วกกลับมาที่จังหวัดแพร่กันอีกสักครั้ง ที่จังหวัดนี้มีของอร่อยหลายอย่าง ที่เป็นเมนูเชิดหน้าชูตา ใครมาก็ต้องแวะชิม คือ ขนมเส้นน้ำย้อย หรือขนมจีนน้ำย้อย ที่อำเภอลอง

ชื่อขนมจีนน้ำย้อย ที่มาที่ไปก็คือ การบีบเส้นสด พอซาวเส้นขึ้นมามีน้ำไหลหยดย้อย กลายเป็นชื่อเรียกขนมจีนน้ำย้อยมาทุกวันนี้

และที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คือ น้ำขนมจีนจะเป็นน้ำใสต้มใส่กระดูกหมูและเลือดไก่ ให้รสชาติละมุน หวานน้ำซุป ใครชอบความจี๊ดจ๊าดตักน้ำพริกน้ำย้อยเติมใส่ได้

น้ำพริกน้ำย้อยนี้ก็เป็นน้ำพริกดั้งเดิมของชาวเมืองแพร่ ใช้กระเทียม หอมแดง พริกแห้ง มาผัดเข้าด้วยกันจนหอม คลุกกับขนมจีนเพิ่มความจัดจ้าน ทุกวันนี้มีการพัฒนาสูตรให้มีรสชาติต่างๆ วางขายทั่วประเทศ

แนะนำว่า ใครมาถึง จ.แพร่แล้ว ขอให้ขับรถมาอีกนิดมาเที่ยวที่เมืองลอง แล้วชิมสูตรขนมจีนน้ำย้อยต้นตำรับ รับรองว่าจะได้บรรยากาศและอรรถรสมากๆ

ร้านดั้งเดิมจะอยู่ที่บ้านแม่ลาน ชื่อ ร้านขนมจีนน้ำย้อยบ้านแม่ลาน และในซอยเดียวกันยังมีให้เลือกอีก 2-3 ร้าน ที่ล้วนแต่หมดเร็วทุกร้าน หากใครจะแวะไปชิมต้องไปตั้งแต่ช่วง 8 โมงเช้า เพราะเที่ยงถึงบ่ายโมงก็หมดแล้ว

เติมพลังเสร็จสรรพแล้ว ก็ตระเวนเที่ยวกันได้สบาย ที่ อ.ลองมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะมาก โดยเฉพาะผ้า ใครชอบผ้าไทยต้องกรี๊ดแน่นอน เพราะที่พิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ เป็นแหล่งรวมผ้าตีนจกโบราณอายุกว่า 100 ปีให้ชมเพียบ ล้วนแต่ประณีตงดงาม ส่วนขาช้อปยิ่งถูกใจมีของดีให้เลือกช้อปกันไม่หวาดไม่ไหว

เพลิดเพลินผ้าโบราณกันเต็มอิ่มแล้ว ไม่ใกล้ไม่ไกลเดินทางไปจิบกาแฟต่อที่ ร้านกาแฟแห่ระเบิด ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟบ้านปิน ร้านนี้เป็นร้านของคนแพร่รุ่นใหม่ ที่พลิกคำว่า “แพร่แห่ระเบิด”Ž จากเชิงลบให้เป็นบวก

ป้ายหน้าร้านเป็นลูกระเบิดเห็นชัดมาแต่ไกล ด้านในโอ่โถง อิงแอบกับธรรมชาติ และยังมีงานศิลปะของเจ้าของร้านจัดแสดงให้ดูอย่างเพลิดเพลิน

ซิกเนเจอร์ของร้าน จะเป็นอื่นไปไม่ได้ คือ กาแฟแห่ระเบิด 65 บาท ซึ่งก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก มันคือ การชงอเมริกาโน่ แล้วโปะหน้าด้วยผงกาแฟแบบเน้นๆ ชนิดที่ดื่มทีเดียวได้ทั้งเนื้อและน้ำ ว่ากันตาค้างทั้งคืน ตัวนี้แนะนำสำหรับสายแข็งเท่านั้น

แต่ที่ใครๆ ชิมแล้วติดใจ คือ ชาเขียวมะนาว+มะกรูด 55 บาท นอกจากความเปรี้ยวสดชื่นจากมะนาวแท้แล้ว ยังมีกลิ่นมะกรูดหอมติดจมูกแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

ที่ร้านนอกจากเป็นคาเฟ่ เจ้าของร้านยังจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับ อ.ลอง และที่มาของคำว่าแพร่แห่ระเบิด ซึ่งเมื่อเข้าใจแล้ว ใครอยากไปชมระเบิดลูกจริง ก็ไปได้ที่วัดศรีดอนคำ วัดแม่ลานเหนือ และวัดนาตุ้ม

ตามรอยระเบิดกันเต็มอิ่มแล้ว ปิดท้ายวันด้วย ก๋วยเตี๋ยวไข่ป้าจีน ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านฉลองศิลป์ เป็นร้านเก่าแก่ 61 ปี ปัจจุบัน 3 พี่น้องช่วยกันขาย

ก๋วยเตี๋ยวไข่ที่ร้านเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใส น้ำซุปกลมกล่อม รสชาติคล้ายๆ หมี่สั่ว ของคนจีน จ.ภูเก็ต เลือกเส้นได้ วัตถุดิบหมูและเครื่องใน สดสะอาด โดดเด่นที่เครื่องปรุงพริกน้ำส้มตำเอง ใส่พริก กระเทียม เกลือ และน้ำส้มสายชูแท้ ตักใส่นิดเดียวก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยเหาะ

นอกจากก๋วยเตี๋ยวยังมี ผัดไทย ที่นี่จะผัดเส้นใส่กับไข่เท่านั้นไม่มีเนื้อสัตว์ รสชาติหวานเค็มกลมกล่อม

เพียงเท่านั้นก็เต็มอิ่มแล้วในหนึ่งวันที่ อ.ลอง


จากคอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย…ตะลุยกิน โดย ชม นำภา นสพ.มติชนรายวัน

ระยะเวลาอาทิตย์กว่าๆ ที่ได้มีโอกาสไปทำงานที่จังหวัดแพร่ นอกจากจะหลงเสน่ห์ความเป็นเมืองเล็กๆ ที่แสนจะน่ารักแล้ว ร้านอาหารก็เป็นอีกอย่างที่สร้างความประทับใจไม่ลืม

บรรดาร้านอาหารในอำเภอเมืองมี 3 ร้านที่วนเวียนหิ้วท้องไปฝากอยู่เป็นประจำ เพราะติดใจในรสชาติ และราคาที่น่าคบหา

ร้านแรก “หอมรสโภชนา” ร้านนี้เป็นตึกแถวขนาดกะทัดรัด อยู่ใกล้แยกร่องซ้อ เป็นร้านอาหารตามสั่ง มีทั้งแบบจานเดียว และแบบเป็นกับข้าว เปิดขายจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสามทุ่ม ภายในร้านมีโต๊ะให้นั่ง 7-8 โต๊ะ

เข้าไปชิมครั้งแรกลองสั่งเมนูพื้นๆ จำพวกอาหารจานเดียว ราคาย่อมเยา 35-40 บาท ปรากฏว่ารสมือใช้ได้ วันต่อมาลองไล่ดูเมนูมีอาหารน่าสนใจหลายรายการ ลองสั่ง “กุ้งผัดพริกกระเทียม” มาชิม ราคา 150 บาท ที่ร้านใช้ทั้งกุ้งแม่น้ำ และกุ้งขาว แล้วแต่ว่าวันนั้นจะได้วัตถุดิบอะไรมา รสชาติเผ็ดจัดจ้านเข้ากันได้ดีกับเนื้อกุ้งหวานแน่น จำได้ว่าได้กุ้งมาเต็มจาน 7-9 ตัว รับประทานมันระเบิดเถิดเทิง

ที่ติดใจอีกอย่าง คือ “แกงป่าไก่” เครื่องแกงจัดเต็มน้ำข้นคลั่กรสชาติถึงใจ ในราคา 70-100 บาท ต่อด้วย “กุ้งอบวุ้นเส้น” 120 บาท มาผ่อนดีกรีความเผ็ดร้อนลงหน่อย จังหวะแม่ครัวเดินออกมาได้พูดคุยนิดหน่อยจึงถึงบางอ้อ อดีตนั้นเคยเป็นเชฟโรงแรมที่หัวหินมาก่อน มิน่าฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา

ใครผ่านไปผ่านมาเมืองแพร่ตามรอยกันได้ โทร 08-4041-7473

ร้านต่อมา “ไผ่เหลือง” ร้านนี้เป็นร้านตามสั่งง่ายๆ ในราคา 30-40 บาท ตั้งอยู่บนถนนน้ำคือ ภายในร้านมีที่จอดรถหายห่วง ความโดดเด่นของร้านนี้ คือ ใช้น้ำมันหมูทำอาหาร บางจานก็ผัดกากหมูใส่มาด้วย ลาภปากคนรักกากหมู จานที่ชวนให้ชิม คือ กะเพราตับ และ ข้าวกะเพราคลุก จานหลังอาจมันเลี่ยนไปนิด แต่รสชาติอร่อยเด็ดจริงๆ แนะนำว่าอย่าไปเย็นมาก เพราะตกบ่าย ร้านก็ปิดแล้ว

ใครสนโทรไปเลยเบอร์นี้ 0-5451-1362, 0-5452-3061

ร้านที่สาม “ก๋วยเตี๋ยวลุงป๋า” อยู่บนถนนคุ้มเดิม ตำบลในเวียง ใกล้ศาลหลักเมือง ขายก๋วยเตี๋ยวมาร่วม 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ขายให้นักเรียนชามละ 10 บาท ปัจจุบันธรรมดา 30 บาท พิเศษ 35 บาท มีให้เลือกทั้งแบบน้ำใส ต้มยำ น้ำตก และเย็นตาโฟ วัตถุดิบลุงป๋าคัดสรรแบบใส่ใจตั้งแต่เส้น ลูกชิ้น เนื้อหมู และน้ำซุปที่ต้มกระดูกหมูเคี่ยวจนหอมหวาน ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยทุกอย่าง กินกันให้หนำรับประกันแบงก์ร้อยยังมีทอน

ในร้านเดียวกันมีโซนขายเครื่องดื่มรสชาติดี ชื่อร้าน “july 4th cafe” ที่ภรรยาของลุงป๋าเป็นคนดูแล พูดคุยถึงชื่อร้านได้ความว่าไม่ใช่วันชาติอเมริกา แต่เป็นวันเกิด วันเปิดร้าน และเป็นวันที่เธอลาออกจากการเป็นพยาบาลในกรุงเทพฯ กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด อารมณ์ประกาศอิสรภาพเลยทีเดียว เรื่องรสชาตินั้นต้องบอกว่าดีไม่แพ้คาเฟ่หรู บางเมนูอร่อยกว่าด้วย เช่น นมน้ำผึ้ง 30 บาท หอม หวาน กลมกล่อม ชื่นใจจริงๆ

เอาเป็นว่าใครผ่านไปผ่านมาเมืองแพร่ ต้องห้ามพลาดมากินมาเที่ยวมาพักที่นี่ แล้วจะรู้ว่าเมืองเล็กแห่งนี้ก็มีดีไม่เป็นสองรองใครเลย


จากคอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย…ตะลุยกิน โดย ชม นำภา นสพ.มติชนรายวัน