สำหรับประเทศไต้หวันนั้นเขาขึ้นชื่อมากในเรื่องของ “ชา” โดยเฉพาะ “ชานมไข่มุก” ที่ฮิตมากมายในบ้านเรา ซึ่งมีชื่อเรียกสากลว่า Boba Tea แต่ภาษาจีนจะเรียกว่า “เจินจูหน่ายฉา” แปลตามตรงว่าชานมไข่มุกนั่นเอง

ชานมไข่มุก เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีมานี้เอง สำหรับไข่มุกที่เคี้ยวแล้วหนึบๆ นั้นมาจากแป้งมันสำปะหลัง ที่นำมาล่อนในตะแกรงจนกลายเป็นเม็ดกลมๆ คล้ายสาคู จากนั้นจึงนำไปต้มจนสุกแล้วนำมาใส่ในชานม ไม่นานนักก็กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ และร้านที่ได้รับความนิยมคือ Chun Shui Tang Teahouse (ชุน ฉุ่ยถัง) ซึ่งถือเป็นร้านแรกๆ ที่ทำชาชนิดนี้จนได้รับความนิยมไปทั่ว ปัจจุบันชาไข่มุกนั้นมีแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ชาไข่มุกรสผลไม้ และชานมไข่มุก ซึ่งอย่างหลังนี้จะได้รับความนิยมมากกว่า

ที่มา : แม่บ้าน

การกระทำของแต่ละคนเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงนิสัยที่แตกต่างกันออกไป การเลือกดื่มเครื่องดื่มตามความชอบก็เช่นกันค่ะ วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนพักเบรกเรื่องอื่นๆ แล้วมา ค้นหาตัวตนที่ซ่อนอยู่ ผ่านการเลือกเครื่องดื่มที่ใช่ ไปดูกันดีกว่าว่าเครื่องดื่มที่คุณชอบ จะบอกอะไรในตัวคุณ

“นม” เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ

ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในการดื่มนม บอกเลยว่าคุณเป็นคนที่จริงใจแบบสุดๆ มีความเป็นกันเองกับทุกๆ คนสูง และมักจะคอยมอบมิตรภาพดีๆ ให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ ส่งผลให้กลายเป็นที่รักของคนรอบข้างอีกทั้งยังเป็นคนที่มีทักษะในการพูดเป็นอย่างดี รู้จักการใช้คำพูดกับคนแต่ละประเภท มีความพยายาม และกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่างๆ แต่มักจะเบื่อง่ายและไม่ชอบการผูกมัด รักในอิสระ

สดชื่นเหมือน “น้ำอัดลม”

ส่วนใครที่ชื่นชอบในการดื่มน้ำอัดลมเพื่อดับร้อน และเติมความซาบซ่าให้ผ่านภายใน ขอบอกว่าคุณเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก ๆ เลยล่ะ กล้าคิด กล้าทำ ไม่กลัวใคร มักจะออกเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ แถมยังชอบหาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลา ไม่ค่อยแคร์คำพูดใครสักเท่าไหร่หรอก รักในอิสระมาก ๆ และไม่ชอบอยู่ในกรอบหรือกฎเกณฑ์ของใคร

“กาแฟ” ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

สำหรับคนที่ชื่นชอบในการดื่มกาแฟ มักเป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมืออาชีพและมีสติ มีความกระตือรือร้น และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มักจะใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย เป็นคนที่ให้ความสำคัญและทุ่มเทกับความรัก การงานและเรื่องต่าง ๆ รอบตัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

“ชา” ผ่อนคลาย สบายใจ

นอกจากชาจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการบำบัดรักษาอาการต่าง ๆ และช่วยให้ผ่อนคลายจากกลิ่นหอม ๆ ของใบชาจึงทำให้คนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้มักจะใส่ใจกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอยู่เสมอ รู้จักเห็นอกเห็นใจและเข้าใจผู้อื่น เป็นคนลึกซึ้ง มองเห็นถึงปัญหาและสามารถเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนรอบข้างที่คนอื่นมักจะมองข้ามไป มีสติอยู่เสมอ มักจะแก้ปัญหาด้วยเหตุผล ไม่ชอบเสียเปรียบใคร และจะไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ใครได้รู้จักง่าย ๆ

ภาพจาก สสส.

“น้ำหวาน” เรียบง่ายและมั่นคง

สายรักสงบ และไม่นิยมเรื่องหวือหวา ต้องยกให้กับคนที่ชอบดื่มน้ำหวาน พวกเขาเหล่านี้มีการวางแผนการทำงานไว้เป็นอย่างดี ชอบความมั่นคง ไม่ชอบความโลดโผนหรือเรื่องตื่นเต้น เป็นคนที่มีความมานะพยายามสูง แต่ไม่ค่อยยอมรับความเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่นัก เป็นคนที่ความสุขและความหวังในชีวิตอยู่ตลอดเวลา

“น้ำผลไม้” ขยันขันแข็ง จิตใจดี

สำหรับใครที่เลือกดื่มน้ำผลไม้นอกจากคุณจะเป็นคนที่หลงใหลในการดูแลสุขภาพแล้ว ยังเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง มีความขยันขันแข็ง ชอบเข้าสังคม ใจเย็นและมีเป้าหมาย มีความตั้งใจที่จะทำให้ได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ด้วยตัวเอง ไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร

ที่มา : Tesco Lotus

กลิ่นหอมของกาเเฟดึงดูดใจให้ต้องเดินเข้าร้านอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ เมื่อร่างกายเริ่มเมื่อยล้าจากการเดินเที่ยวย่านพระนครในวันที่เเดดจ้า อิน.วิ.เทชั่น คาเฟ่ ( In.Vi.Tation cafe ) เป็นร้านกาเเฟเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณเเยกสะพานวันชาติ อยู่ข้างๆ ร้านข้าวเเกงร้านดังในตำนาน โดยสังเกตเห็นรูปเเรปบิทกระต่ายน้อยคอยทักทายอยู่หน้าร้าน

ในบรรยากาศเงียบสงบ เราได้พูดคุยสองเจ้าของร้านที่ต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มเเย้ม “นุ้ย-วิภารัตน์ นาคตระกูล เเละเเอน อินทิรา เทศพิทักษ์” เล่าถึงเเรงบันดาลใจการเปิดร้าน อิน.วิ.เทชั่น คาเฟ่ว่า ทั้งสองเป็นคนที่ขาดกาเเฟไม่ได้ คือวันไหนไม่ได้กินจะต้องรู้สึกว่าขาดอะไรไป เป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิต เเละด้วยความชื่นชอบในรสกาเเฟนี้ก็ทำให้เกิดเเพชชั่นว่าอยากให้ทุกคนได้ชิมกาเเฟที่มีคุณภาพ อร่อยเเละราคาไม่เเพงมาก

“เปิดมาได้ปีกว่าๆ จะเข้าสองปีเเล้วค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวเเละคนไทยที่เเวะเวียนมาเเถวนี้ เเม้ย่านนี้จะมีร้านกาเเฟเปิดอยู่หลายร้าน เเต่ด้วยเอกลักษณ์รสชาติของเราที่ใช้กาเเฟเเท้อาราบิก้า พร้อมสูตรที่ไปเรียนมาจากเชฟดังโดยเฉพาะทำให้เเตกต่างเเละสามารถสู้ศึกร้านกาเเฟในปัจจุบันได้ “

โดยเมนูเเนะนำที่ต้องลอง ได้เเก่ Swiss Chocolate , Espresso , Latte , Mocha, Macchiato , Lemon Honey Frappe กลมกล่อมมากมาย 

“ตอนนั้นเราคิดว่าด้วยความชอบอย่างเดียวมันยังไม่พอ ก่อนตัดสินใจเปิดร้าน พวกเราถึงขั้นไปเข้าคอร์สเรียนชงกาเเฟ เรียนเเบบเจาะลึกถึงทุกกระบวนการ ตั้งเเต่ให้ความสำคัญกับการใช้เครื่องชงอย่างถูกวิธี เเรงดันเเละเครื่องบด การคัดสรรกาเเฟคุณภาพ ไม่ใช่เเค่เสิร์ฟลุกค้าเเต่เป็นการรวมองค์ประกอบทุกอย่าง”

ส่วนการตกเเต่งร้านนั้นดูสะดุดตายิ่งนัก มองโดยรวมเเล้วจะเป็นสไตล์วินเทจจึงถามถึงคอนเซปต์ในการตกเเต่งร้าน เเต่คำตอบนั้นก็เกินความคาดหมาย

“เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเเนวไหนโดยเฉพาะเลย หลายอย่างเกิดจากความบังเอิญ หลังเราทำร้านจากร้านที่เคยขายเพชร ประดูด้านหน้าก็ยังคงไว้ ปูกระเบื้องเอง มองๆไปบนเพดาน ปล่อยโล่งก็เท่ดี ส่วนสีที่ทาคือทาไปเเล้วมันลอกออกมาเเล้วสวย เเบบบังเอิญสวย เป็นความเเปลกเเตกต่างไปอีกเเบบ ลูกค้าหลายคนก็ชอบกัน”

 

เเละในที่สุดเราก็ได้รู้ว่า อิน.วิ.เทชั่น คาเฟ่ ชื่อร้านนี้มีความหมายมาจากอะไร “มาจากชื่อของเรา 2 คนค่ะ อิน-มาจากชื่อของเเอน อินทิรา ส่วน วิ-มาจากชื่อของนุ้ย วิภารัตน์ ค่ะ” …เก๋ไก๋ยกนิ้วให้เลย

สำหรับใครที่เเวะเวียนไปฝั่งพระนครก็ไปลองไปชิมกันได้เเถมช่วงนี้มีข่าวดีมาบอก ชาวย่านบางนาที่อยากลิ้มรสกาเเฟดีๆ ร้านอร่อยในตำนานกว่า 30 ร้าน มาชมมาชิมกันได้ที่งาน Mega Food Tastival 2019 ณ ลาน Food Walk Plaza  ศูนย์การค้าเมกาบางนา ในช่วงเทศกาลวันแม่ 8-12 สิงหาคมนี้ พร้อมอิ่มพุงแตกไปกับ 30 ร้านดังและร้านในตำนานที่จะมารวมตัวกันในงานนี้งานเดียว ทั้งเฮียจกโต๊ะเดียว ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายหมี ขนมหวานป้าเยาว์ ขนมจีนบ้านพี่แยม ซี่โครงปราณ โกอ่างเส้นปลา ขาหมูกรอบเชฟเดย์ และอีกมากมาย

 

 

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ในวงเหล้านั้นมีเรื่องเล่า แต่เรื่องเล่าของ “เหล้า” เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อยู่กับมนุษย์มายาวนาน อาจเป็นสิ่งที่คนยังไม่รู้จักประวัติความเป็นมาเท่าไหร่นัก

เหล้าหรือวิสกี้ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลก และก็ไม่ใช่ไวน์เช่นกัน แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดแรกที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นคือ เบียร์ โดยจากหลักฐานจานชามต่างๆ ของมนุษย์โบราณพบว่ามีคราบเบียร์เกาะอยู่ โดยเบียร์เกิดขึ้นในช่วง 3,000 ปีก่อนคริสตศักราช ส่วนไวน์เกิดในยุค 2,000 ปีก่อนคริสตศักราช ซึ่งสาเหตุที่เบียร์เกิดขึ้นก่อนเพราะข้าวเป็นพืชที่มีการปลูกก่อนนั่นเอง

ส่วนสุราเป็นเครื่องดื่มที่เกิดขึ้นทีหลัง โดยสุราที่เกิดขึ้นชนิดแรกคือ สุราหมัก เกิดจากการใช้วัตถุดิบที่มีน้ำตาลมาหมักกับยีสต์ ยีสต์จะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์และคาร์บอนไดออกไซด์ แต่สุราหมักมีข้อจำกัดที่ว่าได้ปริมาณแอลกอฮอล์ออกมาน้อย สูงสุดไม่เกิน 15%

สุราอีกประเภทหนึ่งคือสุรากลั่น เป็นการนำสุราหมักมากลั่นนั่นเอง โดยเกิดหลังจากที่โลกมีการคิดค้นนวัตกรรมการกลั่นและอุปกรณ์การกลั่นขึ้น ที่เหมือนกับสุราหมักคือวัตถุดิบที่ใช้จะต้องมีความหวาน เช่น ผลไม้, ข้าว, ธัญพืช, อ้อย, พืชผัก ซึ่งการกลั่นจะทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์มากขึ้น การกลั่น 1 รอบ จะได้แอลกอฮอล์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น 2-3 เท่า

กระบวนการกลั่นสุราเกิดจากการนำสิ่งที่หมักได้มาต้ม แต่แอลกอฮอล์มีจุดเดือดอยู่ที่ 78 องศาเซลเซียส ขณะที่น้ำมีจุดเดือดอยู่ที่ 100 องศาเซลเซียส เมื่อต้มที่อุณหภูมิไม่เกิน 80 องศาเซลเซียส สิ่งที่ระเหยออกมาเป็นไอจึงมีแต่แอลกอฮอล์ จากนั้นควบแน่นไอน้ำให้กลายออกมาเป็นหยดน้ำ ก็จะได้แอลกอฮอล์ที่รุนแรงขึ้นและบริสุทธิ์ขึ้น

การกลั่นสุราในรอบแรกมักจะได้แอลกอฮอล์ประมาณ 30-40% ซึ่งโดยทั่วไปการกลั่นสุราจะกลั่น 2 รอบ ทำให้สุรากลั่นที่ได้จะมีแอลกอฮอล์ประมาณ 70%

สุราที่ได้จากการกลั่นจะใส ไม่มีสี แต่ที่เราเห็นว่าเป็นสีอำพันอย่างทุกวันนี้เกิดจากการนำสุรากลั่นที่ได้ไปบ่มในถังไม้โอ๊ค เมื่อถึงขั้นตอนบรรจุขวดจะมีการเติมน้ำเพื่อลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงเพื่อให้สามารถดื่มได้ง่าย มีการเติมกลิ่น หรือเติมสีเพื่อให้สีของสุราในแต่ละล็อตเท่ากัน นอกจากนี้บางชนิดอาจจะมีการเติมน้ำตาลเพื่อเพิ่มความหวานด้วย

แอลกอฮอล์ที่ดื่มได้นี้มีสูตรทางเคมีเช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ที่ใช้ล้างแผล แต่แอลกอฮอล์ที่ใช้ล้างแผลจะมีการเติมสารสีฟ้าเพื่อทำให้ดื่มไม่ได้ แต่ความที่ยังเป็นแอลกอฮอล์ชนิดเดียวกัน ทำให้เรามักเห็นหนังบางเรื่องนำวอดก้ามาใช้ล้างแผล แต่ปริมาณแอลกอฮอล์ก็ยังน้อยกว่ายาล้างแผลอยู่ดี โดยวอดก้ามีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 40% แต่แอลกอฮอล์ล้างแผลมีปริมาณแอลกอฮอล์ 70%

มีคำกล่าวเรียกวิสกี้ว่าเป็น “น้ำแห่งชีวิต” ที่มาของคำว่าวิสกี้นั้นมาจากว่าคำว่า ยูส บีทธา (Uisge Bheatha) ซึ่งแปลว่า water of life เพราะการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สมัยก่อนเริ่มจากกลุ่มนักบวช ที่นำมาใช้เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค เพราะในอดีตน้ำสะอาดหายาก เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเมื่อได้ยามาก็เกรงว่านำไปผสมกับน้ำแล้วจะไม่สะอาด จึงนำไปผสมกับสุราแทน ผลที่ได้คือผู้ป่วยดูทรมานน้อยลง ทำให้การแพทย์นำแอลกอฮอล์มาเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา ก่อนจะพัฒนามาเป็นรสชาติต่างๆ อย่างทุกวันนี้ ขณะที่คำว่า ยูส บีทธา ก็เพี้ยนกลายมาเป็นวิสกี้นั่นเอง

วิธีการดื่มวิสกี้ก็แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคของโลก ฝั่งยุโรปมักจะดื่มแบบเพียวๆ หรือไม่ก็ใส่น้ำแข็ง ที่เรียกว่า ออน เดอะ ร็อก (on the rock) ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้เกิดการปลดปล่อย fusil oil ของวิสกี้ ทำให้จะเห็นลักษณะเหมือนคราบน้ำเชื่อมในแก้ว โดยวิธีนี้จะทำให้กลิ่นลอยออกมามากขึ้น หวานลดลงนั่นเอง

ส่วนคนไทยมักกินแบบมิกเซอร์ คือ ใส่น้ำแข็งและโซดา สาเหตุอาจเป็นเพราะบ้านเราเมืองร้อน การผสมน้ำแข็งและโซดาก็อาจช่วยเพิ่มความเย็น ดับร้อนได้ หรือเลยไปจนถึงผสมน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ก็มี เพื่อให้ดื่มง่ายขึ้นนั่นเอง

ปัจจุบันเริ่มเห็นการดื่มวิสกี้ที่ต่างออกไปมากขึ้น มีการจับคู่วิสกี้กับอาหาร เช่นเดียวกับการจับคู่อาหารกับไวน์ ซึ่งถือเป็นการสร้างสุนทรียะที่แปลกใหม่ให้นักดื่มเลยทีเดียว

“ปิ๊ก-ประวิทย์ บุญนิธิไพสิฐ” แบรนด์แอมบาสเดอร์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า เทรนด์อีกอย่างหนึ่งที่เห็นคือการกินดื่มที่มีร้านให้เลือกมากขึ้น จากเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วหากอยากจะกินอะไรดีๆ หรูๆ หรือ fine dining รวมไปถึงจะดื่มค็อกเทลดีๆ ต้องเดินเข้าโรงแรมหรือภัตตาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราสามารถหาเครื่องดื่มดีๆ ได้จากร้านอาหารสแตนด์อโลน หรือบาร์ข้างนอก เห็นได้จากบาร์เทนเดอร์เก่งๆ เริ่มกระจายออกมาอยู่ข้างนอก หรือเปิดร้านของตัวเองมากขึ้น เพราะการอยู่ในโรงแรมนั้นมีกรอบ มีมาตรฐาน กฎเกณฑ์ เรตเงินเดือน และหลายปัจจัยที่ทำให้บาร์เทนเดอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างอยู่ลำบาก ไม่สามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ทันท่วงที ไม่เหมือนร้านข้างนอกหรือเป็นเจ้าของเอง ที่มีอิสระมากกว่า และง่ายต่อการเติบโตมากกว่าด้วย จนกลายเป็นว่าร้านอาหารในปัจจุบันโดยเฉพาะร้านลักชัวรี่และร้านระดับกลาง มักจะมีเมนูเครื่องดื่มแยกออกมาต่างหาก บางร้านเริ่มมีค็อกเทลบาร์ แทนที่ตะเป็นการสั่งแบบขวดมาผสมมิกเซอร์แบบเดิม

ขณะที่เทรนด์การกินอาหารนอกบ้านก็แตกต่างไปจากเดิมมาก จากสมัยก่อนที่เรามักกินข้าวนอกบ้านในโอกาสพิเศษหรือวันสำคัญ แต่ปัจจุบันแค่คิดอะไรไม่ออกก็ไปกินข้าวนอกบ้านแล้ว บวกกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป การเดินทางเปลี่ยน ครอบครัวกลายเป็นครอบครัวเล็กๆ มากขึ้น และการกินดื่มที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ทำให้เกิดเทรนด์เรื่องการกินดื่มที่กว้างมากขึ้น จนมีร้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา

สิ่งที่คงได้เห็นในอนาคตสำหรับ ”เหล้า” หรือ “วิสกี้” นั้น แน่นอนว่าคงเป็นเมนูใหม่ๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่เราอาจนึกไม่ออกเวลาต้องสั่งเครื่องดื่ม แต่ปัจจุบันมีเมนูใหม่ๆ เข้ามาตลอด ด้วยอิทธิพลของโซเชียลมีเดียทำให้ข้อมูลข่าวสารไปได้เร็ว ไม่ต้องรอการปากต่อปาก แค่เห็นรูปที่แชร์กันมา ก็ทำให้คนเข้าถึงข้อมูลมากขึ้นและกินอะไรที่แตกต่างมากขึ้น ขณะที่บาร์เองก็เปลี่ยนไป จากที่เคยกว้างขวาง ปัจจุบันบาร์เล็กๆ แคบๆ อยู่บนชั้น 3 ของอาคารพาณิชย์ก็ยังมี ซึ่งร้านเหล่านี้ก็ต้องพยายามหาเมนูใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ เพื่อดึงคนให้กลับมา


Content Team Matichon Academy
ติดต่อ อีเมล์ : [email protected]
โทรศัพท์ 0-2954-3971 ต่อ 2111

สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) แนะนำเครื่องดื่มใหม่ล่าสุด 2 เมนู เพิ่มความสดชื่นให้จิตใจชุ่มฉ่ำ พร้อมคลายความร้อนช่วงซัมเมอร์นี้ ประเดิมเมนูแรกด้วย มิดไนท์ มอคค่า แฟรบปูชิโน่ปั่น (Midnight Mocha Frappuccino® Blended Beverage) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมิดไนท์มิ้นต์มอคค่าซึ่งเป็นเมนูพิเศษ สุดป๊อบปูล่าร์จากสหรัฐอเมริกา  ด้วยแบล็คมอคค่าที่เพิ่มความเข้มข้น นำมาปั่นรวมเข้ากับจาวาชิพที่ใคร ๆ ก็ต่างโปรดปราน สัมผัสเนื้อวิปครีมเนียนนุ่มแสนอร่อยที่เลเยอร์ชั้นกลางซึ่งตัดกับสีน้ำตาลเข้มของแบล็คโกโก้ สามารถลิ้มลองความอร่อยได้ทั้งในแบบสูตรกาแฟและครีมปั่น

 

และพลาดไม่ได้กับ ที-รามิสุ แฟรบปูชิโน่ปั่น (Tea-ramisu Frappuccino® Blended Beverage) เครื่องดื่มที่นำเอาชื่อของขนมสัญชาติอิตาเลียน อย่างทิรามิสุ (Tiramisu) ที่มาพร้อมความหมายดี ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ โดยเมื่อแปลเป็นไทยแล้วมีความหมายว่า “เลือกฉันสิ” หรือ “ช่วยเชียร์ฉันด้วย” เครื่องดื่มนี้ได้ผสานความอร่อยของชีสสไตล์ตะวันตกเข้ากับชาเขียวญี่ปุ่นในแบบฉบับตะวันออก อีกทั้งมีการปั่นผสมรวมกันระหว่างผงชีสเค้กกับนม แต่งแต้มลวดลายเครื่องดื่มให้สวยงามน่ารับประทานด้วยซอสชาเขียวเข้มข้น ปิดท้ายด้านบนด้วยวิปครีมและคุกกี้ชาเขียวครัมเบิ้ลกรุบกรอบ การันตีว่าแฟน ๆ ชาเขียวจะต้องหลงรัก ลิ้มลองสองเมนูอร่อยได้ก่อนใครตั้งแต่วันที่ 24 เมษายนจนถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ณ ร้านสตาร์บัคส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ

นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังได้ยกทัพความอร่อยกับเมนูของหวานหลากหลายมานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น

โรลมันม่วงสอดไส้ครีมวนิลลา อิ่มอร่อยกับมันม่วงนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นที่แทรกอยู่กับครีมสีขาวเนื้อเนียน และสปอนจ์เค้กเนื้อฉ่ำ แต่งแต้มด้านบนด้วยช็อกโกแลตรูปหัวใจและข้าวพองเคลือบช็อกโกแลตสีขาว

มิกซ์เบอร์รี่รูบาร์บครัมเบิ้ลพาย โดดเด่นด้วยส่วนผสมของรูบาร์บซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมวิตามินซีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและ ลดคลอเลสเตอรอล

สตาร์บัคส์กรีนที บานอฟฟี่พาย เค้กชาเขียวทรงสามเหลี่ยมพร้อมมอบความอร่อยกับกล้วยหอมชิ้นโตและวิปครีมนุ่มละมุนลิ้นตัดกับฐานคุกกี้ช็อกโกแลตกรุบกรอบลงตัว

กรีนที มิลล์ เครปเค้ก เครปเค้กชาเขียวแผ่นบางสลับกับชั้นครีม ราดซอสชาเขียวเข้มข้น

เรนโบว์ มิลล์ เครปเค้ก ขนมหวานสีรุ้งสุดอินเทรนด์เกาะกระแสสีแฟชั่นโทนพาสเทลในปีนี้ เสิร์ฟพร้อมซอสมิกซ์เบอร์รี่ ได้แก่ ราสเบอร์รี่และสตรอเบอร์รี่หวานอมเปรี้ยว

ไทย ที บริกซ์ ขนมปังทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์สอดไส้ชาไทยเน้นๆ อร่อยแบบอุ่นร้อน เนื้อสัมผัสกรอบจากด้านนอก ด้านในเป็นไส้ชาไทยสีส้มอมน้ำตาลอุ่นๆ ไหลเยิ้มละลายในปาก

มัฟฟินมัทฉะถั่วแดง การผสมผสานระหว่างชาเขียวรสเข้มและถั่วแดงกวนหอมมัน เสริมรสสัมผัสด้วยครัมเบิ้ลกรอบนิดๆ และกลิ่นหอมจากเนย

Starbucks Drinkware Collection

ผู้ที่ชื่นชอบการสะสมดริ้งค์แวร์คอลเลคชั่นใหม่ๆ จากสตาร์บัคส์ กรุณาเตรียมเงินในกระเป๋าไว้ให้พร้อม มาคราวนี้สตาร์บัคส์ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคโมเดิร์นที่ชื่นชอบสตรีทอาร์ทและลวดลายกราฟิตี้ พร้อมงานอดิเรกในการเฟ้นหาโลเคชั่นลับสุดเก๋ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักตามตึกรามบ้านช่องต่างๆ ก่อนแชะและแชร์ลงบนโซเซียลมีเดีย คอลเลคชั่นล่าสุดประจำซีชั่นนี้มาพร้อมโทนสีจัดจ้านสดใส

ทัมเบลอร์ SS Water Lily ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีล 2 ชั้นแบบสุญญากาศ สีน้ำเงินผิวแมท มาพร้อมลายดอกบัวหลากสี สำหรับเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 1,150 บาท

ทัมเบลอร์ ST Faces Acrylic ทัมเบลอร์พลาสติก 2 ชั้น ด้านนอกโปร่งใส ด้านในตกแต่งด้วยลวดลายหน้าตาผู้คนหลากหลายรูปแบบบนพื้นหลังสีชมพูสดใส เหมาะสำหรับทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 480 บาท

ทัมเบลอร์ ST-Faces San ทัมเบลอร์พลาสติก Cold Cup ลายอาร์ตเวิร์ครูปใบหน้าแปลกตา สำหรับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 440 บาท

ทัมเบลอร์ ST-Community San ทัมเบลอร์พลาสติก Cold Cup ลาย Fun & Colorful Community บนพื้นหลังสีเหลืองสดใส สำหรับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ขนาด 24 ออนซ์ ราคา 600 บาท

ขวดแก้ว ST-Water Lily ขวดแก้วโปร่งใสลายดอกบัวหลากสี พร้อมฝาปิดพลาสติกสีชมพูกันน้ำหกและรั่วไหล ได้รับการออกแบบด้วยหูหิ้ว ทำให้สะดวกต่อการพกพา สำหรับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ขนาด 15 ออนซ์ ราคา 650 บาท