ส่องแพ็คเกจเที่ยวชลบุรีด้วยรถไฟสายใหม่ “กทม.-พัทยา-บ้านพลูตาหลวง”

Journal ข่าวสาร
หลัง ร.ฟ.ท. หรือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ประเดิมเปิดเดินรถไฟเส้นทาง “กรุงเทพฯ-พัทยา-บ้านพลูตาหลวง-กรุงเทพฯ” ระยะทาง 184.03 กม. หวังปลุกการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันออกคึกคัก

หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า “อานนท์ เหลืองบริบูรณ์” ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และรักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ระบุว่า เส้นทางนี้ปัจจุบันเปิดเดินรถทุกวันจันทร์-ศุกร์ แต่เพื่อรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค จึงเปิดเดินรถช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติสามารถนั่งขบวนรถดังกล่าวเพื่อไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในแนวเส้นทางทั้งรูปแบบไป-กลับในวันเดียวหรือค้างคืนก็ได้

โดยรถไฟดังกล่าวเป็นการนำรถดีเซลรางสปรินเตอร์ปรับอากาศชั้น 2 มาบริการ วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 190 ที่นั่ง เปิดให้บริการเป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ในระยะแรกจะทดลอง 6 เดือนถึงวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ย. 2561 มีบริการวันละ 2 ขบวนไป-กลับ มีอัตราค่าโดยสารจากสถานีต้นทางหรือสถานีหัวลำโพงไปถึงสถานีปลายทางบ้านพลูตาหลวงสูงสุดอยู่ที่ 170 บาทต่อเที่ยว ถ้ารวมไป-กลับอยู่ที่ 340 บาท

นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการขนส่งจังหวัดชลบุรี ในการอำนวยความสะดวกจัดรถโดยสารบริการรับ-ส่งจากสถานีรถไฟเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยว อาทิ สถานีพัทยา ศรีราชา ตลาดน้ำ 4 ภาค และบ้านพลูตาหลวง โดยผู้โดยสารเสียค่าโดยสารเองแบบเหมาจ่าย จะมีที่สวนนงนุชแห่งเดียวที่มีจัดรถรางมารับส่งฟรี

อีกทั้งยังผนึกกำลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), เทศบาลเมืองพัทยา และสมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวใน 6 สถานีหลักของจังหวัดชลบุรีในราคาพิเศษ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2561 รวมถึงนำตั๋วโดยสารสามารถนำไปลดค่าใช้บริการสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้อีกด้วย

เริ่มจาก “สถานีชุมทางศรีราชา” รับจอง 10 คนขึ้นไป ราคาคนละ 430 บาท (รวมค่ารถรับส่งแล้ว) ไปท่องเที่ยวที่ศาลเจ้านาจา, เมทัลอาร์ท แกลเลอรี่ ศิลปะจากเศษเหล็ก, สวนเสือศรีราชา, เจพาร์คมอลล์

“สถานีพัทยา” ราคา 650 บาท (ไม่รวมอาหารและรถรับส่ง) ไปอุทยานหินล้านปี, ฟาร์มจระเข้พัทยา, ปราสาทสัจธรรม, พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี เท็ดดี้แบร์ และแหลมบาลีฮาย

“สถานีตลาดน้ำสี่ภาค” ราคา 300 บาท (ไม่รวมค่ารถไฟและรถยนต์โดยสาร) มี 2 แพ็กเกจให้เลือก “แบบ A” จะรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารอาหารจีนเลกวิว และไปช็อปปิ้งที่ไมค์ ช้อปปิ้ง มอลล์ พัทยา ส่วน “แบบ B” จะพาไปรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ที่ภัตตาคารพาพาย่าไพร์ม และพาไปชมศูนย์การเรียนรู้หัตถศิลป์ช่างสิบหมู่ สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่คิดค่าบริการ

“สถานีวัดญาณสังวราราม” ราคา 790 บาท (รวมค่ารถรับส่ง) สำหรับ 3 คนขึ้นไป ภายใต้เงื่อนไขต้องจองล่วงหน้า มีโปรแกรมไปท่องเที่ยวหาดบางเสร่, บ้านกลับหัวและสวนน้ำรามายณะ

“สถานีสวนนงนุช” จะมี 2 แพ็กเกจให้เลือก “แบบ A” ราคา 450 บาท (รวมค่ารถรับส่ง) สำหรับท่องเที่ยวในสวนนงนุชอย่างเดียว แต่มีการสอนทำอาหารไทย แกงเขียวหวานและสลัดโรลเสริมให้ด้วย และ “แบบ B” ราคา 590 บาท (รวมค่ารถรับส่งแล้ว) สำหรับท่องเที่ยวในสวนนงนุช, เขาชีจรรย์, บ้านกลับหัว, ไทธานีฯ และหาดทรายแก้ว

สุดท้าย “สถานีบ้านพลูตาหลวง” ราคา 1,200 บาท มีรถรับส่งฟรี รับจำกัด 10 คน ไปยังสถานที่ท่องเที่ยววิหารหลวงพ่อดำ, วัดช่องแสมสาร, เพอคูล่าฟาร์ม ฟาร์มการ์ตูนสัตหีบ, เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ และสวนอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล

สำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืน สามารถนำตั๋วโดยสารไปลดราคาพิเศษ 15-25% กับโรงแรม 3 แห่งที่เข้าร่วม ได้แก่ ไมค์โฮเต็ล, ไมค์บีช รีสอร์ท และบารอนบีช โฮเต็ล จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2561

นสพ.ประชาชาติธุรกิจยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากการรถไฟฯเปิดบริการวันแรกเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จากการสำรวจ (ณ วันที่ 19 มี.ค. 2561) พบว่ามียอดจองตลอดเดือน มี.ค.นี้อย่างหนาแน่น โดยรอบวันเสาร์ที่ 24 มี.ค. เหลือ 6 ที่นั่ง รอบวันอาทิตย์ที่ 25 มี.ค. เหลือ 66 ที่นั่ง และรอบวันเสาร์ที่ 31 มี.ค. เหลือ 31 ที่นั่งเท่านั้น โดยมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวคนไทยมากกว่าชาวต่างชาติ


ที่มา นสพ.ประชาชาติธุรกิจ

ขอบคุณภาพจาก ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย