น้ำตกปางสีดา

หลังจากต้องเก็บกักตัวกันอยู่บ้านมานาน แม้ว่าบางแห่งบางสำนักงานจะเข้าสู่ภาวะเกือบปกติไม่ต้องกักกันแล้ว ในที่สุดก็ถึงคราวของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เตรียมเปิดแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ 127 แห่งให้ประชาชนได้เข้าเที่ยวผ่อนคลายเครียด และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเฉาเนื่องจากวิกฤติโควิด-19  โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2563 และเน้นย้ำว่าเป็นการเที่ยวแบบ New Normal ต้องจำกัดจำนวนคน ใช้แอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ในการเช็กอิน-เช็กเอาต์ เพื่อคัดกรองคน สำหรับอุทยานแห่งชาติที่มีความพร้อมในการเปิดการท่องเที่ยวมี 127 แห่ง  ยกเว้นในส่วนของอุทยานบางพื้นที่ยังคงปิดให้บริการอยู่ เช่น อุทยานแห่งชาติทางทะเลทางด้านฝั่งอันดามัน เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ช่วงมรสุม หรืออุทยานแห่งชาติภูกระดึง ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงของฤดูฝน เป็นต้น

“จงคล้าย วรพงศธร”  รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้หารือร่วมกับกรมอุทยานฯ เรื่องมาตรการรองรับการเปิดอุทยานแห่งชาติเพื่อนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเที่ยว โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ต้องนำมาชี้วัด คือการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และในแต่ละอุทยานฯ ซึ่งจะไม่ใช้รูปแบบที่เคยรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว แต่จะต้องมีแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” มาใช้เป็นเครื่องมือในการคัดกรองคนเข้า-ออก และตรวจเช็กจำนวนนักท่องเที่ยวด้วย

การหารือครั้งนี้มีหัวหน้าอุทยานทั่วประเทศ ได้ส่งตัวเลขอุทยานแต่ละแห่งว่าจะสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้เท่าไหร่ต่อช่วงเวลาหนึ่ง เช่น แห่งที่ 1 กำหนด 800 คน อาจจะเป็นน้ำตก 300 คน อีก 500 คนไปเที่ยวในภูเขา ความหมายคือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรื่อยๆ แต่ถ้าครบตรงหน้าด่านตามตัวเลข 800 ต้องหยุด และแบ่งนักท่องเที่ยวไปยังจุดอื่นๆ ที่กำหนดไว้ เช่น น้ำตก 300 คน ถ้าครบต้องเอาคนออกไป ถึงจะเสริมคนใหม่เข้าไปได้ อย่างนี้เป็นต้น

เรื่องการคำนวณจำนวนคนนั้น อุทยานฯ แต่ละแห่งจะมีการศึกษาสภาพทรัพยากรธรรมชาติว่าไม่กระทบต่อสัตว์ป่า พันธุ์พืช และด้านกายภาพของพื้นที่ ถ้ามีพื้นที่มารองรับได้มากตามกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งผลประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว เมื่อนำมาสรุปแล้วก็จะเป็นตัวเลขขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว การไปท่องเที่ยวอุทยาน ยังคงต้องตระหนักถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ซึ่งมีความสำคัญมากเพื่อไม่ให้อุทยานแห่งชาติเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดการระบาดของโควิด – 19 ระลอก 2 ได้ ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าภายในอุทยานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติที่กำลังจะเปิดทุกแห่งนั้น คงต้องฝากให้นักท่องเที่ยวทิ้งขยะในที่ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ เพราะช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าไม่มีข่าวสัตว์เสียชีวิตเพราะขยะเลยหากเปิดการท่องเที่ยวแล้วพบว่านักท่องเที่ยวทิ้งขยะจำนวนมาก มีสัตว์ตายจากขยะพลาสติก ก็พร้อมจะปิดอุทยานฯ อีกครั้ง ทั้งหมดนี้เราทำเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ เพราะทรัพยากรธรรมชาติเป็นของคนไทยทุกคน

สวนสัตว์เขาเขียว
สวนสัตว์นครราชสีมา
สวนสัตว์ขอนแก่น

สำหรับอุทยานแห่งชาติที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้นั้น อาทิ อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ. สระแก้ว เป็นอุทยานที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมาก และยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกเขาใหญ่-ดงพญาเย็นด้วย ไฮไลท์การท่องเที่ยวอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ซึ่งจะพบผีเสื้อจำนวนมากกว่า 400 ชนิด ออกมาหากินโป่งเทียมบริเวณโป่งรับแขก ใกล้กับน้ำตกปางสีดา ทำให้ภายในอุทยานถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของธรรมชาติอย่างสวยงาม อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว  จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยววันละ 400 คน และะนักท่องเที่ยวทุกคนที่เข้ามาจะต้องปฏิบัติตามตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด  สามารถสอบถามรายละเอียดก่อนไปได้ที่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา โทร. 081-862-1511 หรือ https://www.facebook.com/Pangsida.NationalPark

ส่วนการเปิดให้เข้าท่องเที่ยวและเข้าชมในสวนสัตว์ จะมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมวันละไม่เกิน 2,000 คน โดยแบ่งเป็นช่วงเช้า 08.00 -12.00 น. ช่วงบ่าย 12.00 -17.00 น. และต้องจองเข้าชมล่วงหน้า ผ่านทางโทรศัพท์ หรือ แอพพลิเคชั่น ของสวนสัตว์:https://www.eventpop.me/e/9040/zoo Thailand หรือ ติดต่อผ่านโทรศัพท์ ดังนี้

  • สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ติดต่อ 034 318 444
  • สวนสัตว์เชียงใหม่ ติดต่อ 053 221  179
  • สวนสัตว์นครราชสีมา ติดต่อ 083 372 0404
  • สวนสัตว์สงขลา ติดต่อ 074 598 555
  • สวนสัตว์อุบลราชธานี ติดต่อ 045 252 761
  • สวนสัตว์ขอนแก่น ติดต่อ 086 455 6341
สวนสัตว์สงขลา
สวนสัตว์อุบลราชธานี

เปิด 5 ข้อ รับส่วนลดที่พัก 40 % สิทธิ์ใช้ได้สูงสุดไม่เกิน 5 คืน รัฐแจกเงินวันละ 600 ใช้อะไรได้บ้าง เริ่มลงทะเบียนผ่านเว็บ 1 ก.ค.

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้กระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อสรุปแนวทางการทำเว็บไซต์ใช้ในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว โดยจะเปิดตัววันที่ 1 ก.ค. ก่อนหน้าที่จะเปิดตัวต้องชี้แจงและสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวจะสนับสนุนการท่องเที่ยวของประชาชนในโครงการเราไปเที่ยวกัน และโครงการเที่ยวปันสุข

สำหรับเงื่อนไขโครงการเราไปเที่ยวกัน ประกอบด้วย

1.ใช้สิทธิ์ได้ 1 ครั้งคือ ค่าห้องพักสูงสุดไม่เกิน 5 ห้องพักต่อคน

2.สิทธิ์ใช้ได้สูงสุดไม่เกิน 5 คืน โดยไม่จำกัดราคาค่าห้อง ราคาห้องจะแพงเท่าไหร่ก็ได้ โดยรัฐบาลจะช่วยจ่ายให้ 40 % หรือไม่เกิน 3 พันบาทต่อคืน

3.ประชาชนที่สนใจต้องเข้ามาดูรายชื่อโรงแรมที่พักเข้าร่วมโครงการในเว็บไซด์ที่เตรียมจะเปิดตัว และทำการจองตรงกับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ และต้องจ่ายเงินให้กับโรงแรมที่พักทันทีในอัตรา 60 % เพื่อให้โรงแรมมีเงินไปหมุนเวียน

4.ประชาชนต้องมาลงทะเบียนในระบบของเว็บไซด์เดิมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยันตัวตนว่าจะไปท่องเที่ยวจริง และระบบจะโอนเงิน 40 % ค่าที่พักในส่วนที่เหลือให้โรงแรม

5.จากนั้นรับสิทธิ์ E-Voucher ผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตังค์ 600 บาทต่อคืน (สูงสุดไม่เกิน 5 คืน) ให้กับผู้ไปเที่ยว ในวันที่ผู้จองที่พักเข้าเช็กอินที่โรงแรมที่พักในวันแรก โดยสิทธิ์ดังกล่าวจะจ่ายทุกวัน วันละ 600 บาท และผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องใช้ให้หมดภายในวันที่เช็กเอาต์ก่อนเวลา 00.00 น.

โดยสิทธิ์ต่อคน 5 คืน สามารถกระจายใช้ได้ เช่น อาจจะไปพักที่หัวหิน 2 คืน และไปพักที่เชียงใหม่ 3 คืน แบบนี้ก็สามารถทำได้ แต่ขอให้อยู่ในระยะเวลาของโครงการ คือตั้งแต่เดือนก.ค.–ต.ค. (4 เดือน) เท่านั้น

สำหรับสิทธิ์ E-Voucher จำนวน 600 บาทนั้น ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ และสามารถใช้ได้ 3 กรณี คือ

1.ร้านอาหารในโรงแรมที่เข้าพัก

2.ร้านอาหารนอกโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะมีทั้งร้านอาหารขนาดใหญ่ เล็ก และร้านอาหารริมทาง ซึ่งจะมีรายชื่อปรากฏในเว็บไซต์

3.การแสดงที่ต้องซื้อบัตรเข้าชม โดยการใช้สิทธิ์ E-Voucher ต้องเป็นการร่วมจ่ายกับรัฐบาล คือ รัฐบาลจ่ายให้ 40% เช่น ทานอาหารในโรงแรม 1 พันบาท ร้านอาหารจะคิดเงิน 600 บาท ส่วนอีก 400 บาทระบบจะตัดจาก E-Voucher อัตโนมัติ

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

วัดหินกอง อ.เมือง จ.ราชบุรี หวนกลับมาคึกคัก เมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินขึ้นยอดเขาชมทัศนียภาพที่สวยงาม พาเพลินชมธรรมชาติภูเขา ท้องทุ่งนา พร้อมแวะ “ตลาดริมดอย ณ ม่อนหินกอง”

“ม่อน” เป็นภาษาถิ่นภาคเหนือ หมายถึง ภูเขา หรือเนินเขาที่มีขนาดไม่สูงใหญ่มากนัก หากเป็นภูเขาขนาดสูงใหญ่มักจะใช้คำว่า “ดอย”

บนม่อนหินกอง เป็นจุดมองทิวทัศน์ได้ทุกทิศ 360 องศา เห็นทัศนียภาพภูเขาสลับซับซ้อนและท้องทุ่งนาเขียวขจีในระหว่างช่วงหน้าฝน สระน้ำที่อุดมสมบูรณ์ กับธรรมชาติที่สวยงาม บ้านเรือนประชาชนกระจายอยู่เป็นชุมชนโดยรอบ

ที่สำคัญพื้นที่ด้านบนยังมีหลวงปู่ทวดสลักด้วยหินประดิษฐาน และรอยพระพุทธบาทที่ชาวบ้านไปสักการะ ทั้งยังมองไปไกลเห็นวัดเขาวัง วัดหนองหอย ทัศนียภาพบริเวณเขาแก่นจันทน์

พระปลัดณรงค์ศักดิ์ ปภากโร เจ้าอาวาสวัดหินกอง กล่าวว่า ช่วงเกิดโควิด-19 ทำให้ประชาชนรอบวัดได้รับผลกระทบเดือดร้อนเรื่องอาชีพการงาน จึงปรึกษาหารือร่วมกันจัดตั้งตลาดชุมชน โดยใช้ต้นทุนทรัพยากรที่มีอยู่เดิมคือภูเขาหินกอง ภายใต้ชื่อ “ตลาดริมดอย ณ ม่อนหินกอง”

ด้วยความเป็นธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ ทั้งน้ำ ดิน หิน คิดว่าเป็นพื้นที่เหมาะที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านธรรมชาติ อีกทั้งมีสินค้าในชุมชนที่นำมาจำหน่าย ชาวบ้านปลูกเอง ผลิตเอง นำออกมาขายกว่า 100 ร้านค้า หลังปลดล็อกแล้วชาวบ้านประกอบอาชีพได้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.

จึงเริ่มเปิดตลาดแห่งนี้ขึ้นเป็นวันแรก มีกิจกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมแบ่งเป็น 3 โซน มีโซนนักเรียน นักศึกษา มาเล่นดนตรีไทย โซนผู้สูงอายุมีการแสดงวัฒนธรรมแต่ละชาติพันธุ์

นอกจากนี้ ยังมีโซนส่วนของชาวบ้านเมียนมาเป็นประชาชนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดในหมู่บ้านนี้จะมีวัฒนธรรมมาร่วมแสดงกัน

เบื้องหลังการพัฒนาต้นทุนธรรมชาตินี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด มาช่วยดูแลบริหารจัดการพื้นที่นี้ร่วมกับพัฒนาชุมชน ท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยดูแล มีชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาช่วยกันทั้งช่วยปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ให้มีความสวยงาม เน้นสไตล์ไปทางภาคเหนือ เพราะเมื่อใช้ชื่อ “ตลาดริมดอย ณ ม่อนหินกอง” ก็อยากให้นักท่องเที่ยวรู้สึกคล้ายเดินทางไปเยือนภาคเหนือ

ภายในตลาดริมดอย ณ ม่อนหินกอง มีเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามริมเขาทั้งด้านข้าง ขึ้นไปด้านบน แล้วลงไปด้านล่าง ตกแต่งประดับประดาไปด้วยร่มหลากสีสัน มีอ่างบัว กระถางต้นไม้ดอกกำลังเบ่งบานสะพรั่งรับแสงอาทิตย์

เมื่อเดินเข้าไปก็จะมีร้านค้าของชาวบ้านนำผลผลิตทาง การเกษตรในท้องถิ่นมาวางขาย ทั้งผัก ผลไม้ปลอดสาร อาหารแปรรูปพื้นบ้าน ขนมหวาน อาหารโบราณ ผ้าทอมือ และผลิตภัณฑ์ของดีในชุมชน ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีของนักเรียนในวันพักผ่อน

หลายคนพาครอบครัวมาเที่ยวชิม ชม เลือกซื้อสินค้า กับการเปิดแหล่งที่เที่ยวแห่งใหม่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และยังเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงของราชบุรีได้อีกหลายแห่ง เช่น ตลาดไท-ยวน วัดนาหนอง กาดวิถีชุมชนคูบัว ที่วัดโขลงสุวรรณคีรี อ.เมือง ลักษณะเหมือนกับมาวันเดียวแต่เที่ยวสนุกสนานเพลิดเพลินได้หลายแห่งอีกด้วย

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยและสุขภาพ จัดที่จอดรถบริเวณด้านหน้าแล้วให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปเที่ยวตลาด มีจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิ เจลล้างมือ การลงทะเบียนรายชื่อ สแกนคิวอาร์โค้ด โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. เข้ามาช่วยดูแล

ตลาดเปิดวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ใครมีโอกาสอย่าลืมแวะเวียนไปเพลิดเพลินทั้งด้านธรรมชาติและวิถีชีวิตชุมชน

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

เปิดให้เข้าชมพระบรมมหาราชวัง-วัดพระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไป หลังต้องปิดการเข้าชมชั่วคราว เนื่องจากลดการระบาดของไวรัสโควิด-19

โดย เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ ประชาสัมพันธ์เรื่องเปิดพระบรมมหาราชวัง ระบุว่า “จะเปิดให้เข้าชมพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป เวลา 08.30 – 15.30 น.”

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

6 ธันวาคม พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์จำนวน 33 รูป ซึ่งได้คัดเลือกไว้แล้วและให้รวมฝึกอบรมอยู่ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ มาจำวัดที่ “วัดเบญจมบพิตร” วัดที่ทรงสถาปนาตามพระราชดำริให้สร้างขึ้นทดแทนวัดโบราณ 2 แห่ง และในคราวนี้เองได้พระราชทานที่ดินส่วนหนึ่งที่เป็นพระราชอุทยาน “ดุสิตวนาราม” ให้เป็นที่วิสุงคามสีมาเพิ่มเติมแก่วัดเบญจมบพิตร  จึงโปรดฯ ให้เรียกนามรวมกันว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม”  มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถ และถาวรวัตถุอื่นๆ  พระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง

พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร เมื่อแรกสร้างภายในมุขตะวันตก ประดิษฐานพระพุทธชินราช ด้านหน้าพระพุทธชินราชเป็นรั้วหินอ่อนกลมสีเขียวหยก พื้นพระอุโบสถประดับหินอ่อนหลากสี ณ พระแท่นรัตนบัลลังก์พระพุทธชินราชนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้บรรจุพระสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงสถาปนาวัด  ผนังเหนือกรอบหน้าต่างขึ้นไปซึ่งเป็นปูน รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้ช่างกรมศิลปากรเขียนลายไทยเทพนมทรงพุ่มข้าวบิณฑ์สีเหลืองบนพื้นขาวอมเหลืองอ่อน ตลอดถึงเพดานเหนือหน้าต่าง10 ช่อง เป็นช่องกระจกรับแสง เขียนสีลายไทยเทพนม โดยช่างกรมศิลปากร ออกแบบสั่งทำจากเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ประเทศอิตาลี  ในปี พ.ศ 2497  พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงรับเป็นเจ้าภาพ ด้านบนขื่อในและขื่อนอก 3 ชั้น ลงรักปิดทองลายรดน้ำ เพดานในล่องชาด ประดับดาวกระจาย 232 ดวง ดาวใหญ่ 11 ดวง มีโคมไฟระย้าแก้วขาวอย่างดี ตราเลข 5 ซึ่งเป็นตราวัดเบญจมบพิตร 6 โคมพร้อมสายบรอนซ์ ซึ่งสั่งทำจากประเทศเยอรมนี

ช่องคูหาทั้ง 8 ที่ผนังพระอุโบสถเขียนภาพสถูปเจดีย์ที่สำคัญจากทุกภาค จัดเป็น “จอมเจดีย์” ในประเทศไทย โดยว่าจ้างให้กรมศิลปากรออกแบบและเขียนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2489  ได้แก่ พระมหาธาตุ จังหวัดลพบุรี,  พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม,  พระมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช,  พระเจดีย์ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา,  พระมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย,  พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม,  พระมหาธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน และ พระศรีรัตนธาตุ จังหวัดสุโขทัย

เฉพาะช่อง “พระมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงรับเป็นเจ้าภาพ  ส่วนช่อง “พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ทรงรับเป็นเจ้าภาพ  นอกจากนี้ มีพระบรมวงศานุวงศ์ และผู้มีจิตศรัทธารับเป็นเจ้าภาพ

สำหรับหินอ่อนที่ประดับตกแต่งพระอุโบสถ พระระเบียง ตลอดจนสถานที่อื่น ๆ สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  ทรงวัดขนาดทำแบบส่งไปเป็นตัวอย่าง เรียกประกวดราคาโดยตรงจากบริษัทขายหินอ่อน ประเทศอิตาลี ในการออกแบบประดับหินอ่อน มีวิศวกรและสถาปนิกชาวอิตาเลียน จากกรมโยธาธิการ ร่วมดำเนินการด้วย คือ วิศวกร อัลเลกริ (Carlo Allegri) ประสานงานสั่งซื้อหินอ่อน,  สถาปนิก ตะมาโย (Mario Tamagno) เป็นผู้ช่วยเขียนแบบบางส่วน 

หินอ่อนทั้งหมดสั่งซื้อและเรียกประกวดราคาไปหลายแห่ง ส่วนหนึ่งเป็นหินอ่อนจากห้างโนวี ยัวเสปเป้ (Novi Guiseppe) เมืองเจนัว กับหินอ่อนจากเมืองคาร์รารา (Carrara) ประเทศอิตาลี ที่ถือว่าเป็นเมืองที่มีหินอ่อนมากและดีที่สุด มีเอกสารหลักฐานการสั่งซื้อมากมายเป็นหลักฐาน มิใช่เป็นหินอ่อนที่เหลือจากสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคมตามที่หลายคนเข้าใจและเขียนเผยแพร่อยู่ในหนังสือต่าง ๆ  ช่วงแรกมีมิสเตอร์ มูโซ่ (Mr. L. Mosso) ซึ่งเป็นช่างจากบริษัทขายหินอ่อนเป็นนายช่างประดับหินอ่อน และมีช่างคนไทยเป็นลูกมือ

เมื่อมีการจัดระเบียบพระอารามหลวง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2458 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ดังนั้น ชื่อวัดจึงมีสร้อยนามต่อท้ายด้วยว่า “ราชวรวิหาร” ดังเช่นในปัจจุบัน

วันที่ 1 มิถุนายน รัฐบาลเริ่มผ่อนปรนมาตรการระยะ 3 ให้กิจการ/กิจกรรม หลายประเภทเปิดดำเนินการได้ รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัดที่ผ่อนคลายมากขึ้น และชายหาดที่ให้ประชาชนเข้าไปพักผ่อนได้

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกันนักท่องเที่ยวที่แห่กันไปเต็มชายหาด เพราะเสี่ยงที่โควิด-19 จะแพ่ระบาด

ลองไปดูว่าชายหาดยอดฮิตของเมืองไทย หลังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการได้ มีมาตรการอย่างไรบ้างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ชายหาดบางแสน” สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ จ.ชลบุรี ที่ต้องปิดนานกว่า 2 เดือนเศษ เพื่อป้องกันแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มทดลองเปิดชายหาดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน

แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวแห่กันไปเที่ยวจนแน่นหาด และถนนชายหาดบางแสนเต็มไปรถต่างๆ

ณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จึงประสานงานกับตำรวจ สภ.แสนสุข สั่งปิดถนนบริเวณชายหาดทันที โดยให้ไปใช้เส้นทางบางแสนสาย 2 แทน ทำให้นักท่องเที่ยวบางคนเสียความรู้สึก เพราะตั้งใจมาพักผ่อน แต่ต้องเดินทางกลับด้วยความผิดหวัง

จากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ตำรวจ สภ.แสนสุข และตัวแทนจากสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ร่วมหารือเร่งหามาตรการก่อนเปิดชายหาดบางแสนอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มิถุนายน

“ณรงค์ชัย” เผยว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่มีนักท่องเที่ยวแห่มาเที่ยวชายหาดบางแสนกันมากมาย จึงประชุมหามาตรการป้องกันคือ เมื่อรถเข้ามาเต็มชายหาดแล้ว ให้ปิดถนนชายหาดบางแสน ไม่ใช่ปิดชายหาด โดยให้ไปใช้ถนนบางแสนสาย 2 แทน แล้วให้เดินลงชายหาดบางแสน เป็นการลดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อให้รักษาระยะห่างได้ ซึ่งชายหาดบางแสนสามารถรองรับคนได้ประมาณ 20,000 คน

“ส่วนมาตรการป้องกันโควิด ทางเทศบาลเมืองแสนสุขจัดให้มีจุดคัดกรอง 14 จุด และต้องเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีช่องทางจำนวนมากที่จะเข้าสู่ชายหาดบางแสน และยังเพิ่มมาตรการก่อนเข้าไปนั่งเตียงผ้าใบให้วัดอุณหภูมิอีกครั้งหนึ่ง พร้อมลงชื่อ และเวลาเข้า-ออก หากนักท่องเที่ยวไม่สวมหน้ากากอนามัย จะไม่ให้เข้าชายหาด รวมทั้งกำชับให้ร้านค้าทำความสะอาดร้านค้าด้วย นอกจากนี้ เน้นย้ำห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่ม หากพบจะจับกุมทันที รวมทั้งการสูบบุหรี่บริเวณชายหาดด้วย” นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุขตอกย้ำ

ส่วนชายหาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจนวิทย์ ผลิศักดิ์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอหัวหิน ให้ข้อมูลว่า ชายหาดหัวหินด้านหน้าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ต้องเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ โดยฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเทศกิจเทศบาลเมืองหัวหิน ลงพื้นที่ให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวว่าต้องสวมหน้ากาก ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งจัดระเบียบร้านนวดชายหาด และผู้ประกอบการอื่นๆ ให้เข้มงวดกับมาตรการป้องกันโควิด-19

หลังหารือร่วมกับ นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน จึงกำหนดมาตรการร่วมกันเพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยว ที่จะลงไปพักผ่อนตากอากาศหรือลงเล่นน้ำทะเลที่ชายหาดหัวหิน ด้านหน้าโรงแรมเซ็นทาราฯ

“ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนเป็นต้นไป ผู้ประกอบการร้านค้าชายหาด ผู้ให้บริการม้าชายหาด รวมทั้งนักท่องเที่ยวทุกรายต้องลงทะเบียนแจ้งชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่จุดคัดกรอง จากนั้นตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และต้องสวมแมสก์ขณะเดินบนชายหาด โดยมีเจ้าหน้าที่เทศกิจคอยตักเตือนอย่างเข้มงวด พร้อมปิดป้ายประกาศแนวทางการปฏิบัติ” เจนวิทย์ระบุ

ที่ จ.ภูเก็ต ภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าฯภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ออกคำสั่งให้เปิดชายหาดทุกแห่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค อาทิ ให้ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการจัดกิจกรรมและให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน

ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ลูกจ้าง ผู้ใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ให้เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น พร้อมให้คำแนะนำสื่อประชาสัมพันธ์เสียงตามสายแก่นักท่องเที่ยวทราบขั้นตอนวิธีการปฏิบัติตน ขณะใช้บริการ และมีมาตรการติดตามข้อมูลของผู้ที่มาใช้บริการลงทะเบียนเข้าออกสถานที่

สำหรับนักท่องเที่ยว ให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่บริเวณชายหาด ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าและออกจากสถานที่ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร ทั้งบนบกและในน้ำ และลดการตะโกนระหว่างเล่นน้ำ

น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ระบุว่า ช่วงที่ประกาศปิดชายหาดหาดป่าตอง ทางเทศบาลเมืองป่าตองได้ประชุมกับผู้ประกอบการชายหาดทุกอาชีพ ทั้งผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาด นวด เจ็ตสกี พาราเซลลิ่ง ฯลฯ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนล่วงหน้า เพื่อเตรียมการเปิดหาด โดยทำความเข้าใจร่วมกันในมาตรการต่างๆ ของทางจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุข จนเป็นที่เข้าใจเป็นอย่างดี และทุกฝ่ายพร้อมใจดำเนินมาตรการอย่างเคร่งครัด

หาดป่าตอง ในขณะนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา มีเพียงนักท่องเที่ยวที่สมัครใจอยู่ต่อแค่บางส่วน รวมถึงประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ ประกอบกับขณะนี้เป็นช่วงมรสุม มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับคลื่นลมแรง ดังนั้น ถึงแม้จะเปิดชายหาดก็ไม่มีนักท่องเที่ยวหรือประชาชนออกมารวมตัวจำนวนมากเหมือนชายหาดในจังหวัดอื่นๆ จะมีเพียงคนบางส่วนที่คิดถึงชายหาดขับรถแวะเวียนมาดู มาถ่ายภาพ หรือทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้หายเหงาก่อนเดินทางกลับ

ช่วงที่ปิดชายหาด ทางเทศบาลได้วางมาตรการ สำหรับเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ในการสอดส่งดูแล คอยตักเตือนเรื่องการรักษาระยะห่าง ขณะที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวก็ทราบดีว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมาพื้นที่ป่าตองเป็นพื้นที่สีแดงในการแพร่ระบาด

ส่วนที่นายกฯมีความห่วงใยและสั่งการให้จัดโซนกิจกรรมบนชายหาด เช่น โซนร้านค้า โซนจำหน่ายอาหาร โซนเล่นน้ำ เพื่อเว้นระยะห่างลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดนั้น ที่ผ่านมาพื้นที่หาดป่าตองและหาดต่างๆ ในภูเก็ต จัดระเบียบชายหาดตามคำสั่ง คสช.และคำสั่งจังหวัดภูเก็ตอยู่แล้ว โดยกำหนดโซนร่มเตียงชายหาด โซนหมอนวด อย่างชัดเจน ส่วนร้านขายของบนชายหาดไม่มี มีเพียงแม่ค้าหิ้วกระติกซึ่งปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด

“ส่วนการกำหนดจุดเล่นน้ำนั้น ขณะนี้อยู่ในช่วงมรสุม ทางเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดต้องปักธงแดงห้ามลงเล่นน้ำ หากคลื่นลมสงบ ก็ต้องพิจารณากำหนดโซนให้ชัดเจนต่อไป” นายกเทศมนตรีเมืองป่าตองระบุ

เป็นแนวปฏิบัติบางส่วนของชายหาดยอดฮิตเมืองไทย เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยว เข้าใช้บริการพักผ่อนหย่อนใจอีกครั้ง ที่ปลอดภัยจากเชื้อโควิด

ที่มา : มติชนออนไลน์

จ่อคลายล็อก ต่างชาติคัมแบ็กเที่ยวไทย เตรียมเริ่มก.ค.-ก.ย. ช่วงไตรมาส 3-4 คลังออกแผนกระตุ้น หวังเม็ดเงินท่องเที่ยวหล่อเลี้ยง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลัง โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ร่วมเข้าประชุมว่า

หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการคลายล็อกดาวน์ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการฟื้นการท่องเที่ยวของไทย แต่การเปิดให้นักท่องเที่ยงเข้ามา ต้องเลือกสรรอย่างดี ประเทศที่จะจับคู่กัน ต้องปลอดจากการระบาดของโควิด-19 พอสมควร

“การให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย ไม่จำเป็นต้องเปิดให้ต่างชาติเข้าทั้งประเทศ สามารถเลือกเป็นเมือง หรือมณฑล เชื่อมโยงระหว่างคนกับพื้นที่ ต้องติดตามให้ดี มีระบบดิจิทัล ต้องค่อยๆ เปิด จะมีต่างประเทศเข้ามาเที่ยวไทยในไตรมาส 3-4”นายสมคิดกล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้การกระตุ้นการบริโภค และท่องเที่ยวสำคัญมาก เพราะโลกตอนนี้การส่งออกหวังพึ่งไม่ได้ ดังนั้นการบริโภคในประเทศ จะได้เห็นมาตรการใหม่ของคลัง กระตุ้นคนมีอำนาจซื้อไปจับจ่ายใช้สอยออกมาไตรมาส 3 บวกกับของการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศดี โรงแรมเต็มเกือบ 100% คนอยากออกไปเที่ยว การคลายล็อกของศบค.เริ่มคลาย แต่มาตรการให้คน กทม. ออกไปต่างจังหวัด ต้องมีมาตรการออกมาเพิ่ม เพื่อให้เม็ดเงินท่องเที่ยวหล่อเลี้ยงไตรมาส 3-4 ได้

มาตรการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นการบริโภค ต้องเตรียมไว้ในไตรมาส 3-4 อย่างน้อยๆ หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะผ่อนคลายและประคองเศรษฐกิจได้ถึงต้นปีหน้า การคิดต้องคิดเป็นรายไตรมาส ปีหน้าหวังส่งออกดีขึ้น ท่องเที่ยวดีขึ้น ถ้ายังไม่ดี คลังเตรียมตัวล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร มีเงินเยียวยาประชาชนได้อย่างไร คิดก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาต้องมาพูดกัน

นายสมคิด กล่าวว่า ได้ฝากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะเริ่มให้หน่วยงานส่งเรื่องเข้ามา ขอใช้เงินจากพระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนการฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท ขอให้เร่งพิจารณา แต่โครงการใดที่ไม่มีคุณภาพไม่ต้องให้ ให้แต่ที่มีคุณภาพ เงินไม่หมดไม่เป็นไร ปรับเป็นเงินเยียวยาได้ เมื่อรวมกับหน่วยงานต่าง ๆ เชื่อ ไตรมาส 3 เม็ดเงินจะลงไปหล่อเลี้ยงได้พอสมควร

เมื่อการเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก ต้องอยู่ในบ้านจนเบื่อ อาการที่หลายคนเป็นเหมือนกันคือ โหยหาการท่องเที่ยว อยากออกไปท่องโลก อยากไปดูอะไรสวย ๆ งาม ๆ แต่ด้วยความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน เราต่างก็รู้ว่าสิ่งที่โหยหากันอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้จนกว่าไวรัสตัวร้ายจะสิ้นฤทธิ์ และโรคระบาดเลิกระบาดซะก่อน

ในเมื่อออกไปไหนไม่ได้ แต่ความอยากท่องเที่ยวยังมีอยู่อย่างเปี่ยมล้นเต็มหัวใจ “ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” ขอชวนไปท่องเที่ยวแบบ virtual tour หรือท่องเที่ยวแบบเสมือนจริงผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเลต หรือสมาร์ทโฟนแก้ขัดไปก่อน ซึ่งสถานที่ที่จะชวนเที่ยวแบบ virtual tour ในครั้งนี้ เป็นพระราชวังยอดนิยมระดับโลก 5 แห่ง ที่ล้วนแต่เป็น attraction ประจำประเทศนั้น ๆ ทั้งพระราชวังวินด์เซอร์ พระราชวังแวร์ซายส์ พระราชวังแคทเธอรีน ปราสาทนอยชวานสไตน์ และพระราชวังบักกิ้งแฮม

ถึงแม้การเที่ยวแบบเสมือนจริงจะสัมผัสความสวยงามได้ไม่เท่าการไปเห็นของจริงด้วยตาตัวเอง แต่ก็พอให้เพลิดเพลินได้ในช่วงเวลาอันน่าเบื่อนี้ และยังได้เปิดมุมมองที่เราอาจจะไม่เห็นในการไปเยือนสถานที่จริงด้วย ถ้าพร้อมสนุกแล้วก็คลิกลิงก์ตามนี้เลย…

พระราชวังวินด์เซอร์ ประเทศอังกฤษ

https://www.royal.uk/virtual-tours-windsor-castle

ปราสาทวินด์เซอร์ หรือพระราชวังวินด์เซอร์ของราชวงศ์อังกฤษ เป็นปราสาทเก่าแก่อายุ 1,000 ปี อยู่คู่ราชวงศ์อังกฤษต่อเนื่องมาหลายราชวงศ์ ปัจจุบันนับว่าเป็นปราสาทเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีคนอาศัยอยู่จริง โดยทุก ๆ ปีในช่วงวันอีสเตอร์ (อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน) สมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรจะทรงแปรพระราชฐานไปประทับที่นี่ตลอดทั้งเดือน หรืออาจจะประทับในช่วงเวลาอื่น ๆ ตามพระราชประสงค์ ซึ่งถ้าหากว่าสมเด็จพระราชินีประทับอยู่ที่ปราสาท จะมีการเชิญธงประจำพระองค์ขึ้นสู่ยอดเสาธงบนหอกลมของปราสาท เป็นสัญลักษณ์ที่สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าสมเด็จพระราชินีประทับอยู่ที่นี่หรือไม่

virtual tour ของพระราชวังวินด์เซอร์ในเว็บไซต์ของราชวงศ์อังกฤษเปิดให้เข้าชมได้เพียง 3 ส่วนเท่านั้น คือ ห้องจัดเลี้ยง (State Banquet) ในเซนต์จอร์จฮอล, ห้อง Waterloo Chamber และห้อง Crimson Drawing Room แต่แค่นี้ก็พอให้เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ ความวิจิตร และความหรูหรา สมกับเป็นปราสาทของราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน

ในระหว่างทัวร์จะเห็นไอคอนตัว i ปรากฏอยู่ตามจุดสำคัญ ๆ ถ้ากดเข้าไปดูก็จะมีข้อมูลต่าง ๆ อธิบายให้เรารู้และเข้าใจว่าจุดไหนคืออะไร สำคัญอย่างไร

พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส

https://artsandculture.google.com/project/versailles

Chateau de Versailles พระราชวังหินอ่อนสีขาวที่สร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกเมื่อปี 1979 และเป็นหนึ่งในพระราชวังที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากถึงปีละประมาณ 5 ล้านคน แต่อย่างที่รู้ ๆ กัน ตอนนี้มีเงินแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าไปชมได้ บริการ virtual tour จึงพอจะเป็นตัวช่วยได้ในระหว่างนี้

บริการ virtual tour ของพระราชวังแวร์ซายส์เป็นส่วนหนึ่งในเว็บไวต์ Google Arts & Culture ของ Google ที่รวบรวมข้อมูลและบริการจากพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุชั้นนำกว่า 2,000 แห่งมานำเสนอไว้ในที่เดียว ซึ่งเฉพาะในหน้าของพระราชวังแวร์ซายส์นี้มีข้อมูลเยอะมาก ๆ จัดแยกหมวดหมู่ต่าง ๆ ไว้ชัดเจน แต่ด้วยความที่แยกย่อยมาก ๆ ก็ทำให้ดูยากไปนิด

บนหน้าเว็บตามลิงก์ที่เราให้ไป มีเนื้อหาตั้งแต่ภายนอกอาคารไปจนถึงห้องต่าง ๆ ภายใน โดยแยกเป็นส่วน ๆ อย่างละเอียด ซึ่งในแต่ละส่วนนั้นมี virtual tour กำกับอยู่ด้วยทั้งหมด โดยมีทั้งรูปแบบภาพ 3D และ street view แต่ถ้าอยากจะเข้าสู่ทัวร์ห้องต่าง ๆ ในรูปแบบ street view สามารถไปทางลัดได้โดยกด Explore ที่แถบด้านบน ก็จะเดินเข้าออกห้องนั้นเชื่อมต่อห้องนี้ได้ใกล้เคียงกับการได้ไปเดินชมอยู่ในนั้นจริง ๆ

พระราชวังแคทเธอรีน ประเทศรัสเซีย

https://artsandculture.google.com/entity/catherine-palace/m038dxx

พระราชวังสีฟ้า-ทองสไตล์ Rococo ในเมืองพุชกิ้น ประเทศรัสเซีย หนึ่งในพระราชวังโด่งดังอันดับต้น ๆ ของโลก เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์โรมานอฟ ที่พระนางเจ้าแคทเธอรีน พระมเหสีของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1717 ตอนแรกสร้างเป็นเพียงพระราชวังเล็ก ๆ แต่ต่อมาในสมัยพระราชธิดาของพระองค์โปรดให้ขยาย และมีการต่อเติมเรื่อยมาหลายครั้งจนใหญ่โตอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความหรูหรานั้นลดลงมากเมื่อเทียบกับสมัยที่รัสเซียเรืองอำนาจและราชวงศ์โรมานอฟยังร่ำรวยมั่งคั่ง ว่ากันว่าในสมัยนั้นสิ่งของและลวดลายปูนปั้นในพระราชวังทำจากทองคำแท้แทบทั้งหมด

virtual tour พระราชวังแคทเธอรีนก็เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ Google Arts & Culture แต่มีข้อมูลน้อยมาก เพียงเข้าไปหน้าเว็บตามลิงก์ก็จะเห็นหน้าเว็บสุดแสนจะเรียบง่าย มีเพียงภาพใหญ่หนึ่งภาพ และด้านล่างฝั่งซ้ายมือมีรูปกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งมีตัวไอคอนรูปคนอยู่สีเหลือง ๆ กดเข้าไปตรงนั้นก็จะได้ชมพระราชวังสีฟ้าอันสวยงาม ด้วยเทคโนโลยี street view ของ Google อีกเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังดูได้แค่ภายนอกอาคารเท่านั้น ส่วนภายในที่เต็มไปด้วยลวดลายปูนปั้นสีทองอันวิจิตรบรรจง และภาพจิตรกรรมสวย ๆ ทั้งที่ประดับประดาตามฝาผนัง และเต็มฝ้าเพดาน ยังไม่สามารถเข้าชมได้

ปราสาทนอยชวานสไตน์ ประเทศเยอรมนี

https://www.airpano.com/360photo/Neuschwanstein-Germany-Virtual-Tour/

ปราสาทนอยชวานสไตน์ตั้งยู่บนเทือกเขาแอลป์ เป็นปราสาทที่คนรู้จักมากที่สุดในโลก และเป็นต้นแบบของปราสาทดิสนีย์อันคุ้นตา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย รัฐที่มั่งคั่งร่ำรวยซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของเยอรมนี

ด้วยความสวยงามของปราสาทและทำเลที่ตั้งที่เสริมความสวยงามแก่กันและกัน ทำให้ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเยอรมณี มีนักท่องเที่ยวไปเยือนปีละประมาณ 1.4 ล้านคน

virtual tour ปราสาทนอยชวานสไตน์ สร้างสรรค์โดย Airpano นำเสนอออกมาเป็นภาพวิดีโอ 360 องศา ที่ดูสวยงาม คมชัด และสมจริงที่สุด ที่สำคัญคือเป็นภาพมุมสูงและภาพกว้าง เห็นทัศนียภาพ ความสวยงามของปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ท่ามกลางแมกไม้ในช่วงฤดูกาลต่าง ๆ และเห็นท้องทุ่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอยู่เบื้องล่าง ซึ่งภาพที่เห็นในนี้เป็นมุมมองที่เราจะไม่ได้เห็นเลยถ้าเดินทางไปด้วยตัวเอง

ภาพวิดีโอมีให้เลือกมากถึง 10 คลิป ในช่วงฤดูกาลและสภาพอากาศที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นปราสาทท่ามกลางภูเขาสีเขียว ปราสาทในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาทในม่านหมอกสีขาวโพลน และปราสาทท่ามกลางหิมะที่สวยงามและเย็นยะเยือก ซึ่งในแต่ละคลิปนั้นเราจะปล่อยวิดีโอเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ได้ มันจะพาเราหมุนวนจนครบทุกมุมมอง แต่ถ้าอยากเล่น อยากเลือกมุม ขยับองศาด้วยตัวเอง อยากซูมเข้าซูมออก ก็เลือกได้ แถมยังมีเสียงดนตรีคลาสสิกประกอบเพิ่มความหรูหราด้วย

ในส่วนการให้ข้อมูลก็มีไอคอน ? เมื่อเอาเมาส์ไปชี้ก็จะแสดงข้อมูลบอกเราว่าจุดไหนคืออะไร

พระราชวังบักกิ้งแฮม ประเทศอังกฤษ

https://www.royal.uk/virtual-tours-buckingham-palace

พระราชวังบักกิ้งแฮม หนึ่งสถานที่ยอดนิยมแห่งกรุงลอนดอน เป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชวงศ์อังกฤษมาตั้งแต่ปี 1837 และเป็นสำนักงานของสำนักพระราชวังอังกฤษด้วยในขณะเดียวกัน

ด้วยความที่เป็นที่ประทับของพระราชินีและพระราชวงศ์ในปัจจุบัน จึงไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนอย่างพระราชวังอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในหนึ่งปีจะมีการเปิดห้อง State Room ที่ใช้จัดงานอีเวนต์และงานเลี้ยงรับรองให้เข้าชมได้ในช่วงฤดูร้อน

พระราชวังบักกิ้งแฮมมีห้องพักมากถึง 775 ห้อง เป็น state room 19 ห้อง ห้องนอนของราชวงศ์และแขก 52 ห้อง ห้องนอนพนักงาน 188 ห้อง สำนักงาน 92 ห้อง และห้องน้ำ 78 ห้อง อาคารมีความกว้าง 108 เมตร ลึก 120 เมตร และสูง 24 เมตร

virtual tour พระราชวังบักกิ้งแฮมในเว็บไซต์ของราชวงศ์อังกฤษ เปิดให้ชมความงามของบันได Grand Staircase, White Drawing Room, Throne Room และ Blue Drawing Room นำเสนอเป็นภาพถ่าย 360 องศา ให้หมุนมุมมองได้ ซูมเข้า ซูมออกได้ แต่ยังเป็นแบบที่เรียบง่ายมาก เราจะเปลี่ยนตำแหน่งที่ยืนก็ยังไม่ได้ 

ยังไงก็เถอะ การได้เห็นภาพภายในพระราชวังที่ปกติไม่ได้เปิดให้เข้าชม แค่นี้ก็ถือว่าพอใช้ได้แล้ว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ผู้เขียน : รุ่งนภา พิมมะศรี

“พิพัฒน์” เตรียมเสนอที่ประชุม ศบค.ศุกร์นี้ปลดล็อกท่องเที่ยวในประเทศทั้งหมด อนุญาตข้ามจังหวัด-เปิดโรงแรม-ร้านอาหาร-สถานที่ท่องเที่ยวยกแผง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคมนี้เตรียมที่จะนำวาระปลดล็อกการท่องเที่ยวภายในประเทศเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) เพื่อหาแนวทางในการปลดล็อกภาคธุรกิจท่องเที่ยวในวันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป

พิพัฒน์ รัชกิจประการ

“สำหรับแนวทางการปลดล็อกนั้นเราจะเสนอให้แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะอนุญาตให้มีการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคก่อน โดยจะทดลองเป็นเวลา 15 วัน ก่อนที่จะปลดล็อกให้มีการท่องเที่ยวทั่วประเทศในระยะที่ 2 ต่อไป” นายพิพัฒน์กล่าว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกรวม ทำให้รัฐบาลหลายประเทศออกมาตรการที่จะมาฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ในส่วนของประเทศไทยนั้น ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในด้านต่างๆ ตามกรอบวงเงิน 400,000 ล้านบาท จากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 1 ล้านล้านบาทนั้น สศช.เรียกหน่วยงานต่างๆ มารับฟังข้อมูลเรื่องระยะเวลาทำงานและการคัดเลือกโครงการต่างๆ ที่จะเปิดให้หน่วยงานราชการไปจัดทำโครงการและยื่นข้อเสนอมาให้กลั่นกรองก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยกำหนดว่าเงินกู้จะเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภายในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 หรือตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องไปถึงงบประมาณรายจ่ายปี 2564-2565

นายทศพรกล่าวว่า สำหรับกรอบโครงการต่างๆ ตามวงเงิน 400,000 ล้านบาท ต้องเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.แผนงานหรือโครงการลงทุนและกิจกรรมการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 2.แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน 3.แผนหรือโครงการเพื่อส่งเสริมกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน และ 4.แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในส่วนของหลักคิดการสร้างเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่หลังโควิด-19 จุดแข็งของประเทศไทยคือเรื่องสาธารณสุขของไทยที่ค่อนข้างดีมาก โดยจะใช้เรื่องนี้ในการดึงดูดให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทยก่อนในระยะแรก

เน้นศก.ชุมชนมีวงเงินราว 2 แสนล.

“บทเรียนจากโควิดในครั้งนี้ เมื่อการท่องเที่ยวมีผลกระทบอย่างมาก เดิมมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 40 ล้านคน มีเงินตราต่างประเทศเข้ามา มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท พอไม่มีรายได้เข้ามาหลายกิจการก็ต้องปิดตัวลง ผู้ที่ทำงานในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องก็ต้องกลับภูมิลำเนา ฉะนั้น เราจะต้องส่งเสริมการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนกลุ่มนี้ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจชุมชน ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณประมาณ 50% หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด อาทิ การผลักดันในเรื่องของการเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนมากขึ้น, การสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และการส่งเสริมเรื่องการตลาด รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มต่างๆ ให้มีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวกมากขึ้น เป็นต้น” นายทศพรกล่าว

ลดราคาที่พัก-ร้านอาหาร 50%

นายทศพรกล่าวว่า ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ตอนนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ระหว่างการจัดทำแพคเกจกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยจะเริ่มจากการส่งเสริมไทยเที่ยวไทย อาทิ การจัดโปรโมชั่นลดราคาที่พักให้กับลูกค้า 40-50% โดยส่วนที่ลดทางรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายให้กับโรงแรมที่พัก หรือร้านอาหาร เพื่อให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้รับค่าโรงแรมเท่าเดิม และอาจมีการคืนภาษีให้ เป็นต้น ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงไอเดียเท่านั้น ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะใช้เป็นแพคเกจใด แต่ในช่วงแรกอาจจะเน้นดึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาเที่ยวก่อน เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าในส่วนของการท่องเที่ยวในประเทศจะมีการขับเคลื่อนแบบเร็วที่สุด ในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 นี้

ททท.ถกคลังออกคูปองหนุนเที่ยว

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญในตอนนี้จึงต้องเร่งเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเพื่อช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตในช่วงนี้ไปให้ได้ก่อน รัฐบาลจึงมีแนวคิดในการขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสได้ดี โดยการสนับสนุนให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ททท.จึงเตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับข้อเสนอโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินก้อน 400,000 ล้านบาท ในการสนับสนุนแพคเกจกระตุ้นการท่องเที่ยว ในวันที่ 26 พฤษภาคม อาทิ การออกคูปองให้เดินทางท่องเที่ยว อาจจะเป็นจ่ายแค่ครึ่งราคา โดยรัฐบาลจะอุดหนุนส่วนต่างดังกล่าวให้ผู้ประกอบการ เบื้องต้นประเมินว่าจะครอบคลุมระยะเวลา 4 เดือน ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายนนี้ เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนไปสู่ผู้ประกอบการโดยเร็วที่สุด แต่รายละเอียดรูปแบบของแพคเกจยังไม่ชัดเจน ต้องหารือกับกระทรวงการคลังให้ชัดเจนก่อน

“ต้องหาวิธีทำให้ผู้ประกอบการสามารถชะลอผลกระทบและพยุงตัวเองผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ก่อน ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดเพราะต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่จะใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินก้อน 4 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ส่วนการปลดล็อกภาคการท่องเที่ยว จะต้องเปิดแบบเป็นขั้นเป็นตอน และเปิดด้วยความระมัดระวัง ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐก่อน” นายยุทธศักดิ์กล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์