เนื้อสยาม ในแคมเปญ 12 เชฟ 12 เดือน

ก่อนจะมาเป็นร้าน ‘เนื้อสยาม’ เนื้อไทยพรีเมียมสุดฉ่ำ สไตล์โฮมเมดที่ Beef Lover ชื่นชอบ และชวนกันลัดเลาะไปตามซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 บางแวก 112 เพื่อมาลิ้มลอง รู้ไหมว่าร้านนี้เกิดขึ้นมาด้วยพรหมลิขิต เมื่อก่อน ‘เชฟติ๋ว’ รัตติกาล จับใจนาย เจ้าของร้านหน้าใส พ่วงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อ เรียนจบ Meat Science หรือว่า วิทยาศาสตร์เนื้อสัตว์มาโดยตรง เล่าว่าแรกเริ่มทำงานประจำแล้วจับพลัดจับผลูมาทำร้านชื่อ ‘House of beeF’ ขายแค่เมนู ‘บาร์บีคิว’ แบบออนไลน์ ไม่มีหน้าร้านในช่วงโควิด-19 ซีซัน 2 แน่นอนว่ายากมาก! แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ จนขยับขยายกลายมาเป็นร้าน ‘เนื้อคู่’ ที่มีหน้าร้านและอาหารให้เลือกมากมาย และสุดท้ายไม่ท้ายสุดก็เปลี่ยนมาเป็น ‘เนื้อสยาม’ ในปัจจุบัน

“คำว่า เนื้อสยาม เราตั้งใจสื่อสารกับลูกค้าทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่า สยาม หมายถึง ประเทศไทย เพราะฉะนั้นวัตถุดิบหลักของเนื้อสยาม ส่วนใหญ่จึงเป็นเนื้อไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ยกเว้นวัตถุดิบรองอื่นๆ เช่น เป็นผักบางชนิดหรือว่า ‘ลิ้นวัว’ ที่นำเข้าจากอาร์เจนตินา นอกนั้นเป็นของไทยทั้งหมด เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและฟาร์มในเมืองไทย”   เชฟวัย 32 ปีบอกเล่าด้วยสายตามุ่งมั่นที่อยากยกระดับเนื้อไทยอย่างแท้จริง

ว่าแล้วก็อยากลองชิมเลยตรงดิ่งไปหา ‘เชฟติ๋ว เนื้อสยาม’ ผู้เชี่ยวชาญและศรัทธาในเนื้อไทยที่ร้านซะเลย งานนี้แค่เปิดประตูร้านก็พบกับความน่ารัก สะอาด สบายตาด้วยดอกไม้ที่ตกแต่งได้อย่างพอดิบพอดี เหมือนมาบ้านเพื่อน

                แล้วเชฟติ๋วก็เข้ามาทักทาย พร้อมแนะนำเมนูอาหารที่เปลี่ยนทุกๆ 3 เดือนแบบจัดเต็ม 8 เมนู เริ่มจานแรกเพื่อเปิดต่อมรับรสกับเมนูที่ทุกโต๊ะต้องสั่งอย่าง ‘สลัดส้มแมนดาริน’ แค่กลิ่นก็กินขาด หอมสดชื่นมากจากน้ำสลัดที่ทำด้วยส้ม 3 ชนิดที่เชฟบรรจงใส่แบบไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำส้มแมนดารินเข้มข้น น้ำส้มยูซุเข้มข้น ที่ไม่ผสมไซรัปเลยสักนิด และมีกลิ่นซิตรัสจากเลมอน ที่ทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายในปาก กินคู่กับบลูเบอร์รีสดให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวเบาๆ นอกจากนี้ยังมีอะโวคาโดมันนัว เคี้ยวรวมกับพีแคนนัท ที่คั่วแบบ Caramelized เองใหม่สดทุกวัน นอกจากนี้ยังมีผักออร์แกนิกตามฤดูกาล ที่ใส่มาเยอะแค่ไหนก็ไม่กลบรสหรือแย่งซีนใครเลย  จานถัดมาเป็นจานที่หน้าตาน่ารักพอๆ กับรสชาติ ‘สลัดมะเดื่อฝรั่ง’ เสิร์ฟพร้อมพาร์มาแฮมและชีสพามิจาโนราดด้วยน้ำสลัดบัลซามิกซ์เกรซ เนื้อมะเดื่อสุกกำลังดี ขนาดเล็กพอดีคำ กินคู่กับน้ำสลัดรสเปรี้ยวซ่า..บอกได้คำเดียวว่าฉ่ำชื่นใจ

มาถึงจานหลัก ‘สเต๊กเนื้อสันนอก’ เนื้อสีชมพูอ่อนๆ เนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย ละลายในปากแทบทันที ไม่มีกลิ่นมากวนใจ จานนี้สนุกไม่แพ้จานไหนๆ เพราะเวลาจะกินเชฟแนะนำให้ลองเฉพาะเนื้อก่อน แล้วค่อยจิ้มเครื่องเคียงที่เสิร์ฟมาบนจานอย่าง เกลือชนิดพิเศษที่มีรสหวานแซม ซอสวาซาบิเผ็ดซ่า และแตงกวาดอง จะได้ความสนุกหลายรสชาติในจานเดียว แต่เมนูที่ต้องร้องว้าว! ก็คือ ‘ลิ้นย่างเตาถ่าน’ ดาวเด่นประจำร้านยั่วน้ำลายมากขอบอก เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินไม่หยุดจนกว่าจะหมดจาน ที่นี่เขานำลิ้นมาย่างกับสมุนไพรไทย ปลูกโดยเกษตรกรไทยช่วยดับกลิ่นและชูรสชาติแท้ๆ ของลิ้นวัวได้เป็นอย่างดี ย่างด้วยเตาถ่านกลิ่นหอม เนื้อสัมผัสนุ่ม เด้ง ที่แม้จะใช้ลิ้นวัวจากเมืองนอก แต่ไม่มีกลิ่นสาบอย่างที่คิด ขนาดคนไม่กินเนื้อยังติดใจ อ้อ อย่าลืมลองกินกับหอมเจียว เลมอนสด ไข่ดองพิเศษ น้ำและจิ้มสูตรเด็ดที่พัฒนามาจากสูตรของครอบครัว รสชาติแซ่บนัวไม่เลี่ยนเลยจริงๆ

LINE_ALBUM_2024.3.8_๒๔๐๓๐๘_11
IMG_0609

เข้าสู่จานที่ 5 ห้ามพลาดกับ ‘สยามซิกเนเจอร์’ ข้าวหอมมะลิผัดมันเนื้อกรุบกรอบเสิร์ฟพร้อมเนื้อสันนอกติดมันท็อปด้วยหอมเจียวและไข่ดองน้ำปลากวน ที่คัดสรรมาแล้วว่าปลอดภัยกินดิบใช้ดิปกับเนื้อได้อร่อยนัว

กินหลักดูหนักมาแล้วลองสลับกินเมนูเบาๆ กันบ้าง ‘สลัดสตรอว์เบอร์รี’ ที่นี่เขาใช้สตรอว์เบอร์รีพันธุ์หวาน 80 ที่หอม หวานอมเปรี้ยวและฉ่ำสุดของฤดูกาล เป็นอีกจานพิเศษที่เชฟเรียกว่าเป็น Seasonal Salad ต้องมาช่วงหน้าหนาว ก่อนเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้นถึงจะได้ชิม

นอกจากจานหลักที่เล่ามายังมีจานรองอย่าง ‘มันฝรั่งทอดทรัฟเฟิล’ ที่หอมมาก กรอบนอกนุ่มใน จิ้มซอสหรือไม่ก็อร่อยเหมือนกัน ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่ไอเลิฟสุดๆ ‘เลมอนดองน้ำผึ้งโซดา’ เครื่องดื่มสุดซ่าเหมือนกินเลมอนจิ้มพริกเกลือ เชฟกระซิบบอก ดองเลมอนเอง คิดสูตรเองด้วยนะ

หากอยากมา แนะนำว่าโทรมาจองโต๊ะไว้ก่อน จะได้กินอาหารด้วยความสุขใจ ชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไรแจ้งทางร้านได้ แล้วมาสนุกไปกับการเดินทางบนโต๊ะอาหารที่ ‘เนื้อสยาม..เนื้อไทยพรีเมียม ในราคาที่จับต้องได้’ ยกหูโทรสำรองโต๊ะตอนนี้เลย โทร. 09-3324-9463 เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 12.00-21.00 น.

หรือใครอยากรู้ลึกรู้จริงเรื่องสเต๊ก สลัด และเมนูอื่นๆ จากเชฟติ๋ว ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ของคนรักเนื้อ ความรู้ที่ไม่สามารถเสิร์ชได้จากกูเกิล เชฟติ๋วพร้อมเปิดสูตรที่มติชนอคาเดมีที่แรก  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘มติชนอคาเดมี’ สถาบันที่มีคอร์สเรียนและอาชีพพารวยรอคุณอยู่

สนใจเรียนคอร์ส เนื้อสยาม สเต๊กเนื้อไทยพรีเมียม
สอนโดย เชฟติ๋ว-รัตติกาล จับใจนาย
เมนูที่สอน  สเต๊กเนื้อ, บาร์บีคิวเนื้อ, ซอสเห็ดทรัฟเฟิล, สลัดส้มแมนดาริน และ น้ำมะปี๊ดโซดา
วันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค. 2567
ที่มติชนอคาเดมี ประชานิเวศน์ 1
ราคา 2,999 บาท
โทร: 08-2993-9097, 08-2993-9105
Line: @matichonacademy คลิก https://line.me/R/ti/p/%40matichonacademy

7 เรื่องไม่(ลับ)ที่สายเนื้อต้องรู้ ก่อนมาเรียนกับ ‘เชฟติ๋ว เนื้อสยาม’

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อสัตว์ ดีกรีปริญญา
  • ยกระดับเมนูจากเนื้อไทย อร่อยไม่แพ้เนื้อนอก
  • แชร์สกิลคัดสรรวัตถุดิบตั้งแต่ Farm To Table
  • ใช้มาตรฐาน SOP ในการจัดการร้าน
  • เนรมิตหน้าตาอาหารให้สวยเก๋จนต้องแชร์
  • เพิ่มทางรอด ด้วยความแตกต่างในยุคโควิด-19
  • เปิดสอนสูตรเด็ดที่มติชนอคาเดมีที่แรก

1.ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อสัตว์ ดีกรีปริญญา  เชฟติ๋วเรียนจบด้านเทคโนโลยีการผลิตสัตว์และวิทยาศาสตร์เนื้อสัตว์โดยตรง เป็นหนึ่งในไม่กี่คนของเมืองไทยที่นำหลักวิทยาศาสตร์ กระบวนการทดลองแบบลงลึกถึงรายละเอียดในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้เนื้อที่มีคุณภาพและสามารถดึงรสชาติที่ดีที่สุด ตลอดจนการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี 

2.ยกระดับเนื้อไทย อร่อยไม่แพ้เนื้อนอก เชฟติ๋วมีวิธีเฉพาะตัวจากการลองผิดลองถูก มาผนวกเข้ากับความรู้ที่ได้เรียนมา เพื่อยกระดับให้เนื้อไทยทำได้หลายเมนู จนกลายเป็นจานพรีเมียม เนื้อนุ่มละลายในปาก กลิ่นหอม รสชาติดี ไม่แพ้เนื้อนอก

3.แชร์สกิลคัดสรรวัตถุดิบตั้งแต่ Farm To Table แชร์สกิลการคัดเลือกวัตถุดิบ และคัดสรรคุณภาพจากฟาร์มจนกลายมาเป็นเมนูรสเลิศ พร้อมเสิร์ฟให้คนรักเนื้อได้ลิ้มลอง และผู้เรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

4.ใช้มาตรฐาน SOP ในการจัดการร้าน จุดแข็งของที่ร้านที่อยากบอกต่อ นอกจากอาหารที่ดี การบริการและภาพรวมของร้านก็ต้องดีมีคุณภาพเช่นกัน เชฟติ๋วจึงใช้มาตรฐาน SOP (Standard Operating Procedure) มาช่วยเซตระบบการจัดการร้าน โดยเน้นที่มาตรฐานของการบริการ การปฏิบัติงานของพนักงานในร้านให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

 

LINE_ALBUM_เชฟติ๋วเนื้อสยาม_๒๔๐๒๒๗_3
LINE_ALBUM_เชฟติ๋วเนื้อสยาม_๒๔๐๒๒๗_1

5.เนรมิตหน้าตาอาหารให้สวยเก๋จนต้องแชร์ เมนูของเนื้อสยาม มีหน้าตาอาหารเรียบง่ายแต่น่ารัก โดยเน้นสีสันจากวัตถุดิบที่ใส่ในจานนั้นๆ มาช่วยเพิ่มมูลค่าและทำให้อาหารน่ารับประทาน เห็นทีไรดีต่อใจจนต้องหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปทุกที คอนเฟิร์ม!

6.เพิ่มทางรอด ด้วยความแตกต่างในยุคโควิด-19 เอาความยูนิคที่มี มาใช้ให้กลายเป็นเอกลักษณ์ สร้างธุรกิจร้านอาหารให้มีความแตกต่าง เพื่ออยู่รอดได้ในยุควิกฤตผสานความกล้าของเชฟติ๋ว ในการตัดสินใจสวนกระแสเปิดร้านในช่วงโควิด ด้วยมุ่งมั่นที่จะขายแต่เนื้อไทย และพัฒนาเนื้อไทยให้มีคุณภาพมากขึ้นในทุกวัน ไม่หยุดคิดหาวิธีรักษาคุณภาพรสชาติ การบริหารจัดการร้าน และการขายจนประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้

7.เปิดสอนสูตรเด็ดที่มติชนอคาเดมีที่แรก 31 มีนาคม 2567 เชฟติ๋วจะมาสอนเมนูสุดพรีเมียม เผยสูตรเด็ด พร้อมบอกเคล็ดลับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ เนื้อไทย และเมนูสเต็กเนื้อ บาร์บีคิวเนื้อ สลัดส้มแมนดาริน น้ำมะปี๊ดโซดา และซอสเห็ดทรัฟเฟิล ในหลักสูตรพิเศษ 12 เชฟ 12 เดือน ที่มติชนอคาเดมี เป็นครั้งแรก!

เรียนที่มติชน อคาเดมี ประชานิเวศน์ 1 คลิก http://bit.ly/2JwHn3E
สอบถามและสมัครเรียน    ☎️ 082-993-9097   ☎️ 082-993-9105
line : @matichonacademy คลิก https://line.me/R/ti/p/%40matichonacademy
 

สเต๊กแฮมเบอร์เกอร์

ส่วนผสม (สําหรับ 4 ที่)

1.เนื้อวัวบดหรือสับ 400 กรัม

2.หัวหอมใหญ่สับละเอียด 1 หัว

3.แป้งขนมปัง ½ ถ้วย

4.นม 2-3 ช้อนโต๊ะ

5.ไข่ 1 ฟอง

6.เกลือ 1 ช้อนชา

7. พริกไทย

8.น้ำมัน

9. ซอสมะเขือเทศ

10. ลูกจันทน์ตามชอบ

วิธีทำ

1.ผัดหัวหอมใหญ่ เมื่อเริ่มใสแล้วลดไฟ เติมแป้งขนมปังกับนมให้ละลายเข้ากัน แล้วพักไว้

2.ผสมเนื้อบด ไข่ เกลือ พริกไทย ลูกจันทน์ นม นวดในอ่างผสม ใส่หอมใหญ่ที่ผัดไว้ นวดจนเหนียวเล็กน้อย แบ่งเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน ปั้นเป็นก้อนกลมแบน

3.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ไฟแรง ทอดเนื้อจนสุกแล้วกลับด้าน ปิดฝาทอดไฟอ่อนจนสุกทั่วถึงกันแล้วตักขึ้นวางซับน้ำมัน

4.ทําซอสราดโดยเติมซอสมะเขือเทศในน้ำมันที่ได้จากการทอดเนื้อ ปรุงรสตามชอบ

•สับหัวหอมใหญ่ให้เล็กเข้าไว้ ชิ้นแฮมเบอร์เกอร์จะไม่แตก อาจคลุกไปพร้อมกับเนื้อบดเลยโดยไม่ต้องผัดให้สุกก่อนก็ได้

•กลิ่นลูกจันทน์จะช่วยกลบกลิ่นคาวของเนื้อ

ซอสราดสเต๊กแฮมเบอร์เกอร์

ซอสแบบญี่ปุ่น หัวไชเท้าบด + ต้นหอมหรือหัวหอมเล็ก + ซอสโชยุผสมน้ำส้มสายชู

ซอสโชยุ โชยุ + มายองเนส + มัสตาร์ดเล็กน้อย

ซอสงามิโซะ มิโซะขาว + งาขาว + น้ำซุป + น้ำตาล

•ซอสสําหรับ 1 ที่ ใช้วัตถุดิบแต่ละชนิด 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนที่เหลือให้ปรุงตามชอบ


 

สเต๊กเนื้อ

ส่วนผสม (สําหรับ 1 ที่)

1.เนื้อวัวสําหรับทําสเต๊ก (100-200 กรัม) 1 ชิ้น

2.โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ

3.เกลือ

4.พริกไทย

5.ผักที่เข้ากับสเต๊ก

6.น้ำมัน

7.เนย

วิธีทำ

1.นําเนื้อวัวที่แช่ไว้ออกมาจากตู้เย็น พักไว้ 30 นาที-1 ชั่วโมง

2.เลาะเส้นเอ็นด้วยปลายมีดเพื่อไม่ให้เนื้อหดตัว โรยเกลือ พริกไทยทั้ง 2 ด้านก่อนย่าง

3.ตั้งกระทะให้ร้อน ให้ใช้น้ำมันวัว หากไม่มีให้ใช้น้ำมันพืช ใส่เนื้อลงทอด

4.เร่งไฟให้แรง เมื่อสีเนื้อเริ่มเปลี่ยนให้กลับด้าน หรี่ไฟ (ปรับระดับการย่างตามชอบ) พลิกไปมาจนเนื้อค่อยๆ แข็งขึ้น

5.สุดท้ายเหยาะโชยุรอบๆ ชิ้นเนื้อ ปิดฝาแล้วดับไฟ

6.นำเนื้อใส่จาน ใส่น้ำมันก้นกระทะราดไปด้วย ใส่เนยตามชอบ


 

ซุปเนื้อ

ส่วนผสม (สําหรับ 4 ที่)

1.เนื้อวัวสไลซ์บางๆ (ใช้หมูแทนได้) 200 กรัม

2.มันฝรั่ง 4 หัว

3.น้ำมันงาหรือน้ำมันสลัด 2 ช้อนโต๊ะ

4.สาเก 2 ช้อนโต๊ะ

5.น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ

6.โชยุ 4 ช้อนโต๊ะ

7.น้ำซุป 2 ถ้วย

วิธีทำ

1.ล้างมันฝรั่ง หั่นเป็น 4 ท่อนทั้งเปลือก ใส่หม้อ เติมน้ำให้ท่วมแล้วต้มใช้ไฟแรง เมื่อเดือดให้ใช้ไฟกลางต้มต่อ 5 นาที นำมันฝรั่งใส่กระชอนให้เย็น แล้วใช้มือลอกเปลือกออก

2.หั่นเนื้อวัวกว้าง 3 ซม. ให้กินง่าย ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่เนื้อลงไปผัด เมื่อเนื้อเปลี่ยนสีให้ใส่มันฝรั่งลงไป ผัดไวๆ ให้เข้ากัน

3.เติมน้ำซุป ต้มใช้ไฟแรงให้เดือด ตักฟองออก

4.ใส่สาเก น้ำตาล โชยุ เคี่ยวโดยใช้ไฟแรงจนเดือด เมื่อรสชาติเข้าเนื้อ มันฝรั่งก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ จะใส่หัวหอมใหญ่ แครอต เส้นบุกด้วยก็ได้