับจำนวนสัปดาห์ของปี การสลักลายดอกบัวบนพื้นชาลา ซึ่งหมายถึงทิศทั้งแปดอันเป็นสัญญาลักษณ์ของจักรวาล
เมื่อเดินไปตามบันไดทางขึ้นช่วงแรกจะทำเป็นตระพัง (สระน้ำ) สามชั้นเพื่อผ่านขึ้นมาสู่พลับพลาชั้นแรก
ภาพสลักบนแผ่นหินที่กระจายอยู่ภายในตัวปราสาทสะท้อนเรื่องราวของเทพเจ้าในภารกิจต่างๆ ที่ยังคงความชัดเจน งดงามเหนือการเวลา
ไม่ว่าจะเป็น ภาพศิวนาฏราช ภาพทับหลังนารายณ์บรรทมสิทธุ์ ที่ถูกยกย่องว่าเป็นสองภาพที่สำคัญสูงสุดของปราสาทพนมรุ้งเลยทีเดียว
จากเทือกพนมรุ้งลงมายังชุมชนเบื้องล่าง ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน มีชื่อเรียกว่าชุมชนเมืองต่ำ มีเทวสถานประจำชุมชนโบราณขนาดใหญ่โตที่ปัจจุบันเรียกกันว่า ปราสาทเมืองต่ำ
บริเวณใกล้กันยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นที่น่าสนใจด้วย อาทิ อโรคยศาลาหรือโรงพยาบาลประจำชุมชน ที่พักคนเดินทาง และบาราย
ทุกที่สัมพันธ์กันอย่างไร?
เราเดินทางต่อไปยังปราสาทเมืองต่ำ ซึ่งมีมีรูปแบบการก่อสร้าง และสิ่งปลูกสร้างแวดล้อมซึ่งมีนัยยะที่น่าศึกษามาก
ตัวปราสาทเมืองต่ำ ประกอบด้วยปราสาท 5 องค์ พังทลายไป 1 องค์ เหลือเพียงฐานให้เห็น แต่ก็สันนิฐานว่าน่าจะเป็นองค์สำคัญที่สุดเพราะสร้างอยู่บนมุขที่ยื่นออก
มาด้านหน้าต่างจากหลังอื่นๆ ล้อมรอบด้วยระเบียงคต และมีสระน้ำรูปรงหักศอกล้อมอยู่โดยรอบของมุมทั้งสี่แต่ไม่ได้ล้อมเชื่อมต่อกัน
ที่นี่มีทับหลังรวม 6 ชิ้นที่ผสมผสานรูปแบบศิลปถึงสองสมัย ทำให้สันนิฐานกันว่าปราสาทแห่งนี้อาจมีการก่อสร้างกินระยะเวลายาวนาน
บริเวณใกล้กันยังพบปราสาทองค์เล็กในรูปแบบธรรมศาลา หรือที่พักเดินทางที่มีชื่อว่า ปราสาทบ้านบุ มีอโรคยศาลาที่ปัจจุบันเรียกกันว่า กุฏิฤษีบ้าน
โคกเมือง และบารายมเมืองต่ำ หรือที่เรียกกันว่า ทะเลเมืองต่ำ รับน้ำจากลำธารทางด้านตะวันตก และมีทางระบายออกทางทิศตะวันออก
ทั้งหมดสะท้อนว่าพื้นที่บริเวณนี้อาจเป็นชุมชนขอมโบราณขนาดใหญ่ในอดีต !
มุ่งสู่กลุ่มปราสาทตาเมือนซึ่งตั้งอยู่บนสันเขาพนมดงรัก ใกล้กับช่องเขาซึ่งเป็นที่สัญจรในอดีตทั้งฝั่งเขมรสูงและเขมรต่ำในการไปมาหาสู่กัน อีกทั้งยัง
การค้นพบถนนโบราณที่เชื่อมระหว่างเมืองพระนครกับเมืองพิมาย ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่พาดผ่านกลุ่มปราสาทตาเมือนแห่งนี้ด้วย
ปราสาทตาเมือนเป็นกลุ่มปราสาทหินสามหลังอยู่ใกล้ๆ กัน เรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก โดยปราสาทแต่ละหลังมีขนาดและประโยชน์ที่ใช้
สอยแตกต่างกันไป ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือนโต๊จ อยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธม ประมาณ 750 เมตร ก่อด้วยศิลาแลง มีกำแพงล้อมรอบและมีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ทางทิศเหนือหนึ่งสระ และปราสาทองค์เล็กมีชื่อว่า ปราสาทตาเมือน
อีกหนึ่งจังหวัดที่รุ่มรวยปราสาทหินไม่แพ้กันก็คือ จังหวัดสุรินทร์
จังหวัดที่มีพรมแดนเชื่อมต่อกับประเทศกัมพูชา มีการเคลื่อนไหวไปมาหาสู่กัน
ระหว่างกันมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ที่มีปราสาทเก่าแก่ที่น่าสนใจองค์หนึ่งชื่อว่า ปราสาทบ้านพลวง ซึ่งมีลักษณะ
พิเศษน่าสนใจ เพราะมีทับหลังที่เป็นภาพสลักรูปสัตว์ต่างๆ เช่น สลักภาพกระรอกกระแต และกวางป่าไว้เหนือใบระกาด้านต่อดอกพันธุ์พฤกษา ซึ่งไม่ปรากฏในปราสาทแห่งใด
มาสุรินทร์ทั้งทีต้องหาของดีติดไม้ติดมือกลับบ้าน
ผ้าไหม คือภูมิปัญญาท้องถิ่นที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้กับลูกหลานเพื่อสืบสานให้คงอยู่ต่อไป
กลุ่มทอผ้าที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก คือหมู่บ้านผ้าไหมยกทองของกลุ่มจันทร์โสมา เกิดจากการเลือกเส้นไหมน้อยที่เล็กละเอียดนำมาผ่านกรรมวิธีฟอก
ย้อมด้วยสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลัก ๓ สี คือ สีแดงจากครั่ง สีเหลืองจากแก่นแกแล(เข) และสีครามจากใบต้นคราม ใช้จำนวนตะกอมากกว่าร้อยตะกอ และ
ใช้คนทอ 4-5 คนต่อผืน ในวันหนึ่งๆ ทอได้เพียง 4-5 เซนติเมตรเท่านั้น
ลวดลายที่ทอจะเป็นลายที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และความเชื่อทางศาสนา ซึ่งได้แก่ ลายปราสาท ลานธรรมาสน์ ลายสัตว์ ลายพืช ลายจากสิ่งของเครื่องใช้ และลายเรขาคณิต
นับเป็นวิถีชุมชนถิ่นอีสานใต้ที่งดงามและศักดิ์สิทธิ์ ควรต้องปกปักษ์รักษาให้คงอยู่ตลอดไป
โปรแกรมการเดินทาง
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2555 |
|
7.00 น. |
ออกจากอคาเดมี-สระบุรี-ปากช่อง แวะพักเข้าห้องน้ำที่จุดชมวิว ริมอ่างเก็บน้ำ เขื่อนลำตะคอง |
12.00 น. |
ถึง อ.นางรอง ทานอาหารกลางวันที่ ร้านขาหมูลักขณา |
14.00 น. |
ชมปราสาทพนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ศาสนสถานในศาสนาฮินดูดูลัทธิไศวะนิกาย เป็นปราสาทสำคัญในวัฒนธรรมขอม ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ “เครือญาติ” ระหว่างเขตอีสาน กับเขมรเมืองพระนคร โดยพบหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์ในดินแดนลุ่มน้ำมูน (ราชวงศ์มหิธรปุระ) ที่เป็นเครือญาติกับกษัตริย์ทางเขมรเมืองพระนคร ซึ่งมีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัด และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้สร้างปราสาทบายน เป็นเชื้อสายของราชวงศ์มหิธรปุระ พร้อมชมภาพสลักชิ้นสำคัญที่ประดับปราสาท |
16.00 น. |
เข้าชมปราสาทเมืองต่ำ จ.บุรีรัมย์ เมืองต่ำเป็นชื่อชุมชนตั้งอยู่ในเขตพื้นราบ ตั้งอยู่ใกล้ๆ ภูพนมรุ้ง ที่เมืองต่ำมีศาสนสถาน ขนาดใหญ่โต ที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ว่า ปราสาทเมืองต่ำ เป็นปราสาทที่มีแผนผังสวยงาม โดยเฉพาะสระน้ำที่อยู่มุมทั้งสี่ของปราสาท นอกจากนี้ยังมีจุดสำคัญที่น่าชมคือ บารายเมืองต่ำ เป็นบารายขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ปราสาท ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นชุมชนขนาดใหญ่ในอดีต |
17.00 น. |
เข้าที่พัก ที่โรงแรมทองธารินทร์ จ.สุรินทร์ |
19.00 น. |
รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม |
วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2555 |
|
6.30 น. |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
7.30 น. |
เตรียมตัวออกเดินทาง |
9.00 น. |
เข้าชมกลุ่มปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ประกอบไปด้วยปราสาท ๓ หลัง ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน คือ ปราสาทตาเมือนธม ศานสถานประจำชุมชน ปราสาทตาเมือนโต๊จ อโรคยศาลา และปราสาทตาเมือน ธรรมศาลา กลุ่มปราสาทตาเมือนตั้งอยู่สันเขาพนมดงรัก ปัจจุบันคือพรมแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ติดริมพรมแดนเลยทีเดียว ในอดีตกลุ่มปราสาทตาเมือน อยู่ใกล้บริเวณช่องเขาที่ผู้คนจากฝั่งอีสาน และเขมรเมืองพระนคร เดินทางติดต่อกันไปมา และมีนักวิชาการสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเส้นทางสำคัญที่ใช้เดินทางระหว่างเมืองพิมายกับเมืองพระนคร |
12.00 น. |
ทานอาหารกลางวันที่ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง โครงการชลประทาน จ.สุรินทร์ |
13.30 น. |
เข้าชมปราสาทบ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ปราสาทหินเล็กๆ แต่ฝีมือการสลักหินประณีตงดงามมาก เป็นปราสาทองค์เดียว ส่วนยอดพังทลายหมดแล้ว สันนิษฐานว่าปราสาทหลังนี้สร้างถวายพระอินทร์ |
15.00 น. |
เข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.สุรินทร์ พร้อมรับประทานอาหารว่าง |
16.30 น. |
แวะซื้อของฝากที่ร้านห้าดาว จ.สุรินทร์ เช่น ผักกาดหวาน, กุนเชียง, กาละแม, กุ้งจ่อม เป็นต้น |
17.00 น. |
รับประทานอาหารเย็นที่ร้านโคคา |
18.00 น. |
เดินทางเข้าที่พัก ที่โรงแรมทองธารินทร์ |
วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม 2555 |
|
6.00 น. |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
8.00 น. |
ออกเดินทางไปวัดบูรพาราม |
8.30 น. |
นมัสการรูปเหมือน หลวงปู่ดูลย์ อตุโล พร้อมชมพิพิธภัณฑ์ หลวงปู่ดุลย์ |
10.00 น. |
เข้าชมกลุ่มทอผ้าไหมจันทร์โสมา ที่ดูแลและสร้างสรรค์โดยอ.วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ชมการทอผ้าไหมยกทองของจังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่การย้อมผ้าไหมที่ใช้สีแบบธรรมชาติ จนถึงการทอ ทั้งนี้ผ้าไหมของกลุ่มนี้ถือว่ามีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยนำไปตัดเป็นชุดให้กับผู้นำต่างประเทศที่เข้าร่วมการประชุมเอเปคเมื่อปี 2546 และยังมีสั่งซื้อจากบุคคลสำคัญของต่างประเทศ พร้อมเลือกชมและเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย ในราคาเป็นกันเอง |
12.00 น. |
พร้อมรับประทานอาหารกลางวัน ชิมอาหารพื้นเมืองของชาวสุรินทร์ ที่กลุ่มทอผ้าไหมจันทร์โสมา |
14.00 น. |
ออกเดินทางกลับกรุงเทพ |
20.00 น. |
ถึงอคาเดมีโดยสวัสดิภาพ |
สนใจเดินทางเรียนรู้วัฒนธรรมขอมโบราณกับ ผศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ – สุรินท์ 3 วัน 2 คืน
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มติชนอคาเดมี 02-954-3977-84 ต่อ 2113, 2114, 2123 และ 2124