Tour Story : เรื่องราวระหว่างทัวร์

ต้องไปดู..สุดยอดโบราณวัตถุสมัยทวารวดี ณ พิพิธภัณฑ์ “พระปฐมเจดีย์ “

พระพุทธรูปสมัยทวารวดี และชิ้นส่วนต่างๆ ที่เห็นองค์ใหญ่นั้นเป็นพระพุทธรูปปางวิตรรกะ

ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นการเกิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์  จังหวัดนครปฐม

ราวๆ ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดให้มีการย้ายเมืองนครชัยศรีจากตำบลบ้านท่านา มายังบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์  โดยขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการรวบรวมโบราณวัตถุที่กระจัดกระจายอยู่ภายในแขวงมณฑลนครชัยศรี

เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น มีการรื้อทำลายโบราณสถานและโบราณวัตถุโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ ที่ตัดผ่านจังหวัดนครปฐม จึงเกิดการรื้อทำลายโบราณสถานเพื่อปรับหน้าดิน รวมถึงการนำเอาเศษอิฐจากโบราณสถานไปถมสร้างรางรถไฟด้วย ฯลฯ

ดังนั้น ในปี พ.ศ.2438 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงทรงมีพระดำริให้ทำการรวบรวมโบราณวัตถุ ในแขวงมณฑลนครชัยศรี โดยขณะนั้นเจ้าพระยาศรีวิไชยชนินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครชัยศรี  มอบให้หลวงพุทธเกษตรานุรักษ์ (จร จรณี) กับหลวงไชยราษฎร์รักษา (โพธิ์ เคหะนันท์) เป็นผู้ดำเนินการ

โบราณวัตถุที่รวบรวมได้ในระยะแรกนำมาเก็บรักษาไว้บริเวณระเบียงคดรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุดังกล่าวเข้าไปไว้ในวิหารด้านตรงข้ามพระอุโบสถ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2454 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงรามชานุภาพ โปรดประทานชื่อวิหารหลังนี้ว่า  “พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน”

ในปี พ.ศ.2477 กรมศิลปากรรับ “พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน” เข้ามาเป็นสาขาหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504  บทบัญญัติในพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้พิพิธภัณฑสถานในความดูแลของกรมศิลปากร เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติด้วย ดังนั้น พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์”

นับตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 งานสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดี ตลอดจนงานขุดแต่งบูรณะโบราณสถานภายในจังหวัดนครปฐม ได้ดำเนินไปอย่างกว้างขว้าง เป็นผลให้มีโบราณวัตถุเพิ่มเข้ามายังพิพิธภัณฑ์ฯ เป็นจำนวนมาก  ทำให้อาคารจัดแสดงหลังเดิม (อาคารจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์วัดพระปฐมเจดีย์ ในปัจจุบัน) มีขนาดไม่เพียงพอต่อการจัดแสดงโบราณวัตถุ ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ธรรมจักรและกวางหมอบ เป็นรูปเคารพในพุทธศาสนาเชิงสัญลักษณ์แทนปางปฐมเทศนา
ประติมากรรมรูปสิงห์ เป็นประติมากรรมรูปแบบหนึ่งที่พบมากในวัฒนธรรมทวารวดี
ชิ้นส่วนทับหลังของพนักบังลังก์พระพุทธรูปห้อยพระบาท พบที่วัดพระเมรุ จังหวัดนครปฐม

ในปี พ.ศ.2510 กรมศิลปากร จึงได้อนุมัติงบประมาณเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารจัดแสดงหลังปัจจุบัน ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์  หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงได้เคลื่อนย้ายโบราณวัตถุจากอาคารจัดแสดงหลังเดิม มายังอาคารจัดแสดงหลังใหม่ และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2514 โดยใช้ชื่ออาคารหลังใหม่นี้ว่า “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์”  โดยโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่จัดแสดง ส่วนใหญ่นั้นเป็นโบราณวัตถุและศิลปวัตถุในวัฒนธรรมทวารวดี

สำหรับ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์”  ขณะนี้ได้เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชมได้แล้วอย่างเป็นทางการ โดยกรมศิลปากรจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยทวารวดี  เนื่องจากเมืองนครปฐมโบราณเป็นเมืองขนาดใหญ่ และมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากทั้งในด้านการค้าและพุทธศาสนามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ซึ่งอยู่ในช่วงวัฒนธรรมทวาราวดี  ดังนั้น จึงมีโบราณวัตถุในสมัยนี้จำนวนมาก กรมศิลปากรได้คัดสรรโบราณวัตถุชิ้นเอกและมีความงามมาจัดแสดงให้ชมจำนวนกว่า 260 รายการ อาทิ  ธรรมจักร พระพุทธรูปทวารวดี  จารึกวัดพระงาม  รูปหน้าพระพุทธรูป ลายปูนปั้นในงานสถาปัตยกรรม เป็นต้น

ชิ้นส่วนของแท่นบัลลังก์และธรรมจักร ซึ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์

ผู้ชื่นชอบโบราณวัตถุและสนใจศึกษาหาความรู้ด้านประวัติศาสตร์สมัยทวารวดี สามารถเดินทางไปชมด้วยตัวเอง หรือรับชมผ่านระบบออนไลน์ทาง facebook fanpage กรมศิลปากร และ youtube กรมศิลปากร ก็ได้ นอกจากเห็นความงดงามประณีตของช่างสมัยโบรารแล้ว  โบราณวัตถุเหล่านี้ยังเป็นประโยชน์อย่างมากในทางวิชาการของไทย

อัพเดตเรื่องราวทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ได้ที่ เพจเฟซบุ๊กทัวร์มติชนอคาเดมี

แท่นโพธิบัลลังก์ หรือ พุทธบัลลังก์ ปลายด้านขวาขาดหายไป
ประติมากรรมปูนปั้น เดิมประดับที่ฐานของเจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม
รูปยักษ์ที่พบในรูปนี้ สันนิษฐานว่าเป็นยักษ์ทำหน้าที่ทวารบาล
พระพุทธรูปทวารวดี เป็นพระพุทธรูปปางวิตรรกะทั้งสองพระหัตถ์ บนฐานบัวคว่ำสลักจากหิน 3 ก้อน
เศียรพระพุทธรูปดินเผามีแกลบข้าวผสม ซึ่งเป็นตัวชี้ว่าสร้างขึ้นในวัฒนธรรมทวารวดี
รูปแบบสันนิษฐานของเจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม
ส่วนของสถูป พบแพร่หลายในวัฒนธรรมทวารวดี
ลักษณะใบหน้าในแบบต่างๆของชาวทวารวดี