วันที่ 1 มิถุนายน รัฐบาลเริ่มผ่อนปรนมาตรการระยะ 3 ให้กิจการ/กิจกรรม หลายประเภทเปิดดำเนินการได้ รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัดที่ผ่อนคลายมากขึ้น และชายหาดที่ให้ประชาชนเข้าไปพักผ่อนได้

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกันนักท่องเที่ยวที่แห่กันไปเต็มชายหาด เพราะเสี่ยงที่โควิด-19 จะแพ่ระบาด

ลองไปดูว่าชายหาดยอดฮิตของเมืองไทย หลังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการได้ มีมาตรการอย่างไรบ้างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ชายหาดบางแสน” สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ จ.ชลบุรี ที่ต้องปิดนานกว่า 2 เดือนเศษ เพื่อป้องกันแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มทดลองเปิดชายหาดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน

แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวแห่กันไปเที่ยวจนแน่นหาด และถนนชายหาดบางแสนเต็มไปรถต่างๆ

ณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จึงประสานงานกับตำรวจ สภ.แสนสุข สั่งปิดถนนบริเวณชายหาดทันที โดยให้ไปใช้เส้นทางบางแสนสาย 2 แทน ทำให้นักท่องเที่ยวบางคนเสียความรู้สึก เพราะตั้งใจมาพักผ่อน แต่ต้องเดินทางกลับด้วยความผิดหวัง

จากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ตำรวจ สภ.แสนสุข และตัวแทนจากสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ร่วมหารือเร่งหามาตรการก่อนเปิดชายหาดบางแสนอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มิถุนายน

“ณรงค์ชัย” เผยว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่มีนักท่องเที่ยวแห่มาเที่ยวชายหาดบางแสนกันมากมาย จึงประชุมหามาตรการป้องกันคือ เมื่อรถเข้ามาเต็มชายหาดแล้ว ให้ปิดถนนชายหาดบางแสน ไม่ใช่ปิดชายหาด โดยให้ไปใช้ถนนบางแสนสาย 2 แทน แล้วให้เดินลงชายหาดบางแสน เป็นการลดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อให้รักษาระยะห่างได้ ซึ่งชายหาดบางแสนสามารถรองรับคนได้ประมาณ 20,000 คน

“ส่วนมาตรการป้องกันโควิด ทางเทศบาลเมืองแสนสุขจัดให้มีจุดคัดกรอง 14 จุด และต้องเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีช่องทางจำนวนมากที่จะเข้าสู่ชายหาดบางแสน และยังเพิ่มมาตรการก่อนเข้าไปนั่งเตียงผ้าใบให้วัดอุณหภูมิอีกครั้งหนึ่ง พร้อมลงชื่อ และเวลาเข้า-ออก หากนักท่องเที่ยวไม่สวมหน้ากากอนามัย จะไม่ให้เข้าชายหาด รวมทั้งกำชับให้ร้านค้าทำความสะอาดร้านค้าด้วย นอกจากนี้ เน้นย้ำห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่ม หากพบจะจับกุมทันที รวมทั้งการสูบบุหรี่บริเวณชายหาดด้วย” นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุขตอกย้ำ

ส่วนชายหาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจนวิทย์ ผลิศักดิ์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอหัวหิน ให้ข้อมูลว่า ชายหาดหัวหินด้านหน้าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ต้องเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ โดยฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเทศกิจเทศบาลเมืองหัวหิน ลงพื้นที่ให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวว่าต้องสวมหน้ากาก ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งจัดระเบียบร้านนวดชายหาด และผู้ประกอบการอื่นๆ ให้เข้มงวดกับมาตรการป้องกันโควิด-19

หลังหารือร่วมกับ นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน จึงกำหนดมาตรการร่วมกันเพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยว ที่จะลงไปพักผ่อนตากอากาศหรือลงเล่นน้ำทะเลที่ชายหาดหัวหิน ด้านหน้าโรงแรมเซ็นทาราฯ

“ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนเป็นต้นไป ผู้ประกอบการร้านค้าชายหาด ผู้ให้บริการม้าชายหาด รวมทั้งนักท่องเที่ยวทุกรายต้องลงทะเบียนแจ้งชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่จุดคัดกรอง จากนั้นตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และต้องสวมแมสก์ขณะเดินบนชายหาด โดยมีเจ้าหน้าที่เทศกิจคอยตักเตือนอย่างเข้มงวด พร้อมปิดป้ายประกาศแนวทางการปฏิบัติ” เจนวิทย์ระบุ

ที่ จ.ภูเก็ต ภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าฯภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ออกคำสั่งให้เปิดชายหาดทุกแห่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค อาทิ ให้ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการจัดกิจกรรมและให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน

ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ลูกจ้าง ผู้ใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ให้เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น พร้อมให้คำแนะนำสื่อประชาสัมพันธ์เสียงตามสายแก่นักท่องเที่ยวทราบขั้นตอนวิธีการปฏิบัติตน ขณะใช้บริการ และมีมาตรการติดตามข้อมูลของผู้ที่มาใช้บริการลงทะเบียนเข้าออกสถานที่

สำหรับนักท่องเที่ยว ให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่บริเวณชายหาด ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าและออกจากสถานที่ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร ทั้งบนบกและในน้ำ และลดการตะโกนระหว่างเล่นน้ำ

น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ระบุว่า ช่วงที่ประกาศปิดชายหาดหาดป่าตอง ทางเทศบาลเมืองป่าตองได้ประชุมกับผู้ประกอบการชายหาดทุกอาชีพ ทั้งผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาด นวด เจ็ตสกี พาราเซลลิ่ง ฯลฯ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนล่วงหน้า เพื่อเตรียมการเปิดหาด โดยทำความเข้าใจร่วมกันในมาตรการต่างๆ ของทางจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุข จนเป็นที่เข้าใจเป็นอย่างดี และทุกฝ่ายพร้อมใจดำเนินมาตรการอย่างเคร่งครัด

หาดป่าตอง ในขณะนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา มีเพียงนักท่องเที่ยวที่สมัครใจอยู่ต่อแค่บางส่วน รวมถึงประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ ประกอบกับขณะนี้เป็นช่วงมรสุม มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับคลื่นลมแรง ดังนั้น ถึงแม้จะเปิดชายหาดก็ไม่มีนักท่องเที่ยวหรือประชาชนออกมารวมตัวจำนวนมากเหมือนชายหาดในจังหวัดอื่นๆ จะมีเพียงคนบางส่วนที่คิดถึงชายหาดขับรถแวะเวียนมาดู มาถ่ายภาพ หรือทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้หายเหงาก่อนเดินทางกลับ

ช่วงที่ปิดชายหาด ทางเทศบาลได้วางมาตรการ สำหรับเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ในการสอดส่งดูแล คอยตักเตือนเรื่องการรักษาระยะห่าง ขณะที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวก็ทราบดีว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมาพื้นที่ป่าตองเป็นพื้นที่สีแดงในการแพร่ระบาด

ส่วนที่นายกฯมีความห่วงใยและสั่งการให้จัดโซนกิจกรรมบนชายหาด เช่น โซนร้านค้า โซนจำหน่ายอาหาร โซนเล่นน้ำ เพื่อเว้นระยะห่างลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดนั้น ที่ผ่านมาพื้นที่หาดป่าตองและหาดต่างๆ ในภูเก็ต จัดระเบียบชายหาดตามคำสั่ง คสช.และคำสั่งจังหวัดภูเก็ตอยู่แล้ว โดยกำหนดโซนร่มเตียงชายหาด โซนหมอนวด อย่างชัดเจน ส่วนร้านขายของบนชายหาดไม่มี มีเพียงแม่ค้าหิ้วกระติกซึ่งปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด

“ส่วนการกำหนดจุดเล่นน้ำนั้น ขณะนี้อยู่ในช่วงมรสุม ทางเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดต้องปักธงแดงห้ามลงเล่นน้ำ หากคลื่นลมสงบ ก็ต้องพิจารณากำหนดโซนให้ชัดเจนต่อไป” นายกเทศมนตรีเมืองป่าตองระบุ

เป็นแนวปฏิบัติบางส่วนของชายหาดยอดฮิตเมืองไทย เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยว เข้าใช้บริการพักผ่อนหย่อนใจอีกครั้ง ที่ปลอดภัยจากเชื้อโควิด

ที่มา : มติชนออนไลน์

จ่อคลายล็อก ต่างชาติคัมแบ็กเที่ยวไทย เตรียมเริ่มก.ค.-ก.ย. ช่วงไตรมาส 3-4 คลังออกแผนกระตุ้น หวังเม็ดเงินท่องเที่ยวหล่อเลี้ยง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลัง โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ร่วมเข้าประชุมว่า

หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการคลายล็อกดาวน์ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการฟื้นการท่องเที่ยวของไทย แต่การเปิดให้นักท่องเที่ยงเข้ามา ต้องเลือกสรรอย่างดี ประเทศที่จะจับคู่กัน ต้องปลอดจากการระบาดของโควิด-19 พอสมควร

“การให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย ไม่จำเป็นต้องเปิดให้ต่างชาติเข้าทั้งประเทศ สามารถเลือกเป็นเมือง หรือมณฑล เชื่อมโยงระหว่างคนกับพื้นที่ ต้องติดตามให้ดี มีระบบดิจิทัล ต้องค่อยๆ เปิด จะมีต่างประเทศเข้ามาเที่ยวไทยในไตรมาส 3-4”นายสมคิดกล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้การกระตุ้นการบริโภค และท่องเที่ยวสำคัญมาก เพราะโลกตอนนี้การส่งออกหวังพึ่งไม่ได้ ดังนั้นการบริโภคในประเทศ จะได้เห็นมาตรการใหม่ของคลัง กระตุ้นคนมีอำนาจซื้อไปจับจ่ายใช้สอยออกมาไตรมาส 3 บวกกับของการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศดี โรงแรมเต็มเกือบ 100% คนอยากออกไปเที่ยว การคลายล็อกของศบค.เริ่มคลาย แต่มาตรการให้คน กทม. ออกไปต่างจังหวัด ต้องมีมาตรการออกมาเพิ่ม เพื่อให้เม็ดเงินท่องเที่ยวหล่อเลี้ยงไตรมาส 3-4 ได้

มาตรการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นการบริโภค ต้องเตรียมไว้ในไตรมาส 3-4 อย่างน้อยๆ หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะผ่อนคลายและประคองเศรษฐกิจได้ถึงต้นปีหน้า การคิดต้องคิดเป็นรายไตรมาส ปีหน้าหวังส่งออกดีขึ้น ท่องเที่ยวดีขึ้น ถ้ายังไม่ดี คลังเตรียมตัวล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร มีเงินเยียวยาประชาชนได้อย่างไร คิดก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาต้องมาพูดกัน

นายสมคิด กล่าวว่า ได้ฝากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะเริ่มให้หน่วยงานส่งเรื่องเข้ามา ขอใช้เงินจากพระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนการฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท ขอให้เร่งพิจารณา แต่โครงการใดที่ไม่มีคุณภาพไม่ต้องให้ ให้แต่ที่มีคุณภาพ เงินไม่หมดไม่เป็นไร ปรับเป็นเงินเยียวยาได้ เมื่อรวมกับหน่วยงานต่าง ๆ เชื่อ ไตรมาส 3 เม็ดเงินจะลงไปหล่อเลี้ยงได้พอสมควร

เมื่อการเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก ต้องอยู่ในบ้านจนเบื่อ อาการที่หลายคนเป็นเหมือนกันคือ โหยหาการท่องเที่ยว อยากออกไปท่องโลก อยากไปดูอะไรสวย ๆ งาม ๆ แต่ด้วยความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน เราต่างก็รู้ว่าสิ่งที่โหยหากันอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้จนกว่าไวรัสตัวร้ายจะสิ้นฤทธิ์ และโรคระบาดเลิกระบาดซะก่อน

ในเมื่อออกไปไหนไม่ได้ แต่ความอยากท่องเที่ยวยังมีอยู่อย่างเปี่ยมล้นเต็มหัวใจ “ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” ขอชวนไปท่องเที่ยวแบบ virtual tour หรือท่องเที่ยวแบบเสมือนจริงผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเลต หรือสมาร์ทโฟนแก้ขัดไปก่อน ซึ่งสถานที่ที่จะชวนเที่ยวแบบ virtual tour ในครั้งนี้ เป็นพระราชวังยอดนิยมระดับโลก 5 แห่ง ที่ล้วนแต่เป็น attraction ประจำประเทศนั้น ๆ ทั้งพระราชวังวินด์เซอร์ พระราชวังแวร์ซายส์ พระราชวังแคทเธอรีน ปราสาทนอยชวานสไตน์ และพระราชวังบักกิ้งแฮม

ถึงแม้การเที่ยวแบบเสมือนจริงจะสัมผัสความสวยงามได้ไม่เท่าการไปเห็นของจริงด้วยตาตัวเอง แต่ก็พอให้เพลิดเพลินได้ในช่วงเวลาอันน่าเบื่อนี้ และยังได้เปิดมุมมองที่เราอาจจะไม่เห็นในการไปเยือนสถานที่จริงด้วย ถ้าพร้อมสนุกแล้วก็คลิกลิงก์ตามนี้เลย…

พระราชวังวินด์เซอร์ ประเทศอังกฤษ

https://www.royal.uk/virtual-tours-windsor-castle

ปราสาทวินด์เซอร์ หรือพระราชวังวินด์เซอร์ของราชวงศ์อังกฤษ เป็นปราสาทเก่าแก่อายุ 1,000 ปี อยู่คู่ราชวงศ์อังกฤษต่อเนื่องมาหลายราชวงศ์ ปัจจุบันนับว่าเป็นปราสาทเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีคนอาศัยอยู่จริง โดยทุก ๆ ปีในช่วงวันอีสเตอร์ (อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน) สมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรจะทรงแปรพระราชฐานไปประทับที่นี่ตลอดทั้งเดือน หรืออาจจะประทับในช่วงเวลาอื่น ๆ ตามพระราชประสงค์ ซึ่งถ้าหากว่าสมเด็จพระราชินีประทับอยู่ที่ปราสาท จะมีการเชิญธงประจำพระองค์ขึ้นสู่ยอดเสาธงบนหอกลมของปราสาท เป็นสัญลักษณ์ที่สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าสมเด็จพระราชินีประทับอยู่ที่นี่หรือไม่

virtual tour ของพระราชวังวินด์เซอร์ในเว็บไซต์ของราชวงศ์อังกฤษเปิดให้เข้าชมได้เพียง 3 ส่วนเท่านั้น คือ ห้องจัดเลี้ยง (State Banquet) ในเซนต์จอร์จฮอล, ห้อง Waterloo Chamber และห้อง Crimson Drawing Room แต่แค่นี้ก็พอให้เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ ความวิจิตร และความหรูหรา สมกับเป็นปราสาทของราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน

ในระหว่างทัวร์จะเห็นไอคอนตัว i ปรากฏอยู่ตามจุดสำคัญ ๆ ถ้ากดเข้าไปดูก็จะมีข้อมูลต่าง ๆ อธิบายให้เรารู้และเข้าใจว่าจุดไหนคืออะไร สำคัญอย่างไร

พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส

https://artsandculture.google.com/project/versailles

Chateau de Versailles พระราชวังหินอ่อนสีขาวที่สร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกเมื่อปี 1979 และเป็นหนึ่งในพระราชวังที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากถึงปีละประมาณ 5 ล้านคน แต่อย่างที่รู้ ๆ กัน ตอนนี้มีเงินแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าไปชมได้ บริการ virtual tour จึงพอจะเป็นตัวช่วยได้ในระหว่างนี้

บริการ virtual tour ของพระราชวังแวร์ซายส์เป็นส่วนหนึ่งในเว็บไวต์ Google Arts & Culture ของ Google ที่รวบรวมข้อมูลและบริการจากพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุชั้นนำกว่า 2,000 แห่งมานำเสนอไว้ในที่เดียว ซึ่งเฉพาะในหน้าของพระราชวังแวร์ซายส์นี้มีข้อมูลเยอะมาก ๆ จัดแยกหมวดหมู่ต่าง ๆ ไว้ชัดเจน แต่ด้วยความที่แยกย่อยมาก ๆ ก็ทำให้ดูยากไปนิด

บนหน้าเว็บตามลิงก์ที่เราให้ไป มีเนื้อหาตั้งแต่ภายนอกอาคารไปจนถึงห้องต่าง ๆ ภายใน โดยแยกเป็นส่วน ๆ อย่างละเอียด ซึ่งในแต่ละส่วนนั้นมี virtual tour กำกับอยู่ด้วยทั้งหมด โดยมีทั้งรูปแบบภาพ 3D และ street view แต่ถ้าอยากจะเข้าสู่ทัวร์ห้องต่าง ๆ ในรูปแบบ street view สามารถไปทางลัดได้โดยกด Explore ที่แถบด้านบน ก็จะเดินเข้าออกห้องนั้นเชื่อมต่อห้องนี้ได้ใกล้เคียงกับการได้ไปเดินชมอยู่ในนั้นจริง ๆ

พระราชวังแคทเธอรีน ประเทศรัสเซีย

https://artsandculture.google.com/entity/catherine-palace/m038dxx

พระราชวังสีฟ้า-ทองสไตล์ Rococo ในเมืองพุชกิ้น ประเทศรัสเซีย หนึ่งในพระราชวังโด่งดังอันดับต้น ๆ ของโลก เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์โรมานอฟ ที่พระนางเจ้าแคทเธอรีน พระมเหสีของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1717 ตอนแรกสร้างเป็นเพียงพระราชวังเล็ก ๆ แต่ต่อมาในสมัยพระราชธิดาของพระองค์โปรดให้ขยาย และมีการต่อเติมเรื่อยมาหลายครั้งจนใหญ่โตอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความหรูหรานั้นลดลงมากเมื่อเทียบกับสมัยที่รัสเซียเรืองอำนาจและราชวงศ์โรมานอฟยังร่ำรวยมั่งคั่ง ว่ากันว่าในสมัยนั้นสิ่งของและลวดลายปูนปั้นในพระราชวังทำจากทองคำแท้แทบทั้งหมด

virtual tour พระราชวังแคทเธอรีนก็เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ Google Arts & Culture แต่มีข้อมูลน้อยมาก เพียงเข้าไปหน้าเว็บตามลิงก์ก็จะเห็นหน้าเว็บสุดแสนจะเรียบง่าย มีเพียงภาพใหญ่หนึ่งภาพ และด้านล่างฝั่งซ้ายมือมีรูปกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งมีตัวไอคอนรูปคนอยู่สีเหลือง ๆ กดเข้าไปตรงนั้นก็จะได้ชมพระราชวังสีฟ้าอันสวยงาม ด้วยเทคโนโลยี street view ของ Google อีกเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังดูได้แค่ภายนอกอาคารเท่านั้น ส่วนภายในที่เต็มไปด้วยลวดลายปูนปั้นสีทองอันวิจิตรบรรจง และภาพจิตรกรรมสวย ๆ ทั้งที่ประดับประดาตามฝาผนัง และเต็มฝ้าเพดาน ยังไม่สามารถเข้าชมได้

ปราสาทนอยชวานสไตน์ ประเทศเยอรมนี

https://www.airpano.com/360photo/Neuschwanstein-Germany-Virtual-Tour/

ปราสาทนอยชวานสไตน์ตั้งยู่บนเทือกเขาแอลป์ เป็นปราสาทที่คนรู้จักมากที่สุดในโลก และเป็นต้นแบบของปราสาทดิสนีย์อันคุ้นตา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย รัฐที่มั่งคั่งร่ำรวยซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของเยอรมนี

ด้วยความสวยงามของปราสาทและทำเลที่ตั้งที่เสริมความสวยงามแก่กันและกัน ทำให้ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเยอรมณี มีนักท่องเที่ยวไปเยือนปีละประมาณ 1.4 ล้านคน

virtual tour ปราสาทนอยชวานสไตน์ สร้างสรรค์โดย Airpano นำเสนอออกมาเป็นภาพวิดีโอ 360 องศา ที่ดูสวยงาม คมชัด และสมจริงที่สุด ที่สำคัญคือเป็นภาพมุมสูงและภาพกว้าง เห็นทัศนียภาพ ความสวยงามของปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ท่ามกลางแมกไม้ในช่วงฤดูกาลต่าง ๆ และเห็นท้องทุ่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอยู่เบื้องล่าง ซึ่งภาพที่เห็นในนี้เป็นมุมมองที่เราจะไม่ได้เห็นเลยถ้าเดินทางไปด้วยตัวเอง

ภาพวิดีโอมีให้เลือกมากถึง 10 คลิป ในช่วงฤดูกาลและสภาพอากาศที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นปราสาทท่ามกลางภูเขาสีเขียว ปราสาทในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาทในม่านหมอกสีขาวโพลน และปราสาทท่ามกลางหิมะที่สวยงามและเย็นยะเยือก ซึ่งในแต่ละคลิปนั้นเราจะปล่อยวิดีโอเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ได้ มันจะพาเราหมุนวนจนครบทุกมุมมอง แต่ถ้าอยากเล่น อยากเลือกมุม ขยับองศาด้วยตัวเอง อยากซูมเข้าซูมออก ก็เลือกได้ แถมยังมีเสียงดนตรีคลาสสิกประกอบเพิ่มความหรูหราด้วย

ในส่วนการให้ข้อมูลก็มีไอคอน ? เมื่อเอาเมาส์ไปชี้ก็จะแสดงข้อมูลบอกเราว่าจุดไหนคืออะไร

พระราชวังบักกิ้งแฮม ประเทศอังกฤษ

https://www.royal.uk/virtual-tours-buckingham-palace

พระราชวังบักกิ้งแฮม หนึ่งสถานที่ยอดนิยมแห่งกรุงลอนดอน เป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชวงศ์อังกฤษมาตั้งแต่ปี 1837 และเป็นสำนักงานของสำนักพระราชวังอังกฤษด้วยในขณะเดียวกัน

ด้วยความที่เป็นที่ประทับของพระราชินีและพระราชวงศ์ในปัจจุบัน จึงไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนอย่างพระราชวังอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในหนึ่งปีจะมีการเปิดห้อง State Room ที่ใช้จัดงานอีเวนต์และงานเลี้ยงรับรองให้เข้าชมได้ในช่วงฤดูร้อน

พระราชวังบักกิ้งแฮมมีห้องพักมากถึง 775 ห้อง เป็น state room 19 ห้อง ห้องนอนของราชวงศ์และแขก 52 ห้อง ห้องนอนพนักงาน 188 ห้อง สำนักงาน 92 ห้อง และห้องน้ำ 78 ห้อง อาคารมีความกว้าง 108 เมตร ลึก 120 เมตร และสูง 24 เมตร

virtual tour พระราชวังบักกิ้งแฮมในเว็บไซต์ของราชวงศ์อังกฤษ เปิดให้ชมความงามของบันได Grand Staircase, White Drawing Room, Throne Room และ Blue Drawing Room นำเสนอเป็นภาพถ่าย 360 องศา ให้หมุนมุมมองได้ ซูมเข้า ซูมออกได้ แต่ยังเป็นแบบที่เรียบง่ายมาก เราจะเปลี่ยนตำแหน่งที่ยืนก็ยังไม่ได้ 

ยังไงก็เถอะ การได้เห็นภาพภายในพระราชวังที่ปกติไม่ได้เปิดให้เข้าชม แค่นี้ก็ถือว่าพอใช้ได้แล้ว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ผู้เขียน : รุ่งนภา พิมมะศรี

“พิพัฒน์” เตรียมเสนอที่ประชุม ศบค.ศุกร์นี้ปลดล็อกท่องเที่ยวในประเทศทั้งหมด อนุญาตข้ามจังหวัด-เปิดโรงแรม-ร้านอาหาร-สถานที่ท่องเที่ยวยกแผง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคมนี้เตรียมที่จะนำวาระปลดล็อกการท่องเที่ยวภายในประเทศเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) เพื่อหาแนวทางในการปลดล็อกภาคธุรกิจท่องเที่ยวในวันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป

พิพัฒน์ รัชกิจประการ

“สำหรับแนวทางการปลดล็อกนั้นเราจะเสนอให้แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะอนุญาตให้มีการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคก่อน โดยจะทดลองเป็นเวลา 15 วัน ก่อนที่จะปลดล็อกให้มีการท่องเที่ยวทั่วประเทศในระยะที่ 2 ต่อไป” นายพิพัฒน์กล่าว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกรวม ทำให้รัฐบาลหลายประเทศออกมาตรการที่จะมาฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ในส่วนของประเทศไทยนั้น ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในด้านต่างๆ ตามกรอบวงเงิน 400,000 ล้านบาท จากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 1 ล้านล้านบาทนั้น สศช.เรียกหน่วยงานต่างๆ มารับฟังข้อมูลเรื่องระยะเวลาทำงานและการคัดเลือกโครงการต่างๆ ที่จะเปิดให้หน่วยงานราชการไปจัดทำโครงการและยื่นข้อเสนอมาให้กลั่นกรองก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยกำหนดว่าเงินกู้จะเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภายในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 หรือตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องไปถึงงบประมาณรายจ่ายปี 2564-2565

นายทศพรกล่าวว่า สำหรับกรอบโครงการต่างๆ ตามวงเงิน 400,000 ล้านบาท ต้องเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.แผนงานหรือโครงการลงทุนและกิจกรรมการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 2.แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน 3.แผนหรือโครงการเพื่อส่งเสริมกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน และ 4.แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในส่วนของหลักคิดการสร้างเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่หลังโควิด-19 จุดแข็งของประเทศไทยคือเรื่องสาธารณสุขของไทยที่ค่อนข้างดีมาก โดยจะใช้เรื่องนี้ในการดึงดูดให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทยก่อนในระยะแรก

เน้นศก.ชุมชนมีวงเงินราว 2 แสนล.

“บทเรียนจากโควิดในครั้งนี้ เมื่อการท่องเที่ยวมีผลกระทบอย่างมาก เดิมมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 40 ล้านคน มีเงินตราต่างประเทศเข้ามา มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท พอไม่มีรายได้เข้ามาหลายกิจการก็ต้องปิดตัวลง ผู้ที่ทำงานในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องก็ต้องกลับภูมิลำเนา ฉะนั้น เราจะต้องส่งเสริมการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนกลุ่มนี้ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจชุมชน ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณประมาณ 50% หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด อาทิ การผลักดันในเรื่องของการเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนมากขึ้น, การสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และการส่งเสริมเรื่องการตลาด รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มต่างๆ ให้มีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวกมากขึ้น เป็นต้น” นายทศพรกล่าว

ลดราคาที่พัก-ร้านอาหาร 50%

นายทศพรกล่าวว่า ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ตอนนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ระหว่างการจัดทำแพคเกจกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยจะเริ่มจากการส่งเสริมไทยเที่ยวไทย อาทิ การจัดโปรโมชั่นลดราคาที่พักให้กับลูกค้า 40-50% โดยส่วนที่ลดทางรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายให้กับโรงแรมที่พัก หรือร้านอาหาร เพื่อให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้รับค่าโรงแรมเท่าเดิม และอาจมีการคืนภาษีให้ เป็นต้น ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงไอเดียเท่านั้น ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะใช้เป็นแพคเกจใด แต่ในช่วงแรกอาจจะเน้นดึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาเที่ยวก่อน เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าในส่วนของการท่องเที่ยวในประเทศจะมีการขับเคลื่อนแบบเร็วที่สุด ในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 นี้

ททท.ถกคลังออกคูปองหนุนเที่ยว

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญในตอนนี้จึงต้องเร่งเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเพื่อช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตในช่วงนี้ไปให้ได้ก่อน รัฐบาลจึงมีแนวคิดในการขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสได้ดี โดยการสนับสนุนให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ททท.จึงเตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับข้อเสนอโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินก้อน 400,000 ล้านบาท ในการสนับสนุนแพคเกจกระตุ้นการท่องเที่ยว ในวันที่ 26 พฤษภาคม อาทิ การออกคูปองให้เดินทางท่องเที่ยว อาจจะเป็นจ่ายแค่ครึ่งราคา โดยรัฐบาลจะอุดหนุนส่วนต่างดังกล่าวให้ผู้ประกอบการ เบื้องต้นประเมินว่าจะครอบคลุมระยะเวลา 4 เดือน ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายนนี้ เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนไปสู่ผู้ประกอบการโดยเร็วที่สุด แต่รายละเอียดรูปแบบของแพคเกจยังไม่ชัดเจน ต้องหารือกับกระทรวงการคลังให้ชัดเจนก่อน

“ต้องหาวิธีทำให้ผู้ประกอบการสามารถชะลอผลกระทบและพยุงตัวเองผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ก่อน ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดเพราะต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่จะใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินก้อน 4 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ส่วนการปลดล็อกภาคการท่องเที่ยว จะต้องเปิดแบบเป็นขั้นเป็นตอน และเปิดด้วยความระมัดระวัง ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐก่อน” นายยุทธศักดิ์กล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์

นำหน้าก่อนใครเพื่อน “จังหวัดน่าน” จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ที่ได้รับยกย่องว่ามีธรรมชาติสวยสดงดงาม ประกาศปลดล็อกธุรกิจโรงแรมและที่พัก ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป ทำให้นักท่องเที่ยวและนักเดินทางทั้งหลายสามารถเดินทางไปเที่ยวและพักผ่อนรับอากาศดีๆ ได้แล้ว พร้อมชมธรรมชาติอันสวยงาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ส่วนสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19  จังหวัดน่านมีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดเป็นอย่างดี อีกทั้งผู้ประกอบการก็คำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จัดการระบบให้เกิดความสบายใจและให้เป็นมาตรฐานในการให้บริการ

นักเดินทางทั้งหลายต่างรู้กันดีว่าน่านมีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนด้านเหนือและตะวันออก ซึ่งเป็นรอยต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มี “ภูเข้” ในเขตอำเภอบ่อเกลือ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด ความสูงถึง 2,079 เมตร และมี “ดอยภูคา” ในเขตอำเภอปัว เป็นยอดเขาที่สำคัญของจังหวัด ความสูง 1,980 เมตร ส่วนพื้นที่ราบจะอยู่บริเวณตอนกลางของจังหวัด และตามลุ่มน้ำต่างๆ แหล่งน้ำที่สำคัญของน่าน คือ แม่น้ำน่าน มีต้นกำเนิดจากทางตอนเหนือของจังหวัด แล้วไหลลงไปยังเขื่อนสิริกิติ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ไปบรรจบกับแม่น้ำปิงที่จังหวัดนครสวรรค์ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ ยังมีลำน้ำสาขาต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ลำน้ำสา ลำน้ำว้า ลำน้ำสมุน ลำน้ำปัว ลำน้ำย่าง ลำน้ำแหง เป็นต้น น่านมีพื้นที่กว้างใหญ่ เต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ทั้งยังมีประชากรหลายชาติพันธุ์ นับว่าเป็นดินแดนของความหลากหลายอีกแห่งหนึ่งของประเทศ

แม่น้ำน่าน

จังหวัดน่านนับเป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่ง เดิมชื่อ “เมืองน่าน” หรือ “เมืองนันทบุรี” ตามประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเมื่อประมาณต้น พ.ศ.1800  พญาภูคา เจ้าเมืองย่าง มีราชบุตรบุญธรรมอยู่ 2 องค์ นามว่า ขุนนุ่น และ ขุนฟอง พญาภูคาได้สร้างเมืองใหม่ ขนานนามเมืองนี้ว่า “วรนคร”  สถาปนาให้ขุนฟองเป็นเจ้าผู้ครองเมือง  ต่อจากขุนฟองมีเจ้าผู้ปกครองนครสืบต่อมาเรื่อยๆ  จนถึง พญาการเมือง ในสมัยนั้นเมืองวรนครตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัย ต่อมาได้อพยพผู้คนมาสร้างเมืองใหม่ประมาณ พ.ศ.1902 ขนานนามเมืองว่า “เมืองภูเพียงแช่แห้ง” หรือ “เวียงแช่แห้ง”

พญาการเมืองครองเมืองได้ 5 ปีก็ถึงแก่พิราลัย พญาผากอง ผู้บุตรจึงสืบต่อครองเมืองแทน 6 ปีให้หลัง พญาผากองได้พิจารณาทางฝั่งแม่น้ำทิศตะวันตกมีความอุดมสมบูรณ์  จึงไปสร้างเมืองใหม่ที่นั้น ในปี พ.ศ. 1911  เรียกขานกันว่า “เมืองนันทบุรี” มาถึงสมัยที่อาณาจักรล้านนารุ่งเรือง มีเมืองเชียงใหม่เป็นราชธานี  ราวปี พ.ศ. 2004 เมืองน่านก็ขึ้นต่อเชียงใหม่และรวมเป็นอาณาจักรล้านนาด้วย ต่อมาเมื่ออาณาจักรล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า เมืองน่านก็รวมอยู่ด้วย ในปี พ.ศ.2099 ถึง พ.ศ.2317  เมืองเชียงใหม่เอาชนะพม่าได้  จึงรวมเมืองต่างๆ เข้าด้วยกันอีกครั้งเป็นอาณาจักรล้านนา ซึ่งก็มีเมืองน่านอยู่ด้วย ในปี พ.ศ.2352 อาณาจักรล้านนาถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรไทย เมืองน่านถูกแบ่งออกจากล้านนา มีฐานะเป็นเมืองประเทศราช เจ้าเมืองขึ้นตรงกับกรุงรัตนโกสินทร์เรื่อยมา

ในรัชกาลที่ 2  เมืองน่านถูกน้ำท่วม ตัวเมืองได้รับความเสียหายอย่างมาก พญาสุมนเทวราช เจ้าครองนครน่านในสมัยนั้นได้อพยพชาวเมืองไปสร้างเมืองใหม่บนที่ดอนเพื่อกันน้ำท่วม อยู่ที่นั่นนานถึง 36 ปี จนปลายรัชกาลที่ 4 แม่น้ำน่านได้เปลี่ยนเส้นทางห่างไปมาก เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองเมืองน่าน ได้ขอพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ย้ายเมืองมาตั้ง ณ ที่เดิม  มีการซ่อมแซมเมืองเก่าที่ทิ้งร้างไปให้กลับคืนมา แล้วสร้างกำแพงเมืองขึ้นใหม่ก่อด้วยอิฐถือปูน ในปี พ.ศ.2400  นครเมืองน่านกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 7 หลังจากเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าเมืองน่านองค์สุดท้ายถึงแก่กรรมในปีพ.ศ. 2474 จึงยกเลิกระบบการปกครองโดยเจ้าผู้ครองนครนับแต่นั้นเป็นต้นมา

เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด-19 น่านเป็นจังหวัดหนึ่งที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล โดยการปิดเมืองเพื่อป้องกันโรคระบาดนับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมจนถึง 30 เมษายน 2563 กระทั่งล่าสุด 20 พฤษภาคม 2563 จังหวัดน่านได้ประกาศเปิดตัวให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยือนได้ โดยประกาศเปิดโรงแรม ที่พัก ในชุดแรกจำนวน 60 แห่ง ให้เข้าไปใช้บริการตามปกติได้  ทั้งนี้รายชื่อโรงแรม ที่พัก ชุดแรก มีดังนี้  1.โรงแรมน้ำทองน่าน  2.บ้านสวนสักรีสอร์ท  3.โรงแรมน่านบูติกโฮเทล  4.ปลาบปลื้มรีสอร์ท  5.น่านโนเบิ้ลเฮ้าส์ การ์เด้น รีสอร์ท  6.โรงแรมเวียงแก้ว  7.โรงแรมมีมีอาร์น่าน รีสอร์ทแอนด์โฮเท็ล  8.ภูพิพัฒน์ รีสอร์ท  9.โรงแรมริมสวนเพลส  10.แดนเมืองฮิลล์ รีสอร์ท  11.โรงแรมโซน่าเฮ้าส์

12.โรงแรมแสงดาวสวีท  13.โรงแรมดอกไม้ป่า  14.โรงแรมภูมินทร์เพลส  15.โรงแรมบ้านย่า  16.โรงแรมมีโชค  17.โรงแรมเฮือนคำน่าน  18.โรงแรมน่านเทรชเชอร์  19.โรงแรมวินเฮ้าส์  20.โรงแรมกรีนฮิลล์รีสอร์ท  21.โรงแรมปาโกด้าไซด์ เรดซิเด้นท์  22.เรือนไม้งามรีสอร์ท  23.โรงแรมเควัน  24.โรงแรมเควันอินน์  25.โรงแรมน่านนครา บูทีค  26.โรงแรมเวียงภูมินทร์  27.น่านนภารีสอร์ท  28.ชมนารีสอร์ท  29.รพีพงศ์ โฮเทล  30.บ้านรพีพงศ์ บูติก โฮเทล

31.โรงแรม ซี แอนด์ ซี น่าน โฮเทล  32.โรงแรมชนาสิน  33.ดวงดาวรีสอร์ท  34.โรงแรมน่านสุวารินทร์  35.โรงแรมภัทร์จรัสโฮมสเตย์  36.โรงแรมพันธ์ทิพย์ เรสซิเด้นซ์  37.โรงแรมข้าหลวงเพลส  38.โรงแรมช้างเผือกเกสต์เฮ้าส์39.โรงแรมภูระฟ้า เพลส  40.โรงแรมน่านฟ้าชลธี รีสอร์ท 41.น่านรอยัลรีสอร์ท  42.โรงแรมชมน่านเพลส  43.ภูเพียงเคียงฟ้ารีสอร์ท  44.โรงแรมเอื้องคำ  45.โรงแรม 107 ทาวเวอร์น่าน  46.โรงแรม SP เกสต์เฮ้าส์  47.โรงแรมเพิ่มพูล 1  48.โรงแรมเพิ่มพูล 2  49.โรงแรมน่านกรีนเพลส

50.โรงแรมภูนานลอฟท์น่าน  51.โรงแรมฮักน่าน  52.ชิคอินน์น่าน  53.โรงแรม The one house  54.โรงแรมน่านธาราเพลส  55.ทุ่งช้างฮิลล์รีสอร์ท  56.อนงค์นาถ ห้องพัก  57.โรงแรมน่านศรีปันนนา รีสอร์ท  58.โรงแรมพรพงษ์วิลเลจ  59.โรงแรมโกโก้วัลเลย์ รีสอร์ท  60.โรงแรมภูเพียงเดือน

ส่วนการเดินทางเข้าและออกพื้นที่จังหวัดน่านในหนึ่งวัน ให้ปฏิบัติดังนี้  แสดงบัตรประจําตัวประชาชน  แสดงหนังสือรับรอง  วัดอุณหภูมิร่างกาย  กรณีไม่มีหนังสือรับรองที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ  ให้แสดงบัตรประจําตัวประชาชน วัดอุณหภูมิร่างกาย  รับใบผ่านด่าน รายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน / หัวหน้าบ้าน

กรณีผู้ที่เข้าพักโรงแรมให้ดาวน์โหลดแอพฯ “ไทยชนะ” และทำการ CHECK in และ CHECK OUT ก็ถือว่ารายงานแล้ว  หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลการเดินทางจังหวัดน่านได้ที่  1.ด่านห้วยน้ำอุ่น อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน นายอำเภอเกรียงไกร เวชนุรักษ์  โทร 081 867 2547  หัวหน้าด่าน ปลัดจวน จันเครื่อง  โทร 063 902 1168  2.ด่านบ้านนาหวายใหม่ อำเภอบ้านหลวง  นายอำเภอ ชัยพล โรจวิสิฐ  โทร 081 867 2575  หัวหน้าด่านปลัดรัฐวิชญ ตันแก้ว  โทร 063 902 1888   3.ด่านบ้านสะเกิน ตำบลยอด  อำเภอสองแคว  นายอำเภอ สมเกียรติ อาจสังข์  โทร 081 867 2592  หัวหน้าด่านปลัดสิทธิศักดิ์ วงค์ชูแก้ว  โทร 063 902 1188 

หรือสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม ได้ที่  ททท.สำนักงานน่าน  โทร 054 711 217-8 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.  ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ หรือ  FB:TAT NAN ททท.สำนักงานน่าน  Twitter:@tatnanofficial    IG:tatnan_office

เทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ – นับเป็นเวลาหลายเดือนด้วยกัน ที่คนทั่วโลกต้องอยู่กับสภาวะ “ล็อกดาวน์” หยุดกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างการเดินทางออกไปทำงาน การออกไปกินข้าวนอกบ้าน ช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า ดูภาพยนตร์ คอนเสิร์ต หรือการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จนถึงปัจจุบันนี้ สถานการณ์ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลายลง หลายคนก็เริ่มคิดถึงบรรยากาศเดิมๆ และในหลายประเทศ ก็เริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้คนออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับการท่องเที่ยวที่จะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนนึกถึง สายการบินต่างๆ เริ่มจะกลับมาให้บริการอีกครั้ง แต่แน่นอนว่า ไลฟ์สไตล์ของคนเหล่านั้น ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อวิถีชีวิตของคนต้องปรับใหม่แบบนิว นอร์มอล เว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการติดเชื้อและกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง

นั่นทำให้ รูปแบบการท่องเที่ยวของคนทั่วโลกจากนี้ เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

อลิซาเบธ โมนาฮัน โฆษกของ ทริปแอดไวเซอร์ เว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดัง เปิดเผยกับซีเอ็นบีซีว่า การท่องเที่ยวจากนี้จะเริ่มจากท้องถิ่น หรือเที่ยวในประเทศเป็นหลัก นักท่องเที่ยวจะเลือกเที่ยวที่ใกล้บ้าน ไปกินอาหารท้องถิ่น หรือท่องเที่ยวท้องถิ่นในช่วงวันหยุด และเลือกเที่ยวในประเทศก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศ เห็นสอดคล้องกันกับคนในแวดวงโรงแรมที่พัก ที่มองว่าคนจะเลือกเที่ยวในประเทศก่อน

ซีเอ็นบีซียังรายงานว่า “ที่พักที่สะอาด” จะเป็นปัจจัยสำคัญในการออกเดินทางแต่ละครั้ง โดยที่พักประเภทวิลล่า หรือบ้านพักส่วนตัวจะเพิ่มขึ้น เพราะมีความหนาแน่นน้อยกว่าโรงแรม ที่จะมีคนเข้าเช็กอินเช็กเอาต์จำนวนมาก ซึ่งหากเสิร์ชที่พักในแอพพลิเคชั่นอย่างแอร์บีเอ็นบี จะพบว่า “สะอาดมาก-โควิด เฟรนด์ลี่” เป็นสิ่งที่เหล่าเจ้าของที่พักใช้เพื่อบอกว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยในการเข้าพัก

“ความยืดหยุ่น” นับเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเที่ยวจากนี้เช่นกัน ที่พัก หรือตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งตารางการเที่ยวที่ยกเลิกได้ฟรี ถือเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจ หลักจากที่หลายคนต้องยกเลิกทริปหลังจากโควิดมาเยือน และนั่นจะทำให้ประกันการเดินทาง ที่รวม “ยกเลิกได้ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม” กลายเป็นสิ่งสำคัญ

และในอนาคต การท่องเที่ยวแบบโร้ดทริปจะกลายเป็นสิ่งที่คนนิยม เพื่อเป็นการเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบิน ที่จะต้องเจอกับคนจำนวนมาก การขับรถท่องเที่ยวกับคนสนิทๆ จะเป็นตัวเลือกที่ดี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแผนได้ตลอดเวลาด้วย

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแบบซาฟารี ดูชีวิตสัตว์ หรือการเข้าป่า สัมผัสกับธรรมชาติ จะได้รับความนิยมมากขึ้น แน่นอนว่าเที่ยวแบบรักษาระยะห่างจะเป็นการเที่ยวแบบใหม่อีกอย่างหนึ่ง กิจกรรมที่ต้องเจอคนหมู่มากอย่างพิพิธภัณฑ์ งานเทศกาล โชว์ต่างๆ บาร์ ไนต์คลับ จะเป็นตัวเลือกหลังๆ เมื่อเลือกจะท่องเที่ยว

อีกสิ่งหนึ่งของการเดินทาง ที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ ก็คือการเลือกเอเยนซี่ทัวร์ หรือที่ปรึกษาด้านท่องเที่ยว เพื่อจะช่วยจัดการปัญหาต่างๆ ให้ง่ายขึ้น หลังจากที่หลายคนต้องติดต่อสายการบินขอเงินคืนอย่างยากลำบาก หรือยุ่งยากในการประสานงานเลื่อนการเดินทางต่างๆ

ที่มา : มติชนออนไลน์

“พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน” สถานที่จัดแสดงผลงานศิลปหัตถกรรมของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง” เป็นผลงานจากฝีมือของช่างสถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ได้นำผลงานซึ่งสร้างสรรค์จากวิสัยทัศน์และพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และยูทูบ ภายใต้ชื่อ “artsofthekingdom” เพื่อให้ประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติได้ชื่นชมความงดงามของงานศิลป์ไทยอย่างต่อเนื่อง

สีวิกากาญจน์
วานเรศบวรอาสน์หรือพระที่นั่งกง
พระที่นั่งพุดตานถมทอง

1.สีวิกากาญจน์

พระราชยานสำหรับเจ้านายฝ่ายในที่สูงศักดิ์ สถาบันสิริกิติ์จัดสร้างโดยนำต้นแบบมาจากสีวิกา ที่ประดิษฐานอยู่บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สร้างด้วยทองคำผสานเทคนิคจากช่างในสถาบันสิริกิติ์หลายแผนก เช่น แผนกเครื่องเงิน เครื่องทอง ช่างลงยาสี เป็นต้น ตกแต่งด้วยปีกแมงทับ

2.ผอบถมตะทองคำประดับเพชร 

ลายพุดตานใบเทศ ยอดปริกทองคำ ตกแต่งทองคำประดับเพชร

3.วานเรศบวรอาสน์หรือพระที่นั่งกง

พระราชอาสน์หรือพระที่นั่งขนาดเล็ก ใช้เป็นทั้งพระราชบัลลังก์ และพระราชยาน

4.พระที่นั่งพุดตานถมทอง

สร้างจำลองแบบพระที่นั่งพุดตานจำหลักไม้วังหน้า ทรงชั้นพระที่นั่งสร้าง

ด้วยเงินถมตะทอง ท้องไม้สองชั้น ชั้นล่างตกแต่งด้วยครุฑยุดนาคเป็นระยะ ชั้นสองรายรอบด้วยรูปเทพยดาประนมกร

5.สัปคับคร่ำ

ใช้เทคนิคคร่ำเป็นหลัก ความพิเศษอยู่ที่ช่างฝีมือบรรจงฉลุเหล็กให้โปร่งเป็นลูกไม้จนมองเห็นทะลุได้ชัดเจน 

พระที่นั่งพุดตานถมทอง
สัปคับคร่ำ

สามารถชมภาพความงดงามเหล่านี้ได้ทุกช่องทางออนไลน์ของ  artsofthekingdom ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ผอบถมตะทองคำประดับเพชร
วานเรศบวรอาสน์หรือพระที่นั่งกง
สัปคับคร่ำ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยึดตัวเลขรายได้จากภาคการท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.23 ล้านล้านบาท เป็นรายได้รวมทั้งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และตลาดไทยเที่ยวไทย ซึ่งน่าจะสามารถทำได้ใกล้เคียง เนื่องจากขณะนี้ทั้งในแง่จำนวนและรายได้ติดลบ 60% โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.28 แสนล้านบาท รายได้จากตลาดไทยเที่ยวไทย 4.02 แสนล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศอยู่ที่ประมาณ 14-16 ล้านคน ส่วนไทยเที่ยวอยู่ที่ 100 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าจะสามารถทำได้มากกว่านี้ เพราะเชื่อว่าความต้องการในการเดินทางท่องเที่ยวจะมีสูงมากขึ้น แม้ยังมีความกังวลในส่วนของอำนาจซื้อที่ชะลอตัวลง เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่สดใสมากนัก แต่ยังหวังว่าคนไทยกลุ่มที่นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่สามารถไปได้ในขณะนี้ จะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศแทน และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันและขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวในประเทศต่อไป

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า การประมาณการตัวเลขดังกล่าว สอดคล้องกับที่องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ได้คาดการณ์ออกมาว่า ภาพการท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกในไตรมาส 1/2563 จะติดลบที่ 22% เฉพาะเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ติดลบ 57% โดยได้คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศในปี 2563 ไว้ 3 กรณีคือ ปลดล็อกการเดินทางระหว่างประเทศได้ภายในเดือนกรกฎาคม หรือภายในเดือนกันยายน หรือสุดท้ายเดือนธันวาคม ซึ่งตัวเลขดีที่สุดจะติดลบ 58% ส่วนแย่ที่สุดจะติดลบ 78% ซึ่งตัวเลขที่ททท.คาดการณ์ไว้ว่าจะติดลบ 60% ก็ถือว่าเป็นตัวเลขติดลบในกรณีที่ดีอยู่ โดยจาการสำรวจของดับเบิลยูทีโอ คาดว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศจะฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งท่องเที่ยวในประเทศจะฟื้นได้ภายในไตรมาส 3 ส่วนท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะกลับมาได้เร็วที่สุดภายในไตรมาส 4

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้จัดทำแผนการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวไทย โดยจะใช้นโยบายประเทศไทยที่คุณวางใจ ชูจุดขาย 3 เรื่องคือ 1.ความปลอดภัย ระบบสาธารณสุขและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นที่ยอมรับ 2.ความคุ้นเคย เน้นอาหารและวัฒนธรรมที่โดดเด่น มีเอกลักษณะเฉพาะตัว และ 3.ความสวยงาม ทั้งทางธรรมชาติและผู้คน ซึ่งเป็นจุดขายที่ต้องรักษาไว้เพื่อความยั่งยืน โดยจะมุ่งเน้นในการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวอย่างเป็นขั้นเป็นตอนด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้เศรษฐกิจขยับและเริ่มฟื้นตัว โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1.ระยะที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้บ้าง แต่ยังมีข้อจำกัดในการเดินทาง การเคลื่อนย้ายผู้คน และสถานที่ชุมนุม โดยในระยะนี้จะมุ่งเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากร ซ่อมสร้างอุปทานเพื่อปรับตัวสู่การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ แบบความปกติใหม่หรือนิวนอร์มอล ยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ปรับภาพลักษณ์ เน้นการทำตลาดแบบนุ่มนวล ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติยังนึกถึงเสมอ 2.ช่วงเปิดเมืองหรือเปิดประเทศ เพื่อการท่องเที่ยวแบบจำกัดประมาณไม่เกิน 60% ของพื้นที่ที่อนุญาตให้เดินทาง การเคลื่อนย้ายของผู้คน และสถานที่ชุมนุม ให้ความสำคัญกับการเที่ยวภายในประเทศเป็นอันดับแรก โดยอาจอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบางประเทศที่มีการควบคุมโรคได้ดีแล้วเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยได้ อยู่ภายใต้การควบคุมเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการระบาดซ้ำ

“หากมีการอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวและทำกิจกรรมอื่นๆ ได้มากขึ้นแล้ว รูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวที่เป็นไปได้จะต้องอาศัยความยินยอมของประชาคมในพื้นที่ ประกอบด้วย 1.การท่องเที่ยวภายในกลุ่มที่ 1 พื้นที่ที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อนเลย หรือภายในกลุ่มที่ 2 พื้นที่ที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วันที่ผ่านมา 2.การท่องเที่ยวระหว่างกันของกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 และ 3.การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปยังกลุ่มที่ 1 และ 2 ซึ่งทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามแนวทางการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด โดยททท.จะพิจารณาเลือกพื้นที่ปลอดโควิด-19 จากนั้นจะประสานกับคนในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจและเกิดความเชื่อใจขึ้น ซึ่งเบื้องต้นอาจจะเลือกเป็นพื้นที่เกาะก่อน พร้อมทำประชาคมหรือสอบถามความคิดเห็นจากคนในพื้นที่ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินแผนระยะที่ 2 ในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในเชิงพื้นที่ รองรับความต้องการมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่คาดว่าน่าจะเริ่มกลับมาเที่ยวไทยในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะต้องลบภาพเดิมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวออกไปก่อน การสร้างความรู้สึกเชิงบวกในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เพราะขณะนี้เกิดการต่อต้านนักท่องเที่ยวขึ้น แม้แต่การเดินทางของคนไทยข้ามจังหวัด ก็เกิดการไม่ต้อนรับกันเองขึ้น เพราะกลัวการนำเชื้อไวรัสเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งต้องสื่อสารและทำความเข้าใจกันมากขึ้น” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ส่วน 3.เป็นการเปิดเมืองเปิดประเทศสู่ความยั่งยืน ภายใต้นิวนอร์มอล กระตุ้นไทยเที่ยวไทยด้วยรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เน้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับบนด้วยภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ขยายฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเที่ยวซ้ำและกลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้ภาคท่องเที่ยวไทยกลับมาอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมถือโอกาสนี้รีแบรนด์ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยไปในตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของแผนฟื้นฟูร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ อาทิ การสร้างงาน สร้างรายได้ เสริมสภาพคล่องของภาคธุรกิจ กระตุ้นให้คนออกไปจับจ่ายท่องเที่ยว ปรับสมดุลในมิติต่างๆ อาทิ การกระจายนักท่องเที่ยว สร้างสมดุลเชิงโครงสร้างของตลาด ลดการพึ่งพิงตลาดต่างประเทศ และหันมาให้น้ำหนักกับตลาดในประเทศมากขึ้น

ที่มา : มติชนออนไลน์

ธนินท์ เจียรวนนท์

นายธนินท์ เจียรวนนท์  ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่าวิกฤตโควิด-19ทำให้โลกเปลี่ยนอย่างมหาศาลไม่เฉพาะในประเทศไทย เช่นองค์กรต่าง ๆ มีการทำงานจากที่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อในช่วงที่ผ่านมาจึงคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีทำให้ต่อไปสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ

และเชื่อว่าวิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) นี้จะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาเติบโตมากขึ้นเช่นกันกับการศึกษาออนไลน์ การซื้อสินค้าออนไลน์ และสังคมไร้เงินสด

“ถ้าคนทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็หมายความว่าไปเที่ยวก็ทำงานได้ วิกฤตเป็นแค่สิ่งชั่วคราว ไม่ได้อยู่ตลอด สิ่งที่เราต้องทำคือ   เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ที่จะมีเข้ามา เช่นเรื่องการท่องเที่ยวจะฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด ถ้าทำให้คนเชื่อมั่นว่ามาเมืองไทยแล้วปลอดภัย ไม่ต้องรอจนมีวัคซีน ต้องทำเดี๋ยวนี้ ถ้าทุกอย่างสงบทำไมเขาต้องมาบ้านเรา เพราะไทยน่าจะเป็นโควิดมากกว่าหลายประเทศ แต่เราติดน้อยที่สุด และเสียชีวิตน้อยที่สุด แสดงว่าหมอไทย การแพทย์ไทยเก่งที่สุด”

นายธนินท์กล่าวว่าการฟื้นการท่องเที่ยวไทยอาจเริ่มได้จากการเจาะกลุ่มมหาเศรษฐีในประเทศต่าง ๆ เช่น ในจีน, อเมริกา และยุโรป ให้มาท่องเที่ยวในเมืองไทยโดยใช้จุดแข็งเรื่องการแพทย์ทำให้เห็นว่ามาเมืองไทยปลอดภัยและสะดวกสบาย ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการอำนวยความสะดวก 

“โรงแรมห้าดาวในบ้านเราอาจไปลิงก์กับบริษัททัวร์ห้าดาวให้เขาไปชักชวนมหาเศรษฐีอเมริกา จีน และยุโรปมาเที่ยว เหมาเครื่องบินทั้งลำมาเลย เราก็เตรียมพร้อมทั้งโรงแรมห้าดาว ดิวกับโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง มาแล้ว ก็ให้พักผ่อนอยู่ในโรงแรมอย่างดี ผมเชื่อว่ามีคนที่อยากมาถ้าเขาเห็นว่ามาแล้วเขาปลอดภัยกว่า ถ้าเราดึงมาได้สักล้านคนก็เท่ากับ 4-5 ล้านคน คนมีเงินมาอยู่ได้เป็นเดือน บางคนสองสามเดือนยังได้ เป็นกลุ่มหนีตาย เพราะอยู่บ้านเขาเตียงไม่พอ ยาไม่พอ ”

อย่างไรก็ตามในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ประเทศสูญเสียรายได้เฉลี่ยวันละหมื่นกว่าล้านบาท เดือนละ 4-5 แสนล้านบาท จากการปิดประเทศแต่ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของรัฐบาลเพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัสจนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายทำให้เริ่มคลายล็อกได้บ้างแล้ว

“รัฐบาลควรออกพันธบัตร อายุ 30 ปี กู้มาสัก 3 ล้านล้านก็ได้ รัฐบาลนำมารักษากำลังซื้อ ให้ธุรกิจก็พออยู่ได้ เพื่อไปขายต่างประเทศ นำเงินมาช่วยบริษัทไทยที่ดี ๆ ให้เขาทำธุรกิจต่อได้อาจให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ 10 ปี เพื่อให้ธุรกิจเขาไปต่อได้ ถ้าบริษัทปิดโรงงานปิดเครื่องจักร กว่าจะกลับมาฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ไม่ง่าย เหมือนการสร้างบ้านสร้างตึกต้องใช้เวลาหลายปีแต่ระเบิดทิ้ง่ายนิดเดียวแค่ไม่กี่วินาที หากธุรกิจไปต่อได้รัฐบาลก็จะยังได้กลับคืนเป็นภาษี”

นายธนินท์ย้ำว่า เครดิตด้านการเงินการคลังของประเทศไทยถือว่าอยู่ในระดับท็อปของโลกและดีกว่าหลายประเทศในโลก รัฐบาลจึงควรใช้ เครดิตที่ดีไปนำดอกเบี้ยถูก ๆ มาจากทั่วโลก ไม่ใช่ออกพันธบัตรมาเอาเงินของคนไทยด้วยกัน ซึ่งไม่ได้เพิ่มเติม เหมือนอยู่ในบ่อเดียวกัน ทำไมไม่เอาบ่อคนอื่นมาเติมให้น้ำเราเต็ม และถ้าบริษัทต่างๆ สามารถประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงวิกฤตไปได้ ไม่ต้องปลดพนักงานยังจ่ายเงินเดือนได้ก็ทำให้มีกำลังซื้อในตลาด

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์