ช็อกโกแลตถือเป็นขนมหวานยอดนิยมที่หลายๆ คนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตแบบแท่งที่สามารถทานได้เลยแบบเพียวๆ หรือจะใช้เป็นส่วนผสมในขนมหรือเครื่องดื่มต่างๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ก็มีบางคนสงสัยว่า การทานช็อกโกแลตเยอะๆ จะทำให้เป็นสิวไหม? หากคุณอยากรู้ เรามีคำตอบให้ค่ะ

ทานช็อกโกแลตแล้วจะทำให้เป็นสิวจริงไหม?

บอกเลยค่ะว่า “ไม่จริง” ช็อกโกแลตไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดสิว เพราะช็อกโกแลตมาจากการผสมกันของเมล็ดโกโก้กับเนยโกโก้ แต่ส่วนประกอบอื่นๆ ต่างหากล่ะที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องสิว ซึ่งนั่นก็คือ น้ำตาลและนมที่ผสมเข้าไปในช็อกโกแลต เมื่อเราบริโภคน้ำตาลเข้าไปในปริมาณสูงๆ จะทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้เกิดผลข้างเคียงก็คือ ผิวหนังจะแบ่งตัวเร็วขึ้น และมีความหนามากขึ้น มีผลทำให้รูขุมขนแคบลง และก่อให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขนได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวนั่นเองค่ะ ส่วนนมก็มีไขมัน และไขมันนี่แหละที่จะทำให้ร่างกายเราหลั่งไขมันออกมาทางรูขุมขนมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายค่ะ

สรุปก็คือ ช็อกโกแลตไม่ได้ทำให้เกิดสิว แต่เป็นส่วนผสมที่ผสมเข้าไปในช็อกโกแลตต่างหากล่ะ ที่ทำให้เราเป็นสิว

ช็อกโกแลตบางชิ้นที่ห่อไว้ด้วยกระดาษฟอยล์สีสันลวดลายสดใส ช่วยทำให้ช็อกโกแลตทั้งกล่องดูสวยงามน่าหม่ำขึ้นมาก แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้ผลิตเลือกห่อช็อกโกแลตบางชิ้นคือกักกันกลิ่น เนื่องจากไส้ของช็อกโกแลตบางชนิดมีรสชาติ และกลิ่นค่อนข้างแรง อย่างช็อกโกแลตที่ใส่เหล้า จึงต้องห่อไว้เพื่อป้องกันไม่ให้รสชาติและกลิ่นนั้นถูกดูดกลืนไป อีกทั้งฟอยล์ยังช่วยป้องกันช็อกโกแลตไม่ให้สัมผัสกับออกซิเจนและความชื้น ทำให้เก็บไว้ได้นานมากขึ้น

ที่มา : แม่บ้าน

“ช็อกโกแลต” ขนมหวานในดวงใจของใครหลายคน เพราะความหวานและความขมของมันนี่แหละ ถึงทำให้กลายเป็นแขกรับเชิญยอดฮิตในช่วงเทศกาล เพราะเปรียบเสมือนรสชาติแห่งความรักที่มีทั้งหวานทั้งขมปนๆ กันไป บางทีก็มีรสชาติอื่นๆ มาเติมเต็ม ซึ่งเจ้าช็อกโกแลตเนี่ย ก็มีหลากหลายประเภทแตกต่างกันออกไป วันนี้เลยจะชวนไปทายนิสัยเรื่องรักๆ จาก “ช็อกโกแลต” ในแบบที่คุณเลิฟกันค่ะ หากคุณชอบช็อกโกแลตแบบนี้ ความรักของคุณมักจะเป็นแบบไหนกันนะ ไปดูกัน

ดาร์กช็อกโกแลต
ถึงแม้ดาร์กช็อกโกแลตจะมีรสขม แต่ก็เป็นช็อกโกแลตที่มีประโยชน์มากที่สุด ทำให้คนที่ชอบกินช็อกโกแลตชนิดนี้ มักเป็นคนที่เก่ง มีความคล่องแคล่วสูง และดูน่าเชื่อถือ แก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีชั้นเชิง ดูลึกลับ สุขุมและเป็นผู้ใหญ่ ทำให้ความมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบนี้ดึงดูดให้ใครหลายคนอย่างเข้ามาทำความรู้จัก และค้นหาตัวตนที่เป็นคุณ แต่ก็นั่นแหล่ะ ถึงแม้จะตกหลุมรักง่ายแต่คุณมักจะขาดความอดทน ไม่ชอบรอคอยที่จะทำความรู้จักกับอะไรนานๆ ทำให้บางทีคนที่เข้ามาก็อาจจะหายไปเพราะความใจร้อน หรือต้องจบความสัมพันธ์เพราะรู้จักกันไม่ดีพอ

ไวท์ช็อกโกแลต
สำหรับใครที่ชอบไวท์ช็อกโกแลต คุณมักจะเป็นคนที่อ่อนโยน และมองโลกในแง่ดีเอามากๆ มักจะเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย แต่มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นอยู่ในตัว แถมยังโรแมนติกมากทีเดียวเชียวล่ะ แต่คนเหล่านี้มักจะโสดได้ไม่นาน เพราะพื้นฐานเป็นคนมีเสน่ห์และเข้าสังคมเก่ง จึงทำให้มีคนมารุมรักคุณอยู่เรื่อยๆ แบบนี้สิ เริ่ดสุด!

ช็อกโกแลตมิ้นต์
คนที่ชอบช็อกโกแลตมิ้นต์ มักเป็นบุคคลที่มีรสนิยมดี ดูน่าค้นหาเพราะไม่นิยมเข้าสังคมสักเท่าไหร่นัก ทำให้ใครๆ ก็ต่างมองว่าเป็นคนลึกลับซะเหลือเกิน เพราะความไม่ชอบเข้าสังคมแบบนี้ทำให้คุณเป็นคนไม่ชอบอยู่ในกรอบ และกฎเกณฑ์ของใคร รักความเป็นอิสระ และไม่ชอบถูกบังคับ เพราะฉะนั้นความรักของคุณมักจะเป็นความรักแบบเรียบง่าย ไม่โลดโผน เพียงแค่เป็นตัวของตัวเอง รู้จักเข้าอกเข้าใจกัน เพียงเท่านี้คุณก็มีความสุขแล้ว

ช็อกโกแลตสตรอว์เบอร์รี
การมอบความสุขให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ คือสิ่งที่คนชอบช็อกโกแลตสตรอว์เบอร์รีชอบทำ ใครที่ชอบช็อกโกแลตชนิดนี้ มักจะเป็นคนที่ชอบความตื่นเต้นและความท้าทาย กล้าเสี่ยงกล้าลองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวเอามากๆ เลยทีเดียว ไม่เคยละทิ้งโอกาสอะไรดีๆ ที่เข้ามา ทำให้คนเหล่านี้มักไม่พลาดที่จะเข้าไปทำความรู้จักคนที่เขารู้สึกสนใจ ทั้งในฐานะเพื่อนหรือคนรู้ใจ ไม่ว่าสถานะไหน แต่หากได้รู้จักคนที่เข้ากันได้ดี เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกดีมากๆ แล้วล่ะ เพราะคนเหล่านี้มักห่วงความรู้สึกคนอื่นอยู่เสมอ จึงไม่ค่อยจะกดดันหรือเร่งรัดกับความรู้สึกใคร ทำให้คนรอบข้างมีความสุขทุกครั้งที่ได้รู้จักหรือพูดคุย

ช็อกโกแลตคาราเมล
กลิ่นหอมหวนชวนให้ลิ้มลองของช็อกโกแลตคาราเมลนั้นก็เหมือนกับคาราเมลที่ให้สีสันอ่อนหวาน แต่รสชาติและกลิ่นหอมชวนให้ลองอยู่เสมอ เปรียบได้กับคนที่ชอบกินช็อกโกแลตชนิดนี้ ที่ภายนอกอาจดูเรียบง่ายแต่ภายในนั้นมีพลังงานล้นเหลือ เป็นคนที่สนุกสนานที่ชอบมองหาสิ่งใหม่ๆ มาเติมเต็มให้กับชีวิตตนเอง ไม่ชอบความซ้ำซากจำเจ อยากรู้ อยากลองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นคุณมักจะหลงเสน่ห์คนที่มีบุคลิกที่น่าค้นหา เพราะมักจะทำให้คุณรู้สึกสนุก และตื่นเต้น เมื่อได้ค่อยๆ ทำความรู้จักกับตัวตนของคนคนนั้น

เป็นอย่างไรบ้างคะ ตรงกันบ้างหรือเปล่า ความรักที่มักพบเจอกับช็อกโกแลตที่คุณชื่นชอบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกๆ อย่างมักขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลา ไม่ว่าวันนี้คุณจะมีคนรู้ใจหรือไม่ ความรักจะไปได้ดีแค่ไหน หากคุณทั้งคู่สามารถเข้าใจกันและกัน พร้อมมอบความรักและความเข้าใจให้กันอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ชีวิตรักของคุณยืนยาวได้แล้วล่ะค่ะ แต่ใครที่ยังไม่มีก็ยังไม่ต้องเสียใจไป วันนึงถ้าถึงเวลา ความรักดีๆ อาจจะเข้ามาหาคุณเอง โดยที่ไม่ต้องร้องขออะไรเลยก็ได้
 
ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

ช็อกโกแลตถือเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานในดวงใจของใครหลายคน เพราะนอกจากจะหวานอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลากหลายด้าน แต่! ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้นนะ ไม่งั้นน้ำหนักตัวจะพุ่งจนอ้วนแบบไม่รู้ตัว แล้วกินแบบไหนล่ะถึงจะเรียกว่ากำลังดีแล้วไม่อ้วน ก็เพียงแค่รู้จักเลือกรับประทานโดยวิธีดังนี้

1. เลือกชนิดของช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตมีหลากหลายสูตร หลากหลายยี่ห้อ เพียงแค่รู้จักเลือกทานช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตแท้ๆ โดยผสมน้ำตาลน้อย หรือไม่ผสมน้ำตาลเลยจะดีมาก แนะนำ ดาร์กช็อกโกแลต เพราะทำมาจากช็อกโกแลตแท้ที่มีรสขม มีปริมาณน้ำตาลและไขมันน้อย

2. รับประทานช็อกโกแลตอย่างพอเหมาะ

ปริมาณช็อกโกแลตที่ควรรับประทาน คือ ประมาณ 198 กรัมต่อสัปดาห์ หรือ วันละ 28 กรัม หรือเทียบเท่ากับ 1 ชิ้นเล็กๆ เพียงเท่านี้ก็ได้อร่อยกับช็อกโกแลตแล้ว ที่สำคัญยังสุขภาพดี และไม่อ้วนอีกด้วยนะ

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

หลายคนอาจเคยได้ยินสปาแปลกๆ กันมาบ้าง เช่น สปาทองคำ สปางู สปาน้ำแข็ง แต่อาจจะไม่เคยได้ยินสปาชวนน่ากินอย่าง “สปาช็อกโกแลต” มาก่อน

ร้านสปาชื่อว่า Body by Brooklyn ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้นำเสนอการนวดที่มีเอกลักษณ์สุดๆ นั่นก็คือ ใช้ช็อกโกแลตในการนวด

ขั้นตอนการนวดชวนหิวนี้จะเริ่มจากการใช้ช็อกโกแลตผสมสครับขัดที่ผิว จากนั้นจะละลายช็อกโกแลตบริสุทธิ์ให้ช็อกโกแลตพออุ่น ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความเครียด นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติจะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นอีกด้วย

ชมคลิป

This is a chocolate massage

This spa has a chocolate massage

โพสต์โดย INSIDER เมื่อ วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2017

เรียกได้ว่าคงเป็นรื่องที่ทำให้คนรักโกโก้และช็อกโกแลตคงต้องกรีดร้อง เมื่องานวิจัยชิ้นใหม่เปิดเผยว่า ต้นโกโก้จะหายไปในต้นปี 2050 สาเหตุมาจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น และสภาพอากาศที่แห้งขึ้นนั่นเอง

เรื่องดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียร์ เบิร์กลีย์ ร่วมมือกับบริษัทผลิตขนมอย่าง Mars เพื่อรักษาการปลูกโกโก้ก่อนที่จะสายเกินไป

พวกเขาจึงหาวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้เทคโนโลยีแก้ไขยีน CRISPR เพื่อให้การปลูกโกโก้รอดต่อปัจจัยท้าทายใหม่ๆ ได้

โช เมียงเจ หัวหน้าสถาบันพันธุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียร์ เบิร์กลีย์ หนึ่งในทีมนักวิจัย กล่าวว่า การแก้ไขยีนนี้จะทำให้พืชดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากในการทดลองเจริญเติบโตได้ดีทั้งหมด เมล็ดพันธุ์จากต้นในแล็บจะสามารถอยู่รอดและเจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศแห้งแล้ง หรืออุณหภูมิที่ร้อนขึ้น และจะส่งเมล็ดพันธุ์นี้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกโกโก้ต่อไป

นอกจากขอบคุณนักวิจัยแล้ว คงต้องขอบคุณเทคโนโลยี CRISPR ที่ช่วยให้การปรับแต่งดีเอ็นเอทำได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งการปรับแต่งพันธุกรรมจะช่วยให้การทำเกษตรกรรมถูกลง และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้มากที่สุดน่าจะไปอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ดินแดนที่หลายคนกังวลว่าจะอดอยาก เพราะพืชหลายชนิดอาจจะสูญพันธุ์เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังมีปัญหาศัตรูพืชที่มากขึ้นและขาดแคลนน้ำจืด

ขณะที่โกโก้เป็นพืชที่ปลูกได้บริเวณแถบแคบๆ ของโลกเท่านั้น คือบริเวณเขตร้อนชื้น หรือบริเวณ 20 องศา เหนือและใต้เส้นศูนย์สูตร เนื่องจากเป็นจุดที่อุณหภูมิ, ฝน และความชื้น คงที่ตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้ปัจจุบันโกโก้กว่าครึ่งโลกมาจาก 2 ประเทศในแอฟริกาตะวันตก คือ สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ หรือไอวอรี่โคสต์ และประเทศกานา

แต่พื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่พื้นที่ปลูกโกโก้ที่ยั่งยืนในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า เมื่อองค์การมหาสมุทรและบรรยากาศระบุว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้บริเวณที่ปลูกโกโก้อยู่ปลูกไม่ได้อีกต่อไป ส่วนบริเวณที่ปลูกได้ก็จะเขยิบไปเป็นพื้นที่ที่สูงขึ้นไป 1,000 ฟุต

บริษัทมาร์สซึ่งเป็นบริษัทที่ทำขนมที่รู้จักกันดีอย่าง สนีกเกอร์ เห็นถึงปัญหาดังกล่าว ในเดือนกันยายน บริษัทได้ให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่เรียกว่า “Sustainability in a Generation” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณคาร์บอนในภาคธุรกิจให้ได้มากกว่า 60% ในปี 2050

การร่วมกันทำงานกับมหาวิทยาลัยนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่บริษัทเข้ามาผลักดัน ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่วางแผนไว้ พวกเขาจะสามารถพัฒนาโกโก้ที่ไม่เหี่ยวหรือเน่าที่ระดับความสูงปัจจุบันได้ ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยให้ไม่ต้องเปลี่ยนพื้นที่ปลูกหรือหาพื้นที่ปลูกใหม่ๆ


 

Content Team Matichon Academy
[email protected]
0-2954-3971 ต่อ 2111
ติดตามอ่านข่าวสารได้ที่ www.matichonacademy.com

ไม่พลาดข่าวสารอาหาร ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ เกร็ดความรู้
คอร์สเรียนสนุกๆได้ประโยชน์-เสริมอาชีพ
คลิกติดตามเพจเฟซบุ๊ค MatichonAcademy