เป็นความเชื่อกันเช่นนั้น และในความเป็นจริงก็น่าจะมีส่วนที่ว่า “..เบียร์ที่อร่อยนั้นขึ้นอยู่กับการรินเบียร์” เพราะเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีความละเอียดอ่อน
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/07/front-view-tasty-american-beer-assortment_23-2148907594.jpg)
แต่ก่อนจะไปถึงการรินและการดื่มเบียร์ให้อร่อยได้รสชาติ อันดับแรกต้องมาดูเรื่องของ “ขวดเบียร์” กันก่อน
กฎสำหรับผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกต้องดูแลรักษาขวดเบียร์ให้ดูใหม่ สะอาดใส ผู้ขายส่งต้องรู้จักหมุนเวียนเปลี่ยนขวดอย่าให้มีขวดเก่าเป็นอันขาด และเบียร์ควรเก็บในห้องที่ไม่ร้อนเกินไป คือไม่ควรเกิน 80 องศาฟาเรนไฮต์ (ราวๆ 27 องศาเซลเซียส) มิฉะนั้นเบียร์อาจเสีย หรือ Off ในแง่รสและกลิ่น โดยเฉพาะเบียร์ที่บรรจุขวดย่อมเสียได้ง่าย และอย่าให้ขวดเบียร์กระทบกับแสงแดดมากเกินไปแม้ขวดจะเป็นสีน้ำตาลหรือเขียวก็ตาม อีกทั้งการแช่เบียร์ขวดให้เย็นนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องไม่แช่ขวดเบียร์ให้เย็นจัดเกินไป อุณหภูมิที่ดีต้องใกล้กับ 50 องศาฟาเรนไฮต์ (ราว 10 องศาเซลเซียส)
ถัดจากนี้ก่อนจะถึง “การรินเบียร์” ให้ได้รสอร่อย สิ่งห้ามพลาดก็คือ ต้องเลือก “แก้ว” สำหรับใช้ดื่มเบียร์ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ประมาณการดื่มกาแฟว่าจะต้องดื่มจากแก้วแบบไหนนั่นแหละ มันเป็นเรื่องของบรรยากาศ
ปกติแก้วเบียร์มักเป็นทรงกลมหรือกลมสูง ก็มีเหมือนกันที่ยกขวดดื่ม แต่ลักษณะเช่นนี้ในประเทศอังกฤษการดื่มจากขวดมักไม่ทำในผับ แต่ในสหรัฐอเมริกาดื่มกันจากขวดได้เป็นปกติ
เวลากินอาหารแล้วมีเบียร์เป็นเครื่องดื่ม ควรเสิร์ฟเบียร์ในแก้วที่สะอาด ไม่มีน้ำมันหรือลิปสติก สิ่งเหล่านี้ทำลายฟองเบียร์และทำให้ฟองจืดชืด
สำหรับแก้วเบียร์นั้น มีหลากหลายรูปทรงขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์ด้วย แก้วเบียร์ที่ดีจะสามารถขับเน้นรสชาติและกลิ่นของเบียร์ให้อร่อยมากขึ้น
ฉะนั้น แก้วเบียร์จึงมีตั้งแต่ทรงมาตรฐาน American pint glass ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป มีรูปทรงกระบอกขนาดพอดีมือ ข้อดีคือสามารถใช้ดื่มกับเบียร์แบบไหนก็ได้ เหมาะกับเบียร์ลาเกอร์ทุกชนิด
แก้วทรง Tulip pint เป็นแก้วที่มีส่วนบนโค้งส่วนครึ่งล่างจะมีขนาดแคบลง ทำให้จับได้ง่าย แก้วเบียร์แบบนี้สามารถรักษาฟองเบียร์ให้คงรูปได้นานจึงเหมาะกับเบียร์เข้มข้นหรือประเภทสเตาท์ ไม่ว่าดราย สเตาท์ หรือไอริช สเตาท์
แก้วเบียร์ Pilsner มักเสิร์ฟด้วยแก้วทรงเรียวสูง เพื่อมองเห็นความใสและฟอง เหมาะกับเบียร์พีลสเนอร์ที่มีรสชาติอ่อน แก้วสามารถดันฟองของเบียร์ให้ขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมเฉพาะของเบียร์
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/07/American-pint-glass.jpg)
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/07/tulip-pint-2.jpg)
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/07/Pilsner.jpg)
แก้ว Snifters รูปทรงคล้ายแก้วบรั่นดี มีขนาดอ้วน ก้านเล็ก ข้อดีของแก้วชนิดนี้คือขับกลิ่นที่ซ่อนอยู่ของเบียร์ให้ออกมา จึงเหมาะกับเบียร์ที่มีความเข้มข้นเป็นพิเศษ หรือเบียร์สายเบลเยียมก็ได้
สำหรับเอล จะเสิร์ฟด้วยแก้วที่มีปากใหญ่ เพื่อที่จะได้กลิ่นและรส
แก้วยอดนิยมอีกประเภทหนึ่ง Mug แก้วนี้ใช้งานง่าย จับถือสะดวกและใช้กันแพร่หลาย ซ้ำยังเหมาะกับเบียร์หลายประเภทไม่ว่าเบียร์เยอรมัน อังกฤษ อเมริกา ความหนาของแก้วจะช่วยรักษาความเย็นของตัวแก้ว มีด้ามจับเพื่อไม่ให้มืออุ่นๆ ไปถูกตัวแก้ว เป็นการรักษาอุณหภูมิของเบียร์ เหมาะกับเบียร์ อเมริกัน ลาเกอร์ เบียร์เอล และเยอรมัน ลาเกอร์
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/07/Snifters.jpg)
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/07/mug.jpg)
![](https://www.matichonacademy.com/wp-content/uploads/2021/07/glass-cold-beer-macro-photography.jpg)
คราวนี้มาถึงการรินเบียร์ ในกรณีที่รินจากขวดลงแก้ว ต้องแน่ใจว่ามีที่สำหรับฟองด้วย แก้วอาจเอียงเล็กน้อยประมาณ 45 องศาเพื่อจะได้รับฟองมาก
การรินเอล (เบียร์ชนิดหนึ่ง) นั้น ฟองต้องไม่มากนัก เนื้อที่ว่างสำหรับฟองน้อยกว่าลาเกอร์ แต่การรินลาเกอร์ควรมีที่ว่าง 1 นิ้ว สำหรับฟองเบียร์
เบียร์สเตาท์ เวลารินเนื้อที่ของฟองต้องน้อยกว่า 1 ใน 4 ของนิ้ว
ข้อควรระวัง คือ อย่าให้เบียร์หกหรือหยดใส่ด้านบนของฟองเบียร์ เพราะจะทำให้ฟองระเหยไปเร็วและกลิ่นเบียร์ไม่ถูกขับออกมา