อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่นนั้นโด่งดังในเรื่องของความเร็ว แต่นอกจากเรื่องของความเร็วแล้ว รถไฟญี่ปุ่นยังพิเศษในเรื่องของความลักชัวรี่ ด้วยขบวนพิเศษที่ทำให้คุณลืมภาพรถไฟญี่ปุ่นแบบเดิมๆ ออกไป เมื่อได้สัมผัสกับรถไฟระดับเจ็ดดาวสุดหรูหรา ที่มีความสะดวกทั้งพื้นที่การใช้สอยที่เป็นส่วนตัว เตียงนอนสุดพรีเมี่ยม และอาหารระดับโรงแรม
รถไฟขบวนดังกล่าวมีชื่อว่า “Seven Stars” แล่นผ่านบ้านเมืองและรอบเกาะคิวชู โดยเริ่มให้บริการเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2013 ซึ่งขณะที่ขึ้นรถไฟขบวนนี้จากสถานีที่แสนวุ่นวายอย่างสถานีฮากาตะ ในเมืองฟุกุโอกะ เรียกได้ว่าเพียงแค่ก้าวเท้าขึ้นไป ก็เหมือนได้สัมผัสโลกอีกใบแล้ว ด้วยการตกแต่งภายในด้วยไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ ดูคลาสสิก กระตุ้นให้รู้สึกเหมือนย้อนอดีตไปอีกครั้ง
อิจิ มิทูกะ (Eiji Mitooka) นักออกแบบอุตสาหกรรมและออกแบบขบวนรถไฟสุดหรู “Seven Stars” ชาวญี่ปุ่นวัย 70 ปี กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทำขึ้นมาเฉพาะเพื่อรถไฟขบวนนี้เท่านั้น ตั้งแต่ที่นั่งบนรถไฟ, โคมไฟ หลอดไฟต่างๆ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ ซึ่งธีมคือการผสมผสานสิ่งต่างๆ ระหว่างตะวันออกและตะวันตกไว้ด้วยกัน เช่น ภาพ mandalas ซึ่งเป็นภาพที่ได้แรงบันดาลจากฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก มาประดับตกแต่งเพื่อให้เกิดเป็นสิ่งที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน
ส่วนงานจิตรกรรมฝาผนังสุดประณีต ไปจนถึงภาพวาดขนาดจิ๋วของมิทูกะ จะถูกแขวนไว้ตามทางเดิน จนไม่อยากจะมองข้ามรายละเอียดใดๆ ไป
ขณะที่ในบริเวณเลานจ์ จะมีการใช้ “คูมิโกะ” หรืองานไม้โบราณแบบญี่ปุ่นมาติดตั้งเป็นช่องหน้าต่าง เมื่อมีแสงลอดผ่านเข้ามาก็จะแสดงให้เห็นถึงชิ้นงานที่แสนประณีตและลวดลายที่สลับซับซ้อน นอกจากนี้ ยังเห็นลายดาวสีทองได้จากฝ้าเพดาน, แกะสลักไว้ที่โคมไฟตั้งโต๊ะ และทาลงบนหน้าต่างกระจกสี
ทั้งนี้ เมื่อแรกที่เข้ามาออกแบบรถไฟขบวนนี้นั้น มิทูกะบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถไฟโอเรียนท์เอกซ์เพรส (Orient Express) ซึ่งเป็นรถไฟที่ดำเนินการเดินรถโดยบริษัท Compagnie Internationale des Wagons-Lits สัญชาติอังกฤษ โดยเปิดบริการเดินรถในเส้นทางจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถึงกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อ 134 ปีมาแล้ว แต่เขาต้องการจะสร้างบางสิ่งที่ทำให้นักเดินทางชาวญี่ปุ่นวัยเก๋า ได้รู้สึกหวนรำลึกไปถึงวันวาน
“ผมคิดว่า เป็นเวลานานมาแล้วที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าการเดินทางที่แสนยิ่งใหญ่นั้นคือการได้ไปยุโรปหรืออเมริกา เพื่อหาประสบการณ์ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง, ได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดของที่นั่น หรือได้กินอาหารที่ดีที่สุดของที่นั่น” มิทูกะกล่าว
“แต่สำหรับพวกเราในยุค 50s 60s และ 70s การเดินทางที่สะดวกสบายและผ่อนคลายนั้น คือการไปในที่ที่มีการพูดภาษาญี่ปุ่น, ที่ที่เราได้กินอาหารญี่ปุ่น เหมือนกับว่าเราได้พบญี่ปุ่นอีกครั้งนั่นเอง” มิทูกะกล่าวทิ้งท้าย