“แสนสิริ” ร่วมกับ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” และ “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์” มอบของขวัญพิเศษส่งท้ายปีห่วงใยและดูแลสุขภาพแบบครบวงจร เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับครอบครัวแสนสิริ กับสิทธิพิเศษดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลแบบครบวงจรจากทั้ง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ตอกย้ำแนวคิด Made For Life ของแสนสิริที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณภาพชีวิตดีดีแก่ทุกคน รับสิทธิพิเศษ! กับ 4 โปรแกรม ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2565

โปรแกรม 1 จองวัคซีนโมเดอร์นา (Generation 1)  รับเพิ่มวงเงินประกันภัยแพ้วัคซีน รวม 200,000 บาท ส่วนลด 30% แพคเกจตรวจสุขภาพ (วันนี้ –31ธ.ค. 2564) และรับเพิ่มสิทธิพิเศษโปรแกรม และบัตรส่วนลด รวมกว่า 6,000 บาท (วันนี้ –31 มี.ค. 2565)

โปรแกรม 2 Covid-19 Exclusive Privileges รับส่วนลดสูงสุด 50% ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในยุคโควิด เตรียมความพร้อม ป้องกัน และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยโปรแกรมดูแลร่างกาย ตลอดจนทรีตเมนท์สำหรับผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 แต่ยังมีอาการหลงเหลืออยู่ อาทิ โอโซนบำบัดสูตรไวทัลไลฟ์ วิตามินบำบัดสูตรเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ดูแลร่างกายด้วยออกซิเจนความกดอากาศสูง

โปรแกรม 3 Medical Concierge Privileges เพราะสุขภาพดีนั้นออกแบบได้ โปรแกรมดูแลสุขภาพเชิงลึกแบบเฉพาะบุคคล แบบที่ 1 : โปรแกรมการตรวจโภชนพันธุศาสตร์ ราคา 20,000 บาท (ราคาปกติเริ่มต้น 22,800 บาท) แบบที่ 2 : โปรแกรมตรวจยีนความเสี่ยงโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ราคา 65,000 บาท (ราคาปกติเริ่มต้น 81,600 บาท)

โปรแกรม 4 Precision Health Privileges 30+ โปรแกรมสำหรับวัยทำงานที่มีความเครียด ต้องการบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย ราคา 65,000 บาท (ราคาปกติเริ่มต้น 71,800 บาท)

เพราะสุขภาพของลูกบ้านนั้นเป็นสิ่งที่แสนสิริให้ความสำคัญมาโดยตลอด เราจึงพร้อมคัดสรรเอกสิทธิ์สิทธิพิเศษมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ สามารถอ่านรายละเอียดสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ : http://siri.ly/qUxegp7 

ติดตามรายละเอียดและข่าวสารเพิ่มเติมเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับครอบครัวแสนสิริได้ทาง Sansiri Family และ FB : @sansirifamily

“แสนสิริ” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เดินหน้าสานต่อมิชชั่นพลังงานสะอาดช่วยโลก สู่เป้าหมาย Thailand’s First Real-Estate Company to Set Target for Net-zero อสังหารายแรกในไทยที่กล้าตั้งเป้าเดินหน้าสู่ Net-zero นำโดย องอาจ สุวรรณกุล (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ล่าสุด จับมือกับ “มูฟมี” (MuvMi) โดย ดร.กฤษดา กฤตยากีรณ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด ให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าพลังงานสะอาดผ่านแอพพลิเคชั่น ภายในโครงการอสังหาฯและคอมมูนิตี้ที่อยู่อาศัยรายแรกในไทย เริ่มนำร่องที่แรกที่ T77 คอมมูนิตี้ ตอกย้ำแสนสิริ ในฐานะผู้นำด้านการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคอมมูนิตี้สีเขียวอย่างยั่งยืน ผ่านการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเพื่อโลกและเพื่อเรา โดยมอบโปรโมชั่นพิเศษ ฟรี! ตลอดเดือนธันวาคม 2564 นี้ ลูกบ้านแสนสิริและบุคคลทั่วไป เดินทางระหว่างโครงการ T77 และ BTS อ่อนนุช ใช้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น MuvMi โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จากนั้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 คิดค่าบริการตามระยะทาง เริ่มต้นเพียง 10 บาท

T77 คอมมูนิตี้เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน เป็น Green Community ที่แสนสิริมุ่งมั่นนำพลังงานสะอาดมาใช้อย่างต่อเนื่องตลอดจนรณรงค์ให้ลูกบ้านและประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอน ตั้งแต่ ความร่วมมือกับ BCPG นำร่องโครงการเปลี่ยนไฟฟ้าพลังงานสะอาดแบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในโครงการที่พักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง การติดตั้ง Bangkok’s First Solar Bus Stop with Wireless Charger ครั้งแรกในไทยกับจุดพักรถพลังงานแสงอาทิตย์ ชาร์จมือถือแบบไร้สายได้ระหว่างรอรถ พร้อม Solar Bin ถังขยะบีบอัดอัจฉริยะ E-Scooter บริการเช่ารถสกู๊ตเตอร์โดยสารภายใน T77 และ SIRI CAMPUS ที่ให้บริการแก่พนักงานแสนสิริ เปลี่ยนรถยนต์ผู้บริหารทุกคันของบริษัทเป็นรถ EV รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในต้นปี 2021 ตลอดจน ติดตั้งจุดให้บริการ EV Charger ใน T77 สำหรับการจับมือกับพันธมิตรล่าสุดกับ มูฟมี (MuvMi) เป็นอีกหนึ่งพันธกิจของการให้บริการรถสาธารณะพลังงานไฟฟ้าในคอมมูนิตี้ T77 เพื่อช่วยโลกลดคาร์บอนและทำให้แสนสิริไปถึงเป้าหมาย net-zero ตามที่ได้วางไว้

  • แสนสิริ ย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำแนวราบ และ ผู้นำด้านดีไซน์การออกแบบ งัดจุดเด่นรุกตลาดอสังหาฯ ชู “คลับเฮาส์สวย พร้อมฟังก์ชั่นและดีไซน์ตอบโจทย์การพักผ่อน” ขนทัพเปิดตัว 18 คลับเฮาส์ใหม่ จับแนวคิดกลยุทธ์สร้างความต่าง ให้ทุกวัน คือ วันพักผ่อนที่บ้านกับแคมเปญ Club Vacay
  • เน้นย้ำ คลับเฮาส์ที่สวยงาม ต้องมาคู่กับบริการหลังการขายที่ใส่ใจการดูแลพื้นที่ให้ คงเสมือนวันแรก และอุ่นใจได้กับมาตรการความสะอาดปลอดภัยรับยุค New Normal
  • แสนสิริ เตรียมพื้นที่ให้ทุกคนพักร้อนได้ทุกวัน! ให้ทุกการพักผ่อน สะดวกสบายเพียงไม่กี่ก้าวจากบ้าน “Club Vacay Free Day, Everyday” พบกับข้อเสนอพิเศษถึง 31 ธ.ค.นี้ ที่โครงการบ้านและทาวน์โฮมพร้อมอยู่ทั่วประเทศ เริ่ม 1.79 ลบ.
  • สัมผัสบรรยากาศวันพักผ่อนที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร ผ่านพื้นที่คลับเฮาส์ สวนสีเขียว ส่วนกลาง ที่มาพร้อมทั้งดีไซน์และฟังก์ชันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกสมาชิกในครอบครัวได้แล้ววันนี้
  • ครั้งแรก! ถ่ายทอดจุดเด่นความสวยงามของดีไซน์และฟังก์ชั่นครบครันของคลับเฮาส์และส่วนกลางใน 5 บรรยากาศ ผ่านฝีมือภาพถ่ายจาก 5 ช่างภาพชื่อดังจาก H.O.P
อู้ พหลโยธิน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

อู้ พหลโยธิน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนึ่งในหัวใจหลักสำคัญที่     ทำให้แสนสิริ แตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในการเป็นผู้นำแนวราบครองใจคนไทยอย่างต่อเนื่อง คือ คลับเฮาส์และส่วนกลางที่สวยงาม ทั้งดีไซน์และออกแบบให้เข้ากับโครงการและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้จริง พร้อมกับความใส่ใจดูแลพื้นที่ให้คงเสมือนวันแรก และความอุ่นใจในมาตรการความสะอาดและปลอดภัย ด้วยบริการจาก พลัส พร็อพเตอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการหลังการขาย เราจึงนำจุดเด่นของความสวยงามและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต มาถ่ายทอดโมเมนต์การใช้ชีวิตพักร้อนอย่างมีสไตล์ ในบรรยากาศ ที่เรียกว่า “บ้าน” โดยร่วมกับ 5 ช่างภาพชื่อดังจาก H.O.P

แสนสิริ เข้าใจการใช้ชีวิตจึงส่งมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย เพื่อให้ทุกๆวันเป็นวันพักผ่อนที่แท้จริงได้จากที่บ้าน ตอกย้ำแนวคิด Made for life เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน สำหรับแคมเปญ Club Vacay (คลับ วาเคย์) นำเสนอมุมมองใหม่ของคลับเฮาส์ สวนสีเขียว และส่วนกลาง ที่มีความหมายมากกว่าพื้นที่ แต่เป็นประสบการณ์ที่ชวนให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างอิสระ สนุกและผ่อนคลายไปกับทุกกิจกรรมที่ชื่นชอบอย่างสะดวกสบาย กับดีไซน์ที่สวยงามหลากหลาย ลงตัวกับคอนเซปต์

ของแต่ละโครงการ ให้เป็นได้ทั้งที่พักผ่อนส่วนตัว ใช้เวลากับครอบครัว และที่ที่ให้คุณได้มาคอนเน็คกับเพื่อนบ้าน เปลี่ยนวันธรรมดาๆ ของคุณ ให้กลายเป็น Vacation ที่แสนพิเศษด้วยส่วนกลางที่ครบครัน”

Club Vacay ให้ทุกวันเป็นเหมือนวันพักร้อนสุดพิเศษ สะดวกสบาย เพียงไม่กี่ก้าวจากบ้าน สัมผัสบรรยากาศ การพักผ่อนเต็มที่บนพื้นที่ Clubhouse ดีไซน์แบบ One-of-a-kind และ พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ อาทิ สระว่ายน้ำ,สวนสีเขียว Sansiri Backyard, Fitness, Lobby, Educational Playground, Jogging Track และโซนพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมฟังก์ชั่นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ที่ Clubhouse โครงการบ้านและทาวน์โฮมจากแสนสิริ พร้อมเปิดตัวคลับเฮาส์ใหม่ 18 โครงการ อาทิ บุราสิริ พระราม 2 บ้านบรรยากาศรีสอร์ท พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่เหมือน พาทุกคนในครอบครัวไปพักผ่อนได้ทุกวันกับธรรมชาติรอบตัว, เศรษฐสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี คลับเฮาส์สไตล์ Modern Classic โดดเด่นสง่างาม พร้อมวิวสนามกอล์ฟ, อณาสิริ ชัยพฤกษ์-วงแหวน คลับเฮาส์สถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นเรียบง่าย โดดเด่นด้วยสีแดง ตัดกับสวนสีเขียว เป็นต้น

สัมผัส 5 บรรยากาศความสวยงาม ดีไซน์และฟังก์ชั่นครบครันของคลับเฮาส์และส่วนกลาง
ผ่านงานศิลปะภาพถ่ายจาก 5 ช่างภาพชื่อดัง Sansiri x H.O.P (Hub of Photography)

สิริ เพลส วงแหวน–ลำลูกกา x เอกพล พันธุ์พัฒน์

โครงการภายใต้แนวคิด Dream Destination เสน่ห์แห่งเมืองเกียวโต ส่วนกลางที่เชื่อมต่อกันทั้งสวน สระว่ายน้ำ ฟิตเนส พร้อมไฮไลท์สะพานแดงและน้องแมวฮานะจัง แรงบันดาลใจภาพจากการหวนย้อนนึกไปถึงบทเพลง “SUKIYAKI (Ue o Muite Arukou)” ขับร้องโดย Kyu Sakamoto แปลเป็นไทยว่า “ฉันเงยหน้าเพื่อก้าวเดินไป” ด้วยทำนองของเพลงที่มีเอกลักษณ์ในความสดใสที่ไม่ว่าใครฟังก็จะรู้สึกถึงความสุข ไม่ต่างไปจากการที่ได้พักผ่อนหย่อนใจในคลับเฮาส์ สัมผัสประสบการณ์พักร้อนสุดพิเศษที่ สิริ เพลส วงแหวน-ลำลูกกา เริ่ม 2.29 ล้านบาท*

อณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน x โทนี่ ณัฐวัฒน์ ตั้งธนกิจโรจน์
เศรษฐสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี x รินรดา พรสมบัติเสถียร

อณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน x โทนี่ ณัฐวัฒน์ ตั้งธนกิจโรจน์

คลับเฮาส์สีแดงดีไซน์โดดเด่น แต่ลงตัวพอดีกับแบบบ้านภายในโครงการทำให้ใครก็ตามที่ได้มาที่นี่ ต่างก็ประทับใจไม่ต่างกันทั้งความครบครันของส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส ที่มาพร้อม Bay Window, สนามเด็กเล่นเพื่อการเรียนรู้ รวมไปถึง Sansiri Backyard แรงบันดาลใจจากสนามหญ้าโล่งกว้าง โปร่งสบาย และร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม หวนนึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งเป็นเด็ก การได้ออกไปผจญภัย วิ่งเล่นสนุกสนาน และจินตนาการถึงหนังสือเล่มโปรดที่ประทับใจ คือ หนังสือเจ้าชายน้อย (The Little Prince) ภาพถ่ายจึงมีความสดใส อบอวลไปด้วยสีสันและแสงเงาที่ดูชวนฝัน ราวกับตัวละครเจ้าชายน้อยออกมาโลดแล่นในสถานที่จริง สัมผัสประสบการณ์ พักร้อนสุดพิเศษที่ อณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน เริ่ม 4.85 ล้านบาท*

เศรษฐสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี x รินรดา พรสมบัติเสถียร

คลับเฮาส์ดีไซน์โมเดิร์น คลาสสิก สง่างามเหนือกาลเวลา พื้นที่ส่วนกลางออกแบบ Landscape มาเพื่อทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมความรื่นรมย์ของพื้นที่สีเขียวจากวิวสนามกอล์ฟและผืนน้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบแรงบันดาลใจถ่ายทอดภาพถ่ายออกมาอย่างสวยงาม แปลกตา จากงานเขียนที่เรื่องราวในภาพนั้นเป็นภาพเสมือนจริง (Magical Realism) ความขัดแย้งกันอยู่ในภาพอย่างไม่สมจริง ทั้งหมดเพื่อบอกเล่า และถ่ายทอดความงดงามแบบไร้กาลเวลา และความตราตรึงใจอันเป็นนิรันดร์ ที่เกิดขึ้นเมื่อคุณได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศการพักร้อนสุดพิเศษที่ เศรษฐสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี เริ่ม 8.99 ล้านบาท*

บุราสิริ พระราม 2 X ตรัยภูมิ จงพิพัฒนสุข

คลับเฮาส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเกลียวคลื่นที่มีทั้งความพริ้วไหวและทรงพลังกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ แรงบันดาลใจจากการค้นหาและถ่ายทอดความรู้สึกของช่วงเวลาที่อยู่ใน Clubhouse ของบุราสิริ พระราม 2 ผ่านสิ่งของหรือมุมเล็กๆ ทั้งบรรยากาศของธรรมชาติสุดร่มรื่น อากาศบริสุทธิ์ สายลมที่พลิ้วผ่าน คลื่นน้ำที่ค่อยๆ กระจายวงกว้าง ผสมผสานกับกลอนไฮคุ หรือ tanka ในภาษาอังกฤษ ที่เน้นถึงความงามในความธรรมดา เเละการได้หยุดนิ่ง ชื่นชมรายละเอียดเล็กๆ ในธรรมชาติเเละชีวิตประจำวัน นี่คือ ความสุขที่แท้จริงของชีวิต สัมผัสประสบการณ์พักร้อนสุดพิเศษที่บุราสิริ-พระราม 2 เริ่ม 7 ล้านบาท*

เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา X นรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์

แรงบันดาลใจในการออกแบบ Clubhouse จาก ดอกกล้วยไม้ พืชเศรษฐกิจของเขตทวีวัฒนา ที่มีความหมายถึงความมั่งคั่งและสง่างาม นรภัทร เจ้าของผลงานศิลปะภาพถ่ายและงานศิลปะการจัดวาง ถ่ายทอดเรื่องราวดอกกล้วยไม้จากสวนใกล้โครงการ นำมาจัดวางตามจุดต่างๆ ภายในพื้นที่ Clubhouse ของเศรษฐสิริ ทวีวัฒนา เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับผู้ที่อยู่อาศัยภายในโครงการ นอกจากนี้ ดอกกล้วยไม้ “หลากหลายชนิด หลากหลายสายพันธุ์ท หลากหลายสีสัน” สามารถเจริญเติบโตภายในพื้นที่ต่างๆ ของโครงการได้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าทุกพื้นที่ในโครงการถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แก่ “ทุกชีวิต” สัมผัสประสบการณ์พักร้อนสุดพิเศษที่เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา เริ่ม 15 ล้านบาท*

มาพักร้อนที่ “บ้าน” ด้วยกันกับแสนสิริ สัมผัสประสบการณ์ไลฟ์สไตล์วันพักผ่อนกับ “Club Vacay” ในบรรยากาศคลับเฮาส์และส่วนกลาง ที่ทำให้วันพักร้อนของคุณเกิดขึ้นได้ที่บ้านและทาวน์โฮมพร้อมอยู่ทั่วประเทศ เริ่ม 1.79 – 36 ล้านบาท* พร้อมรับโปรโมชันพิเศษที่โครงการได้แล้ววันนี้ www.sansiri.com/clubvacay/

  • แสนสิริ ผู้นำแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย จับมือกับกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ร่วมด้วย PPP Plastics ภายใต้การนำของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) สานต่อการจัดการขยะจากที่อยู่อาศัย ส่งเสริมและสร้างความเข้าใจในการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้เกิดประโยชน์ กับ “waste to WORTH : แยกไม่ยาก”
  • ชวนลูกบ้านและทุกคน ‘ล้าง-ตาก-ทิ้ง’ เพื่อส่งต่อขยะพลาสติกแบบย่อยสลายไม่ได้ ตั้งจุดรับขยะที่ Habito Mall ชั้น 1 และขยะพลาสติกที่ลูกบ้านคัดแยกในอีกกว่า 50 โครงการแสนสิริ จะถูกนำส่งกับ Recycle Day หรือนิติฯ ในโครงการ ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม เพื่อเข้าสู่กระบวนการ Upcycle ต่อไป
  • ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่สอดคล้องกันด้านความยั่งยืนของ 3 องค์กร และขึ้นแท่นเป็นผู้นำของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรกเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ALL_Thailand กับผลสำเร็จสูงสุดในการจัดการขยะเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริได้ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมและสร้างองค์กรที่ดี ภายใต้พันธกิจ “Sansiri Sustainability: Everyday Better” เรายึดมั่นที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวันให้กับลูกบ้าน สังคมและทุกคน โดยเฉพาะในด้าน Waste Management ที่เราได้ดำเนินการมาอย่างจริงจัง โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำมากมากมาย เพื่อเก็บรวบรวมและจัดการขยะในแต่ละประเภท ตั้งแต่ การร่วมมือกับโคคา-โคล่าในการจัดการขยะประเภทบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้, การร่วมมือกับ SCG Packaging ในการจัดการขยะรีไซเคิลประเภทกระดาษ ตลอดจนการร่วมมือกับ AIS เพื่อคัดแยกขยะ e-Waste ในโครงการแสนสิริ ทำให้ในปีที่ผ่านมา เราสามารถรวบรวมและคัดแยกเพื่อนำขยะเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างเหมาะสมไปทั้งหมด 205,815 กิโลกรัม ใน 148 โครงการ แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หลายองค์กรออกนโยบาย Work from Home และคนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้แนวโน้มจำนวนขยะในครัวเรือนได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จเพื่อจัดการขยะพลาสติกแบบย่อยสลายไม่ได้ จับมือยูนิลีเวอร์ กับ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” ตั้งจุดรับขยะที่ Habito Mall และร่วมกับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อขยายผลไปในอีกกว่า 50 โครงการของเรา ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้เกิดประโยชน์ เพื่อชะลอขยะพลาสติกลงสู่ภูเขาขยะให้ได้มากที่สุด พร้อมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ALL_Thailand ภายใต้ทุนสนับสนุนจาก Alliance to End Plastic Waste (AEPW) กับเป้าหมายในการเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมสร้าง Business Model ต้นแบบการจัดการขยะพลาสติกกับ PPP Plastics มุ่งผลักดันการจัดการขยะเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย”

ด้านสถานการณ์ ‘ขยะพลาสติก’ ในไทย มีข้อมูลจากเสวนาออนไลน์ของ PPP Plastics ในหัวข้อ “ขยะพลาสติก : การจัดการและโอกาส Post COVID-19” ระบุว่า ในช่วงก่อนโควิด-19 ไทยมีขยะพลาสติกเฉลี่ย 2 ล้านตัน/ปี หรือเฉลี่ยประมาณ 90 กรัม/คน/วัน (ม.ค.-ธ.ค. 2562) โดยมีขยะพลาสติกถูกนำกลับไปใช้ประโยชน์คิดเป็น 0.5 ล้านตัน/ปี และได้ ถูกนำไปกำจัดโดยวิธีฝังกลบหรือเตาเผา 1.5 ล้านตัน/ปี แม้ว่าในช่วงต้นปี 2563 มีการรณรงค์ลดใช้พลาสติก โดยมีประชาชนให้ความสนใจ พร้อมหันมาใช้ถุงผ้ากันมากขึ้น แต่หลังจากที่มีสถานการณ์โควิด -19 จนถึงการระบาดระลอกใหม่ ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นถึง 45% เฉลี่ยประมาณ 139 กรัม/คน/วัน (เม.ย.2564) และคาดว่าอาจจะมากกว่าเดิม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมไปถึงความจำเป็นในการใช้พลาสติกจากสถานการณ์โควิด-19

นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์มีความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความยั่งยืนในทุกรูปแบบ เพราะเห็นได้ชัดว่าเราไม่สามารถมีธุรกิจที่แข็งแกร่งบนโลกที่ป่วยได้ นี่คือเหตุผลที่ยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นทุ่มเทในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องขยะพลาสติก”

“ภายในปี พ.ศ. 2568 บรรจุภัณฑ์ของเราจะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิลได้ หรือย่อยสลายได้ 100% นอกจากนี้ เราจะลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ (Virgin Plastic) ลง 50% และเราจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและจับมือกับพันธมิตรเพื่อรับประกันว่าเราจะเรียกเก็บบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้มากกว่าที่เราจำหน่าย นั่นหมายถึงการป้องกันพลาสติกไปยังบ่อฝังกลบและรั่วไหลไปยังแหล่งน้ำของเรา โดยการนำกลับเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ความร่วมมือกับแสนสิริถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน โครงการ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” จะช่วยสร้างความเข้าใจและเป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมให้ลูกบ้านในโครงการของแสนสิริคัดแยกพลาสติกจากครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซองหรือถุงเติมพลาสติกที่มีมูลค่าต่ำจากบ้าน ซึ่งทั้งหมดสามารถรวบรวมและแปรรูปให้สามารถใช้ใหม่อย่างมีความรับผิดชอบ ถือเป็น วิน วิน วิน อย่างแท้จริง”

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติก และขยะอย่างยั่งยืน (Public Private Partnership for Sustainable Plastic and Waste Management:(PPP Plastics)) กล่าวว่า  “โครงการ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแสนสิริ ยูนิลีเวอร์ และ PPP Plastics ที่จะช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง การสร้างจุดทิ้งและเชื่อมต่อ Network ตั้งแต่ผู้แยกและผู้นำไปรีไซเคิล เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยนำพลาสติกใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้ตามเป้าหมายของ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561–2573 ของภาครัฐ การดำเนินงานในครั้งนี้จะช่วยสร้างต้นแบบระบบการจัดการพลาสติกใช้แล้วที่สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจ BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green: BCG Model)  ที่รัฐบาลกำหนดเป็นโมเดลเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศ อย่างยั่งยืนและเป็นวาระแห่งชาติ BCG โดยเฉพาะในส่วนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากร การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการลดมลพิษขยะพลาสติกในทะเลควบคู่กันไปด้วย ในขณะที่ผลิตสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น”

นายวิรัช เกลียวปฏินนท์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Eco-Digiclean Klongtoei (อีโคดิจิคลีนคลองเตย) ภายใต้โครงการ ALL_Thailand ซึ่ง PPP Plastics ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานจาก  Alliance to End Plastic Waste โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดการขยะพลาสติก พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการขยะให้ครบวงจร  เพื่อนำไปขยายผลในระดับประเทศ แสนสิริและยูนิลีเวอร์ และภาคีเครือข่ายในโครงการ เป็นหน่วยงานที่มีวิสัยทัศน์ในการปลูกจิตสำนึกการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งในด้านอุตสาหกรรมแล้ว จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมรีไซเคิลพลาสติก ให้มีแหล่งวัตถุดิบที่สะอาดเพิ่มขึ้น เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์รีไซเคิลและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง”

“waste to WORTH: แยกไม่ยาก” เป็นแคมเปญภายใต้ความร่วมมือของแสนสิริ, ยูนิลีเวอร์และ PPP Plastics และพันธมิตรอีกมากมาย เพื่อส่งเสริมและสร้างความเข้าใจในการแยกพลาสติกตั้งแต่ต้นทางให้เกิดประโยชน์ ชวนลูกบ้านและทุกคน ‘ล้าง-ตาก-ทิ้ง’ ขยะพลาสติกแบบย่อยสลายไม่ได้ จำพวก HDPE เช่น ขวดนมขาวขุ่น, ขวดแชมพู, ขวดน้ำยาซักผ้าและขวดน้ำยาปรับผ้านุ่ม และถุงพลาสติกต่างๆ เช่น ถุงผงซักฝอก, ถุงเติมน้ำยาซักผ้า, ถุงขนมปัง และถุงหูหิ้วพลาสติกยืด  ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ของใช้ที่มีมากในที่พักอาศัย เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการแปรรูปอัพไซเคิลโดย ทีพีบีไอ และเอสซีจี เคมิคอลส์ ให้สามารถหมุนเวียนและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อาทิ ของตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อช่วยเหลือด้านโควิด ชุด PPE และเตียงสนาม เป็นต้น โดยลูกบ้านและทุกคนสามารถนำพลาสติกดังกล่าว มาแยกได้ที่จุด Drop Point บริเวณ Habito Mall ชั้น 1 และลูกบ้านแสนสิริที่เข้าร่วมในกว่า 50 โครงการสามารถนำส่งกับ Recycle Day หรือนิติฯ ในโครงการ ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคมนี้ สามารถติดตามกิจกรรรมเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Sansiri PLC

“ความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน และการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม หากทุกคนร่วมกันลงมือทำ แสนสิริร่วมกับยูนิลีเวอร์และ PPP Plastics ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมบรรเทาปัญหาด้าน Waste Management ภายใต้โครงการ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” ตอกย้ำพันธกิจ “Sansiri Sustainability : Everyday Better” เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อชีวิตดีดีของทุกคนและเพื่อโลกสีเขียวที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน” นายเศรษฐา กล่าวสรุป

เดินหน้ามุ่งมั่นไม่หยุดยั้งเพื่อมอบความอุ่นใจและความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้านแสนสิริ ดูแลลูกค้า และช่วยเหลือสังคมในทุกมิติอย่างเต็มกำลังเท่าที่จะทำได้ในช่วงสถานการณ์นี้ สานต่อความมุ่งมั่นและความห่วงใยจากมาตรการ ‘Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย’ และตอกย้ำวิสัยทัศน์หลักในการดูแลพนักงานและสังคม อันเป็นภาคส่วนสำคัญของ 4 เสาสังคม เพื่อหวังเป็นฟันเฟืองหนึ่งของการเตรียมพร้อมเครื่องจักรประเทศไทยรับการเปิดประเทศ พร้อมขอขอบคุณ “พันธมิตรคู่ค้าทุกบริษัท” ที่ร่วมเป็นพลังสำคัญในการสร้างสังคมปลอดภัยร่วมกันกับแสนสิริ เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) “หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์พิจารณาเห็นชอบ จัดสรรวัคซีนชิโนฟาร์มซึ่งเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated Vaccine) ให้แก่บริษัทฯ จำนวน 37,000 โดสแก่แสนสิริ รวม 40 ล้านบาท เพื่อปูพรมฉีดให้แก่ พนักงาน-ครอบครัว-สังคม โดยได้ดีเดย์ ฉีดวันแรก 30 มิ.ย. ที่โรงพยาบาลเครือ BDMS ไปเมื่อเร็วๆ นี้

พนักงานแสนสิริ และ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ทุกคน เปรียบเสมือนทัพด่านหน้าของบริษัทฯ ที่มอบความอุ่นใจและความปลอดภัยแก่ลูกค้า วันนี้ เราทุกคนได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มแรกครบทุกคนแล้ว และพร้อมเดินหน้าร่วมกันสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยเพื่อมอบความอุ่นใจแก่ครอบครัวแสนสิริ ในการอยู่อาศัยในทุกโครงการของแสนสิริ ตลอดจนพร้อมแล้วที่จะคืนประโยชน์แก่สังคมอย่างดีที่สุดตามกำลังเต็มที่ของแสนสิริเท่าที่จะทำได้ และที่สำคัญ แสนสิริขอขอบคุณ “พันธมิตรคู่ค้า” หัวใจสำคัญของ business ecosystem ที่อยู่เคียงข้างแสนสิริและพร้อมร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยร่วมกันโดยเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มกับแสนสิริ”

แสนสิริมุ่งมั่นวางเป้า พนักงานแสนสิริทุกคน-ครอบครัว-สังคม ต้องได้วัคซีน ผ่านกลยุทธ์การจัดสรรวัคซีน “แสนสิริและสังคม..คนละครึ่ง” โดยให้แก่พนักงานแสนสิริและครอบครัวจำนวน 18,000 โดส หรือสำหรับ 9,000 คน คิดเป็น 50% ของปริมาณวัคซีนที่ได้จัดสรรทั้งหมด และอีกกว่า 50% หรือ 19,000 โดส ให้แก่คู่ค้า พันธมิตร ชุมชนรอบข้าง และผู้ด้อยโอกาส จำนวนรวมถึง 9,500 คน พร้อมรุกขยายผลช่วยสังคม จัดกว่า 50% ของวัคซีนที่ได้รับจัดสรรให้คู่ค้า พันธมิตร ชุมชน และผู้ด้อยโอกาส

นอกเหนือจาก พนักงานแสนสิริ และ พลัสพร็อพเพอร์ตี้ แสนสิริ ยังได้ให้การช่วยเหลือจัดสรรฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้แก่แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัยและครอบครัว ตลอดจนผู้ที่อยู่ชุมชน T77 ในย่านอ่อนนุช เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมปลอดภัยไปด้วยกัน ซึ่งการขอจัดสรรวัคซีนในครั้งนี้เนื่องจากแสนสิริเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนทั่วถึงที่สุดเร็วที่สุดเพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ประเทศ อีกทั้งวัคซีนต้องเข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่มในสังคมอย่างเท่าเทียมไม่เว้นแม้แต่ผู้ยากไร้หรือผู้ด้อยโอกาส

  • แสนสิริขอบคุณราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์สำหรับการจัดสรรวัคซีนชิโนฟาร์ม 37,000 โดส ยืนยันจะใช้เพื่อพนักงานและครอบครัว รวมทั้งทำประโยชน์แก่สังคมอย่างเต็มที่
  • เผยกลยุทธ์จัดสรรวัคซีน “แสนสิริและสังคม…คนละครึ่ง” 50% ของวัคซีนจัดให้แก่พนักงานแสนสิริทุกคนและครอบครัว รวม 9,000 คน อีก 50% เพื่อสังคมอีกกว่า 9,500 ชีวิตของ คู่ค้า พันธมิตร ชุมชนและผู้ด้อยโอกาส
  • ดีเดย์! ฉีดวันแรก 30 มิ.ย.นี้ ที่โรงพยาบาลเครือ BDMS พร้อมปูพรมทุกคนต้องได้วัคซีนภายในต้น ก.ค.นี้
  • สานต่อความมุ่งมั่นและความห่วงใยจากมาตรการ ‘Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย’ และตอกย้ำวิสัยทัศน์หลักในการดูแลพนักงานและสังคม อันเป็นภาคส่วนสำคัญของ 4 เสาสังคม เพื่อหวังเป็นฟันเฟืองหนึ่งของการเตรียมพร้อมเครื่องจักรประเทศไทยรับการเปิดประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) “บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ขอขอบคุณราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่พิจารณาเห็นชอบจัดสรรวัคซีนชิโนฟาร์มซึ่งเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated Vaccine) ให้แก่บริษัทฯ จำนวน 37,000 โดสแก่แสนสิริ ซึ่งการขอจัดสรรวัคซีนในครั้งนี้เนื่องจากแสนสิริเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนทั่วถึงที่สุดเร็วที่สุด อีกทั้งวัคซีนต้องเข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่มในสังคมอย่างเท่าเทียมไม่เว้นแม้แต่ผู้ยากไร้หรือผู้ด้อยโอกาส

โดยแสนสิริได้วางกลยุทธ์การจัดสรรวัคซีน “แสนสิริและสังคม…คนละครึ่ง” เพื่อดูแลพนักงานแสนสิริทุกคนและครอบครัว ตลอดจนคืนประโยชน์แก่สังคมอย่างดีที่สุดตามกำลังเต็มที่ของแสนสิริเท่าที่จะทำได้ ด้วยการจัดสรรวัคซีน 37,000 โดส ให้แก่พนักงานแสนสิริและครอบครัวจำนวน 18,000 โดส หรือสำหรับ 9,000 คน คิดเป็น 50% ของปริมาณวัคซีนที่ได้จัดสรรทั้งหมด และอีกกว่า 50% หรือ 19,000 โดส ให้แก่คู่ค้า พันธมิตร ชุมชนรอบข้าง และผู้ด้อยโอกาส จำนวนรวมถึง 9,500 คน ซึ่งสูงกว่าขั้นต่ำ 10% ในการบริจาควัคซีนเพื่อสังคมที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ระบุไว้ เพื่อทำประโยชน์สู่สังคมและประเทศไทยจะได้เดินหน้าพร้อมรับการเปิดประเทศในไตรมาส 4 อย่างมีประสิทธิภาพ

“พนักงานเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กร เมื่อทุกคนเต็มที่ในทำงานและดูแลลูกค้ากว่า 100,000 คนอย่างดีที่สุด องค์กรก็พร้อมจะทำเต็มที่ที่จะดูแลให้พนักงานทุกคนมีความอุ่นใจปลอดภัยในการทำงานและใช้ชีวิต ซึ่งเรายังดูแลเพิ่มเติมต่อไปยังครอบครัวพนักงานและผู้อยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับพนักงานอีกด้วย จะได้ช่วยคลายความกังวลใจของพนักงานในการจัดหาวัคซีนแก่ครอบครัว ซึ่งเมื่อพนักงานแสนสิริทุกคนในทุกโครงการ อาทิ พนักงานขาย แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ฯลฯ ได้รับการฉีดวัคซีน 100% ก็ถือเป็นการยกระดับมาตรการความปลอดภัยอุ่นใจในการอยู่อาศัยในโครงการแสนสิริทุกโครงการได้อย่างดี” คุณเศรษฐา กล่าวต่อ

นอกจากนั้น วัคซีนชิโนฟาร์มที่จะจัดสรรจำนวน 19,000 โดสให้แก่สังคมด้วยการฉีดให้แก่คู่ค้า พันธมิตร ชุมชน และผู้ด้อยโอกาสนั้น แสนสิริยังจะจัดสรรวัคซีนส่วนหนึ่งให้แก่ชุมชนรอบข้างสิริ แคมปัสซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของแสนสิริที่ตั้งอยู่ที่ T77 สุขุมวิท77 อาทิ วินมอเตอร์ไซค์ พนักงานในฮาบิโตะ มอลล์ แม่ค้าแผงลอย ผู้ยากไร้ในชุมชน ฯลฯ รวมกว่า 2,000 ชีวิตด้วย เพราะเราเล็งเห็นแล้วว่าคนกลุ่มนี้มีความลำบากในการถึงวัคซีน แสนสิริมาตั้งสำนักงานที่นี่ เราก็อยากให้ผู้ยากไร้และด้อยโอกาสที่ชุมชนนี้ได้รับโอกาสด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขา แต่ยังเป็นการช่วยให้ T77 เป็นคอมมูนิตี้ที่มีคนฉีดวัคซีนมากที่สุดและมีความปลอดภัยสูงสุดจากการระบาดของโควิด-19 แห่งหนึ่งของประเทศ

ทั้งนี้ จะมีการฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มวันแรกในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ณ โรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) จะฉีดต่อเนื่องวันละ 1,500 – 2,500 คน เพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งหมดจำนวน 18,500 คนได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกภายในสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม 2564 และฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม 2564 โดยแสนสิริจะรับผิดชอบค่าจัดซื้อวัคซีนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นรวม 40 ล้านทั้งหมด

การจัดสรรวัคซีนชิโนฟาร์มจำนวน 37,000 โดส ด้วยกลยุทธ์ “แสนสิริและสังคม…คนละครึ่ง” นี้อยู่ภายใต้มาตรการ ‘Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย’ ที่แสนสิริมุ่งมั่นสร้างความอุ่นใจและปลอดภัยในวิกฤติการระบาดโควิด-19 โดยได้ทำการช่วยเหลือ 4 เสาสังคมอย่างต่อเนื่องเสมอมาตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน อาทิ การยกระดับมาตรการความปลอดภัยในโครงการ, การช่วยเหลือ SMEs ที่เป็นลูกบ้านแสนสิริ, การจัดตั้ง Sansiri Care Relief Fund  กองทุน 5 ล้านบาทจากการระดมเงินส่วนตัวของคณะผู้บริหารระดับสูงเพื่อดูแลพนักงานแสนสิริและบริษัทในเครือ, การซื้อประกันภัยโควิด-19 แจกพนักงานทุกคน รวมถึงการบริจาคและสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขรวมมูลค่ากว่า 20 ล้าน เช่น การบริจาคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ การมอบรถตรวจโควิด-19 การสร้างห้องอาบน้ำให้แก่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม การบริจาคเงิน 2,000,000 บาทแก่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เป็นต้น

“วัคซีนเปรียบเสมือนเกราะที่ทำให้สังคมเดินหน้าต่อได้ วันนี้เราพอมีกำลังที่จะช่วยเหลือพนักงาน คู่ค้าและพันธมิตร รวมถึงสังคมให้เข้าถึงวัคซีนได้ง่ายขึ้น ก็ขอทำเต็มที่เพื่อเป็นฟันเฟืองหนึ่งของเครื่องจักรประเทศไทยในการลดความเสี่ยงของการระบาดของโควิด-19 และเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศในไตรมาส 4 ปีนี้” คุณเศรษฐา กล่าวสรุป

แสนสิริ เตรียมเปิด pre-sale สิริ เพลส ซีรี่ย์ใหม่ 2 โครงการ “สิริ เพลส บางนา – เทพารักษ์” และ “สิริ เพลส วงแหวน – ลำลูกกา” 26-27 มิ.ย.นี้ ปลื้มกระแสยอดจองรอบ VIP ดีเกินคาด! หลังเปิดตัว 2 โครงการทาวน์โฮมดีไซน์สุดโดดเด่นใน “สิริ เพลส” ซีรีย์ใหม่ “Dream Destination” กับดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างมหานครนิวยอร์ก และ เมืองเกียวโตในญี่ปุ่น กระแสตอบรับจากลูกค้าดีทั้ง 2 ทำเล สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ กวาดยอดจองรอบ VIP หมดเฟสแรกก่อนวันเปิดขายพรีเซลล์อย่างเป็นทางการ และ สิริ เพลส วงแหวน-ลำลูกกา มียอดจองแล้วกว่า 50% ของเฟสแรก เผยดีไซน์โครงการที่แตกต่าง ฟังก์ชันตอบโจทย์การ อยู่อาศัย และทำเลศักยภาพของโซนโดนใจลูกค้า

เตรียมเปิดพรีเซลล์อย่างเป็นทางการแล้ว 26-27 มิ.ย. นี้ ใครไม่อยากพลาด รีบมาจับจองกันด่วน

ตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์สิริ เพลส ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และฟังก์ชันตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ห้องนอนใหญ่ฝ้าสูง มีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ พร้อมช่องแสงธรรมชาติภายในบ้านที่เพิ่มความโปร่งโล่งสบายและประหยัดพลังงาน สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งคลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนสและสวนส่วนกลาง พร้อมแสนสิริ เซอร์วิส และ LIV-24 ระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐาน แสนสิริ

สิริ เพลส วงแหวน-ลำลูกกา ราคา 2 – 4 ล้าน* จัดเต็มสุดๆ ทุกฟังก์ชัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนทำเลศักยภาพ ติดถนนใหญ่เลียบมอเตอร์เวย์ ใจกลางสังคมคุณภาพจากแสนสิริ ครบครันกับคลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ในบรรยากาศเกียวโต และ สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ ราคา 2.39 -4 ล้าน* ทาวน์โฮม 4 ห้องนอน พร้อมเพดานสูงโปร่ง 3.6 เมตร ให้คุณใช้ชีวิตได้สบายสุดๆ พร้อมห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง จัดฟังก์ชั่นได้ตาม Passion ที่ชอบ ทำเลศักยภาพ 15 นาทีจาก เมกา บางนา และ 5 นาทีจากจุดขึ้น-ลง ทางด่วนวงแหวนกาญจนาฯ เดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายๆ

อุ่นใจในการเยี่ยมชมโครงการ สิริ เพลส ภายใต้มาตรการ Sansiri Care ให้ลูกค้าได้มั่นใจและปลอดภัยสูงสุดในการเยี่ยมชมโครงการ ด้วยการนัดหมายเข้าชมเป็นรอบๆ พร้อมติดตั้งนวัตกรรม UV care ช่วยฆ่าเชื้อโรคในอากาศแบบ Real Time ภายในสำนักงานขาย

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายอุทัย อุทัยแสงสุข (ที่ 7 จากซ้าย) ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ ผนึกเหล่าพันธมิตรจำนวน 29 บริษัท รวมพลังเร่งสร้างห้องอาบน้ำสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 380 ห้อง รวมมูลค่า 8 ล้านบาท โดยสร้างเสร็จภายในระยะเวลา 5 วัน ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มที่เพื่อก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้ด้วยกัน รวมถึงสนับสนุนการฉีดวัคซีน และตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย รับมอบโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล (ที่ 7 จากขวา) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต (ที่ 6 จากขวา) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ณ โรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานีเมื่อเร็วๆนี้ ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้ติดเชื้อทุกคนได้รับการรักษาในโรงพยาบาล หวังเสริมทัพเป็นฟันเฟืองในการช่วยเหลือสังคมให้สามารถควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรทุกคนของประเทศให้มากที่สุดและโดยเร็วที่สุด ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแสนสิริในหลักการบริหาร 4 เสาหลัก ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคม

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า “แสนสิริ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์มาใช้ในการช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ โดยร่วมกับพันธมิตรผู้รับเหมาก่อสร้างและบริษัทวัสดุและสุขภัณฑ์ชั้นนำรวมกว่า 29 ราย รวมพลังเร่งสร้างห้องอาบน้ำจำนวน 380 ห้อง ภายในระยะเวลา 5 วัน เพื่อพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มาเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามโดยกระทรวงสาธารณสุขที่ได้จัดตั้งล่าสุด ทั้งนี้ แสนสิริมีส่วนสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 โดยปีที่ผ่านมาได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาทแก่กระทรวงสาธารณสุข”

สำหรับพันธมิตรที่มีส่วนร่วมในการก่อสร้างและบริจาคห้องอาบน้ำ รวมมูลค่า 8 ล้านบาท ทั้ง 29 บริษัท ได้แก่ บริษัท สยาม มัลติคอน จำกัด, บริษัท คอนสตรัคชั่น ไลนส์ จำกัด, บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน), บริษัท วิศวภัทร์ จำกัด, บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน), บริษัท โคห์เลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด, บริษัท วีนายน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด, บริษัท โตโยโบ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โปรเจค ไดเรคชั่น จำกัด, บริษัท เอสทีม 106 จำกัด, บริษัท โมบิไลซ์ จำกัด, บริษัท พี  เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท นิวอีเล็คติคัล เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท สยามซานิทารีแวร์อินดัสทรี จำกัด, บริษัท ธงไทโชติ 2005 จำกัด, บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท สหสินไทยค้าวัตถุก่อสร้าง จำกัด, บริษัทโนวาเทร็นด้า จำกัด, บริษัท บุญถาวร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท โมดูลั่ม จำกัด, บริษัท ไทยสแทร์ จำกัด, บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย), บริษัท แกรนด์ โฮมมาร์ท จำกัด, บริษัท บิทิชีโน (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท บิ๊กไพศาลโปรเจค จำกัด และ บริษัท วิชั่น แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด

ทั้งนี้ แสนสิริ ได้เดินหน้านโยบาย “Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย” อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว เพื่อยกระดับคุมเข้มความปลอดภัยและสุขอนามัยขั้นสูงสุดในการรับมือสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านการดูแลครอบครัวแสนสิริกว่า 100,000 ครอบครัว ตลอดจนลูกค้าที่เยี่ยมชมโครงการ พนักงาน พันธมิตรและสังคม ด้วย 3 มาตรการ คือ ป้องกัน ดูแล และรับมือ รวมทั้งจัดทำโครงการ “Sansiri Care for All’ เพื่อช่วยเหลือสังคมผ่านการบริจาคสิ่งของแก่ชุมชนข้างเคียง และตั้งกองทุน “Sansiri Care Relief Fund” เพื่อดูแลพนักงานแสนสิริและพันธมิตรด้านบริการในโครงการต่างๆ อาทิ แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ช่างอาคาร ฯลฯ หากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากการเสียสละดูแลครอบครัวแสนสิริ ด้วยกองทุนตั้งต้น 5 ล้านบาทจากเงินบริจาคส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูงอีกด้วย

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายอภิชาติ จูตระกูล (ที่ 3 จากขวา) ประธานกรรมการ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย มอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยหรือรถตรวจโควิด-19 แก่กระทรวงสาธารณสุขนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล (กลาง) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต (ที่ 3 จากซ้าย) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเร็วๆนี้ หวังเสริมทัพการตรวจเชิงรุกในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูเก็ตจากที่มีการตรวจคุมเข้มได้ดีอยู่แล้วให้ตรวจเชิงรุกได้ครอบคลุมมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น เชื่อมั่นยิ่งตรวจพบผู้ติดเชื้อได้เร็ว ยิ่งยับยั้งการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริได้มอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยหรือรถตรวจโควิด-19 จำนวน 1 คัน มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท ให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้กรมควบคุมโรคได้ใช้ตรวจโควิด-19 เชิงรุกในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและภูเก็ต เพราะแม้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีจนได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกและนานาประเทศให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีที่สุด แต่การจะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้เร็วและยั่งยืน คือ การตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกและควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ในวงกว้าง ควบคู่กับการจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรทุกคนของประเทศให้มากที่สุดและโดยเร็วที่สุด

แสนสิริมีส่วนสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 โดยปีที่ผ่านมาได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาทแก่กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ เหตุผลที่แสนสิริได้บริจาครถตรวจโควิด-19 ในปีนี้ เพราะเป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขต้องการใช้เร่งด่วนเพื่อส่งเสริมการตรวจเชิงรุก ให้สามารถได้ในวงกว้างมากขึ้นและเร็วขึ้น ประเทศไทยจะได้ทราบจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงได้และควบคุมการระบาดที่กลับมาอีกครั้งในครั้งนี้จนกระทั่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 4 หลักต่อวันและจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมถึง ได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ แสนสิริยังได้เดินหน้านโยบาย “Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย” อย่างต่อเนื่องมาเปนเวลากว่า 1 ปีแล้ว เพื่อยกระดับคุมเข้มความปลอดภัยและสุขอนามัยขั้นสูงสุดในการรับมือสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านการดูแลครอบครัวแสนสิริกว่า 100,000 ครอบครัว ตลอดจนลูกค้าที่เยี่ยมชมโครงการ พนักงาน พันธมิตรและสังคม ด้วย 3 มาตรการ คือ ป้องกัน ดูแล และรับมือ รวมทั้งจัดทำโครงการ “Sansiri Care for All’ เพื่อช่วยเหลือสังคมผ่านการบริจาคสิ่งของแก่ชุมชนข้างเคียง และตั้งกองทุน “Sansiri Care Relief Fund” เพื่อดูแลพนักงานแสนสิริและพันธมิตรด้านบริการในโครงการต่างๆ อาทิ แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ช่างอาคาร ฯลฯ หากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากการเสียสละดูแลครอบครัวแสนสิริ ด้วยกองทุนตั้งต้น 5 ล้านบาทจากเงินบริจาคส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูงอีกด้วย

“แสนสิริเชื่อว่าในวิกฤตินี้ ภาคธุรกิจที่มีผลประกอบการดีควรช่วยเหลือสังคมและเป็นส่วนสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นไปได้ แสนสิริมียอดขายปี 2563 ที่ 45,000 ล้านบาทและรายได้ 28,200 ล้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วยเงินทุนหมุนเวียนที่ 17,000 ล้านบาท ทำให้เราสามารถช่วยเหลือสังคมและรักษาสมดุลของ 4 เสาสังคม อันได้แก่ ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคมได้ ซึ่งปีนี้เราจะต่อยอดความช่วยเหลือไปสู่การสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีแกร่งและโตไปด้วยกันท่ามกลางช่วงเวลาที่ท้าทายได้กับโครงการ “Build for All: สร้างไปด้วยกัน” โดยร่วมมือก้บธนาคารไทยพาณิชย์ วางเป้าช่วยเหลือ 1,500 เอสเอ็มอี ด้วยเงินทุนซื้อสินค้า 6,000 ล้านบาท และสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 1,000 ล้าน “ นายอภิชาติ กล่าวสรุป

แสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ตอกย้ำผู้นำด้านการส่งมอบคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน เปิดบ้าน T77 Community ชวนเหล่าคนรักสุขภาพ สายวีแกน และลูกบ้านแสนสิริ ร่วมงานเฟสติวัล ROOT THE FUTURE’ เพลิดเพลินกับเหล่าร้านค้าเอาใจสายกรีนและคนรักสุขภาพกว่า 60 ร้านค้าชั้นนำจากทั่วประเทศ และพิเศษสำหรับลูกบ้านแสนสิริรับส่วนลดพิเศษ 10% ชิมอาหารและเบเกอร์รี่อร่อยๆ จากพืชผักแบบวีแกน 100% รสชาติเลิศไม่แพ้ จากเนื้อสัตว์และไข่ไก่ (เราชิมมาแล้ว!) เค้กวีแกน นมจากพืช ตลอดสินค้าออแกนิกจากท้องถิ่น และ บาร์บีคิวแบบวีแกน และพบกับครั้งแรกของ Phuture Meat ที่จะมาเปิดตัวที่เมืองไทยเป็นครั้งแรกในงานนี้ ชิมเบอร์เกอร์วีแกนรสชาติดีจาก Phuture BBQ มาร่วมช็อปปิ้งกันแบบยั่งยืน กับร้านค้าของใช้รักษ์โลกสุดเก๋ สินค้ารีฟิลที่ลดการสร้างขยะ แฟชั่นแบบยั่งยืน และต้นไม้และเมล็ดพันธุ์ต่างๆเอาใจสายกรีน อาทิ Vegan BBQ บาร์บีคิวแบบ Plant-Based 100%, Hebe ice-cream ไอศกรีมโฮมเมดสไตล์วีแกน, Bangkok City Diner อาหารวีแกนแบบฟิวชั่นทานง่ายและไข่แดงจากพืช, Vistro, Nature Charms Café, Refill Station, Wufu, Maddy Hopper Sneakers, Plant Donut, Barefood Cheese, Pland Milk และร้านค้าอีกมากมาย ชิลล์กับกิจกรรมพิเศษและเวิร์คช็อปต่างๆ  พูดคุยกับเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจเหมือนๆกัน ภาพยนตร์ รวมถึงดนตรีเพราะๆ ฟังทอล์คที่มาร่วมสร้างอินสไปร์ให้กับคนรุ่นใหม่ในช่วง The Impact of Food Waste  (17 ต.ค. เวลา 15:00น.) โดยแสนสิริ SPYZ ตัวแทนคนรุ่นใหม่จากแสนสิริ กับความสำคัญของการคัดแยกขยะเพื่อโลก และ เพื่อเรา และ T77 Community เมืองต้นแบบสังคมคุณภาพแห่งอนาคตและการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน

ร่วมสนุกกับ เวิร์คช็อปจากไร่กำนันจุลกับ 3 กิจกรรม ในราคา 999บาท ต่อครอบครัวสูงสุด 4 ท่าน (จำกัดวันละ 6 ครอบครัวเท่านั้น) ตั้งแต่เวลา 4 โมง ถึง 6 โมงเย็น อาทิ My Farm & Farm to Table เป็นเจ้าของแปลงผักสลัดเล็กๆ เรียนรู้วิธีปลูก และการดูแลต้นสลัด เบื้องต้น รวมไปถึงการเก็บเกี่ยวกับเกษตรกรตัวจริง ในสวนของเรา Self Harvest สนุกกับการเก็บพืชผัก ผลไม้ตามฤดูกาล เก็บผักสลัด (Garden Salad) เริ่มที่ 149 บาท และ สนุกกับการเก็บเมล่อนออร์แกนิค ชิมรสชาติสดอร่อยของเมล่อนที่ตัดสดจากต้น รับฟรี! เมล่อน 1 ลูก 299 บาท

และอย่าลืมพกถุงผ้าลายโปรดมาช้อปปิ้งกัน ภาชนะใส่อาหารกับเครื่องดื่มมาเองเพื่อช่วยกันลดขยะในงาน #SansirixRootTheFuture #MadeForLife