หลังจากที่เปิดตัวโครงการ “สืบสานงานเงิน” ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทางสยามเจมส์ กรุ๊ป จึงได้จัดแสดง 12 ผลงานเครื่องเงินจากผู้ประกอบการและช่างฝีมือที่ผ่านการคัดเลือกและพัฒนาทักษะฝีมือในโครงการ โดยดึงอัตลักษณ์เครื่องเงินไทยในวิถีต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบ ที่เน้นการตอบโจทย์ตลาดท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมยกระดับเครื่องเงินไทยสู่สายตาชาวโลก โดยจัดแสดงขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา

นางสาวปนัสยา ทองจินดาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเจมส์ กรุ๊ป กล่าวว่า โครงการสืบสานงานเงินนั้น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการและช่างฝีมือทั่วประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมเสนอผลงานกับโครงการถึง 33 ราย และมีผู้ผ่านการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 12 ราย และได้สร้างสรรค์ผลงานจนกลายเป็นเครื่องเงินไทยแบบร่วมสมัยมีอัตลักษณ์โดดเด่น ทางสยามเจมส์ กรุ๊ป รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสังคมในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยของชุมชนท้องถิ่น ช่วยต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของต่างประเทศ และสามารถกระจายรายได้สู่ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน Local to Global

นายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สยามเจมส์ กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดแสดงผลงานของโครงการสืบสานงานเงินทั้ง 12 ผลงาน สะท้อนถึงอัตลักษณ์เครื่องเงินในวิถีพื้นเมืองแต่ละภาคได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถแสดงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการและช่างฝีมือ ในการสร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จนได้ชิ้นงานที่สวยงามร่วมสมัย และสามารถจำหน่ายเชิงพาณิชย์ โดยทั้ง 12 ผลงาน แบ่งออกเป็นเครื่องประดับ 8 ผลงาน และสินค้าไลฟ์สไตล์ 4 ผลงาน ได้แก่ ชุดอุปกรณ์โต๊ะอาหาร กระดิ่งประดับบ้าน กระเป๋า และกล่องเก็บเครื่องประดับ

“ตอนนี้มาถึงจุดสุดท้ายของโครงการแล้ว เพราะเราเริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ช่วงกลางปี ถือว่าประสบความสำเร็จ เราได้ผลงานชิ้นสุดท้ายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้มาเรียนออกแบบ มาอบรมความรู้ทางด้านการตลาดกับเรา ซึ่งได้นำผลงานออกมาโชว์ให้เห็นกันในวันนี้ ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจ ตอนแรกค่อนข้างกังวลใจว่าจะไม่มีคนเข้าร่วม แต่พอเห็นแบบนี้ก็ค่อนข้างชื่นใจว่าโครงการนี้สามารถช่วยเหลือชุมชนในด้านการพัฒนาตัวเองให้ไปสู่ระดับสากล เป็นไปตามแผน 100% ชุมชนเองก็ตื่นตัวให้ความร่วมมือค่อนข้างดีด้วย” นายฐวัฒน์กล่าว

ฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์

ด้านนางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้น เครื่องประดับเงินถือเป็นกลุ่มสินค้าที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศ ปีละประมาณ 1,790 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 58,530 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15 ของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ โดยประเทศที่เป็นอันดับต้นๆ ที่ไทยส่งออกเครื่องเงินไปนั้น ได้แก่ สหรัฐฯ เยอรมนี ประเทศจีน

“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายการส่งเสริมการค้าในด้านต่างๆ ทั้งงานแสดงสินค้า บางกอกเจมส์ แอนด์จิวเวอร์รี่ มีการจัดการเจรจาธุรกิจ Business Matching โดยนำผู้ประกอบการของไทยไปต่างประเทศ เพื่อไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของทั่วโลก โดยที่เรามีโครงการ SMEs Pro-active และในส่วนการพัฒนาผู้ประกอบการ เรามีหน่วยงานที่ดูแลสินค้า นวัตกรรม และดูแลพัฒนาผู้ประกอบการด้านธุรกิจโดยเฉพาะ”

นายมนตรี นนทธิ จากร้านมนตรีเครื่องเงินสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย หนึ่งในผู้ประกอบการโครงการ “สืบสานงานเงิน” กล่าวว่า ตนนั้นทำเครื่องเงินมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว ก่อนที่จะมาเป็นช่างทำเครื่องเงินเคยทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงกลับไปอยู่บ้าน มีญาติมาสอนให้ทำเครื่องเงิน และคิดได้ว่าของดีมีอยู่บ้าน ทำไมไม่ทำ จึงหันมาทำเครื่องเงินเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้สร้างเอาไว้

มนตรี นนทธิ

“หลังจากเข้าโครงการกับบริษัทสยามเจมส์ กรุ๊ป แล้วมีคนรู้จักมากขึ้น ได้ไอเดียใหม่ ๆ แนวคิดที่จะพัฒนาไปสู่สากล อย่างเมื่อก่อนทำสร้อยคอ กำไล ยังไม่เกิดแนวคิดที่จะสร้างผลงานชิ้นใหม่ที่เป็นของใช้ในบ้าน แต่หลังจากได้เข้าร่วมโครงการ จึงได้คำแนะนำให้ลองมาทำเป็นของใช้ดูบ้าง โดยการนำลวดลายเครื่องเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัยมาติดบนชิ้นงาน” นายมนตรีกล่าว

ขณะที่นายดรณ์ สุทธิภิบาล จากร้านเครื่องเงินวัวลาย จังหวัดเชียงใหม่ อีกหนึ่งผู้ประกอบการโครงการ “สืบสานงานเงิน” กล่าวว่า ร้านเครื่องเงินวัวลายที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นเปิดมาได้ 20 ปี โดยที่ร้านแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 3 ประเภท คือ เครื่องประดับ เครื่องใช้ และของตกแต่ง นอกจากงานเครื่องเงินแล้วที่ร้านยังมีงานเครื่องโลหะ งานทองและงานเพชรพลอยอีกด้วย

ดรณ์ สุทธิภิบาล

“หลังจากที่เข้าร่วมโครงการสืบสานงานเงินจากการที่ทางสยามเจมส์ กรุ๊ป และผ่านการคัดเลือกเข้ามาสู่รอบจัดแสดงที่สยามพารากอน ในส่วนผลการตอบรับนั้นคิดว่ายังไม่สามารถชี้วัดทางด้านยอดขายได้ แต่การได้เข้าร่วมโครงการทำให้ได้รับการพัฒนาในเรื่องของกระบวนการต่าง ๆ ทั้งเรื่อง แนวคิดการนำอัตลักษณ์มาใช้ในการออกแบบการผลิต และแนวคิดเรื่องทางด้านการตลาด ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะนำไปสู่ของการชี้วัดยอดขายแน่นอน” นายดรณ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครงการ “สืบสานงานเงิน” จะเดินมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว แต่สำหรับในปีหน้า ทางสยามเจมส์ กรุ๊ป มีแผนที่จะนำองค์ความรู้ที่ได้จากโครงการในปีนี้ไปต่อยอดในระดับอุดมศึกษา คือการนำความรู้ในเรื่องของการออกแบบ อัตลักษณ์ชุมชน ไปถ่ายทอดต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาได้ต่อยอดในชิ้นงานของตนเองต่อไป

สยามเจมส์ กรุ๊ป จัดทำโครงการ “สืบสานงานเงิน” เชิญชวนผู้ประกอบการ และช่างฝีมือเครื่องเงินทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือ และต่อยอดในการสร้างโอกาสในการขายระดับสากล ตลอดจนมุ่งยกระดับสินค้าไทยให้ตรงความต้องการของตลาดเป้าหมาย ตามนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทยสู่เครื่องประดับร่วมสมัย คอยให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วม ตลอดทั้งโครงการ

นายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้อำนวยการการตลาด สยามเจมส์ กรุ๊ป ได้กล่าวว่า “กว่า 56 ปี ที่สยามเจมส์ กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจ ให้บริการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยวได้อย่างครบครัน กอปรกับการยึดมั่นในหลักจริยธรรมควบคู่ไปกับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ที่มุ่งเน้นการสร้างรากฐาน อนุรักษ์ สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชุมชนท้องถิ่น ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดทำโครงการ “สืบสานงานเงิน” เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการ และช่างฝีมือเครื่องเงินทั่วประเทศ ให้ได้รับการยอมรับในมาตรฐานโลก และยังช่วยขยายผลในระยะยาวต่อระบบการท่องเที่ยวของไทย ตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศ ให้เกิดการพัฒนาสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน พร้อมเล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการท้องถิ่น”

นายณัฐพล ปฐมกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้า สยามเจมส์ กรุ๊ป ยังได้กล่าวเสริมว่า “ด้วยเครื่องเงินของไทยมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ถือว่าเป็นงานศิลปะที่ทรงคุณค่า ต้องใช้ฝีมือ มีความประณีตสูง และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาแต่โบราณ สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เลือนหายไป โครงการ “สืบสานงานเงิน” เป็นโครงการที่จะช่วยส่งเสริม และยกระดับเครื่องเงินไทยให้เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ด้วยการเปิดตลาดใหม่ และพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น”

สำหรับโครงการ “สืบสานงานเงิน” เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ และช่างฝีมือเครื่องเงินไทย รายย่อยที่ยังขาดความรู้ด้านการพัฒนาสินค้าและการสร้างแบรนด์ ได้มาเข้าร่วมเสนอผลิตภัณฑ์กับโครงการฯ และเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบสินค้าที่สอดรับกับความชื่นชอบ และพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยว โดยโครงการฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทยสู่เครื่องประดับร่วมสมัย คอยให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วม ตลอดทั้งโครงการ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาสินค้า 50,000 บาทต่อรายอีกด้วย

“สยามเจมส์ กรุ๊ป หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการนี้จะช่วยต่อยอด และพัฒนาสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างแท้จริง พร้อมทั้งให้คนไทยเกิดความตระหนักถึงคุณค่าของเครื่องเงิน ที่เป็นงานศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยที่ควรค่าแก่การสืบทอดนี้ให้ยังคงอยู่ยันรุ่นลูก และรุ่นหลานต่อไป” นายฐวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย

ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยผลักดันงานฝีมือของไทยให้ก้าวไปสู่เวทีโลก สำหรับโครงการ “สืบสานงานเงิน” จากสยามเจมส์ กรุ๊ป โครงการที่จะพัฒนาทักษะฝีมือ และต่อยอดการขายระดับสากลแก่ผู้ประกอบการและช่างฝีมือเครื่องเงินไทยทั่วประเทศ โดยมีการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่สยามเจมส์ เฮอริเทจ

นายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้อำนวยการการตลาด สยามเจมส์ กรุ๊ป กล่าวว่า กว่า 56 ปีที่สยามเจมส์ กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจมา ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา จึงอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แล้วยังสามารถสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อย

“เราเล็งเห็นว่าช่างฝีมือไทยเรามีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าใคร แต่ที่ด้อยเป็นเรื่องของช่องทางการตลาด เราจึงพัฒนาเครื่องเงิน โดยพัฒนาให้กับผู้ประกอบการให้มีช่องทางในการขาย เราสามารถช่วยผู้ประกอบการในการขยายตลาดได้ ซึ่งตรงนี้เราได้ร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานการศึกษา เพื่อช่วยให้ศักยภาพตรงนี้แข็งแรงมากขึ้น” นายฐวัฒน์กล่าว

นายณัฐพล ปฐมกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้า สยามเจมส์ กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า เครื่องเงินไทยเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก เนื่องจากช่างไทยมีความรู้ ความชำนาญ ความประณีต และเอกลักษณ์ต่างๆ สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทยที่ชัดเจน นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกก็ชื่นชอบ เนื่องจากรูปแบบเครื่องเงินไทยมีการประยุกต์ความเป็นไทยกับความเป็นสากลได้อย่างลงตัว ขณะเดียวกันยังคงความละเอียดละออ ความประณีตไว้อยู่ โดยตอนนี้เครื่องเงินยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในทั่วโลก เนื่องจากเครื่องเงินสามารถสร้างสรรค์ให้เข้ากับแฟชั่นของแต่ละบุคคลได้ ผู้ประกอบการเองต้องลงลึกถึงวัฒนธรรมกลุ่มลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สยามเจมส์จะมาแนะนำผู้ประกอบการในโครงการนี้

ม.ล.ภาสกร อาภากร นักออกแบบผลิตภัณฑ์ชำนาญการพิเศษ เปิดเผยว่า การออกแบบสามารถช่วยในเรื่องของการค้าได้อย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันการค้าเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ถ้าสร้างสินค้าแบบเดิมๆ แน่นอนว่าลูกค้าจะย้ายไปผลิตที่มีค่าแรงถูกกว่า อีกทั้งรัฐบาลเองก็กำลังเน้นเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งหนึ่งในไทยแลนด์ 4.0 มีเรื่องของการนำความคิดสร้างสรรค์ การนำนวัตกรรมมาใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของไทย ไม่เฉพาะเรื่องการออกแบบ ผู้ประกอบการยังต้องหานวัตกรรมของตัวเอง เพื่อให้สินค้าตัวเองโดดเด่น และต้องสร้างแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง มิฉะนั้นผู้บริโภคจะไม่จดจำว่าสินค้านี้เป็นของใคร ผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้คำแนะนำในเรื่องของการออกแบบและการขยายตลาดต่างๆ

รศ.ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทยสู่เครื่องประดับร่วมสมัย กล่าวว่า สิ่งที่จะทำคือต้องทำให้การอนุรักษ์เกิดขึ้นจริง โดยการอนุรักษ์ที่สำคัญมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ 1.คงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจที่มาผลิตภัณฑ์ และยังแสดงให้เห็นถึงความชำนาญด้วย 2.ต้องร่วมสมัย ให้เข้ากับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ถ้าคิดว่าการอนุรักษ์คือการปรับเปลี่ยนอย่างเดียว โดยที่ไม่คงรากเง้าไว้ สายใยจะไม่สามารถส่งต่อหากันได้ ดังนั้นต้องทำ 2 แนวทางควบคู่กัน ทิ้งแนวทางใดแนวทางหนึ่งไม่ได้

ด้านนายไตร เขื่อนธะนะ ตัวแทนผู้ประกอบการเครื่องเงินร้านสล่าเงินรายใหญ่ในจังหวัดน่าน กล่าวว่า ที่ร้านมีลูกค้าเป็นกลุ่มคนญี่ปุ่นที่เชื่อมั่นสินค้าเรามานานกว่า 20 ปี เนื่องจากการทำงานตรงต่อเวลา และสินค้ามีคุณภาพ แต่ส่วนตัวมองว่ายังมีการพัฒนาการออกแบบที่ช้า และยังมีปัญหาเรื่องการตลาด เมื่อมีโครงการนี้ก็ทำให้รู้สึกมีความหวังมากขึ้น เพราะคาดว่าโครงการนี้จะช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้หลากหลาย ทันสมัยมากขึ้น และยังแนะนำช่องทางการตลาดอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการเครื่องเงิน