ช่วงหยุดยาวแบบนี้ หลายคนหลายบ้านวางแผนเที่ยวต่างจังหวัด หรือบางคนลาต่อเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งแน่อนว่าก่อนที่จะไม่อยู่บ้านในช่วงหยุดยาวแบบนี้ นอกจากจะต้องเตรียมแพ็คกระเป๋าแล้ว อีกสิ่งที่ต้องเตรียมก็คือ การดูแลบ้านให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านนั่นเอง

หนึ่งในเรื่องที่ต้องดูแลบ้านก็คือ “ของในตู้เย็น” ที่หลายอย่างอาจเสียได้หลังคุณกลับมา เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีอายุยืนยาวขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม การเคลียร์ตู้เย็นให้เรียบร้อยไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องรีบกินทุกสิ่งทุกอย่างทันทีทันใด เพราะบางอย่างก็สามารถเก็บในช่องฟรีซได้

คราวนี้ลองมาดูว่าของในตู้เย็นแต่ละชนิดควรจัดเก็บอย่างไรในช่วงหยุดยาว

1.ของเหลือ

ในทุกวัน เรามีโอกาส 99% ที่จะพบของเหลือในตู้เย็น ซึ่งหากเป็นของเหลือที่เราเพิ่งปรุง และมีแนวโน้มที่เราจะเก็บไว้ ควรแช่ไว้ในช่องฟรีซ สำหรบเป็นอาหารหลังหยุดยาว หรือไม่เช่นนั้นอาจนำมาปรุงเป็นมื้อเช้า หรือมื้อกลางวันก่อนออกจากบ้าน

2.นมและครีม

นมบางชนิดก็มีอายุการเก็บรักษายาวนาน และอยู่ได้นานแม้เราจะกลับมาหลังจากหยุดยาวแล้วก็ตาม แต่นมบางชนิดก็มีอายุเก็บรักษาสั้นๆ โดยเฉพาะนมสด นมพาสเจอไรส์ ซึ่งหากคุณไม่อยากดื่มให้หมดก่อนออกจากบ้าน คุณสามาถแช่นมและวิปครีมไว้ในตู้เย็นได้ แต่รสชาติอาจไม่เหมาะแก่การดื่ม แต่ยังใช้ได้ดีสำหรับการทำอาหารหรือขนม

3.โยเกิร์ต

หากรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากถ้าต้องจัดการโยเกิร์ตทั้งหมดที่มีอยู่ในตู้ โปรดจำไว้ว่าโยเกิร์ตไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารเช้าเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปกินเป็นน้ำสลัด หรือใช้เป็นซอสจิ้มได้ ดังนั้น คุณสามารถแช่โยเกิร์ตไว้ในช่องแช่แข็ง เพื่อไว้กินในเมนูต่างๆ หลังกลับมาจากหยุดยาว

4.ถั่วชนิดต่างๆ

ไม่ว่าคุณจะแช่ถั่วสด ถั่วแห้งปรุงสุก หรือถุงถั่วที่เปิดแล้วไว้ในตู้เย็น สิ่งที่คุณควรทำคือย้ายมาไว้ในช่องแช่แข็งซะ เพราะการเก็บไว้ในช่องแช่แข็งทำให้สามารถเก็บถั่วไว้ได้นานสูงสุดถึง 3 เดือน และสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู

5.ข้าวและธัญพืช

หลายคนชอบเก็บข้าวและธัญพืชที่กินไม่หมดไว้ในตู้เย็น สิ่งที่ควรทำในช่วงหยุดยาวคือเก็บข้าวเหล่านี้ไว้ในช่องแช่แข็ง หลังกลับมาแล้วคุณสามารถนำข้าวเหล่ามาใช้ทำข้าวผัดได้

6.ผลไม้สด

ผลไม้สดดูเหมือนจะเป็นของกินเล่นหวานๆ เพิ่มความสดชื่นให้ทุกคนได้ดีขณะเดินทางท่องเที่ยว แต่หากคุณไม่ได้วางแผนจะนำผลไม้สดไปด้วย ก็มีหลายวิธีที่จะเก็บรักษาไว้เพิ่มความสดชื่น แทนที่จะทิ้งให้เป็นของเสีย เริ่มต้นด้วยการล้างให้สะอาด หั่นออกเป็นชิ้นๆ และใส่ถุงซิปแช่เย็นไว้ หรือจะแช่ไว้ในช่องแช่แข็งก็ไม่เลว หรืออีกวิธีคือนำไปปั่นเป็นไอศกรีมผลไม้ก็เข้าท่า

7.พืชผักต่างๆ

โชคดีที่เรามีวิธีการเก็บพืชผักไว้กินได้หลายรูปแบบเลยทีเดียว โดยพวกผักใบเขียว และผักที่มีคุณสมบัติเป็นสมุนไพร คุณสามารถแช่ไว้ในช่องฟรีซได้ ขณะที่ผักอื่นๆ คุณอาจจะปรุงด้วยการผัดแล้วแช่ตู้เย็นไว้ หรือผักบางชนิด สามารถนำไปทอดให้กรอบ แล้วนำไปเป็นของกินเล่นระหว่างเที่ยวได้!

“กลิ่นในตู้เย็น” เป็นสิ่งที่หลายคนรำคาญซะเหลือเกิน เพราะบางครั้งถึงแม้จะทำความสะอาดก็แล้ว จัดวางของใหม่ก็แล้ว แต่ตู้เย็นก็ยังมีกลิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากบางสิ่งที่ไม่มีใครสังเกต หรือบางครั้งก็ห่อหุ้มอาหารไม่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณสามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้

ลองมาดูกันว่า 5 ขั้นตอนในการตรวจเช็กที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็นกัน!

1.ตรวจดูชีสของคุณ

บอกเลยว่าชีสมักเป็นที่มาของกลิ่นส่วนใหญ่ในตู้เย็น โดยชีสที่หั่นบางๆ ที่คุณเพิ่งซื้อจากที่ร้านอาจไม่ใช่ปัญหา ยกเว้นแต่ว่าเก่ามาก สิ่งที่ต้องทำคือ คุณควรตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณห่อชีสได้เรียบร้อยดีหรือไม่ และควรระบุวันที่ซื้อมาไว้ที่กล่องใส่ชีสของคุณด้วย

2.มองย้อนกลับไปที่ชั้นทุกชั้นในตู้เย็น

เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆ ที่คุณไม่ได้ใช้มักจะถูกดันไปอยู่ด้านหลังของชั้น ส่วนข้างหน้าก็จะมีแต่ของที่คุณใช้บ่อยๆ ดังนั้นหากตู้เย็นของคุณมีกลิ่นและกลิ่นนั้นไม่ได้มาจากชีส จึงตั้งข้อสังเกตได้เลยว่ากลิ่นนั้นอาจมาจากของเก่าๆ เปื่อยๆ ที่ถูกดันไปอยู่ด้านหลังก็เป็นได้

3.ตรวจดูกล่องที่มีฝาปิดและถุงใส่ของทุกชิ้นในตู้เย็น

หากเช็กตามข้อ 1 และ 2 แล้วคุณยังไม่พบสาเหตุของกลิ่น พนันได้เลยว่ากลิ่นนั้นอาจมาจากภาชนะที่มีฝาแต่คุณไม่ได้ปิดฝาไว้ ดังนั้นคุณจึงควรตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณปิดฝาภาชนะทุกชิ้นอย่างสนิทดี หรือหากเป็นถุงซิป ก็ควรตรวจดูว่าถุงเหล่านี้ปิดดีและแน่นหนาแล้ว

4.ลองเช็กดูในลิ้นชักแช่ผัก

ดูมา 3 ข้อแล้วก็ยังไม่เจอ คำตอบของคุณอาจอยู่ในลิ้นชักแช่ผักก็เป็นได้ ลองนึกดูว่าสัปดาห์ที่แล้วคุณซื้อมะเขือเทศมาหรือเปล่า ซึ่งบางครั้งคุณก็ลืมไปเลยใช่มั้ย ซึ่งผักเหล่านี้จะเริ่มเหี่ยว และยิ่งทิ้งไว้นานก็จะยิ่งมีกลิ่นนั่นเอง

5.ตรวจดูประตูตู้เย็น

ผ่านมา 4 ข้อแล้วหากคุณยังไม่เจอสิ่งใดอีก ลองดูที่ฝั่งประตูตู้เย็นที่เป็นแหล่งเก็บซอส ที่อาจจะเป็นแหล่งสร้างกลิ่นได้ เพราะซอสที่อยู่ฝั่งประตูตู้เย็นมักอยู่ในขวดที่บางครั้งคุณก็อาจลืมปิดฝา ซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

เพราะอุณหภูมิของตู้เย็นเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาสิ่งของได้หลายอย่าง และไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้น แต่ยังมีของอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารที่คุณควรแช่ตู้เย็นด้วย

ไปดูกันว่า 10 สิ่งที่ไม่ใช่อาหารแต่คุณควรนำเข้าตู้เย็น มีอะไรบ้าง

ไอเท็มความสวยความงาม

1.อายครีม

อุณหภูมิที่เย็นจะช่วยให้ตาอันแสนง่วงของคุณไม่ดูบวมและสดใสในยามเช้า ดังนั้น ควรนำอายครีมและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ของคุณออกจากห้องน้ำและนำไปแช่ตู้เย็น

2.อายไลเนอร์

การเก็บอายไลนเนอร์แบบดินสอไว้ในตู้เย็นจะทำให้ดินสออ่อนนุ่ม ซึ่งจะทำให้คุณเขียนอายไลเนอร์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

3.ยาทาเล็บ

การแช่ยาทาเล็บไว้ในตู้เย็นถือเป็นการยืดอายุของยาทาเล็บ แต่จะทำให้นาทาเล็บมีความหนืดและใช้ยาก ดังนั้น วิธีนี้จึงเหมาะกับยาทาเล็บที่คุณไม่ได้ใช้บ่อยๆ นั่นเอง

4.เครื่องสำอางจากธรรมชาติและออร์แกนิค

หากเครื่องสำอางที่คุณใช้เป็นผลิตภัณฑ์โฮมเมด หรือสินค้าออร์แกนิค หรือที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ดังนั้นจึงควรเป็นอย่างยิ่งที่จะแช่ไว้ในตู้เย็นตลอดเวลา

ไอเท็มเสื้อผ้า

5.กางเกงรัดรูปและถุงน่อง

อาจจะดูไม่น่าเชื่อ แต่มีบางคนยืนยันเลยว่าการแช่กางเกงรัดรูปและถุงน่องไว้ในตู้เย็นจะช่วยให้เส้นใยผ้าไม่ย้วยไว ทำให้มีอายุได้นานขึ้นถึง 2 เท่า ดังนั้นคุณควรจะนำเข้าตุ้เย็นทุกครั้งที่จะใช้ ด้วยการพับและเก็บไว้ในถุงพลาสติก จากนั้นแช่ตุ้เย็นทิ้งำไว้ตลอดคืน แล้วเอาออกมาใส่ในวันรุ่งขึ้น

6.ยีนส์

กางเกงยีนส์จะให้รูปลักษณ์และความรู้สึกที่ดีจริงๆ หากคุณำม่เคยซักมัน แต่หากเริ่มรู้สึกยืดๆ หย่อนๆ การนำเข้าตู้เย็นจะให้ความรู้สึกดีขึ้น

7.ผ้าที่มีบางอย่างเหนียวๆ ติดมา

หากมีหมากฝรั่งหรือไขมันติดมากับเสื้อผ้าของคุณ การนำไปแช่ตู้เย็นจะทำให้หมากฝรั่งแข็งตัว และคุณสามารถแกะมันออกมาได้ง่ายขึ้น

ของอื่นๆ

8.ผนึกซองจดหมาย

บางครั้งคุณก็อยากจะเปิดผนึกซองออกมาสวยๆ ไม่อยากให้ซองฉีกขาด วิธีการง่ายๆ คือ นำซองจดหมายใส่ถุงพลาสติกแล้วนำไปแช่ตุ้เย็น 1-2 ชั่วโมง เพื่อคลายกาว และหากอากจะปิดผนึกอีกครั้งก็แค่นำมาไว้ที่อุณหภูมิห้อง

9.ดอกไม้

เคยไหมที่อยากจะให้ดอกไม้ยังดูสดใหม่สำหรับปาร์ตี้ยามค่ำคืน วิธีง่ายๆ ก็คือแช่ดอกไม้ในตู้เย็น เหมือนที่ร้านขายดอกไม้บางร้านใช้นั่นเอง

10.ปลอกหมอน

ถอดปลอกหมอนออกมจากหมอน แล้วพับใส่ถุงพลาสติก จากนั้นนำออกมาใส่หมอน จะช่วยเพิ่มความเย็นให้หมอนของคุณได้อย่างไม่ง้อแอร์