เก็บตกบรรยากาศความประทับใจ ทัวร์ ออกพระเพทราชา “ฮีโร่” แห่งกรุงศรีฯ จ.สุพรรณบุรี-พระนครศรีอยุธยา กับมติชนอคาเดมี เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. และ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดยบรรยากาศผู้ร่วมทัวร์ one day trip ไปกับเราทั้ง 2 ครั้งเต็มอิ่มไปกับสาระความรู้ประวัติศาสตร์ในยุคพระเพทราชา ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง

ชวนสัมผัสความวิจิตรงดงาม 5 วัดดัง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ยลงานช่างพระราชนิยม และตำนาน”เจ้าสัว”กู้แผ่นดิน พร้อมคำบรรยายโดย รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และจารึก

1.วัดราชโอรสารามวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่3 ที่ทรงผูกพันเนื่องจากพระปัยยิกา (ยายทวด) ของพระองค์มีนิวาสสถานอยู่ที่บริเวณย่านนี้ ทั้งยังเป็นวัดที่พระชนกและพระชนนีของสมเด็จพระศรีสุลาลัย (เจ้าจอมมารดาเรียม)พระบรมราชชนนีในรัชกาลที่ 3 ทรงทำนุบำรุง

2.วัดนางนองวรวิหาร วัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่าเป็นนิวาสสถานของสมเด็จพระศรีสุลาลัย พร้อมสักการะพระพุทธมหาจักรพรรดิ

3.วัดยานนาวา วัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมารัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และสร้างเรือสำเภาพระเจดีย์แทนพระสถูปเจดีย์ทั่วไป เพื่อให้คนรุ่นหลังเห็นรูปแบบเรือสำเภาที่กำลังจะหมดไปจากเมืองไทย

4.วัดราชนัดดารามวรวิหาร รัชกาลที่3 โปรดเกล้าฯให้สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติแก่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี ต่อมาดำรงตำแหน่งเป็นพระอัครมเหสีองค์แรกของรัชกาลที่ 4 พร้อมชมโลหะปราสาท แห่งที่3ของโลก

5.วัดเทพธิดารามวรวิหาร สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์เจ้าหญิงวิลาศ ภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็น “กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ”

อิ่มบุญ อิ่มใจ เต็มอิ่มกับเรื่องราวประวัติศาสตร์กันแล้ว พิเศษสุด!!อิ่มท้องที่ร้านหมี่กรอบจีนหลี ร้านชื่อดัง เก่าแก่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

 

ทัวร์ 5 วัดดัง ร.3 ยลงานช่างพระราชนิยม ตำนาน “เจ้าสัว” กู้แผ่นดิน

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2561

ราคา 1,500 บาท

คลิกอ่านโปรแกรมการเดินทาง : https://www.matichonacademy.com/content/travel/article_16940

 

สนใจติดต่อ มติชนอคาเดมี

Inbox : Facebook Matichon Academy

Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

line : @matichonacademy

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มิถุนายน ที่บริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) จ.ปทุมธานี ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ คณาจารย์ และนักเรียน รวม 70 คน ในโครงการเสริมทักษะวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 ในปีพ.ศ.2561 จัดโดยคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เข้าทัศนศึกษาดูงานกระบวนการผลิตขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ของบริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)

เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้นักเรียนได้รับข้อมูลและความรู้ที่ตรงกับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมจริง เพื่อจัดทำโครงงานทางวิทยาศาสตร์ส่งเข้าประกวดในวันที่ 1 สิงหาคม 2561 โดยมีคุณอภิชาติ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการบริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด(มหาชน) ร่วมรับฟัง ถ่ายภาพ และมอบของที่ระลึกให้กับคณาจารย์และนักเรียนด้วย

คุณอภิชาติ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการบริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด(มหาชน)

คุณอภิชาติ กรรมการผู้อำนวยการบริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า กิจกรรมที่เปิดให้นักเรียนนักศึกษามาทัศนศึกษาดูกระบวนการผลิตในโรงงาน เป็นกิจกรรมที่ฟาร์มเฮ้าส์ทำเป็นประจำเพื่อการศึกษา รวมถึงนักเรียนที่มาชมโรงงานจะได้เกิดความมั่นใจในสินค้าเรา ส่งผลให้เขาเกิดความเชื่อมั่นและบริโภคขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ได้อย่างมั่นใจ

คุณอภิชาติ กล่าวต่อว่า เมื่อ30-40ปีที่แล้ว เราเคยทำโครงการทำขนมปังไปแจกตามโรงเรียน โดยร่วมกับทางสมาคมผู้ค้าข้าวสาลี เขาให้งบประมาณมา เราทำเป็นโครงการ School lunch เอาแซนด์วิชและขนมปังไปแจก จากนั้นได้ทำโครงการ School Tour ไปให้ความรู้ และให้เขาได้ทดลองสินค้าเรา ทำกิจกรรมร่วมกัน

“ใน1ปีทำโครงการ School Tour ประมาณ 100 โรงเรียนในกรุงเทพฯและ100โรงเรียนในต่างจังหวัด ขณะนั้นร่วมกับทางองค์การอาหารและยา(อย.) รณรงค์กินอาหารครบ5หมู่ ไปเผยแพร่ความรู้ให้กับเด็กนักเรียนว่ากินอาหารครบ5หมู่เป็นอย่างไร โดยขนมปังมีคาร์โบไฮเดรต คือแป้ง และมีการสร้างเป็นละครไปแสดงให้เด็กดู เด็กๆสนุกสนาน และได้ความรู้

“จากนั้นทางกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)มีการณรงค์ให้ลดหวานมันเค็ม เราจึงเปลี่ยนจากรณรงค์กินอาหารให้ครบ5หมู่ มาเป็นลดอาหารหวานมันเค็ม โดยสร้างตัวการ์ตูน เจ้าหวานมันเค็ม ให้เป็นผู้ร้าย นอกจากนี้ เราเคยทำโครงการจะซื้ออาหารพร้อมทานขอให้รู้จักอ่านฉลากและคุณค่าทางโภชนาการด้วย”คุณอภิชาติกล่าว

คุณอภิชาติ กล่าวต่อว่า เราเป็นผู้ผลิตขนมปังขาย ขนมปังเป็นอาหารมาจากแถบตะวันตก ส่วนประเทศไทยอาหารหลักยังเป็นข้าว การแนะนำการกินขนมปังจึงมีเรื่องโภชนาการด้วย อย่างประเทศญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่2 เขากินข้าวเป็นหลัก แต่พอหลังสงครามโลก ญี่ปุ่นเป็นประเทศแพ้สงครามแล้วขาดแคลน สหรัฐอเมริกาในฐานะผู้ชนะสงครามจึงนำข้าวสาลีทำเป็นขนมปัง ไปช่วยเหลือเขา และทำ School lunch เอาข้าวสาลีไปให้ทำขนมปัง และนำขนมปังไปแจกตามโรงเรียน

“สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของผู้ผลิตข้าวสาลี ต้องการเผยแพร่การบริโภคข้าวสาลีมานานกว่า70ปี ขณะเดียวกัน ได้พาเรื่องการกินนมเข้าไปด้วย จึงทำให้คนญี่ปุ่นตัวสูง อันนี้เป็นเรื่องของโภชนาการ ปัจจุบันญี่ปุ่นมีพัฒนาการขายขนมปัง จนเรียกได้ว่าใน1วัน จากอาหาร3มื้อ คนญี่ปุ่นกินขนมปังมากกว่า1มื้อ”คุณอภิชาติกล่าว

ดร.รัตติยา เจริญศักดิ์ อาจารย์ภาคBiotechnology มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ(กลาง)

ด้าน ดร.รัตติยา เจริญศักดิ์ อาจารย์ภาควิชา Biotechnology มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวว่า นักเรียนที่มาทัศนศึกษา อยู่ในกลุ่มด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร กับกลุ่มด้านสุขภาพ วัตถุประสงค์ที่มาดูงานเพื่อดูว่าในภาคปฏิบัติจริงมีการทำงานอย่างไร จะได้มีแนวคิดที่จะทำโครงงานวิทยาศาสตร์ส่งเข้าประกวดต่อไป โดยกระบวนการผลิตขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ครั้งนี้ เป็น1ในสถานประกอบการที่มีอยู่จริงในสังคม และอาจเป็นจุดที่ทำให้เด็กเกิดแนวความคิดเกี่ยวกับโครงงานทางวิทยาศาสตร์ได้

น.ส.เจนนี่ บุตรมงคล และน.ส.จุฑามาศ บุญเกลี้ยง นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนราชวินิต นนทบุรี

ส่วน น.ส.เจนนี่ บุตรมงคล และน.ส.จุฑามาศ บุญเกลี้ยง นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนราชวินิต นนทบุรี กล่าวว่า รู้จักขนมปังฟาร์มเฮ้าส์มาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้นอกจากข้าวที่เป็นอาหารหลักแล้ว ในบางวันก็กินขนมปังด้วย เพราะสะดวกดี ถ้าเวลาเร่งรีบเราก็เอาไปกินที่โรงเรียนได้เลย ปกติจะเลือกกินขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ และวันนี้ได้มาดูกระบวนการผลิตขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ มาดูกระบวนการทำงานของเทคโนโลยียุค4.0 เพื่อเป็นแนวทางว่าเราชอบเรียนสาขานี้ไหม ถ้าชอบจะได้มุ่งเรียนมาทางนี้  รวมถึงนำไปคิดต่อยอดโครงงานประกวดเกี่ยวกับเทคโนโลยี

น.ส.ทิพามณี บอนแดง และนายกฤตยชญ์ กิตติวิริยะกุล นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

ขณะที่ น.ส.ทิพามณี บอนแดง นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ กล่าวว่า วันนี้มาเรียนรู้กระบวนการทำขนมปัง เป็นเทคโนโลยีทันสมัย เปิดประสบการณ์ใหม่ เปิดมุมมองใหม่ รวมถึงจะทำให้รู้ตัวเองมากขึ้น ถ้าชอบสาขานี้จะได้เลือกเรียนให้ตรงสาขานี้เลย

ด้าน นายกฤตยชญ์ กิตติวิริยะกุล นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ  กล่าวว่า มาดูเทคโนโลยีที่ใช้ทำขนมปัง ชอบด้านนี้อยู่แล้ว เพราะที่บ้านทำโรงงานรีไซเคิล มีกระบวนการแปรรูป การรีไซเคิลอยู่ มาวันนี้อยากมาเรียนรู้กระบวนการผลิตอย่างอื่นด้วย เพื่อเอาไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจที่บ้าน

เดี๋ยวนี้กินอะไรก็ต้องระวังกันเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ใช่แค่อาหารสดเท่านั้น แม้แต่อาหารแช่แข็งก็ต้องระวังไปด้วย หลังเกิดเหตุหญิงออสเตรเลียวัย 64 ปีรายหนึ่งเสียชีวิตจากโรคตับอักเสบชนิด A เนื่องจากได้รับเชื้อจากการกินทับทิมแช่แข็ง โดยเหตุเกิดในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐเซาท์ออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้กับประชาชนทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของครีเอทีฟ กูร์เมต์ (Creative Gourmet) ว่าเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A ของผู้ป่วยชาวออสเตรเลีย 24 คนทั่วประเทศ และได้เตือนให้ประชาชนตรวจสอบและทิ้งผลไม้แช่แข็งเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทับทิมที่ปลูกจากประเทศอียิปต์ทั้งทับทิมสดและจากที่ผลิตในประเทศนั้นไม่มีการติดเชิ้อ

ศาสตราจารย์นายแพทย์แพดดี้ ฟิลลิปส์ หัวหน้าแผนกทางการแพทย์ของเซาธ์ออสเตรเลีย กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของหญิงรายนี้เกี่ยวกับกับทับทิมแช่แข็งที่มีการเรียกคืนนี้เท่านั้น โดยคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อนั้นอาการดีขึ้นแล้ว และคาดว่าจะไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก

สำหรับไวรัสตับอักเสบ A จะทำร้ายตับ ซึ่งมักแพร่กระจายผ่านทางอุจจาระ, ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการสัมผัสอาหารหรือวัตถุที่ปนเปื้อน และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาระหว่าง 15 ถึง 50 วันในการพัฒนาอาการของโรค เช่น อาการคลื่นไส้ ไข้หวัด และผิวเหลือง

Entyce Food Ingredients (บริษัทขายผลไม้ในประเทศออสเตรเรีย) กล่าวว่า การปนเปื้อนของทับทิมแช่แข็งดังกล่าวอาจเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของผลิตภัณฑ์ ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทมีการควบคุมผลิตภัณฑ์จำพวกเบอร์รี่แช่แข็ง หลังจากมีการระบาดของไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น

ทั้งนี้ ในปีก่อนหน้านี้ชาวออสเตรเลีย 7 ราย ได้เสียชีวิตหลังจากกินแตงโมที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียชนิด Listeria อีกด้วย

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 18 พฤษภาคม ที่มติชนอคาเดมี ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน หมู่บ้านประชานิเวศน์1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตนมตรามะลิ ร่วมกับมติชนอคาเดมี จัดโครงการมะลิสร้างอาชีพกับทุกเมนูความอร่อย โดยคุณสุดถนอม กรรณสูต กรรมการ บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วยคุณฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน)

คุณสุดถนอม กรรณสูต กรรมการบริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด

คุณสุดถนอม กล่าวว่า ในนามบริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด (นมตรามะลิ) มีโอกาสจัดโครงการร่วมกับมติชนอคาเดมีเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังมองหาอาชีพ หรือผู้ประกอบการรายย่อยได้พัฒนาเมนูใหม่ๆกับโครงการ “มะลิสร้างอาชีพกับทุกเมนูความอร่อย” โดยเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมในโครงการในราคาพิเศษ โดยมีศูนย์ฝึกอาชีพมติชนอคาเดมีเป็นผู้ดำเนินการสอน

คุณสุดถนอม กล่าวต่อว่า ผู้ที่สนใจสมัครเข้ารับการอบรมจะได้รับความรู้และเคล็ดลับ สูตรเด็ดในการประกอบอาหาร เครื่องดื่ม โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของมะลิ เป็นส่วนหนึ่งในการปรุงอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่ม รวมทั้งจะได้เรียนรู้เทคนิคการผลิตอาหารและขนมที่มีคุณภาพและอร่อย ที่สำคัญคือเมื่อเสร็จสิ้นการเรียนแล้ว สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพ สร้างรายได้ให้ตนเองและครอบครัวต่อไป

คุณสุดถนอม กล่าวอีกว่า บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตนมตรามะลิ ถือกำเนิดมากกว่า 55 ปีแล้ว และยังรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ รวมถึงสรรหานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อครองความเป็นหนึ่ง ประเภทผลิตภัณฑ์นมไทยในประเทศไทย และจะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค

“นมตรามะลิ ทำได้มากกว่าการเทลงบนแผ่นขนมปัง ปาท่องโก๋ หรือเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม แต่สามารถทำอาหารได้ทั้งเมนูคาวหวาน โดยผู้บริโภคสามารถเลือกราคาได้หลายระดับ ตามแต่ตลาดและพื้นที่ในการขาย สามารถนำมาประยุกต์ให้ผลิตภัณฑ์สอดคล้องตรงกับความต้องการ คุณภาพ และราคาได้ อย่างในกทม.หรือต่างจังหวัด บางทีเมนูเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามราคาในท้องตลาดได้”คุณสุดถนอมกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการมะลิสร้างอาชีพกับทุกเมนูความอร่อย เปิดสอนหลักสูตรอาหาร เบเกอรี่ และน้ำปั่น รวม 10 หลักสูตร โดยให้ผู้เข้าอบรมปฏิบัติจริงทุกเมนู ในราคาเพียง 599 บาท โดยในวันนี้ เปิดสอน3หลักสูตร ประกอบด้วย 1.หลักสูตรข้าวแกงกะหรี่ สอนโดย อ.นวลปรางค์ วรรณพงศ์ 2.หลักสูตร Freppe Fancy สอนโดย อ.ธนะวดี สำราญ และ 3.หลักสูตรแยมโรลหลากสไตล์ สอนโดย อ.เขมจิรา คำสุวรรณ โดยแต่ละหลักสูตรมีผู้สนใจเรียนหลักสูตรละประมาณ20คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนอีก7หลักสูตร จะทยอยเปิดสอนเดือนละ1หลักสูตร ประกอบด้วย 1.หลักสูตรโตเกียวชาร์โคล สอนโดย อ.ธยศ ทองแจ้ง วันที่ 15 มิถุนายน 2.หลักสูตรช็อคโกแลตดิปเค้ก สอนโดย อ.เขมจิรา คำสุวรรณ วันที่ 20 กรกฎาคม 3.หลักสูตรขนมปังหลากไส้ สอนโดยเชฟสมพบ กาศยปนันทน์ วันที่ 17 สิงหาคม

4.หลักสูตร Dessert Café สอนโดยเชฟ ภัชราพร เปี่ยมชูชาติ วันที่ 21 กันยายน  5.หลักสูตรช็อคโกแลตมูส สอนโดย เชฟศิราพันธ์ พุ่มพานุพันธ์ วันที่ 19 ตุลาคม 6.หลักสูตรไอศกรีม โฮมเมด สอนโดยเชฟศิราพันธ์ พุ่มพานุพันธ์ วันที่ 23 พฤศจิกายน และ7.หลักสูตรยูนิคอร์นเค้ก สอนโดย อ.เขมจิรา คำสุวรรณ วันที่ 14 ธันวาคม

“ผัดไท” หรือหากเรียกชื่อเต็มๆ ก็คือ “ก๋วยเตี๋ยวผัดไท” อาจจะเป็นอาหารจานเดียวของชาติเราที่ชาวต่างชาติรู้จักกันมากที่สุด

โดยพื้นฐานแล้วก๋วยเตี๋ยวผัดไททำมาจากก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก ต่อมามีการดัดแปลงมาใช้วุ้นเส้น เกี๊ยวกรอบ หรือบางทีไม่ใส่เส้น รวมทั้งทำเป็นผัดไทห่อไข่ก็มี ในที่นี้จะขอพูดโดยรวมถึงผัดไทแบบดั้งเดิม

ก๋วยเตี๋ยวผัดไทแม้ไม่ได้เป็นอาหารมังสวิรัติ แต่ก็เป็นอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบอยู่น้อย หรือหากมีก็มีเพียงกุ้งแห้ง กุ้งสด หรือไข่ที่เป็นส่วนของเนื้อสัตว์แทน นอกจากนี้ ในผัดไทก็ยังมีคุณค่าจากโปรตีนที่ได้จากเต้าหู้ด้วย ทำให้ผัดไทเป็นอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วน โดยเฉพาะเมื่อรับประทานกับถั่วงอกดิบ หัวปลี ใบกุยช่าย หรือบางทีก็มีใบบัวบกไว้ให้กินแกล้มก็ยิ่งเพิ่มคุณค่าให้กับผัดไทยิ่งขึ้น

ขณะที่อาหารที่มักขายอยู่คู่กันกับร้านขายผัดไทก็คือ “หอยทอด” ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะใช้หอยแมลงภู่เป็นส่วนประกอบหลัก ภายหลังบางร้านก็มีการดัดแปลงมาใส่หอยนางรมด้วย ซึ่งเราจะเรียกเมนูนี้ว่า “ออส่วน”

นอกจากหอยแมลงภู่แล้ว ส่วนประกอบที่สำคัญของหอยทอดยังมีแป้งและถั่วงอกเช่นเดียวกันกับผัดไท จึงถือว่า “ผัดไท-หอยทอด” เป็นอาหารที่มีคุณค่าใกล้เคียงกัน

แล้วอะไรที่เสี่ยง

เกริ่นไปแบบนั้นอาจทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเราสามารถกินผัดไท-หอยทอดได้โดยไม่ต้องกังวลถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทว่าในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะมีความเสี่ยงมากมายที่มาจากอาหารทั้ง 2 จานนี้

ความเสี่ยงแรกคือ “ปริมาณไขมันสูง” สังเกตได้จากขั้นตอนการทำผัดไทที่คนขายมักจะตักน้ำมันใส่ในปริมาณมากเพื่อไม่ให้ติดกระทะเวลาผัด เพราะน้ำปรุงรสที่ใช้ทำผัดไทนั้นมีส่วนประกอบที่สำคัญคือน้ำตาลปี๊บและน้ำมะขามเปียก ซึ่งน้ำตาลเป็นส่วนผสมที่ทำให้อาหารติดกระทะได้ง่าย ดังนั้น วิธีผัดไม่ให้ติดกระทะจึงต้องใส่น้ำมันในปริมาณมาก ยิ่งถ้าเป็นผัดไทใส่ไข่ เมื่อตอกไข่ใส่ลงไป คนขายก็ต้องเติมน้ำมันลงไปอีกเพื่อทำให้ไข่สุก เรียกว่าได้น้ำมันถึงสองต่อในปริมาณที่ไม่น้อยเลย และเท่าที่สังเกตดูจะพบว่าผัดไทเจ้าดังๆ จะใช้น้ำมันหมูในการทำ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมอร่อยกว่าการใช้น้ำมันพืช

แต่ปริมาณน้ำมันในผัดไทก็ยังน้อยกว่าปริมาณน้ำมันในหอยทอด โดยเฉพาะในหอยทอดที่ใส่จานร้อน แบบกรอบๆ ไม่มีทางที่แป้งหอยทอดจะกรอบได้ถ้าไม่ใส่น้ำมันมากๆ ดังนั้น คนขายหอยทอดจึงต้องใส่น้ำมันในกระทะมากๆ เพื่อให้แป้งกรอบตามสูตรหรือตามความต้องการของลูกค้า หากเป็นการทำทอดหอยทอดในกระทะแบนๆ ใหญ่ๆ แบบที่เจ้าดังๆ ใช้ ก็อาจมีน้ำมันบางส่วนไหลลงไปที่ด้านข้างของกระทะอีกด้วย รับรองว่าน้ำมันส่วนใหญ่อาจติดอยู่ในแป้งและผสมอยู่ในจานของเราด้วยแน่ๆ

หากเป็นจานร้อนที่ขายตามฟู้ดเซ็นเตอร์ จะเห็นว่าคนขายจะใช้จานร้อนนั้นแทนกระทะ และทำหอยทอดทีละจาน ใส่น้ำมันลงไปในจาน เอาจานตั้งไฟ แล้วใส่แป้งหอยทอด รอจนกรอบ ก่อนจะเอาถั่วงอกมาใส่อีกที

ใครที่เคยไปยืนดูขั้นตอนการทำ จะเห็นว่าคนขายจะตักน้ำมันอย่างน้อย 1 กระบวยใหญ่ๆ ใส่ในจานร้อน และเมื่อมาถึงเรา เรากินเสร็จเรียบร้อย น้ำมันเหล่านั้นจะไม่ติดค้างอยู่ที่จานสักนิดเลย นั่นหมายความว่า เราได้กินน้ำมันทั้งหมดไปพร้อมๆ กับหอยทอดแล้ว

เมื่อมาคะเนปริมาณน้ำมันแบบคร่าวๆ จะพบว่าในน้ำมัน 2 กระบวยนั้นต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 ช้อนโต๊ะ โดย 1 ช้อนโต๊ะจะมีปริมาณเท่ากับ 15 กรัม นั่นหมายความว่าเรากินไขมันไปแล้วในมื้อนี้ 45 กรัม ซึ่งพลังงานจากไขมันคือ 9 แคลอรี่/กรัม เท่ากับว่าเราได้รับพลังงานจากไขมันไปแล้ว 405 กรัม

สรุปว่ามื้อไหนที่เรากินผัดไทจานร้อน เราต้องได้พลังงานไม่ต่ำกว่า 700-800 กิโลแคลอรี่ และที่แน่ๆ คือไขมันนี้ยังเป็นไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่ไม่น้อยเสียด้วย ความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและไขมันอุดตันในเส้นเลือดจึงมีอยู่สูงมากในอาหารทั้ง 2 จานนี้

ถั่วงอกก็เสี่ยง

สารที่ผู้ขายถั่วงอกแช่เพื่อให้ถั่วงอกขาวสวยเรียกว่า “โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ (Sodium hydrosulfite)” ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการฟอกย้อมแห อวน ซึ่งมีอันตรายต่อร่างกาย หากบริโภคเข้าไปจะทำให้เกิดอาการหายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระร่วง สำหรับผู้ที่แพ้อย่างรุนแรงหรือป่วยเป็นโรคหอบหืดจะมีอาการรุนแรงขึ้น คือมีอาการช็อก หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

โดยอาสาสมัครจากสาธารณสุข นักเรียน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกระดับได้ใช้ทดสอบโซเดียมไฮโดรไฟต์ไปตรวจสอบถั่วงอก หน่อไม้ดอง ขิงหั่นฝอย ผลไม้สด น้ำตาลปึ และทุเรียนกวน จำนวน 2,438 ตัวอย่าง พบสารปนเปื้อนโซเดียมไฮโดรไฟต์ 392 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 16

แต่ข่าวดีคือ สารโซเดียมไฮโดรไฟต์ที่อาจมีอยู่ในถั่วงอกจะถูกทำลายด้วยความร้อน ดังนั้น หากเห็นถั่วงอกดิบของร้านไหนมีสีขาวมากๆ ดูผิดปกติก็ควรจะหลีกเลี่ยงดีกว่า แต่ถ้าร้านไหนถั่วงอกคล้ำมาก มีส่วนเน่าสียปนอยู่ก็ไม่ควรกินด้วยเช่นกัน เพราะอาจทำให้ท้องเสียได้

พริกป่น ถั่วคั่ว มะนาวเทียม

พริกป่น ถั่วลิสงป่น มักมีการตรวจพบ “สารอะฟลาท็อกซิน (Afatoxin)” ซึ่งเป็นสารพิษที่เกิดจากเชื้อรา หากร่างกายได้รับสารพิษอย่างต่อเนื่องจะเกิดการสะสมของสารพิษจนกลายเป็นมะเร็งตับในที่สุด โดยเฉพาะมีการตรวจพบว่า พริกป่นที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีราคาถูกกว่าบ้านเรา มีการปนเปื้อนเชื้อราอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ถั่วลิสงคั่วสำเร็จที่ขายอยู่ทั่วไปก็มีความเสี่ยงมากเช่นเดียวกัน

อาจเป็นเพราะบ้านเราเป็นประเทศร้อนชื้น เชื้อราเติบโตได้ง่าย และยิ่งคนขายนำพริกป่นและถั่วคั่วมาวางทิ้งไว้บนโต๊ะ และใช้วิธีการเติมถั่วลงไปเมื่อเห็นว่าพร่อง โดยไม่ได้เทของเก่าออกก่อน ทำให้ถั่วส่วนที่อยู่ด้านล่างถูกทิ้งไว้นาน และมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดเชื้อราได้

ขณะที่น้ำมะนาวหากเป็นการใช้น้ำมะนาวเทียม มักจะพบรา ยีสต์ ปนอยู่ด้วย ซึ่งน้ำมะนาวเทียมที่มีหน่ายทั่วไปนั้นมีทั้งชนิดบรรจุถุงและบรรจุขวด ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตมาจาก “กรดซิตริก (Citric)” หรือที่เรียกกันว่ากรดมะนาว ซึ่งเป็นกรดผลไม้ที่มีอยู่ในส้มหรือมะนาว โดยจะมีการใส่สีและปรุงแต่งให้ดูเหมือนน้ำมะนาวแท้ ซึ่งหากผู้บริโภครับประทานน้ำมะนาวเทียมที่มียีสต์ รา และกรดซิตริกมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสียได้

หอยทอดอันตราย

หอยแมลงภู่ก่อนที่จะนำมาบริโภคต้องผ่านกระบวนการบำบัด เพื่อให้หอยได้คายสิ่งสกปรกและจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนออกเสียก่อน เพราะหอยแมลงภู่จะกินอาหารโดยการกรองสิ่งแขวนลอยที่อยู่ในน้ำ หากแหล่งเลี้ยงนั้นอยู่ใกล้แหล่งชุมชนหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ทิ้งของเสียลงในแหล่งน้ำ ก็จะพบจุลินทรีย์ที่ก่อโรคหรือสารโลหะหนักปนเปื้อนในเนื้อหอยด้วย

ดังนั้น การรับประทานหอยแลงภู่จึงต้องเลือกซื้อจากแหล่งที่มีสภาพแวดล้อมสะอาด มีมลพิษต่ำ และหลีกเลี่ยงการซื้อหอยจากแหล่งที่อยู่ใกล้ในพื้นที่อุตสาหกรรม อีกทั้งควรทำความสะอาดหอยแมลงภู่อย่างพิถีพิถัน ซึ่งทำได้โดยการขัดล้างภายนอกของเปลือกหอยให้สะอาด ดึงหนวดของมันออกให้มากที่สุด จากนั้นนำไปใส่ในภาชนะที่ปล่อยให้น้ำสะอาดไหลผ่านตัวหอยช่วงระยะเวลาหนึ่ง ให้หอยคายสิ่งสกปรกออกจากกระเพาะ หรือแช่มันไว้ในน้ำเกลือสักพัก ก็จะได้หอยที่สะอาด เหมาะกับการนำไปบริโภคแล้ว

อย่างไรก็ตาม เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหอยทอดที่เราซื้อรับประทานนั้นคือหอยที่ได้คุณภาพหรือไม่ หรือผ่านการล้างทำความสะอาดอย่างที่ควรจะเป็นหรือเปล่า เรื่องนี้ย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงในการรับประทานอาหารแน่นอน

ซื้อกินอย่างไรให้ปลอดภัย

การเลือกร้านที่ดูสะอาดเป็นเครื่องป้องกันด่านแรกที่จะลดความเสี่ยงลงได้บ้าง ป้าย Clean Food Good Taste อาจช่วยในการตัดสินใจได้ระดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันผู้บริโภคกควรมองดูความสะอาดภายในร้านด้วย ไม่ใช่ว่าเห็นหนูวิ่งอยู่ใต้เตาแล้วยังตัดสินใจว่าจะกินร้านนี้อยู่

ปัญหาเรื่องน้ำมันหรือไขมันสูงอาจจะแก้ไขยาก นอกจากรู้ว่าได้รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงไปแล้วมื้อหนึ่ง มื้อต่อไปก็ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ และไม่ควรกินผัดไทหรือหอยทอดติดต่อกันหลายวัน ทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูงด้วย และหากออกกำลังกายเป็นประจำร่วมด้วยก็จะทำให้ความเสี่ยงที่เกิดจากการกินไม่สูงมากนัก

การรับประทานอาหารหรือชาที่ช่วยลดไขมันก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้ลดความเสี่ยงลง ขณะที่การกินหัวปลีที่มีกากใยสูงก็จะช่วยกวาดไขมันบางส่วนออกจากลำไส้ ส่วนกุยช่ายนั้นนอกจากมีกากใยสูงเช่นเดียวกันกับหัวปลีแล้ว ยีงมีสารอัลลิซินเหมือนในกระเทียมที่ช่วยลดไขมันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้มีระบบการย่อยไม่แข็งแรงต้องระวัง เพราะกุยช่ายนั้นถือเป็นผักที่ย่อยยากชนิดหนึ่ง


ที่มา หนังสืออาหารเลี่ยงได้ โดย ทัทยา อนุสสร สนพ.มติชน

ในยามที่มะนาวแพง จะตำน้ำพริกครกหนึ่งต้องคิดหนักกันเลยทีเดียว เพราะตำน้ำพริกครกหนึ่งต้องใช้มะนาวพอสมควร แต่สำหรับบางคนอาจไม่ใช่ปัญหา เพราะสามารถทดแทนรสเปรี้ยวของมะนาวด้วย “ตะลิงปลิง” ได้

ตะลิงปลิงหากนำมาซอยเป็นเส้นใส่น้ำพริกจะช่วยเสริมรสเปรี้ยวให้กลมกล่อมละมุนลิ้น น้ำพริกตะลิงปลิงกินกับผักสดและไข่เค็มเข้ากันดีมาก

 

ที่มา หนังสือ ปลูกเองกินเอง เมนูอร่อยจากสวนครัวคนเมือง สนพ.มติชน