การรับสารอาหารเข้าสู่ร่างกายอย่างสมดุลเพื่อกระตุ้นเมแทบอลิซึมพร้อมกับดื่มน้ำเยอะๆ กินอาหารที่หวานน้อย มันน้อย และเค็มน้อย เพียงเท่านี้ก็ทำให้ร่างกายมีเมแทบอลิซึมที่ดีได้แล้ว! ลองมาดูอาหารเพื่อสุขภาพยอดนิยม 20 อันดับที่ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึม

1.มะนาว

กรดซิตริกในมะนาวมีวัฏจักรกรดซิตริกหรือวัฏจักรเครบส์ ซึ่งช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมในร่างกาย ซึ่จะช่วยกระตุ้นการสร้างพลังงาน คลายความเมื่อยล้า ป้องกันภาวะกรดยูริกเกินในเลือด หรือโรคเกาต์ บำรุงกระดูก ลดน้ำหนัก

2.หอมหัวใหญ่

สารประกอบซัลเฟอร์ในหอมหัวใหญ่ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึม คลายความเมื่อยล้า กระตุ้นเมแทบอลิซึมของไขมัน ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน คลายความเมื่อยล้า ป้องกันโรคอ้วนลงพุง บำรุงกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคเบาหวาน

3.เมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินอี ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเพื่อให้เซลล์เข้าสู่การเมแทบอลิซึม กระตุ้นการสร้างพลังงาน คลายความหนาว ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของกระดูก บำรุงต่อมลูกหมากให้แข็งแรง

4.วอลนัต

แมกนีเซียมในวอลนัตช่วยเสริมสร้างเมแทบอลิซึมในร่างกาย กระตุ้นการสร้างพลังงานและเมแทบอลิซึมของกระดูก โดยการกระตุ้นการสร้างพลังงาน จะช่วยคลายความหนาว นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของกระดูกและผิวหนัง

5.หอยนางรม

หอยนางรมมีสังกะสีสูง การกินหอยนางรมในปริมาณที่พอเหมาะช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของเซลล์และอวัยวะ ช่วยป้องกันไม่ให้ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ กระตุ้นการสร้างพลังงาน ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของกระดูก คลายความเมื่อยล้า บำรุงอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชายให้แข็งแรง

6.สาหร่าย

ไอโอดีนในสาหร่ายเป็นสารประกอบในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ช่วยปรับสมดุลเมแทบอลิซึมในร่างกาย กระตุ้นการสร้างพลังงาน บรรเทาอาการมือเท้าเย็น ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของกระดูก ป้องกันโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์

7.ปลาค็อด

แมกนีเซียมในปลาค็อดเป็นสารประกอบของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกาย ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมเพื่อสร้างพลังงาน ป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของกระดูกและแอลกอฮอล์ กระตุ้นการสร้างพลังงาน

8.นมวัว

นมวัวอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบีซึ่งเป็นตัวกระตุ้นเมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ช่วยสร้างพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยคลายความเมื่อยล้า ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของกระดูก ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเกาต์

9.ข้าวโพด

กรดกลูตามิก (glutamic acid) ในข้าวโพดช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของเซลล์สมอง นอกจากนี้ยังกระตุ้นการสร้างพลังงาน ลดความอ้วน ป้องกันโรคเบาหวาน กระตุ้นการทำงานของสมอง

10.ปลาแซลมอน

ปลาแซลมอนอุดมไปด้วยวิตามินอีซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเมแทบอลิซึมของเซลล์ กระตุ้นการสร้างพลังงาน บรรเทาอาการกล้ามเนื้อแข็งตัว ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของกระดูกและตุ่มรับรสที่ลิ้น

11.เนื้อแพะ

เนื้อแพะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก มีความเกี่ยวข้องกับเมแทบอลิซึมของธาตุเหล็ก กระตุ้นการสร้างพลังงาน คลายความเมื่อยล้า บรรเทาอาการมือเท้าเย็น ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของผิวหนัง

12.หอยกาบ

หอยกาบอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบี กระตุ้นเมแทบอลิซึมของไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ซึ่งเป็นการกระตุ้นการสร้างพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของแอลกอฮอล์ ป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ

13.เนื้อเป็ด

เนื้อเป็ดอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบีซึ่งมีส่วนช่วยในการเมแทบอลิซึม ช่วยกระตุ้นการสร้างพลังงาน คลายความเมื่อยล้า บรรเทาอาการมือเท้าเย็น ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของผิวหนัง

14.ปวยเล้ง

โฟเลตในปวยเล้งช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของสารโฮโมซิสทีนในร่างกาย และช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ ช่วยให้กระดูกเกิดกระบวนการเมแทบอลิซึมได้ตามปกติ บรรเทาอาการมือเท้าเย็น ป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ

15.แตงกวา

เอนไซม์ในแตงกวาช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากกินสดจะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีกว่าการปรุงสุก นอกจากนี้ยังมีประโยชน์คือ ลดอาการบวมน้ำ บรรเทาอาการปวดเนื่องจากการไหลเวียนเลือดไม่ดี ป้องกันโรคกระดูกพรุน

16.ถั่วแดง

หากต้องการให้เมแทบอลิซึมในร่างกายทำงานตามปกติ ควรกินถั่วแดงที่มีวิตามินกลุ่มบี กระตุ้นการสร้างพลังงาน บรรเทาอาการมือเท้าเย็น ลดอาการบวมน้ำ

17.ข้าวกล้อง

โครเมียมในข้าวกล้องช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของน้ำตาลกลูโคส ไขมัน และคอเลสเตอรอล ช่วยให้สารอินซูลินทำงานได้ดี ป้องกันโรคเบาหวาน และยังบรรเทาอาการมือเท้าเย็น กระตุ้นการสร้างพลังงาน ป้องกันโรคเบาหวาน

18.ข้าวหอมนิล

วิตามินกลุ่มบีในข้าวหอมนิลทำให้เมแทบอลิซึมในร่างกายทำงานตามปกติ กระตุ้นการสร้างพลังงานและคลายความเมื่อยล้า นอกจากนี้ยังบรรเทาอาการมือเท้าเย็น กระตุ้นการสร้างพลังงาน

19.มันฝรั่ง

กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) ในมันฝรั่งมีส่วนสำคัญสำหรับการสร้างพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคเบาหวานและโรคเกาต์

20.กล้วย

ไบโอตินในกล้วยมีความสำคัญต่อเมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคเกาต์ กระตุ้นการสร้างพลังงาน


ที่มา หนังสือกินเปลี่ยนชีวิตด้วยอาหาร 100 ชนิด จากธรรมชาติ สนพ.นานมีบุ๊คส์

เมื่อเข้าหน้าฝน เป็นธรรมดาที่จะเกิดความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ ฤดูกาลที่มีความชื้นสูง อีกทั้งยังเดินทางลำบาก เสี่ยงต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา การดูแลตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัว อย่างอาหารการกิน นำไปสู่การประยุกต์ภูมิปัญญาด้านวัฒนธรรมอาหารให้สอดคล้องกับธรรมชาติ อาหารในฤดูฝนจึงต้องเป็นอาหารที่ช่วยรักษาสมดุลของธาตุ สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย บำรุงร่างกายเพื่อรับมือกับโรคภัยที่อาจจะมากับฤดูกาล

@MEDICINAL FOOD  “กินอาหาร ให้เป็นยา” ของดีภูมิปัญญาท้องถิ่น  

หลังสะสมประสบการณ์เรียนรู้ เดินทางลงพื้นที่ตามภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย  “เชฟแบล็ก – ภานุภน บุลสุวรรณ” เจ้าของร้าน Blackitch Artisan Kitchen จังหวัดเชียงใหม่ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาหารในหลากหลายมุมมอง ผ่านประวัติศาสตร์ความเป็นมา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ประกอบกับความสนใจพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องเล่าของอาหารที่ได้รับรู้

โดยเชฟแบล็ก ได้ศึกษาความรู้เพิ่มเติมในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อจะได้สามารถเข้าใจ ภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างเป็นเหตุและผล และอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยร่วมมือกับโครงการเพื่อสังคม “เซ็นทรัล ทำ” ที่มุ่งสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างชุมชน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคมอย่างยั่งยืน

เขาบอกว่า อาหารที่นำเสนอในทุกๆ จานจะอยู่บนพื้นฐานของธรรมชาติ และเป็นไปตามฤดูกาลซึ่งการกินตามฤดูกาลนั้นนอกจากจะได้วัตถุดิบที่ดีที่สุดแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคที่สุดด้วย โดยวัตถุดิบตามฤดูกาล ก็ต้องผ่านกระบวนการปรุงที่ถูกต้อง เหมาะสม มีรสชาติ และองค์ประกอบที่ส่งเสริมรสชาติ และประโยชน์ซึ่งกันและกัน

“ตั้งใจเสิร์ฟอาหารเป็นเซ็ต โดยอาหารทุกจานใช้วัตถุดิบจากประเทศไทย 100% บ้างก็มาจากเครือข่ายเกษตรอินทรีย์กลุ่มต่าง ผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ กลุ่มชาวประมงชายฝั่งแบบปลอดฟอร์มาลีน ซึ่งอาหารในสำรับจะจัดสำรับละ 1 ท่าน โดยใน 1 สำรับจะประกอบด้วยอาหารที่ถูกคิดขึ้นมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ไม่ใช่เฉพาะจากประเทศไทย หรือชุมชนใดชุมชนหนึ่งเท่านั้น แต่จะนำเอาความรู้จากภูมิปัญหาจากหลายๆ แหล่งมาประกอบกัน นำมาตีความเป็นอาหารในแบบของตัวเอง”

@ เปิดสำรับอาหารฤดูฝน สดใหม่ อร่อยได้สุขภาพ

 

  1. หลนแหนมเห็ด – ผลิตภัณฑ์จาก รัตติกาล เห็ดแปรรูป จังหวัดเพชรบูรณ์ นำมาปรุงเป็นเมนูหลนที่ใช้กะทิเป็นส่วนประกอบ กะทิมีคุณสมบัติในการเพิ่มเมตาโบลิซึมในเลือดช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ดี หากรับประทานในมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน เพราะร่างกายมีเวลาย่อยทั้งวัน
  2. ผัดฟักทอง และ ยอดฟักแม้ว – ผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์กลุ่มแม่ทาออแกนิค จังหวัดเชียงใหม่ ฟักทอง ช่วยบำรุงเลือด บำรุงหัวใจ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  3. พล่าหมูย่างคะน้าฮ่องกง – จากสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จังหวัดเพชรบูรณ์ และเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดเชียงใหม่ เมนูนี้เหมาะกับหน้าฝนมาก เพราะในพล่าใส่ตะไคร้เยอะ ช่วยขับเหงื่อ ขับลม ซึ่งทำให้ไม่มีอาการร้อนใน ปรับอุณหภูมิร่างกายให้เย็นสบาย ขับของเสียออกจากรูขุมขน และในคะน้ามีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันอาการเป็นหวัดในฤดูกาลนี้
  4. ม้าฮ่อสับปะรด – ผลิตภัณฑ์สับปะรดจากวิสาหกิจชุมชน ผู้ปลูกสับปะรดบ้านสุรศักดิ์ จังหวัดชลบุรี คุณสมบัติที่ดีของสับปะรด นอกจากมีกากใยมาก แล้วยังช่วยขับเสมหะได้ดี นำมาเสิร์ฟกับไส้ม้าฮ่อเรียกน้ำย่อยได้ดี
  5. เมี่ยงคำใบชะพลู – ผลิตภัณฑ์จากแม่ทาออแกนิก จังหวัดเชียงใหม่ ใบชะพลูช่วยขับเสมหะได้ดี และยังทำให้เจริญอาหาร เมื่อทานคู่กับเครื่องเคียง
  6. ปลาอินทรีย์น้ำปลาหวาน – ปลาอินทรีย์จากประมงชายฝั่ง จังหวัดชุมพร ปลาอินทรีย์มีโปรตีนสูง และมีโอเมก้า 3 สูง
  7. ข้าวสังข์หยด จังหวัดพัทลุง – เป็นข้าวที่ย่อยง่าย ทำให้ระบบขับถ่ายดี ลำไส้ไม่ทำงานหนัก
  8. เค้กมะพร้าวน้ำหอม ซอสกาแฟอาราบิกา และแครกเกอร์มะพร้าวคั่ว – นำมะพร้าวน้ำหอม จากจังหวัดสมุทรสาคร มาทำเป็นเค้กมะพร้าวเนื้อบางเบา เสิร์ฟกับซอสรสเข้มข้นจากกาแฟภูชี้เดือน จังหวัดเชียงราย และแครกเกอร์จากข้าวและมะพร้าวคั่ว ขนมจากน้ำมะพร้าวที่มีฤทธิ์เย็นช่วยดับร้อน และช่วยลดความเป็นกรดในกาแฟลง ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากกาแฟได้โดยตรง

สำหรับสายเฮลตี้เรื่องออกกำลังกายที่ว่าสำคัญแล้ว เรื่องกินนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน เราจึงควรเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ร้านต้นกล้าฟ้าใส ร้านอาหารเพื่อสุขภาพสไตล์ Vegan หรือ มังสวิรัติ จะพาให้คุณอร่อยที่สมอง อิ่มที่หัวใจ ห่างไกลความเจ็บป่วย พร้อมเสิร์ฟอาหารรสชาติเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวัตถุดิบคุณภาพที่คัดสรรจากสวนท้องถิ่นตามแนวคิด From Farm To Fork (จากสวนสู่ส้อม) ไม่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลยแต่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร และสรรพคุณเจ๋งๆ ของผักและสมุนไพรที่ใช้ รับรองว่าได้ทั้งความอร่อย และคุณค่าทางอาหารอย่างครบครัน เพราะแต่ละเมนูเกิดจากความใส่ใจในทุกขั้นตอนโดยเชฟมืออาชีพมากฝีมือซึ่งคิดค้นเมนูร่วมกับเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและพืชสมุนไพรโดยเฉพาะ ผสมผสานกับภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ภายใต้คำแนะนำของการแพทย์แผนไทยประยุกต์ศิริราช

ในเดือนสิงหาคมนี้ ต้องยกให้เป็นเดือนของคุณแม่ มาร่วมสร้างบรรยากาศอบอุ่นในครอบครัวด้วยการพาคุณแม่มาทานอาหารสุขภาพที่ ร้านต้นกล้าฟ้าใส เราขอนำเสนอเมนูสุดพิเศษให้คุณได้ตอบแทนความรักของคุณแม่ กับชุดเมนูที่ช่วยชะลอวัย ดูแลสุขภาพผิวจากภายในสู่ภายนอก อย่าง Beautiful Mom Set (499 บาท) เริ่มด้วยเมนู ‘เต้าหู้ผัดเปรี้ยวหวาน’ ที่รวมพืชผักหลากสีมีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความร่วงโรยแห่งวัย จานนี้ได้สีสันสดใสจากมะเขือเทศ สับปะรด พริกหวาน เกาลัด และหอมใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยวิตามินซี แคโรทีนอยด์ (carotenoids) สารเควอเซทิน (quercetin) ซีลิเนียม (selenium) และวิตามินอี ที่จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวการเร่งความแก่นั่นเอง เติมความแซ่บกับอีกหนึ่งเมนู  ‘แกงเผ็ดเห็ดย่าง’ สูตรเด็ดที่นอกจากมีเห็ดย่างหอมกรุ่นแล้ว ยังมีผักผลไม้หลากหลายชนิด มะเขือเทศ, ลูกเกด และสับปะรด เมนูนี้มีไขมันดีจากกะทิที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีน (lycopene) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในมะเขือเทศได้ดีขึ้นด้วย เสิร์ฟพร้อมเมนูขนมหวาน ‘ขนมกล้วยบีทรูท’ ที่นอกจากรสชาติกลมกล่อมจากกล้วยเนื้อนุ่ม สียังสวยด้วยบีทรูทที่มีสารสีแดงอมม่วงชื่อบีต้าไซยานิน (betacyanins) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และสารไนเทรต (nitrate) ที่มีฤทธิ์ช่วยควบคุมความดันโลหิตและเพิ่มสมรรถนะในการออกกำลังกายด้วย ตบท้ายความอร่อยด้วยสุดยอดเครื่องดื่ม ‘น้ำผักผลไม้สกัดเย็น’ สูตรบำรุงผิว จากส่วนผสมของทับทิม น้ำฟักข้าว แตงโมและดอกอัญชันที่ผสมผสานกันแล้วได้คุณประโยชน์และรสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว

นอกจากเมนูสำหรับคุณแม่แล้ว ยังมีเมนูแนะนำให้คุณได้ลิ้มลองอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเมนูทานเล่น เทมเป้ทอดกับซอสมาโยสามรส (165 บาท) เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี ข้าวยำต้นกล้าฟ้าใส (136 บาท) เสิร์ฟพร้อมบูดูสูตรพิเศษ แกงคั่วถั่วลูกไก่กับใบชะคราม (115 บาท) ใครที่ทานเมนูนี้บอกเลยว่าสมองแล่นไอเดียปิ๊งแน่นอน

น้ำพริกมะขามป้อม (145 บาท) เมนูไขมันต่ำ แถมรสชาติไม่ซ้ำใครแน่นอน ด้วยรสเปรี้ยวอมฝาดอันเป็นเอกลักษณ์ของมะขามป้อม พล่าฟ้าใส (149 บาท) เมนูที่ใครมาก็ไม่พลาดที่จะสั่ง อร่อยกลมกล่อมด้วยส้มโอรสละมุน กับเครื่องพล่าที่อุดมไปด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด สปาเก็ตตี้เพสโต้งาม้อน (155 บาท) เพสโต้สูตรใหม่ แทนที่ชีสด้วยของดีจากไทยทั้งงาม้อน เมล็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดสนได้อย่างมหัศจรรย์ ข้าวอบธัญพืช (119 บาท) ข้าวไรซ์เบอร์รี่อบพร้อมกับคีนวาและถั่วแระญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ เสริมด้วยความมันจากเกาลัดซึ่งเป็นแหล่งของกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยบำรุงหัวใจ และเห็ดหอมที่โดดเด่นในเรื่องการเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ผัดให้เข้ากันด้วยน้ำมันเมล็ดชาที่มีโอเมกา 9 ดีต่อใจเข้าไปอีก ยำมังคุดมะเขือม่วง  (145 บาท) เมนูพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะหน้าฝน เมนูชะลอวัยช่วยต้านอนุมูลอิสระ

และนอกจากนี้ในวันแม่แห่งชาติปีนี้ ร้านต้นกล้า ฟ้าใส ขอชวนลูกๆ ตอบแทนความรักของคุณแม่ ด้วยอาหารเพื่อสุขภาพที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ กับโปรโมชั่นสุดพิเศษให้คุณได้พาคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวมารับประทานอาหารที่ร้านต้นกล้า ฟ้าใส ในระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคมนี้ เพียงสั่งอาหารครบ 1,500 บาท รับส่วนลด 50% สำหรับเมนูเทมเป้ทอดกระเทียมพริกไทย ราคา 85 บาท (ราคาปกติ 165 บาท) หรือเมนูเชฟสลัด ราคา 130 บาท (ราคาปกติ 260 บาท)

และเพื่อร่วมฉลองบรรยากาศแห่งความอุ่น ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ เพียงท่านพาคุณแม่มารับประทานอาหารที่ร้านต้นกล้า ฟ้าใส สั่งเครื่องดื่มสกัดเย็น สูตรใดก็ได้ 1 แก้ว รับฟรีอีก 1 แก้วทันที

สำหรับท่านที่สั่งอาหารเดลิเวอรี่ ผ่านทาง Line @tonklafacai  ครบ 1,500 บาท รับส่วนลด 50% สำหรับเมนูสลัดคีนวาและอะโวคาโดกับน้ำสลัดสไปซี่เพสโต้ ราคาเพียง 145 บาท (ปกติ 285 บาท) ถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น

และพิเศษสำหรับท่านที่เป็นสมาชิกร้านต้นกล้า ฟ้าใส ในระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคมนี้ ค่าอาหารทุก 100 บาท จะได้รับคะแนนสะสมพิเศษ 3 คะแนน (ปกติ 1 คะแนน)

มาร่วมดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรักด้วยอาหารมังสวิรัติแบบ Vegan ที่ร้านต้นกล้าฟ้าใสกันนะคะ เดินทางมาไม่ยาก ร้านตั้งอยู่ในรั้วเดียวกันกับการแพทย์แผนไทยประยุกต์ศิริราช 153 ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ 10160

โทร 02-444-0444 หรือ 080-499-5442

LINE id: @tonklarfacai Facebook: ต้นกล้า ฟ้าใส  Instagram: tonklarfacai

 

1. หอมหัวใหญ่

ในหอมหัวใหญ่มีสารประกอบซัลเฟอร์ที่ทำให้ทีเซลล์และเซลล์แมโครฟาจตื่นตัว พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนของเอ็นเคเซลล์

หอมหัวใหญ่ยังมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคมะเร็ง บรรเทาอาการของโรค ภูมิแพ้ ป้องกันอาหารเป็นพิษ ทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันตื่นตัว

2.อาหารจำพวกเห็ด

พอลิแซ็กคาไรด์ในอาหารจำพวกเห็ดช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันตื่นตัว กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน ประโยชน์คือป้องกันโรคมะเร็ง โรคซารส์ โรคเอดส์ ช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันตื่นตัว บำรุงร่างกายให้แข็งแรง

3.แครอต

แครอตอุดมไปด้วยวิตามินเอและบีตาแคโรทีน มีหน้าที่บำรุงผิวหนังและชั้นเยื่อเมือกให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย

4.กีวี

กีวีอุดมด้วยวิตามินซี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการของภูมิแพ้ ป้องกันโรคมะเร็งและโรคหวัด บรรเทาอาการของโรคหืด ป้องกันอาการภูมิแพ้กำเริบ

5.พริกหวาน

พริกหวานอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของภูมิคุ้มกันเพื่อทำลายเชื้อโรค ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการป้องกันโรคมะเร็ง อาการภูมิแพ้กำเริบ และโรคไขข้ออักเสบ บำรุงรักษาเซลล์ภูมิคุ้มกัน

6.ฮ่วยซัว

สารโดพามีนในฮ่วยซัวช่วยให้จิตใจแจ่มใส มีชีวิตชีวา และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ เพิ่มภูมิต้านทานเชื้อโรค

7.โยเกิร์ต

กรดแล็กติกในโยเกิร์ตช่วยเพิ่มจำนวนสารภูมิต้านทานกระตุ้นเอ็นเคเซลล์ให้ตื่นตัว ควบคุมแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ยังป้องกันโรคมะเร็ง เชื้อโรคในลำไส้ โรคภูมิแพ้ และโรคซารส์

8.เก๋ากี้

สารพอลิแซ็กคาไรด์ในเก๋ากี้ช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันให้ตื่นตัว ช่วยรักษาโรคมะเร็งและโรคเอดส์ ประโยชน์ของเก๋ากี้ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคเอดส์ บำรุงและซ่อมแซมระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย

9.มะละกอ

สารแคโรทีนในมะละกอเปลี่ยนเป็นวิตามินเอเมื่อในร่างกาย บำรุงผิวพรรณและเซลล์เนื้อเยื่อให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคมะเร็ง โรคซารส์และโรคไขข้ออักเสบ บรรเทาอาการของโรคหวัด

10.กะหล่ำปลี

กะหล่ำปลีช่วยจำกัดพิษในสารก่อมะเร็งลดขนาดของเนื้องอก เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันโรคมะเร็งและไข้หวัด บรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้และข้ออักเสบ

11.เมล็ดสน

เมล็ดสนมีวิตามีนอีสูง ช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันให้ตื่นตัว เพิ่มปริมาณภูมิคุ้มกันของร่างกาย กำจัดเชื้อโรคและเซลล์มะเร็ง ป้องกันโรคมะเร็งและไข้หวัด บำรุงเซลล์ภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างภูมิต้านทาน

12.งา

งาอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบี ช่วยบำรุงรักษาต่อมไทมัส กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคมะเร็ง บำรุงรักษาภูมิคุ้มกันในเลือด บำรุงเซลล์ภูมิคุ้มกัน

13.ชีส

วิตามินดีในชีสช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันไม่ให้เซลล์ดีกลายพันธุ์เป็นเซลล์ร้าย กระตุ้นให้เซลล์ร้ายทำลายตัวเอง ป้องกันโรคมะเร็ง กระตุ้นให้ทีเซลล์ตื่นตัว ป้องกันโรคเอดส์

14.กวางตุ้งฮ่องเต้

กวางตุ้งฮ่องเต้อุดมไปด้วยวิตามินเอ บำรุงผิวหนังและเซลล์เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคมะเร็ง ไข้หวัดและโรคปอดอักเสบ

15.มะระ

สารควินินที่อยู่ในมะระช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันมีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ป้องกันโรคมะเร็ง โรคปอด และโรคเอส์ บรรเทาอาการหวัด

16.เนื้อแพะ

เนื้อแพะอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดขาวและสารภูมิต้านทาน กระตุ้นบีเซลล์และทีเซลล์ให้ตื่นตัวเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

17.ปลาทูน่า

กรดไขมันโอเมกา 3 ในปลาทูน่าช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันได้รับสารอาหารที่ดี ลดอาการอักเสบ ป้องกันโรคภูมิต้านตนเอง ป้องกันโรคมะเร็งและโรคภูมิแพ้ ลดโอกาสการเป็นโรคภูมิต้านตนเอง

18.หมึก

วิตามินอีมีส่วนช่วยในการเพิ่มความตื่นตัวให้ทีเซลล์ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของทีเซลล์ ป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันโรคซารส์ กระตุ้นให้ทีเซลล์ตื่นตัว

19.กุ้ง

ในกุ้งมีธาตุสังกะสีจำนวนมาก ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการแตกตัวและเพิ่มจำนวนทีเซลล์ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันโรคมะเร็ง บำรุงเซลล์ภูมิคุ้มกัน

20.ปู

สารไคทินในปูกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาตนเอง ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากเซลล์มะเร็ง ป้องกันโรคมะเร็งและโรคเอดส์


ที่มา หนังสือกินเปลี่ยนชีวิตด้วยอาหาร 100 ชนิด จากธรรมชาติ สนพ.นานมีบุ๊คส์

ช่วงหน้าร้อนอากาศอบอ้าวแบบนี้ เราอาจไม่อยากไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งใดๆ เพราะอยากหลบแดด เปิดแอร์เย็นๆ นั่งสบายผ่อนคลายอยู่ในบ้านมากกว่า แต่ถ้าออกกำลังกายกันน้อยลงแล้ว เราอาจต้องหันมาระวังเรื่องการรับประทานอาหารกันมากขึ้นแทน เรียกว่าถ้าไม่อยากออกไปเบิร์นแคลอรี่ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดหรือแดดเปรี้ยงๆ ก็มารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงไขมันส่วนเกินกันดีกว่า

เบอร์ทอลลี่ แบรนด์น้ำมันมะกอกอันดับหนึ่งของประเทศไทย จับมือ เชฟน่าน หงษ์วิวัฒน์ เชฟหนุ่มจากรายการ C.I.Y. (Cook It Yourself) ร่วมสร้างสรรค์เมนู “กะเพรากุ้งธัญพืชกับข้าวไรซ์เบอร์รี” เมนูง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำรับประทานเองได้ที่บ้าน อีกทั้งยังอร่อยและสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากผักและธัญพืชต่างๆ อาทิ ถั่วแดง ถั่วลันเตาหวาน เม็ดบัว เม็ดแปะก๊วย ข้าวไรซ์เบอร์รี และน้ำมันมะกอก ซึ่งเต็มไปด้วยไขมันดี ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และยังดีต่อระบบการทำงานของหัวใจ

“เมนูกะเพรากุ้งธัญพืชกับข้าวไรซ์เบอร์รี เกิดจากการรังสรรค์วัตถุดิบท้องถิ่นที่คนไทยต่างชื่นชอบและทำกินเป็นประจำอย่างกะเพรา เข้ากับวัตถุดิบเพื่อสุขภาพอย่างน้ำมันมะกอกและธัญพืชต่างๆ ซึ่งเป็นเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อมอบทั้งความอร่อยและสุขภาพดีให้แก่ทุกบ้าน” เชฟน่าน กล่าว และว่า “เมนูนี้เป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว และยังสามารถเติมวัตถุดิบอื่นๆ ที่คนทำต้องการได้หมด เรียกได้ว่านอกจากจะอร่อย สะดวกรวดเร็วแล้ว ยังสุขภาพดีอีกด้วย”

เพียงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพให้แก่ตนเองและครอบครัว เท่านี้เราก็สามารถฟิตหุ่นรับซัมเมอร์นี้ได้อย่างสบายใจแล้ว

เมนู “กะเพรากุ้งธัญพืชกับข้าวไรซ์เบอร์รี”(สำหรับ 3-4 ท่าน)

เครื่องปรุง:

น้ำมันมะกอก Bertolli ชนิด Extra Light 3 ช้อนโต๊ะ

กระเทียมสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูสับหยาบ 4 เม็ด

กุ้งแช่บ๊วยแกะเปลือกเด็ดหัวฝ่าหลังไว้หาง 8 ตัว

ถั่วแดงหลวงนึ่งสุก 4 ช้อนโต๊ะ

เม็ดบัว 4 ช้อนโต๊ะ

ถั่วลันเตาหวานลวกสุก 12 ฝัก

เม็ดแปะก๊วยต้มสุก 15 เม็ด

เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 4 ช้อนโต๊ะ

ใบกะเพราสับหยาบ 2 ถ้วย

น้ำปลา 2 ช้อนชา

น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ

ยอดใบกะเพราสำหรับตกแต่ง

ข้าวไรซ์เบอร์รีสำหรับจัดเสิร์ฟ

วิธีทำ

1. ใส่น้ำมันมะกอก Bertolli ชนิด Extra Light ลงในกระทะ ตั้งไฟกลางให้พอร้อน

2. ใส่กระเทียมและพริกขี้หนูลงผัดพอหอม ใส่กุ้งลงผัดให้สุก เติมถั่วแดง เม็ดบัว ถั่วลันเตาหวาน แปะก๊วย และผัดให้เข้ากัน

3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมันหอย ใส่ใบกะเพราสับ ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง

4. ปิดไฟ ตักใส่จาน และตกแต่งด้วยยอดใบกะเพรา เสิร์ฟกับข้าวไรซ์เบอร์รี