เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2561 เวลา 09.30 น. ที่โถงกลางตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี สาวๆ BNK48 นำโดย “เฌอปราง” เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันวง, เจนนิษฐ โอ่กระเสริฐ, “จ๋า” ณปภัช วรพฤทธานนท์, “ไข่มุก” วรัทยา ดีสมเลิศ , “มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์ , “เนย” กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล, “เปี่ยม” รินรดา อินทร์ไสง และ “ซัทจัง” สวิชญา ขจรรุ่งศิลป์ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

โดยมีกำหนดการเพื่อประชาสัมพันธ์สถานีวิทยุเพื่อครอบครัวที่ชื่อว่า “Happy Family Radio F.M.105 MHz.: วิทยุเพื่อครอบครัว” ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นวิทยุครอบครัวตามแนวทางที่นายกฯมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์มีสถานีวิทยุสำหรับครอบครัว ให้เหมาะกับทุกช่วงวัย โดยเน้นตอบสนองกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์จึงได้เชิญกลุ่มศิลปินดังกล่าวมาโปรโมทรายการวิทยุเพื่อครอบครัว เพราะเป็นกลุ่มศิลปินตัวแทนของคนรุ่นใหม่

ภายหลัง เฌอปราง อารีย์กุล ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า บรรยากาศการเข้าพบดีมาก นายกรัฐมนตรีใจดีกับพวกเรามากๆ ดีใจที่ได้เจอ

นอกจากนี้ มิวสิค แพรวา เล่าว่า “ท่านนายกฯใจดี ให้คำเเนะนำพวกหนูหลายเรื่อง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายคนอาจมองว่านายกฯ ดุ นั้น ไข่มุก อธิบาย ก็เหมือนในทีวีเลย เเต่ตัวจริงตัวใหญ่กว่าในทีวีนิดนึง ทั้งยังใจดีกว่าที่คิดไว้เยอะ

ส่วนเรื่องการพัฒนาวงนั้น เฌอปราง ตอบว่า ให้พยายามฝึกฝน พัฒนาตนเอง ทั้งการเรียนเเละการทำงาน ทำตามความฝันของตัวเอง รวมถึงการพัฒนาทักษะของเเต่ละคน โดยทำให้เต็มที่

ในส่วนนี้ นายกฯ ฝากว่า “การเป็นไอดอล เป็นได้ แต่อย่าทิ้งการเรียน”

ขณะที่ เจนนิษฐ เล่าถึงการทำสิ่งที่ดีเพื่อน้องๆ เยาวชน ว่า ตอนนี้เราอาจยังไม่ได้ทำงานผลงานเป็นชิ้นเพื่อสังคม เเต่เราเริ่มจากตรงนี้ เป็นตัวอย่างเเละทำตามฝันของเด็กๆ ให้กล้าออกมาทำสิ่งที่ตนเองชอบ เเละไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย หรือทำเเล้วคนอื่นเดือดร้อน เราจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ

โดย เฌอปราง ฝากไปถึงครอบครัวด้วยว่า เป็นเรื่องสำคัญ เเละให้สนับสนุนฟังเสียงเด็กๆ ว่าเขาต้องการอะไร ถ้าเป็นสิ่งที่ดี ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็เปิดใจเเละสนับสนุนพวกเขา

ปิดท้ายด้วย เปี่ยม ที่อยากฝากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้นายกฯ เพราะท่านทำงานหนักเพื่อพวกเรา เราก็ช่วยกันเป็นอีกเเรงเพื่อให้ท่านได้เดินหน้าประเทศไทยต่อไป

 

ที่มา ประชาชาติฯออนไลน์

ภาพจาก ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับนายแจ็ค หม่า ว่า ในการพูดคุยกันครั้งนี้ ฝ่ายนายแจ็ค หม่า ระบุว่าจะเข้ามาสร้างคน สร้างระบบ อะไรต่างๆ ที่จะมาสนับสนุนเรารวมถึงเรื่องการค้า ซึ่งตนได้บอกกับเขาว่ารัฐบาลไทยต้องการให้เขามาช่วยดูแลผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร อีกทั้งเขาจะช่วยดูแลรูปแบบของเขาและมีระบบการนำเข้าสินค้าให้สอดคล้องกับระบบ 4.0

นอกจากนี้ การพูดคุยหารือกันครั้งนี้เป็นการมาทำความตกลงร่วมกันและสัญญาว่าภายในปี 2562 จะต้องทำอะไรให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย โดยในวันนี้ได้มีการลงนามร่วมในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างกันที่จะส่งเสริมเรื่องต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยว เศรษฐกิจดิจิตอล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นเรื่องที่เราจะเอาของไปขายกับเขาเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องสร้างระบบและคนของเราเข้าไป เป็นการทำคู่ขนานด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาว และเขาจะมีการลงทุนในเรื่องเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ท ซิตี้) และโครงการศูนย์สมาร์ท ดิจิตอล ฮับ ในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งมันจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด ซึ่งตนขอให้เขาช่วยดูเรื่องของสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน การทำเกษตรแปลงใหญ่ ภาพที่นายแจ๊ค หม่า พูดถึงระบบโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าเกษตรไปได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเขาพร้อมให้บริการดังกล่าวในการขนส่งสินค้าเกษตรของไทย เรื่องนี้จึงถือเป็นผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ อย่าไปคิดว่าไทยจะเสียเปรียบอะไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ฝ่ายของนายแจ็ค หม่า ระบุว่าไม่ได้มุ่งหวังเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะเขามีเพียงพอแล้ว ถึงมุ่งหวังที่จะมาช่วยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย ต้องช่วยคนที่แข่งขันไม่ได้ให้มีความสามารถมากขึ้น รายการเข้ามาสู่การค้าทางออนไลน์ อีกทั้งต้องการมาช่วยประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งไทยมีนโยบายไทยแลนด์บวกหนึ่ง เพราะประเทศในอาเซียน มีการผลิตสินค้าเกษตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนฝากให้เขาช่วยดูแลเรื่องการขายปาล์ม ข้าว และยางพาราของไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งเขามีโรงเรียนสอนเรื่องธุรกิจ การค้าขายทางออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ช) การพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่เขามามุ่งเอาผลประโยชน์ทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว ส่วนจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดเท่าไหร่นั้น ก็เป็นเรื่องของค่าทำงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับการที่ฝ่ายนายแจ็ค หม่า จะนำข้าวไทยไปขายนั้น เป็นการนำข้าวคุณภาพของไทยไปขายบนเว็บไซต์ของเขาด้วย ส่วนจะนำไปขายเป็นจำนวนเท่าไรในแต่ละปีนั้น คงจะมีการหารือเป็นขั้นตอนต่อไปในอนาคต

 

ขอบคุณภาพจากทำเนียบรัฐบาล
ที่มา มติชนออนไลน์