กุ้งอบวุ้นเส้น เมนูเด็ดตามร้านอาหาร แต่เราก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยใช้เครื่องปรุงที่มีอยู่ในครัว แค่นี้ก็สามารถทำกุ้งอบวุ้นเส้นกินเองได้แล้ว อบจนเครื่องปรุงเข้าเส้น ซึมไปถึงตัวกุ้ง หอมอร่อยไปทั้งหม้อ เห็นแล้วอยากกินกุ้งอบวุ้นเส้นขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมคะ ลองไปทำกันดูนะคะ

วัตถุดิบ
– กุ้งสด
– วุ้นเส้น
– มันหมูแข็ง
– น้ำมันหอย
– ซอสปรุงรส
– ขิง
– พริกไทยป่น
– น้ำมันงา
– น้ำตาลทราย
– รากผักชี
– ต้นหอม, ขึ้นฉ่าย
– น้ำมันพืช
– กระเทียม

วิธีการทำ
– นำต้นหอม, ขึ้นฉ่าย และขิงมาหั่นเตรียมไว้
– ต่อมานำมันหมูแข็งมาหั่นเป็นเต๋า
– นำครกเตรียมโขลกรากผักชี, กระเทียม, พริกไทยป่นไว้

มาทำน้ำปรุงกุ้งอบวุ้นเส้นกันค่ะ-
นำหม้อตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช, รากผักชีที่โขลกละเอียดแล้วลงไป ตามด้วยน้ำเปล่า, น้ำมันหอย, ซอสปรุงรส, น้ำตาลทราย แล้วเคี่ยวจนเดือด
– จากนั้นใส่น้ำมันงาลงไปอีกครั้ง
– นำกระทะสำหรับอบวุ้นเส้นตั้งไฟ ใส่มันหมูที่หั่นไว้ลงไป ตามด้วยขิง, ต้นหอม, ขึ้นฉ่าาย คนอีกครั้งเพื่อไม่ให้ติดหม้อ
– ตามด้วยกุ้งสด, วุ้นเส้น แล้วราด้วยน้ำปรุงที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากันอีกที แล้วปิดฝารอจนสุก พร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า

หยุดยาวสงกรานต์ปีนี้ มาทำ "กุ้งอบวุ้นเส้น" กินกันดีกว่า

Happy Dish: หยุดยาวสงกรานต์ปีนี้ มาทำ "กุ้งอบวุ้นเส้น" กินกันดีกว่าพี่น้อง!!!Matichon Academy – ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน

โพสต์โดย Khaosod – ข่าวสด เมื่อ วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2018

สนใจเรียนทำอาหาร
ดูได้ที่ www.matichonacademy.com
หรือดูตารางเรียนประจำเดือนได้ที่นี่ >ตารางเรียน

หรือติดตามอัพเดทเรื่องราวอาหารและไลฟ์สไตล์สนุกๆได้ที่
Facebook : MatichonAcademy

ลัดค็อกเทลกุ้ง เป็นเมนูที่เป็นอาหารที่ทำง่ายมาก อร่อย ได้สุขภาพ ใครกำลังมองหาเมนูเบาๆ กินแล้วเฮลตี้ มาดูกันเลย!

วัตถุดิบ
– ผักสลัด
– ซอสพริก
– มายองเนส
– เกลือ
– ไข่กุ้ง
– แรดิส
– มะนาว
– กะหล่ำปลี
– หอมแดง
– กุ้งสด
– มะเขือเทศ

วิธีการทำ
– นำมะเขือเทศมาหั่นแบ่งครึ่งเตรียมไว้
– ต่อมานำหอมแดงมาซอยให้ละเอียด 

วิธีทำน้ำสลัดเทาส์ซันไอแลนด์
– นำชามเตรียมไว้ใส่มายองเนสลงไป ตามด้วยซอสพริก เกลือ หอมแดงซอย ไข่กุ้ง พริกไทยดำ และน้ำมะนาวสดลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
– จากนั้นนำกุ้งมาแกะเปลือกออกเตรียมไว้
– นำกุ้งที่แกะแล้วนำมาต้มเป็นอันเสร็จ
– เตรียมจัดใส่จานตามชอบได้เลยจ้า

กินผักรักสุขภาพกับ เมนู "สลัดค็อกเทลกุ้ง" พร้อมสูตรน้ำสลัดเทาส์ซันไอแลนด์

กินผักรักสุขภาพกับ เมนู "สลัดค็อกเทลกุ้ง" พร้อมสูตรน้ำสลัดเทาส์ซันไอแลนด์#happydish #สลัดค็อกเทลกุ้ง

โพสต์โดย Khaosod – ข่าวสด เมื่อ วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม 2018

สนใจเรียนทำอาหาร
ดูได้ที่ www.matichonacademy.com
หรือดูตารางเรียนประจำเดือนได้ที่นี่ >ตารางเรียน

หรือติดตามอัพเดทเรื่องราวอาหารและไลฟ์สไตล์สนุกๆได้ที่
Facebook : MatichonAcademy

ชวนร่วมค้นหาคำตอบ ‘ศรีเทพ-เสมา’ที่ไหนคืออาณาจักรศรีจนาศะ กันแน่?

ย้อนรอยเส้นทางประวัติศาสตร์ ลพบุรี-เพชรบูรณ์-นครราชสีมา ไปกับ ทัวร์ ปริศนา “ศรีจนาศะ” รัฐโบราณที่ถูกลืม ของมติชนอคาเดมี

ทริปนี้เดินทางไปกับ รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ หัวหน้าภาควิชาภาษาเขมร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร วิทยากรที่จะมาให้ความรู้ และร่วมไขปริศนาศรีจนาศะ คอประวัติศาสตร์ห้ามพลาด!!

วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 17-18 พ.ย.61

ราคา 5,900 บาท

คลิกอ่านโปรแกรมทัวร์ >>> https://bit.ly/2CAudBB

______________________________________________________________________________

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง ได้ที่มติชนอคาเดมี >>>ทางไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40matichonacademy

หรือ inbox เฟซบุ๊กเพจมติชนอคาเดมี คลิกm.me/Matichon.Academy.Thailand

Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

บ้านโป่งมะนาวเป็นหมู่บ้านขนาดไม่ใหญ่นัก อยู่ในเขตการปกครอง ต.ห้วยขุนราม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ดอน มีห้วยสวนมะเดื่อเป็นทางน้ำธรรมชาติสำคัญหล่อเลี้ยงบริเวณนี้

ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา พื้นที่บ้านโป่งมะนาวถูกขุดหาโบราณวัตถุอย่างผิดกฎหมายและได้พบโบราณวัตถุมากมายหลายประเภท อาทิ ภาชนะดินเผา กำไลและแหวนสำริด เครื่องมือเหล็ก และลูกปัดแก้ว ฯลฯ โดยฝังรวมอยู่กับโครงกระดูกมนุษย์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมผู้ลักลอบขุด จากนั้นทางวัดโป่งมะนาว คณะกรรมการหมู่บ้านและผู้นำองค์กรต่างๆในท้องถิ่น ต.ห้วยขุนราม ร่วมกันปรับปรุงให้เป็นหลุมจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์สมัยโบราณและรวบรวมโบราณวัตถุทั้งหมด จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานชุมชนบ้านโป่งมะนาว รวมทั้งได้ประสานงานกับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรในการขุดค้นทางวิชาการ

 

จากการขุดค้นในปี 2544-2545 ลึกจากผิวดินโดยเฉลี่ย 40-110 เซนติเมตร พบร่องรอยการฝังศพและโครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์อย่างน้อย 97 โครง ในหลุมขุดค้นกว้าง 3 เมตร ยาว 3 เมตร จำนวน 4 หลุมมีทั้งโครงกระดูกเด็ก ผู้ใหญ่ เพศหญิงและชาย ฝังไว้อย่างเป็นระเบียบในหลุมตื้นๆ และจงใจทุบภาชนะดินเผาหลายใบให้แตก นำเศษจากภาชนะดินเผาที่ทุบแตกมาปูรองบริเวณที่จะฝังศพก่อนวางศพทับลงไป แล้วจึงนำดินมากลบทับศพ

โครงกระดูกแต่ละโครงมีสิ่งของเครื่องใช้ถูกฝังเป็นเครื่องเซ่นด้วย ได้แก่ ภาชนะดินเผา หรือเครื่องใช้ที่พบฝังอยู่กับเฉพาะบางศพ ได้แก่ เครื่องมือหรืออาวุธที่ทำด้วยเหล็ก ในบางศพยังพบเครื่องประดับทำจากวัสดุชนิดต่างๆ เช่น แก้ว หิน สำริด และกระดองส่วนหน้าอกของเต่าทะเล นอกจากนี้มีโครงกระดูกอย่างน้อย 4 โครงที่มีกระดูกปลายขาของหมูวางอยู่ เป็นเครื่องเซ่น และพบเด็กทารกแรกเกิดฝังอยู่ในหม้อดินเผา 1โครง

โบราณวัตถุและหลักฐานทางโบราณคดีเท่าที่พบในขณะนี้แสดงให้เห็นว่าบริเวณบ้านโป่งมะนาว เคยเป็นชุมชนและสุสานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยอาจแบ่งได้เป็น 2 สมัย ได้แก่ สมัยที่ 1 มีอายุเริ่มต้นราว 3,000-3,500 ปีมาแล้ว และสมัยที่ 2 อาจมีอายุราว 2,300-2,500 ปี

______________________________________________________________________________

แหล่งโบราณคดีบ้านโป่งมะนาว จัดเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญ ที่มติชนอคาเดมีชวนท่านย้อนเวลากลับไปยุคก่อนประวัติศาสตร์ ตามเส้นทาง ลพบุรี เพชรบูรณ์ นครราชสีมา ถิ่นฐานของชาวบ้านยุคโบราณที่ยังหลงเหลือร่องรอยให้เห็นเด่นชัด กับ ทัวร์ ปริศนา“ศรีจนาศะ”รัฐโบราณที่ถูกลืม

ทริปนี้เดินทางไปกับ รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ หัวหน้าภาควิชาภาษาเขมร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ที่จะมาให้ข้อมูล ความรู้ เรื่องราวการตั้งถิ่นฐานและวัฒนธรรมของชุมชนในครั้งโบราณกาล

เดินทางวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 17-18 พฤศจิกายน 2561

ราคา 5,900 บาท

คลิกอ่านโปรแกรมเดินทาง>>>> https://bit.ly/2yeNHIa

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ ที่มติชนอคาเดมี >>>ทางไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40matichonacademy

หรือ inbox เฟซบุ๊กเพจมติชนอคาเดมี

Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

ดีงาม ! ชวนหนุ่มสาวออฟฟิศมาบำรุงสายตาด้วยเมนูแกงจืดตำลึงหมูสับ กินตอนร้อน ๆ ยิ่งอร่อย
เมนูต้มจืด โดยเฉพาะต้มจืดตำลึง มีสรรพคุณบำรุงสายตา ใครสนใจอยากกินเหมือนกัน วันนี้เราขอนำเสนอวิธีทำแกงจืดตำลึง เพิ่มความอร่อยด้วยหมูสับ กลิ่นหอมจากกระเทียมเจียว ทำง่าย ๆ มาลงมือทำกันเลยจ้า

วัตถุดิบ
– ตำลึง
– เนื้อหมูบด
– พริกไทยป่น
– ซีอิ๊วขาว
– ผงปรุงรส
– กระเทียม
– รากผักชี
– น้ำเปล่า

วิธีการทำ
– ก่อนอื่นนำเนื้อหมูมาหมักกับผงปรุงรสทิ้งไว้ก่อน
– มาทำส่วนน้ำซุปนำหม้อตั้งไฟใส่น้ำเปล่า, รากผักชี, กระเทียม ต้มให้เดือด
– ปรุงรสด้วยผงปรุงรส, พริกไทยป่น, ซีอิ๊วขาว ต้มให้เดือดอีกครั้ง
– พอได้ตัวแป้งแล้วใส่เนยที่ละลายไว้แล้วคนให้เข้ากันอีกที
– นำเนื้อหมูที่หมักไว้มาปั้นเป็นก้อน ใส่ลงในน้ำซุปที่ต้มไว้ รอเดือดอีกครั้งเป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟ

"ต้มจืดตำลึง" เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี

Happy Dish: "ต้มจืดตำลึง" เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดีMatichon Academy – ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน #happydish

โพสต์โดย Khaosod – ข่าวสด เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2018

สนใจเรียนทำอาหาร
ดูได้ที่ www.matichonacademy.com
หรือดูตารางเรียนประจำเดือนได้ที่นี่ >ตารางเรียน

หรือติดตามอัพเดทเรื่องราวอาหารและไลฟ์สไตล์สนุกๆได้ที่
Facebook : MatichonAcademy

วันนี้แอดมินอาสาพาส่อง 4 คอร์สอาหารชวนน้ำลายสอของมติชนอคาเดมี พบว่าคนสนใจมาเรียนคึกคัก เรียกว่าเรียนกันไม่มีเบื่อ ทั้งอร่อย ทั้งสนุก

เมนูแรก ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย สูตรไม่ใส่ผงชูรส การหมัก-ย่างหมูแดงอย่างง่าย เพิ่ม!เกี๊ยวหมูทอด สอนโดย อ.หัสนัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล คลาสนี้ความหอมของหมูแดงย่างและน้ำซุปชวนให้อยากลิ้มลอง เรียกน้ำย่อยได้ชะงัดนัก โดยผู้เรียนได้ซักถามอาจารย์อย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองด้วย

เมนูที่2 โจ๊กฮ่องกง และต้มเลือดหมู สูตรเด็ดจากเจ๊ดา สอนโดย อ.สุจรรย์จิรา วัฒนเจริญชัย เป็นอีกคลาสที่มีคนสนใจเรียนแน่น อาจารย์สอนอย่างละเอียดทั้งเคล็ดลับการหมักหมู การต้มเครื่องใน การทำน้ำซุปให้มีรสหวาน ซดคล่องคอ

เมนูที่3 ขาหมูเมืองทอง สูตรใส่โอวัลติน พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด  สอนโดย อ.อดุลยโรจน์ อังสนันท์สุข ที่ทำให้คนเรียนติดใจในสูตรเด็ดขาหมูเปื่อยนุ่ม ขับรสหวานของเนื้อหมูออกมามัดใจได้อยู่หมัด

 

เมนูที่4 สุดยอดน้ำแกง 2 แกงเลียง แกงเผ็ด แกงพะแนง แกงเขียวหวาน ต้มยำ สอนโดย ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม ครัวอคาเดมีคลาสนี้ บอกเลยว่าหอมกลิ่นเครื่องแกงโชยออกไป3บ้าน8บ้านตามที่คนโบราณว่าไว้จริงๆ น้ำแกงแต่ละชนิดเรียกว่าสัดส่วนลงตัวเป๊ะ สามารถทำขายหรือรับจัดงานเลี้ยงได้เลย

หากใครได้ลัดเลาะถึงเมืองเพชรบุรี ขึ้นชื่อเมืองเก่าแก่ ที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของไทยในกลุ่มหัวเมืองฝ่ายตะวันตก ปัจจุบันมีวัดเก่าแก่และบ้านเรือนทรงไทยจำนวนมาก

หนึ่งในวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาที่ขึ้นชื่อเรื่องความวิจิตรงดงาม คือ วัดกุฏิบางเค็ม เป็นวัดที่แนะนำให้แวะทัศนา โบสถ์ของวัดแห่งนี้ใครได้เห็น ได้ชม เป็นต้องตะลึงพรึงเพริด ด้วยความวิเศษอุกฤษฏ์ของวัดกุฏิอยู่ที่ฝาไม้สักแกะสลักทั้งหลังเป็นเรื่องทศชาติชาดก อีกทั้งยังมีเรื่องราวจากวรรณกรรมจีนชื่อดังอย่าง ‘ไซอิ๋ว’ แห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย

โครงสร้างของโบสถ์วัดกุฏิบางเค็ม เป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ ยาว 7 ห้อง กว้าง 3 ห้อง(เฉพาะส่วนที่กั้นฝา) มีมุขลดยื่นออกไปทางด้านหน้าและหลังอีกด้านละ 1 ห้อง แล้วทำเป็นพาไลโดยรอบอีก 1 ห้อง

ภายในโบสถ์ไม่มีเสา อาคารหลังนี้จึงนับเสาใหญ่ได้ 56 ต้น เสาเล็ก (ด้านขื่อทั้งสอง) 4 ต้น รวม 60 ต้น  เสาแถวนอกสุดโดยรอบ(32ต้น) เป็นเสาแปดเหลี่ยม นอกนั้นเป็นเสาสี่เหลี่ยมทั้งสิ้น

ส่วนหลังคาเมื่อมองด้านข้างจะเห็นเป็นหลังคา4ชั้น (รวมทั้งหลังคาพาไล) ทางด้านหน้าและหลังจะเห็นมุขลดยื่นและพาไลต่อหลังคาปีกนกลงมา มีเสาคู่กลางทะลุหลังคาพาไลขึ้นไปรับมุขทั้งหน้าและหลัง จึงเป็นแบบอย่างงานช่างที่ไม่มีโบสถ์แห่งใดในเพชรบุรีเหมือน

หน้าบันทั้ง 2 ด้านเป็นลายสลักไม้ทั้งหมด ด้านหน้าเป็นลายเหรียญเงินตรามงกุฎสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีภาพป่าประกอบจนเต็มทั้งกรอบจั่ว (การใช้ลายป่าประดับ เช่นนี้ก็ไม่พบเห็นที่หน้าบันโบสถ์วัดอื่นๆ) ส่วนด้านหลังแกะเป็นลายเหรียญเงินตราแผ่นดินครั้งรัชกาลที่5 มีลายกนกเปลวประกอบ

นอกจากนี้ ความงดงามสะดุดตาของโบสถ์ เมื่อพินิจที่ฝาไม้แกะสลักทั้งหลัง รวม20แผง ทุกแผงล้วนเด่นสะดุดตา อาทิ 1.แผงทางขวา ท่อนล่าง มีช่องประตู บางประตูทั้ง2แกะเป็นลายกนกกอดเกี่ยวสอดสลับกันเป็น3ชั้น ลายจึงลึกเข้าไปในเนื้อไม้ประมาณ6นิ้ว ฐานลายเป็นเขามอ มีสัตว์ คือ เลียงผา เสือ กระต่ายอาศัยอยู่ มีกระรอก ลิง ไต่อยู่ตามก้านลาย บางที่มีนกฮูก นกเค้าแมวเกาะ กลางบานแกะเป็นภาพจับยักษ์กับลิง หลังลายยังมีภาพลิงนั่งจับเจ่าซ่อนอยู่ นับเป็นการแกะสลักกลายที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

สองข้างช่องประตู แกะเป็นทหารแขกอาสายืนถือตะบอง สองข้างซุ้มแกะเป็นค้างคาวกำลังบินข้างตัว มีทหารยืนถืออาวุธ (หอกสามง่าม) อยู่สองข้าง เหนือขึ้นไปแกะเป็นภาพทศชาติ เรื่องภูริทัต ตอนปราบงู

2.แผงกลาง แผงนี้ไม่มีช่องประตู ท่อนล่าง แกะเป็นทศชาติเรื่องพระมโหสถ เป็นภาพที่เรียกว่าศึกจุลนี แกะเป็นขุนพลทรงช้างศึกมาประชิดเมือง พระมโหสถกำลังยืนบนป้อม ข้างกำแพงเมืองมีไม้ต้น ไม้ดอก และดอกไม้ร่วมประดับ

ท่อนบน เป็นเมืองเนมิราช มีเทวดาอยู่บนสวรรค์ 2 องค์ มีดวงดาราลอยเด่นอยู่ตรงกลาง ใต้ลงมามีภาพพระราชาทรงรถเทียมม้าไปในหมู่เมฆ คงเป็นภาพตอนไปสวรรค์

3.แผงซ้าย ท่อนล่าง มีช่องประตู บานประตูแกะเป็นลายเครือเถา มีดอกไม้ ใบไม้ (ม้วนใบ)ประดับอยู่ในท้องลาย มีภาพจับมนุษย์กับยักษ์บางละ2คู่ ฐานลายมีภาพสัตว์ คือ เสือ กระต่าย กระรอก นกฮูก หลังลายมีภาพตลกๆซ่อนอยู่ สองข้างช่องประตูแกะเป็นทหาร แต่งกายเต็มยศถือปืนยืนอยู่ข้างละคน สองข้างซุ้มประตูแกะเป็นภาพค้างคาวบินและทหารถือหอกสามง่ามเช่นเดียวกับแผงที่1

ท่อนบน แกะเป็นภาพทศชาติ เรื่องสุวรรณสาม ตอนปิลยักข์แผลงศร มีภาพต้นไม้ใหญ่เป็นฉากหลัง

นอกจากนี้ มีแผง12 ที่มีความน่าสนใจ เป็นแผงทึบ ไม่มีช่องประตูหน้าต่าง แกะเป็นเรื่องพระถังซำจั๋งทั้ง 2 ท่อน ท่อนล่าง เป็นภาพพระถังซำจั๋งยืนอยู่ท่ามกลางตือโป๊ยก่ายกับซัวเจ่ง ยืนอยู่ข้างหน้า ซุนหงอคงอยู่อีกข้าง ทั้งสามถืออาวุธประจำตัว สองข้างคนทั้งสี่มีไม้เมืองหนาว ต้นทางขวามีใบกลม ก้านหนึ่ง3ใบ ต้นซ้ายไม่มีใบมีแต่ดอกสะพรั่ง

ท่อนบน แกะเป็นรูปพระถังซำจั๋งนั่งแท่น มีผู้นำดอกไม้มาถวายอยู่สองข้าง ภาพประกอบต้นไม้ มีลิงไต่ ทางขวามีภาพภูเขา จารึกไว้

เป็นแค่ตัวอย่างฝาไม้แกะสลักสุดวิจิตร 4 แผง จาก20 แผง ที่ต้องหาโอกาสไปยลให้เห็นกับตาสักครั้ง!!

ขอบคุณภาพและเนื้อหา จากหนังสือภูมิล้อมเพชรฯ 80ปี อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว

______________________________________________________________________________

มติชนอคาเดมี ชวนร่วมทริป “ทัวร์ ทัศนา ‘วัด-วัง’ เมืองเพชร ฟังเกร็ดเรื่องเล่า ‘สองแผ่นดิน’ จ.เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์” ไปกับนักประวัติศาสตร์จากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร อย่าง “ดร.พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์”

เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี หมู่พระราชวังบนขุนเขาแห่งเมืองเพชรบุรี, วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร วัดสำคัญที่รัชกาลที่ 4 เคยเสด็จมาพักอยู่เมื่อครองเพศบรรพชิต และโปรดฯ ให้ทรงบูรณะซ่อมแซมเมื่อครั้งให้สร้างพระนครคีรี, ถ้ำเขาหลวง ตั้งอยู่บนเขาหลวง เป็นสถานที่ที่รู้จักผ่านวรรณคดีสำคัญ เช่น นิราศเมืองเพชร ของสุนทรภู่ และนิราศเขาหลวง,

วัดห้วยมงคล ที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก, เจดีย์ทุ่งเศรษฐี โบราณสถานสำคัญซึ่งตั้งอยู่ติดเขานางพันธุรัต , พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน เป็นพระราชวังที่ประทับฤดูฝนของรัชกาลที่ 5

รวมถึง วัดกุฏิบางเค็ม วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่มีโบสถ์ไม้สักแกะสลักทั้งหลังเป็นเรื่องทศชาติชาดก

เดินทางวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 18-19 สิงหาคม 2561

ราคา 5,800 บาท

คลิกอ่านโปรแกรมทัวร์ :

https://www.matichonacademy.com/tour/article_17782

สนใจติดต่อ มติชนอคาเดมี

Inbox : Facebook Matichon Academy

Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

line : @matichonacademy

หนึ่งในเทรนด์อาหารเช้า ปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ยังติดโผ เป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัย อย่างปาท่องโก๋ร้านเพชรบุรี 42 สูตรฮ่องกง ร้านนี้มีที่มาน่าสนใจ เพราะศึกษาสูตรจากหนังสือใส่ฝีมือลงไปจนได้สูตรปาท่องโก๋แสนอร่อยขายได้ แถมมียอดขายเฉลี่ย 2-3 หมื่นบาทต่องานเลยทีเดียว

ลุงชวน วัย 61 ปี เจ้าของร้านเล่าว่า ยึดอาชีพมาขายปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้มาตั้งแต่ปี 2527 แถวปากซอย 42 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพราะมีเพื่อนที่มาจากจังหวัดเดียวกันทำขายอยู่แถวตลาดคลองเตย ในตอนแรกลุงชวนไม่ได้คิดจะขายปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ แต่เห็นเพื่อนขายแล้วรายได้ดีแบบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนจากอีสานมาทำงานในกรุงเทพฯ ลุงเลยเริ่มสนใจ เริ่มถามคนรู้จักที่ค้าขายส่วนใหญ่บอกว่าดี ได้เงินทุกวันจะมากน้อยก็ยังได้

อาศัยเรียนสูตรกับเพื่อน มาเป็นลูกมือ มาเรียนสูตร เพื่อนก็ช่วยสอนให้ อยู่ร่วม 2 เดือนจนทำเป็น

จากปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ ณ ตอนนั้น ขยับขยายมาอีกก้าว สู่ปาท่องโก๋ร้านเพชรบุรี 42 สูตรฮ่องกง ที่ทำขายในปัจจุบัน เพราะลุงชวนรู้สึกว่าสินค้าที่ขายอยู่ยังสามารถปรับสูตรให้ดีกว่านี้ได้ ตอนนั้นเองที่ลุงชวนเริ่มศึกษาสูตรปาท่องโก๋จากหนังสือ

“ลุงใช้สูตรจากหนังสือครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งเป็นสูตรที่พลิกแพลงด้วยฝีมือของลุงเอง ทุกวันนี้ลุงยังปรับสูตรอยู่นะ ลูกค้าอาจไม่รู้ ที่ปรับทุกวันเพราะอยากให้กินได้หลายวัน และยังคงรสชาติที่อร่อยอยู่” ลุงชวน ว่าอย่างนั้น

ก่อนเล่าต่อถึงปาท่องโก๋สูตรฮ่องกง จะออกขายตามงานแสดงสินค้าเป็นหลัก รวมถึงรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ มีทีมสำหรับออกงาน 2 ทีม บางครั้งให้ลูกชายเป็นคนขาย บางครั้งให้ลูกน้องออกขายแล้วแต่งาน สำหรับปาท่องโก๋ร้านลุงชวนจะเป็นเกลียวชิ้นใหญ่ สูตรกรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับเครื่องจิ้ม 4 สูตรคือ สังขยาใบเตย สังขยาชาไทย เนย&นม นมข้นหวาน แต่ละรสเป็นสูตรที่ลุงชวนศึกษาจากหนังสือ แล้วปรุงแต่งให้มีกลิ่นอายของรสมือคุณลุงอีกที

“เวลาลูกค้ามาซื้อหน้าร้านลุงจะแนะให้ชิมทุกสูตร แต่ที่ขายดีต่อเนื่องเป็นสูตรนม&เนย อย่างไปขายในห้าง ลูกค้าบางคนมาซื้อช่วงเช้า ช่วงบ่ายยังกลับมาซื้อใหม่ บางคนซื้อครั้งละ 5-6 กล่องเลยนะ ลุงจะเก็บเป็นข้อมูลแล้วนำไปปรับสูตรอีก”

ขายราคากล่องละ 60 บาท ปาท่องโก๋ 3 ตัว เครื่องจิ้ม 1 ถ้วย หากอยากได้รสชาติเพิ่มขายถ้วยละ 20 บาท ส่วนรายได้ต่อเดือน ลุงชวน บอกว่า เรื่องรายได้ถามเป็นเดือนตอบยาก เพราะเวลาออกบู๊ธเหมือนการเสี่ยงโชค แต่ละครั้งขายได้ไม่เท่ากัน

“บางงานขายดีมาก บางงานก็ขายไม่ดีเลย ถึงขั้นเสมอตัว ขาดทุนก็เจอมาแล้ว แต่โดยเฉลี่ยแล้วรายได้อยู่ที่ 2-3 หมื่นบาทต่องาน”

อ่านแล้วสนใจอยากลองชิม สามารถโทรศัพท์ไปสอบถามได้ที่เบอร์ 089-200-6967 / 085-362-8992

 


ที่มา เส้นทางเศรษฐี
โดย กนกพร หมีทอง

ภูมิปัญญาชาวบ้านใช้เศษไม้ไผ่เหลือใช้ ประดิษฐ์เป็นถ้วยใส่กาแฟร้อนเย็น รวมทั้งทำเป็นแก้วน้ำดื่ม ลดการใช้แก้วพลาสติก พร้อมช่วยลดขยะตกค้างย่อยสลายยาก จนกลายเป็นปัญหาในการกำจัดอยู่ในขณะนี้

ตำบลบุ่งหวาย อําเภอวารินชําราบ จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นแหล่งผลิตเฟอร์นิเจอร์จากไม้ไผ่ โดยชาวบ้านในตำบลนี้คุ้นเคยกับการนำไม้ไผ่มาผลิตเฟอร์นิเจอร์ ทั้งโต๊ะกินข้าว เก้าอี้ไม้ไผ่ แคร่ไม้ไผ่ใช้นอน จนเป็นที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักของผู้ต้องการได้เฟอร์นิเจอร์จากไม้ไผ่ในจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงมาสั่งซื้อไปใช้มานานหลายสิบปี

ทำให้แต่ละปี มีเศษไม้ไผ่ที่ถูกนำไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์จำหน่ายถูกทิ้ง และนำไปทำเป็นถ่านจากไม้ไผ่ แต่เนื่องจากเนื้อไม้ของไม้ไผ่มีความเปราะบาง เนื้อไม่แน่นเท่ากับไม้ชนิดที่นำไปทำเป็นถ่าน ถ่านไม้ไผ่จึงไม่เป็นที่นิยมของตลาดเท่าไรนัก

กระทั่ง คุณไพร ดาวประสงค์ อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านวังยางนอก ตำบลบุ่งหวาย คิดนำเอาเศษไม้ไผ่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถูกผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ทิ้งมาสร้างมูลค่า โดยประดิษฐ์เป็นถ้วยกาแฟร้อน-เย็น รวมทั้งแก้วน้ำใช้ดื่ม แทนการใช้แก้วพลาสติก หรือแก้วกระเบื้องที่มีราคาแพงขึ้นทุกวัน เพราะราคาถ้วยกาแฟจากไม้ไผ่ที่มีขนาดใหญ่มีราคาเพียงแก้วละ 20 บาทเท่านั้น

คุณไพร เล่าว่า จากที่เห็นเศษไม้ไผ่ที่ถูกตัด เพื่อนำเอาบางส่วนไปใช้ผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์แล้ว ทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ เมื่อมีจำนวนมากขึ้น เจ้าของก็นำเศษไม้ไผ่ไปเผาทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ และบางรายก็เอาไปเผาทำเป็นถ่านเชื้อเพลิง แต่ก็ไม่ได้รับความนิยม เพราะเนื้อไม้ไผ่ให้ความร้อนได้ไม่ดี สู้ถ่านที่ทำจากไม้เนื้อแข็งอื่นๆ ไม่ได้

รวมทั้งขณะนี้ อำเภอมีการรณรงค์ลดการใช้แก้วพลาสติก กล่องโฟม ซึ่งเป็นวัสดุย่อยสลายยากเป็นปัญหาด้านการทำลายทิ้งหลังการใช้งานแล้ว จนมีขยะตกค้างเหลือจากการใช้งานจำนวนมากขึ้นทุกวัน

จึงไปขอเอาเศษไม้ไผ่ที่เหลือจากการใช้ประโยชน์นำมาทดลองประดิษฐ์เป็นแก้วกินน้ำ เป็นถ้วยกาแฟ เหมือนคนในอดีตนำมาใช้ประโยชน์ โดยไม้ไผ่ที่นำมาใช้ประดิษฐ์ต้องมีอายุระหว่าง 1-3 ปี เพราะเริ่มแก่ได้ที่ มีความแข็งแรงทนทานในการใช้งานได้ดี

โดยนำเศษไม้ไผ่มาตัดให้สูงจากปล้องประมาณ 3-4 นิ้ว แล้วนำมาลบคมของไม้ไผ่บริเวณปากแก้วใช้ดื่ม แต่งบริเวณฐานของตัวแก้วให้มีความมั่นคงในการใช้งาน กรีดเนื้อไม้ด้านข้าง ทำเป็นหูจับแก้ว แต่ขณะนี้ ยังไม่มีการทำลวดลายลงบนเนื้อแก้ว เพราะอยู่ระหว่างการศึกษาการทำลวดลาย เพื่อเพิ่มความสวยงามให้แก้วจากไม้ไผ่ได้รับความนิยม โดยราคาขายปัจจุบันคือ แก้วละ 20 บาท

คุณไพร เล่าต่อว่า นอกจากทำแก้วน้ำ ถ้วยใส่กาแฟแล้ว ยังนำเศษกะลามะพร้าว ซึ่งชาวบ้านนำเนื้อไปคั้นเป็นน้ำกะทิ หรือขายเป็นน้ำมะพร้าว มาประดิษฐ์เป็นแก้วใส่น้ำ โดยมีการขัดเปลือกกะลามะพร้าวให้ดูสวยงาม แต่สำหรับแก้วจากไม้ไผ่ ซึ่งเพิ่งเริ่มทำมาได้ประมาณ 1 ปี ขณะนี้ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอและองค์การบริหารส่วนตำบลบุ่งหวาย เพื่อสร้างลวดลายให้น่าใช้งานยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีกำลังผลิตแก้วไม้ไผ่ได้วันละ 50 ใบ ซึ่งนำไปวางขายตามร้านจำหน่ายเครื่องเฟอร์นิเจอร์ริมถนนวารินชำราบ-กันทรารมย์

อนาคตจะนำไปวางจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอ เพื่อให้เป็นสินค้าของฝากจากกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโอท็อปด้วย

ด้าน คุณฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์ นายอำเภอวารินชำราบ ซึ่งเดินทางมาดูการผลิตแก้วน้ำ ถ้วยใส่กาแฟของคุณไพร กล่าวว่า อำเภอวารินชำราบ ได้ร่วมกับหน่วยงานด้านพัฒนาชุมชนทำการต่อยอดพัฒนาคุณภาพแก้วไม้ไผ่เพื่อเพิ่มลวดลายให้มีความสวยงาม มีความประณีต พร้อมหาตลาดวางจำหน่ายสินค้าของคุณไพร เนื่องจากเป็นสินค้าย้อนยุค เป็นการนำวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติมาสร้างมูลค่า เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้มีแก้วน้ำที่คนรุ่นก่อนเคยนำมาใช้ จะได้ทราบวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของอดีตสู่ปัจจุบัน

สำหรับผู้ที่สนใจนำผลิตภัณฑ์แก้วกาแฟไม้ไผ่ไปจำหน่าย หรือต้องการทราบกระบวนการประดิษฐ์แก้วไม้ไผ่ ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณไพร ดาวประสงค์ ผู้ใหญ่บ้านวังยางนอก ตำบลบุ่งหวาย โทร. (086) 041-1299 ยินดีให้คำปรึกษา เพื่อช่วยกันลดการใช้พลาสติก หันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติ ช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ด้วย

 


ที่มา เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์
โดย พงษ์สันต์ เตชะเสน

แอบส่องคลาสเรียนหลักสูตรบะหมี่หัวโต ตลาดศรีย่าน ของมติชนอคาเดมี วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม 2561 มีผู้สนใจเรียนจำนวนมาก หนึ่งในนั้นจัดเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาในวงการบันเทิง ไม่ใช่ใครที่ไหน ‘บอย’ พีรพล จันทรากาศ นักแสดงช่อง3 และอดีตนักร้องค่ายคีตาเร็คคอร์ด ปัจจุบันผันตัวไปอยู่เบื้องหลัง เป็นผู้ช่วยผู้กำกับละคร ผลงานเรื่องล่าสุดที่เพิ่งจบไป คือ เรื่องทานตะวันจันทร์วาด ทางช่อง ONE

‘บอย พีรพล’ เผยว่า สนใจมาเรียนคลาสบะหมี่หัวโต เพราะปกติเป็นคนชอบกินอาหารจานเดียว และชอบทำอาหารอยู่แล้วด้วย ชอบข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู แต่สิ่งที่เรายังไม่รู้คือการทำเส้นบะหมี่ และร้านบะหมี่หัวโตเป็นร้านดัง เราเคยกิน เป็นแฟนที่ร้านมานานแล้ว ปกติร้านดังๆเวลาสอนสูตรอาหารค่าเรียนไม่ใช่ถูกๆ แต่พอมาอยู่ในสถาบันสอนทำอาหารอย่างมติชนอคาเดมี มาเรียนหลายคน เลยทำให้ค่าเรียนถูกลง เราเลยมาเรียนดู ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาเรียนที่นี่

“เคยเห็นโฆษณาโปรโมทสอนคอร์สทำอาหารของมติชนอคาเดมีมานาน สมัยก่อนเห็นจากหนังสือพิมพ์ มาตอนหลังเห็นจากเฟซบุ๊ก เลยเข้าไปดู แล้วเห็นว่าสอนทำบะหมี่หัวโต เลยโทรศัพท์มาสอบถาม ปกติเราสนใจร้านนี้อยู่แล้ว มาเรียนวันนี้กลับไปขั้นต้นจะทำทานเอง ทำแจกเพื่อนๆเพราะเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว ส่วนเส้นบะหมี่ถ้าเราทำได้อร่อย มาทำขายก็น่าจะดี เพราะทั่วไปที่ขายในตลาดยังไม่มีแบรนด์เด่นชัดเท่าไหร่ เราเลยมีความรู้สึกว่า ถ้าสามารถทำให้อร่อยได้ เราก็ทำเป็นอาชีพได้”บอย พีรพล เผย

‘บอย พีรพล’ บอกด้วยว่า นอกจากคอร์สบะหมี่หัวโตแล้ว ยังสนใจคอร์สการทำลูกชิ้นปลา อยากมาดูอะไรที่ทำยากๆ ที่เราทำเองไม่เป็น และไส้กรอกเยอรมันที่เล็งๆอยู่เหมือนกัน