ร้านอาหาร 9 แห่ง จากประเทศไทย ติดโผรายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2561

รายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2561 ครั้งที่ 6 สนับสนุนโดยซานเพลเลกริโน และ แอคคัว แพนนา (S.Pellegrino & Acqua Panna) ได้มีการประกาศอยางเป็นทางการในงานมอบรางวัล ณ โรงแรมวินน์ พาเลซ มาเก๊า โดยมีร้านอาหารที่ติดอันดับเข้ามาใหม่ถึง 8 ร้าน และมีร้านอาหาร 9 แห่งจากประเทศไทย ติดโผยรายชื่อในปีนี้

ร้านกักกัน (Gaggan) กรุงเทพฯ ครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 สำหรับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (The Best Restaurant in Asia) ที่สนับสนุนโดยซานเพลเลกริโน และ แอคคัว แพนนา (S.Pellegrino & Acqua Panna) และรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย (The Best Restaurant in Thailand) ทั้งนี้ ร้านของ กักกัน อนันต์ (Gaggan Anand) เริ่มติดอันดับ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมของโลกในปี 2557 และอยู่ในอันดับที่ 7 เมื่อปีที่แล้ว

สำหรับ 9 ร้านอาหารจากประเทศไทยนั้น ประกอบด้วยร้าน Paste (อันดับที่ 31) ของ บงกช ‘บี’ สระทองอุ่น ซึ่งเป็นการติดอันดับเข้ามาใหม่ในปี 2561 นี้ และเธอยังได้รับรางวัล เชฟหญิงยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2561 อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีร้านอื่นๆ ที่ปีนี้กลับเข้ามาติดอันดับอีกครั้ง ได้แก่ ร้าน Sühring (ขึ้นจากอันดับ 9 มาอยู่อันดับที่ 4) ร้าน Nahm (อันดับที่ 10) ร้าน Le Du (ขึ้นจากอันดับที่ 23 มาอยู่อันดับที่ 14) ร้าน Eat me (อันดับที่ 33) ร้าน Bo lan (อันดับที่ 37) ร้าน Issaya Siamese Club (อันดับที่ 39) และร้าน The Dining Room on the House on Sathorn (อันดับที่ 43)

รางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมในแต่ละประเทศ

ประเทศญี่ปุ่น

ร้าน Den (อันดับที่ 2) ขึ้นจากอันดับ 9 สู่รางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งญี่ปุ่น (The Best Restaurant in Japan) แทนที่ ร้าน Narisawa ที่ครองตำแหน่งนี้ติดต่อกันนานถึง 5 ปี สำหรับ 10 ร้านที่ติดอันดับสูงสุด ได้แก่ ร้าน Florilège (อันดับ 3) และร้าน Nihonryori RyuGin (อันดับ 9) ทั้งสองที่อยู่ใน โตเกียว ส่วนร้าน II Ristorante – Luca Fantin เป็นร้านที่ติดอันดับเข้ามาใหม่ในปีนี้ อยู่ในอันดับที่ 28

ร้าน La Cime ในโอซาก้า ติดอันดับที่ 17 เป็นครั้งแรก กับรางวัลร้านอาหารหน้าใหม่ที่ได้รับอันดับสูงสุด (Highest New Entry Award) สนับสนุนรางวัลโดย Aspire Lifestyles ด้วยเมนูที่นำเสนออาหารฝรั่งเศสแนวใหม่ เชฟยูซุเกะ ทาคาดะ เสาะหาแหล่งวัตถุดิบในท้องถิ่น ส่วนผสมตามฤดูกาล ในการนำเสนออาหารในสไตล์ที่ประณีตและสมบูรณ์แบบ

ในปีนี้ทั้งร้านอาหารและเชฟจากญี่ปุ่นนั้นเป็นที่ยอมรับและถูกนำเสนอเป็นผู้เข้าชิงในรางวัลประเภทต่างๆ มากมาย เชฟโยชิฮิโร่ นาริซาว่า ในปีนี้ได้รับการโหวตจากพื่อนร่วมวงการ และได้รับรางวัลขวัญใจเชฟ (Chef’s Choice Award) ที่สนับสนุนโดย Estrella Damm เป็นเวลาถึง 2 ทศวรรษ ที่ นาริซาว่า ได้รับการยอมรับ และนับถือจากเพื่อนร่วมงาน ด้วยอาหารชั้นเลิศต่างๆของเขาและความสามารถในการผสมผสานเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศส การใช้แนวทางการฝึกฝนแบบยั่งยืนและการให้ความสำคัญต่อประเพณีการทำอาหารญี่ปุ่น

ร้าน L’Effervescence ในโตเกียว รั้งอันดับที่ 20 ในปีนี้ และยังได้รับรางวัลร้านอาหารร้านอาหารเพื่อความยั่งยืนแห่งเอเชีย (Sustainable Restaurant Award) ซึ่งเป็นรางวัลที่เพิ่มมาใหม่ในปีนี้ เพื่อมอบให้กับร้านอาหารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมสูงสุด ที่ผ่านการรับรองจากสมาคมร้านอาหารเพื่อความยั่งยืน (The Sustainable Restaurant Association)

ประเทศสิงคโปร์

เชฟจูเลียน โรเยอร์ แห่งร้าน Odette ก้าวขึ้นสู่อันดับ 5 ในรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งสิงคโปร์ (The Best Restaurant in Singapore) ร้านจากสิงคโปร์ยังติดดับเข้ามาถึง 7 ร้านด้วยกัน ได้แก่ ร้าน Burnt Ends (อันดับที่ 12) ร้าน Waku Ghin (อันดับที่ 23) ร้าน Les Amis (อันดับที่ 29) ร้าน Corner House (อันดับที่ 36) และร้าน Jaan (อันดับที่ 44) รวมถึงร้าน Whitegrass ซึ่งติดอันดับเป็นครั้งแรก (อันดับที่ 50)

ประเทศจีน

นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ ร้าน Amber (อันดับ 7) จากฮ่องกง คว้ารางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งประเทศจีน (The Best Restaurant in China) นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารในฮ่องกงติดอับดับอีก 9 แห่ง ได้แก่ร้าน 8 ½ Otto e Mezzo Bombana (อันดับที่ 13) ร้าน Ta Vie (อันดับที่ 16 จาก 17) และร้าน Lung King Heen (อันดับที่ 24) และอีก 2 ร้านที่ติดอันดับเป็นครั้งแรกในปีนี้ ได้แก่ ร้านNeighborhood (อันดับที่ 32) และร้าน Belon (อันดับที่ 40)

ส่วนรางวัลความก้าวหน้าอันสูงสุด (The Highest Climber Award) เป็นการครองตำแหน่งร่วมกันของร้าน The Chairman ฮ่องกง (อันดับที่ 22) และร้าน Mume ในไทเป (อันดับที่ 18) ซึ่งเป็นการไต่อันดับขึ้นมาถึง 25 อันดับ

ส่วนร้าน Jade Dragon เป็นร้านจากมาเก๊า (อันดับที่ 35) ในขณะที่ร้านจากจีนแผ่นดินใหญ่ นับรวมเซี่ยงไฮ้ ที่ได้รับรางวัลคือ ร้าน Ultraviolet by Paul Pairet (อันดับ 8) และร้าน Fu He Hui (อันดับที่ 30)

ประเทศเกาหลีใต้

ร้าน Mingles ในโซล ยังคงรักษาตำแหน่งร้านอาหารยอดเยี่ยมในเกาหลี (The Best Restaurant in Korea) ในขณะที่ ร้าน Jungsik ได้รับอันดับที่ 26 ร้าน TocToc ได้รับรางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามอง โดยมิเอเล่ เมื่อปี 2560 ก็ติดอันดับที่ 42 ด้วย

ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

ร้าน Locavore (อันดับที่ 21) ในบาหลี ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมในอินโดนีเซีย (The Best Restaurant in Indonesia) ในขณะที่ร้าน Indian Accent ขยับขึ้นไป 11 อันดับ สู่อันดับที่ 19 ในรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งอินเดีย (The Best Restaurant in India) ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 ของร้าน สำหรับผู้ชนะรางวัลจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ร้าน Raw (อันดับที่ 15) คว้ารางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งไต้หวัน (The Best Restaurant in Taiwan) เป็นปีที่ 2 และร้าน Ministry of Crab (อันดับที่ 25) ในโคลัมโบ ยังคงรักษาตำแหน่ง ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งศรีลังกา (The Best Restaurant in Sri Lanka) เป็นปีที่ 3

ผู้ชนะรางวัลในสาขาอื่นๆ ประกอบด้วย:

เพสตรี้เชฟยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s Best Pastry Chef) สนับสนุนโดยวัลโรน่า ได้แก่

นิโคลัส แลมเบิร์ท จากร้าน Caprice ในฮ่องกง

นิโคลัส แลมเบิร์ท มาจากครอบครัวที่ทำขนม ได้ฝึกฝนทักษะกับเชฟทำขนมชาวฝรั่งเศสชื่อดังระดับโลกหลายคน อาทิ คริสโตเฟอร์ มีชลัค (Christophe Michalak) แห่งโรงแรมพลาซ่า แอทธีนี ในกรุงปารีส นับแต่ได้ร่วมงานที่ Caprice ในฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2558 ผลงานสร้างสรรค์ที่ละเอียดอ่อนและศิลปะการจัดวางของเชฟชาวฝรั่งเศสนี้ ได้รับการกล่าวขานถึงอย่างมากมาย ทั้งนี้ ‘La Framboise Reconstituée’ คือขนมหวานจานเด่นของเขา ที่สะท้อนทักษะด้านเทคนิค รวมทั้งความสามารถของเขาในการก้าวข้ามขีดจำกัดของความคิดสร้างสรรค์

รางวัลศิลปะแห่งการบริการ ได้แก่ร้าน Ultraviolet by Paul Pairet เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

เป็นร้านที่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรก ของ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียมาตลอด สำหรับร้าน Ultraviolet คือร้านอาหารที่นำเสนอประสบการณ์รสชาติได้แบบลุ่มลึก และหลากหลายสัมผัสของรสชาติอาหาร ที่ผนวกการทำอาหารและมนตราแห่งความหรูหราเข้าด้วยกัน ในบรรยากาศของพื้นที่ร้านตั้งใจรังสรรค์ด้วยความลึกล้ำ ให้แก่แขกที่มารับประทานอาหารได้ลิ้มรสอาหาร ซึ่งอาหารในแต่ละคอร์สนั้นจะเสิร์ฟมาท่ามกลางการสร้างบรรยากาศด้วยเทคนิคพิเศษทั้งแสง สี ภาพเคลื่อนไหว ที่ช่วยเพิ่มความพิเศษของมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่นๆ อีกสองรางวัล ที่มอบให้แก่ร้าน Toyo Eatery ในกรุงมะนิลา ได้แก่ รางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามองโดยมิเอเล่ (Miele One To Watch Award) โดยนำเอาอาหารท้องถิ่นของฟิลิปปินส์มาตีความใหม่ ทั้งยังฉลองรางวัลให้กับ เชฟอังเดร เจียง แห่งร้าน Raw ในไทเป และร้าน André ในสิงคโปร์ ที่ในปีนี้ได้รับรางวัล ไดเนอร์ส คลับ® รางวัลแห่งความสำเร็จในชีวิต (The Diners Club® Lifetime Achievement Award)

วิลเลียม ดรูว์ บรรณาธิการกลุ่มของ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย กล่าวว่า “รายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2561 มีร้านอาหารหน้าใหม่ 8 ร้านติดอันดับในปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นนวัตกรรมที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องของวงการอาหารในภูมิภาคนี้ ในปีที่ 6 ของงาน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียยังคงให้การต้อนรับผู้มีความสามารถรายใหม่ๆ เจาะแนวโน้มอุตสาหกรรม และเฉลิมฉลองให้กับทุกความยอดเยี่ยม และเรายินดีเป็นอย่างมากในการมอบเกียรติยศนี้แก่ทั้ง 50 ร้านอาหารที่อยู่ในรายชื่อประจำปีพ.ศ. 2561 นี้ รวมถึงผู้ชนะรางวัลประเภทต่างๆ ผู้ซึ่งให้แรงบันดาลใจกับเรา ด้วยวิสัยทัศน์ และความสำเร็จอันโดดเด่นของพวกเขา”

การรวบรวมรายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมในเอเชีย

รายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียจัดทำขึ้นจากผลโหวตของ 50 Best Restaurants Academy เป็นกลุ่มของผู้นำในธุรกิจอาหารกว่า 300 รายจากทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีทัศนะ และประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจอาหารของเอเชีย โดยคณะกรรมการในแต่ละภูมิภาค ประกอบด้วย นักเขียน และนักวิจารณ์อาหาร เชฟ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘นักชิม’ สมาชิกให้คะแนนตัวเลือกของตัวจากความชอบ โดยการคัดเลือกร้านจากความชอบจากประสบการณ์ที่ได้รับจากร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่มีการกำหนดเกณฑ์ล่วงหน้า แต่การลงคะแนนนั้นจะเป็นไปตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

งานประกาศรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2561 เป็นการกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งกับพันธมิตรอย่างดีลอยต์ (Deloitte) บริษัทที่ปรึกษาอิสระอย่างเป็นทางการ การตัดสินจากดีลอยต์สามารถมั่นใจในความโปร่งใส และมาตรฐานที่น่าเชือถือ ขั้นตอนในการลงคะแนน โดยผลการตัดสินรางวัลประเภทต่างๆ นั้นถูกต้องและเที่ยงตรง ติดตามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับผลการประกาศผลรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ได้ที่ http://www.theworlds50best.com/asia/en/our-manifesto.html

การประกาศรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียปี 2561 ได้ประกาศให้ร้านอาหาร Toyo Eatery ในกรุงมะนิลา ได้รับรางวัล ร้านอาหารที่น่าจับตามองโดย มิเอเล่ (Miele One To Watch Award) โดยการคัดเลือกจากคณะผู้จัดงาน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจากทั่วภูมิภาค สำหรับรางวัลร้านอาหารที่หน้าจับตามองโดย มิเอเล่ จะมอบให้แก่ร้านอาหารที่อยู่นอกเหนือรายชื่อ 50 อันดับร้านยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย แต่ยังคงความโดดเด่นดั่งดาวจรัสแสงจนเป็นที่ยอมรับในวงการอาหารภูมิภาคเอเชีย

เจอร์ดี้ นาวารา เชฟเจ้าของร้าน จะเข้ารับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ในงานประกาศผลรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียครั้งที่ 6 อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มีนาคม 2561 ที่มาเก๊า สนับสนุนการจัดงานโดย ซานเพลเลกริโน และ แอคคัว แพนนา (S.Pellegrino & Acqua Panna)

วิลเลี่ยม ดรูว์ บรรณาธิการกลุ่มของ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย กล่าวว่า “ร้านอาหาร Toyo Eatery แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของรางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามองโดย มิเอเล่ ด้วยเมนูอาหารแบบดั้งเดิมอันหลายหลาย ที่ถือเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมท้องถิ่น เชฟเจ้าของร้าน เจอร์ดี้ นาวารา คือเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ ผู้มีฝีมืออันเหนือชั้นในด้านอาหาร และการนำเสนอแต่ละเมนูที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังมีความแม่นยำ และใส่ใจในรายละเอียดอีกด้วย”

ชื่อร้าน Toyo มาจากคำในภาษาฟิลิปปินส์ หมายถึง “ซอสถั่วเหลือง” สะท้อนถึงปรัชญาของ เจอร์ดี้ นาวารา นั่นคือ เมนูของ Toyo Eatery ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัตถุดิบทั่วไปที่มีอยู่ท้องถิ่น ผนวกกับเทคนิคการกลั่นและเลเยอร์ที่ซับซ้อน เจอร์ดี้ นาวาราและ เมย์ ภรรยาของเขา ผู้ซึ่งเป็นผู้ดูแลร้านอาหาร มีความมุ่งมั่นที่จะเชิดชูวัฒนธรรมท้องถิ่น และประเพณีการทำอาหารในแบบฟิลิปปินส์มาตีความใหม่ และทำให้ดูมีความทันสมัยยิ่งขึ้น อาหารแต่ละจานจึงถูกดีไซน์ให้สื่อถึงความเฉพาะตัวในแบบฟิลิปปินส์ ทั้งรสชาติและวิธีการทำ รวมไปถึงการใช้ชุดจานชาม ช้อน และของตกแต่งที่ถูกดดยศิลปินท้องถิ่น รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งร้าน

ความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของ เจอร์ดี้ นาวารา ถูกถ่ายทอดผ่านเมนูของร้าน Toyo Eatery ที่เขาได้สร้างสรรค์ อย่างเช่นอาหารจานเด่น ‘Garden Vegetables’ ที่นำบทเพลงพื้นเมืองที่กล่าวถึงพืชพันธุ์ผัก 18 ชนิด ของฟิลิปินส์ มาเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ เพื่อเป็นการย้อนรำลึกนึกถึงอดีตในวัยเด็ก และชีวิตความเป็นอยู่ในฟิลิปปินส์ อาหารของเขาจึงมีพืชผักทั้ง 18 ชนิดดังกล่าวเป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารที่แตกต่างกันไป ทั้งย่าง ผัด บด หรือ ทำให้เป็นซุปเข้มข้น

เจอร์ดี้ นาวารา กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มแรก เป้าหมายของร้าน Toyo Eatery ได้วางให้เป็นการนำความเป็นฟิลิปปินส์มีคิดใหม่ทำใหม่รวมถึงการค้นพบ และเข้าใจวัฒนธรรมฟิลิปปินส์อย่างถ่องแท้ผ่านอาหารแต่ละจาน ร้าน Toyo Eatery กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 รางวัลนี้จึงเป็นเสมือนของขวัญที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน และการได้รับรางวัลร้านอาหารที่น่าจับตามองโดย มิเอเล่ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เราขอขอบคุณสำหรับความชื่มชม และรับรู้ในสิ่งที่พวกเราทำ ร้านของเราถึงแม้เพิ่งเริ่มต้น และมีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำอีกมากมาย แรงบันดาลใจของเราคือการเรียนรู้จากเชฟคนอื่นๆ ที่ปรากฏรายชื่ออยู่ใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียด้วย

เจอร์ดี้ นาวารา ได้เริ่มเส้นทางอาชีพของเขาในร้านอาหารอันโด่งดังและเป็นตำนาน The Fat Duck ของ เฮสตัน มาร์ค บลูเมนธัล (Heston Blumenthal) ที่แห่งนี้เขาได้ฝึกฝีมือ ทักษะ และเทคนิคทางด้านอาหารอันหลากหลาย พร้อมทั้งแนวทางของการทำอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ต่อมาเขากลับมาประกอบอาชีพในเอเชียอีกครั้ง ณ ร้านอาหาร โบ อินโนเวชั่น (Bo Innovation) ที่ฮ่องกง ก่อนจะย้ายมายังกรุงมะนิลา และเปิดร้านอาหารแบล็ค ชีพ (Black Sheep) ในปี พ.ศ. 2557 เขาและภรรยาได้เปิดร้านอาหารอีกแห่งโดยตั้งชื่อว่า ‘Toyo Eatery’ ในปี พ.ศ.2559 ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้ให้บริการอาหารชุดมื้อค่ำที่มีให้เลือกแบบ 3 คอร์ส หรือ 11 คอร์ส และแบบจานเดี่ยว หรือ อะ ลา คาท (à la carte)

“Toyo Eatery สร้างความประทับใจให้กับพวกเรา ด้วยการนำวัตถุดิบและสูตรอาหารท้องถิ่นที่ใช้ประกอบอาหารในชีวิตประจำวัน มาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เมนูและใช้ความหลงใหลในการทำอาหารที่มีมีอยู่ในตัวตนผลักดันทั้งสองสิ่งนี้ไปสู่ความเป็นสุดยอดของการทำอาหาร ด้วยความชำนาญ และความเป็นเลิศในวิธีการนำเสนอจานอาหาร แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ” มาริโอ มิแรนด้า กรรมการผู้จัดการประจำภาคพื้นเอเชียมิเอเล่ กล่าวเสริม “ด้วยทัศนคติที่มีเหมือนกันกับ มิเอเล่ ทั้งในด้านของความไม่หยุดนิ่ง การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนวัตกรรมต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาของแบรนด์มิเอเล่ นั่นคือ ‘Immer Besser’ ในปีนี้เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัล ร้านอาหารที่น่าจับตามองโดยมิเอเล่นี้ ให้แก่ เจอร์ดี้ นาวารา และทีมงานทุกคนของ Toyo Eatery”

นอกจากนี้ทางมิเอเล่ จะเข้าร่วมในงาน #50BestTalks ซึ่งเป็นเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาหารในภูมิภาค และแนวโน้มของวงการอาหาร ในวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2561 ณ ห้อง แกรนด์บอลรูม โรงแรมวินน์ มาเก๊า ตั้งแต่เวลา 10.00 – 13.15 น. ด้วย ที่จัดขึ้นโดย คณะผู้จัดงาน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ซึ่งตลอดครึ่งวันของการประชุมภายใต้หัวข้อ “Exploring Identity” จะประกอบด้วย การสนทนา การนำเสนอที่สร้างแรงบันดาลใจ และ การสัมภาษณ์เชฟชั้นนำของเอเชีย