ภาพจากเพจ Monosei

อีกหนึ่งธุรกิจอาหารญี่ปุ่นที่เติบโตในเมืองไทยได้อย่างน่าทึ่ง คือ การกินอาหารญี่ปุ่นแบบ “โอมากาเสะ”

สำหรับคนที่รักอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วย่อมรู้ดีว่าการกินแบบโอมากาเสะ คือ การกินอาหารญี่ปุ่นแบบตามใจเชฟ พูดง่ายๆ เชฟทำอะไรมาเราก็กินอันนั้น

โอมากาเสะ คือ การรับประทานที่นอกจากรสชาติอันรื่นรมย์แล้วยังพ่วงมากับประสบการณ์ที่ล้ำค่า ดังนั้นราคาค่าใช้จ่ายจึงสูงตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพวัตถุดิบที่นำมาใช้เกรดพรีเมียม เชฟผู้มีประสบการณ์สูงกับไหวพริบในการเลือกหยิบจับวัตถุดิบที่มีมาประกอบอาหารอร่อยๆ ให้เราได้ลิ้มลอง

อีกหนึ่งโอมากาเสะน้องใหม่มาแรงที่อยากแนะนำในฉบับนี้ คือ Mono Sei อ่านว่า โมโนเซอิ ตั้งอยู่ที่ ชั้น G โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าชิดลม

ร้านนี้เพิ่งเปิดตัวราวๆ 3-4 เดือนที่ผ่านมา เป็นโอมากาเสะแบบพรีเมียม เชฟเป็นชาวญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ละคนประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10-20 ปี

เท่าที่ถามพนักงาน ชื่อร้าน “Mono” นั้นมาจากคำว่า “หนึ่งเดียว” และ “Sei” ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “ดียิ่งขึ้น” และแน่นอนว่าวัตถุดิบคัดสรรจากแห่งที่ดีที่สุดทุกมุมโลกมาเสิร์ฟถึงเมืองไทย เพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้ลูกค้า

วันนี้มีโอกาสลองชิม “ดินเนอร์ คอร์ส” ถือเป็นคอร์สจัดเต็มเลยทีเดียวค่ะ อาหารมีทั้งหมด 24 คอร์ส (ราคา 12,000+++ บาท) แค่เห็นรายการอาหารก็ตื่นเต้นแล้ว เราเริ่มออกสตาร์ตกันที่หกโมงครึ่ง ส่วนเวลาจบน่ะเหรอ สามทุ่มครึ่งโน่นเลย

มื้อนี้เราได้ยอดฝีมือเป็นเชฟจากโอซากา อากิฮิสะ วาตานาเบ้ มาเป็นผู้เสิร์ฟความหฤหรรษ์ให้เราในค่ำคืนนี้ค่ะ

เริ่มต้นก็เรียกเสียงว้าว กับออเดิร์ฟ 3 คอร์ส “Mineoka Tofu” เต้าหู้กับซอสดาชิ “Shiromi no Nanbanzuke” ปลาทอดที่มีรสมีชาติจากการหมักในซอสสูตรเฉพาะ และ “Madai no Nikogori” เป็นเจลลี่คอลลาเจนจากปลากะพงทำหน้าที่ห่อหุ้มเต้าหู้สีนวลรสชาติละมุนสุดสุด

“Nama Kaki” หอยนางรมสดจากฮิวาเตะ คำนี้เนื้อสดกรอบเด้งลื่นลิ้น รสชาติฉ่ำหวานกินกับน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น “Tsukuri” เป็นซาชิมิ 3 อย่าง ฮามาจิ โอโทโร่ ลูกหมึก “Ankimo” ตับปลาในซอสดาชิ รสหวานละมุนลิ้น “Kegani” เป็นเนื้อส่วนก้ามปูและเนื้อปูขน จิ้มมากับมันปูนึ่ง ฟินมาก อารมณ์หวนคำนึงถึงปูอ่องของแม่เลยล่ะค่ะ (ไม่ล้อเล่น) คอร์สนี้เขาเสิร์ฟมาให้กินกับไข่ตุ๋นที่ผสมเนื้อปูเหมือนกัน ไข่เนื้อเนียนกริ๊บสไตล์พี่ยุ่นเขาล่ะ “Anago Tempura Uni Caviar Nose” เทมปุระปลาไหลทะเล วางด้วยอูนิคำโต ท็อปด้วยคาเวียร์

หมดเซตนี้ เชฟอากิ เสิร์ฟ “Yuzu Sherbet” เป็นไอศกรีมยูสึโฮมเมด รสชาติเปรี้ยวหวาน ถือเป็นการล้างปากก่อนเริ่มซูชิคำแรก

เริ่มจาก “Madai” เชฟใช้ปลากะพงประเดิมคำแรก ต่อด้วย “Akami Zuke” ทูน่าส่วนเนื้อแดงที่นำไปหมักกับโชยุเพิ่มความจัดจ้าน “Kuruma Ebi” ซูซิกุ้งลายเสือ ฝนเกลือหิมาลัยโรยหน้าให้รสชาติหวานเค็มกำลังดี

 

ตามด้วย “Aburi Nodoguro Kodonburi” หรือกะพงชมพูที่ว่ากันว่ารสเลิศนักหนา คอร์สนี้เชฟนำปลาไปย่างก่อนให้ได้กลิ่นหอม วางบนข้าวแล้วตักน้ำซุปใส่ขลุกขลิก รสชาติหวานละมุน

“Mushi Awabi” เป็นเป๋าฮื้อนึ่งนานถึง 6 ชั่วโมง ได้รสชาติหนึบอร่อย ให้เลือกซอสได้ 2 แบบ คือ แบบไข่เค็ม และ แบบสาหร่าย ต่อกันด้วย “Taraba Kani” เนื้อปูนึ่งสดหวานกินกับผักลวก 2-3 ชิ้น กินแล้วสดชื่นดี

“Matsuzaka Gyu no Shabu Shabu” ฟินสุดก็คำนี้ เนื้อมัสซึซากะคุณภาพเยี่ยมนำไปแกว่งในซุปชาบูมาเสิร์ฟแบบมีเดียม “Mozuku Su” ยำสาหร่ายรสชาติจี๊ดจ๊าดท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน

กลับมาที่ซูชิต่อ “Hirame” ปลาตาเดียว เนื้อแน่นและเด้งแต่มีความหวานมันจากไขมันที่แทรกเป็นริ้ว “Otoro” ท้องปลาชิ้นหนานุ่ม ป้ายวาซาบิที่ฝนกันแบบสดๆ ให้กลิ่นหอมขึ้นจมูกมากกว่ารสเผ็ด “Uni” เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ โปะหน้าอูนิล้นๆ ถึงอกถึงใจกันไปข้าง ต่อด้วย “Anago” ปลาไหลทะเลย่าง หอมกลิ่นไหม้นิดๆ อร่อยค่ะ

“Shiro Ebi” คอร์สนี้เป็นเนื้อกุ้งขาวสไลซ์มาเป็นริ้วๆ ท็อปด้วยอูนิเยิ้มๆ คาเวียร์ แผ่นทองคำ และวาซาบิ เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงไซซ์มินิ หน้าตาน่ารักยกให้เป็นขวัญใจของมือนี้เลยค่ะ “Lobster” เป็นเนื้อล็อบสเตอร์หวานๆ วางบนเนื้อปู เป็นการรวมตัวของสุดยอดใต้ทะเล เคี้ยวหมดคำก็มี “Miso Soup” เสิร์ฟอย่างต่อเนื่อง

พักหายใจซักเฮือก แล้วไปต่อกันด้วย “Maki roll” พอดีคำไส้ทูน่า ผ่อนอารมณ์ลงมาด้วย “Tamagoyaki” เป็นไข่หวานที่ทำแล้วออกมาคล้ายสปันจ์เค้ก นุ่มหวาน ก่อนจะปิดฉากคอร์สนี้อย่างสวยงามกับ 2 คอร์สขนมหวาน คือ “Fruit Daifuku” เชฟใช้องุ่นเขียวหวานฉ่ำห่อด้วยถั่วแดงบางๆ และแป้งนุ่มๆ “Anmitsu” เป็นไอศกรีมวานิลลา ใส่แป้งโมจิเป็นชิ้นเล็กๆ และถั่วแดง ราดด้วยไซรัปหอมหวาน

เป็นอันจบค่ำคืนนี้อย่างสวยงามและสนุกสนานเพลิดเพลิน ค่าใช้จ่ายคุ้มค่ากับการที่ได้เห็นเชฟยอดฝีมือเตรียมของปรุงอาหารตรงหน้า จับตรงนี้แต่งตรงนั้น ประดิดประดอยอย่างบรรจง เป็นสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมผสมกับความหรูหราแห่งยุคสมัย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเสพงานแสดงศิลปะร่วมสมัยอย่างดื่มด่ำ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง เชียวค่ะ

ถือเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก ยิ่งได้มากับคนพิเศษด้วยแล้วจะยิ่งเพลิดเพลินกว่าเดิมอีกสองเท่า

สำหรับผู้ที่สนใจคอร์สโอมากาเสะ Mono Sei ให้บริการช่วงเวลา 18.00-23.00 น. วันอังคาร-อาทิตย์ เป็น Dinner Course ราคา 12,000+++ บาท ( 24 คอร์ส) รวมถึงของทานเล่นและขนมหวาน หากไม่ทานเนื้อหรือมีวัตถุดิบที่ไม่ชอบ หรือแพ้อาหารชนิดใด สามารถแจ้งกับทางร้านได้ โทร 09-4654-6326 Facebook : Monosei Instagram : monosei_sushi

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนชม นำพา [email protected]

Koko Japanese restaurant เป็นอีกร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่บนถนนสาทรเหนือ ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะการทำ โอมากาเสะ ในราคาเอื้อมถึง ชนิดที่ใครได้เห็นตัวเลขก็ต้องตาโตกันทุกราย

โดยในแต่ละเดือนจะสลับเมนูไปเรื่อยๆ อย่างเดือนพฤศจิกายนนี้ ร้านจัดไว้ 2 เซต คือ เซตละ 1,499++ เสิร์ฟอาหาร 17 คอร์ส กับ 1,999++ เสิร์ฟ 20 คอร์ส แบบว่าค่อยๆ ละเลียดทีละคำ สุขสรรค์หรรษากันไปเลย

วันนี้มาแนะนำเซต 1,999++ ค่ะ เสิร์ฟรวมทั้งหมด 20 คอร์ส ประกอบไปด้วย แอพพิไทเซอร์ 3 คอร์ส ซูชิ 12 คอร์ส ไข่หวานสไตล์ญี่ปุ่น 1 คอร์ส สุกี้แห้งเนื้อมัสสึซากะ 1 คอร์ส ซุป 1 คอร์ส ขนมหวาน 1 คอร์ส ผลไม้ 1 คอร์ส เมื่อไล่เรียงดูรายชื่อแล้ว เชื่อว่าโอมากาเสะระดับนี้ที่อื่นต้องมีไม่ต่ำกว่าครึ่งหมื่น!

การกินแบบโอมากาเสะพูดง่ายๆ ก็คือ กินตามที่เชฟจัดมาให้ ขึ้นอยู่กับว่าฤดูกาลนั้นๆ จะมีวัตถุดิบอะไรที่เชฟครีเอตออกมาให้เราได้กินกัน

โอมากาเสะที่นี่เปิด 3 รอบ คือ 12.00-14.00 น. 18.00-20.00 น. และ 20.00-22.00 น. ถ้าวันเสาร์อาทิตย์และนักขัตฤกษ์จะเพิ่มรอบ 16.00-18.00 น. ด้วย โดยจะรับรอบละประมาณ 12-14 คน ที่ตอนนี้ฮิตติดลมคนจองเต็มทุกรอบ ส่วนมื้ออาหารปกติเปิด 2 ช่วง คือ 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น.

มาเริ่มกันเลยค่ะ เราได้นั่งประจันหน้ากับ เชฟบอย-นริศร เชื้อจันทร์ เชฟหนุ่มไทยที่พกประสบการณ์ทำอาหารญี่ปุ่นมาถึง 18 ปี ที่จะคอยทำหน้าที่ปรุงและเสิร์ฟให้เรา กินไปพูดคุยกันไป เพลิดเพลินสนุกและได้ความรู้ดี

แอพพิไทเซอร์ 3 ตัวแรก ไล่เรียงมาได้แก่ “ไข่ตุ๋นเนื้อปูซูไว” ที่ไข่เนียนกริ๊บ นุ่มละมุน ไข่นี้เป็นไข่ไก่ออร์แกนิคจากญี่ปุ่น ท็อปปิ้งด้วยอูนิไข่หอยเม่นแต่งหน้าด้วยทองแผ่นเกรดสำหรับอาหาร นำเข้าจากญี่ปุ่น “ยาไซนิโมโน” หรือสลัดผักสไตล์ญี่ปุ่น คำนี้เพื่อเคลียร์รสชาติอื่นๆ ในปากก่อนที่จะเริ่มคำอื่นๆ “ซาชิมิ” เชฟเลือกใช้ปลาคัมปาจิ เป็นปลาข้างเหลืองญี่ปุ่น เนื้อขาว เทกเจอร์กรอบเด้งเล่นลิ้น แต่ยังมีไขมันแทรกในเนื้อให้สัมผัสที่นุ่ม ท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาแซลมอน แตะวาซาบิที่ฝนสดนิดหน่อย ให้กลิ่นหอมขึ้นจมูกมากกว่ารสเผ็ด

เข้าสู่ซูชิ คำแรกเป็น “ซูชิปลามาได” เป็นปลาเนื้อขาวที่มีสัมผัสนุ่มรสหวาน แตะวาซาบิสด ฝนเกลือหิมาลัยลงไปเข้ากับรสชาติเปรี้ยวมันของข้าว ไม่ต้องจิ้มโชยุเลย “ฮิราเมะ” ตัวนี้เทกเจอร์จะหนึบหนับหน่อย หอมกลิ่นผิวส้มยูสึ “ชิมะฮาจิ” เป็นปลาหางแข็ง สัมผัสลื่นกรอบแต่นุ่มด้านใน โรยหน้าหอมญี่ปุ่น

ได้ความรู้จากเชฟบอยว่า การกินซูชิให้อร่อยมีเทคนิค คือ ต้องใช้มือจับแล้วคว่ำด้านเนื้อปลาลงที่ลิ้น จะทำให้ได้รสชาติปลา ความหอม ก่อนจะตัดรสด้วยข้าวที่มีความมันเปรี้ยว เป็นการกินที่จะได้รสสัมผัสที่ดีที่สุด

เบรกซูชิสลับมาที่ “โฮตาเตะ ยากิ” หรือหอยเชลล์ย่างกันบ้าง เป็นหอยเชลล์สดจากฮอกไกโด ทาซอสโชยุแบบเข้มข้นหอมกลิ่นปลาย่าง ย่างบนเตาฮิดะ ด้วยถ่านไม้สนญี่ปุ่นที่จะให้กลิ่นหอม ย่างแบบมีเดียม หอยยังมีความฉ่ำหอมและหวานเสิร์ฟด้วยวิธีห่อในสาหร่ายที่ย่าง ให้กรอบ

ล็อบสเตอร์ชีส เมนูอาลาคาร์ทที่นำมาจัดโปรโมชั่นในราคาสุดว้าว
อูนางิโฮบะยากิ

“อามาเอบิ” เป็นกุ้งหวานวางบนข้างคลุกมันปูซูไว เพิ่มความฟรุ้งฟริ้งด้วยการฉีดทองคำเปลวสำหรับอาหาร

มาต่อกับซูชิอีก 2 คำรวด “อูนิ” กับ “อิกูระ” อูนิหวานธรรมชาติ ครีมมี่ ไม่คาวเลย ส่วนอิกุระที่ดองโชยุก็เค็มเปรี้ยวจี๊ดจาด เอาลิ้นดันให้แตกดังกรึบๆ สดอยู่ในปาก

ตามด้วย “ซูไว อังคาเกะ” คือ การต้มแบบมีน้ำซุปนิดๆ ปูมาทั้งขา และเนื้อปูแกะในน้ำซุปที่ทำจากปลาแห้ง ให้รสละมุน เพิ่มความกลมกล่อมด้วยหัวไชเท้าตุ๋น

กลับมาที่ซูชิ “อากามิ” เป็นฮอนมากุโระส่วนเนื้อแดง เฉือนชิ้นหนาสัมผัสนุ่ม ได้รสชาติเนื้อปลาที่นำไปหมักกับซอสโชยุสึเกะ

“อูนางิ สโนว์” เชฟใช้วิธีเสิร์ฟแบบใหม่ คือ เอาไข่ออนเซ็นที่ดองกับซีอิ๊วไปแช่งแข็ง แล้วเอามาฝนโรยหน้าปลาไหลย่าง สัมผัสเป็นครีมมี่ เหมือนหิมะที่เป็นปุยนุ่น ส่วนปลาไหลย่างกลิ่นหอมย่างเตาถ่านชัดเจน

“สุกี้แห้งเนื้อมัสสึซากะ” A5 ลายหินอ่อน เอาไปแกว่งในหม้อน้ำซุปแป๊บเดียว กินกับไข่นกกระทาสด ละลายในปาก “แซนด์วิชฟัวกราส์” ที่คัดพรีเมียม ไม่มีกลิ่นสาบ ย่างด้วยเตาถ่านให้ความกรอบนอกนุ่มใน “โอโทโร่ อินานิวะ” เป็นก๋วยเตี๋ยวเย็น ทำจากมัน เส้นนุ่ม ท็อปปิ้งด้วยโอโทโร่สับ น้ำซุปปลาแห้งรสละมุน

เชฟบอย-นริศร เชื้อจันทร์

“ทาโมโกะ บาเตะ” เป็นไข่หวานย่างที่เชฟคิดวิธีทำให้คล้ายกับเค้กสปันจ์ นุ่มๆ ด้วยวิธีอบแล้วนำไปย่างอีกครั้ง ก่อนจะเสิร์ฟไอศกรีม และเมล่อน ปิดท้าย

นอกจากโอมากาเสะ ที่ร้านโก๊ะโกะ ยังมีเมนูอาลาคาร์ทให้เลือกอีกมาก แต่ที่นำมาจัดโปรในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขอแนะนำ 2 เมนู คือ ปลาไหลอูนางิโฮบายากิ ราคา 499++ เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นและไข่แดงญี่ปุ่นดองโชยุ นำมาย่างบนเตาฮิดะ วางบนใบโฮบะให้กลิ่นหอม โรยพริกชี้ฟ้าแดงเส้นบางๆ ที่นำมาอบแห้ง ให้ความเผ็ด เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นและไข่แดงออร์แกนิคดอง

และ “ล็อบสเตอร์ เมนไทโกะยากิ” ราคา 899+ ปรุงด้วยซอสมิโสะโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย จะยิ่งอร่อยถ้าเอาเนื้อกุ้งคลุกเคล้ารับประทานพร้อมกับมันกุ้ง

เชฟบอย-นริศร เชื้อจันทร์ Director & Executive Chef บอกว่า ร้านนี้อ่านว่าโก๊ะโกะ แปลว่าที่นี่ ที่แห่งความอร่อย

“ผมฝึกฝนการทำอาหารญี่ปุ่นด้วยวิธีเรียนรู้แบบรุ่นสู่รุ่นจากเชฟชาวญี่ปุ่น ทำให้ได้ประสบการณ์จริง เชฟญี่ปุ่นค่อนข้างเข้มงวด แต่ก็ทำให้เรากลายเป็นเชฟได้ดีระดับหนึ่งเลย”

สำหรับการกินโอมากาเสะ เชฟบอย บอกว่า วัตถุดิบที่เลือกมาจะขึ้นอยู่ตามฤดูกาลว่าช่วงนี้ปลาอะไรอร่อย เหมาะกับทานเดือนไหน ต้องปรุงรสยังไง เพราะบางทีปลาตัวเดียวกัน แต่ทานไม่ถูกฤดูกาลก็จะทำให้ไม่ได้รสชาติที่ดีที่สุดของเขา

ใครที่กำลังอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการกินแบบโอมากาเสะ แนะนำที่นี่เลยค่ะ อร่อยลิ้น อิ่มท้อง แล้วยังได้ประสบการณ์แปลกใหม่ คุ้มค่าคุ้มราคากับเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

พิกัดร้านอาจอยู่ในซอกหลืบซักนิด แต่เดินทางไม่ยาก ตั้งอยู่ที่ตึกหะรินธร ซอย 4 ถนนสาทรเหนือ หรือจากถนนสีลมก็สามารถเดินจากซอยคอนแวนต์ หรือศาลาแดงทะลุมาสาทรเหนือก็ได้ ประมาณ 500 เมตร หรือโทร 08-8627-8264 เฟซบุ๊ก koko Japanese restaurant

ที่มามติชนรายวัน อาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562,หน้า15
ผู้เขียนชม นำพา [email protected]