ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้นำองค์กร ก่อเกิดเป็นแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ “เงินติดล้อ” ในการเป็นองค์กรแห่งการสร้างโอกาสทางการเงิน และลดความเหลื่อมล้ำให้ผู้คนระดับฐานรากของประเทศ ผ่านบริการสินเชื่อทะเบียนรถครบวงจร และธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่มีทางเลือกหลากหลายตรงใจ ผ่านคำแนะนำจากนายหน้ามืออาชีพพร้อมให้บริการ ซึ่งยืนหนึ่งในธุรกิจได้ด้วยเบื้องหลังทีมงานมืออาชีพกว่า 6,600 คน ทั่วประเทศ ที่มีค่านิยมเหมือนกัน หลอมรวมเป็นวัฒนธรรมองค์กรแห่งการสร้างโอกาสให้กับผู้คน ประกอบกับแนวคิดที่ไม่หยุดนิ่ง ส่งเสริมให้เงินติดล้อมีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งด้วย “นวัตกรรม” เพื่อสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งรองรับการเติบโตทางธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตอย่างยั่งยืน

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR กล่าวว่า ปี 2021 เป็นปีแห่งการยอมรับด้านนวัตกรรม วัฒนธรรมองค์กร และด้านแบรนด์ของเงินติดล้อ จากองค์กรระดับภูมิภาคและระดับโลกผ่านการได้รับรางวัลถึง 16 รางวัล จาก 9 เวทีประกวดชั้นนำทั้งระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับโลก ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับด้านนวัตกรรม วัฒนธรรมองค์กร การสื่อสารการตลาด ตลอดจนความไว้วางใจด้านแบรนด์ ซึ่งเกิดขึ้นจากผลงานและความโดดเด่นทั้งด้านการใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า อาทิ ความสำเร็จด้านการเปิดตัวแอปพลิเคชันเงินติดล้อสำหรับลูกค้าในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีจากยอดดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานปัจจุบัน มากกว่า 500,000 ราย ความสำเร็จด้านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและดาต้ามาปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของเงินติดล้อได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ความสำเร็จด้านการพัฒนาเทคโนโลยีแชทบอท (Chatbot) เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริการลูกค้าผ่านช่องทาง Facebook Messenger ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จด้านการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญและนำพาธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 ความสำเร็จด้านการสื่อสารการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคและผู้คนในสังคมผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “หนี้นรก” และ “TIDLOR IPO” รวมถึงความสำเร็จจากการยอมรับด้านแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้นับเป็นการเตรียมความพร้อมให้องค์กรสามารถรับมือการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคตได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการสร้างโอกาสทางการเงินให้กับผู้คนในสังคม ไปพร้อมกับการสร้างองค์กรเงินติดล้อให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

รายชื่อ 16 รางวัล จาก 9 เวที ชั้นนำระดับโลก

  1. รางวัล Finance Company of The Year 2021 จาก Asian Banking & Finance Awards
    – การประยุกต์ความรู้ด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจและการยกระดับประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Customer Experience)
  2. รางวัล Product and Innovation Awards 2021 จากนิตยสาร Business+
    – การยกระดับการให้บริการลูกค้าผ่านบัตรติดล้อที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าในยุคดิจิทัล
  3. รางวัล Thailand’s Most Admired Brand จากนิตยสาร BrandAge เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
    – ความจริงในในการให้บริการและวิสัยทัศน์ของเงินติดล้อทำให้แบรนด์ได้รับความไว้วางใจและเชื่อใจจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
  4. รางวัล Digital CX Awards 2021 จัดโดย The Digital Banker
  • Winner: Outstanding CX in Digital Sales Strategy จากการนำดาต้ามาปรับใช้ในกระบวนการขายออนไลน์ ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนลดลง
  • Highly Acclaimed: Best Use of Data and Analytics for CX จากการนำดาต้าและ Google 360 มาปรับกลยุทธ์ด้านการใช้งานของลูกค้าบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ส่งผลให้ยอดขายและจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น
  1. รางวัล Best in Future of Intelligence Thailand 2021 จาก IDC Future Enterprise 2021
    – การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและดาต้ามาปรับใช้บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเงินติดล้อ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของเงินติดล้อได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
  2. รางวัล Retail Banker International Asia Trailblazer Award 2021
  • Highly Commended: Best Retail Bank Thailand จากผลงานด้านดิจิทัลของเงินติดล้อ
  • Highly Commended: Best App for Customer Experience จากแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ที่ช่วยทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินได้ทุกวันตลอด 24 ชม. สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • Highly Commended: Best Application of Data Analytics จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและดาต้ามาปรับใช้กับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเงินติดล้อ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของเงินติดล้อได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
  • Highly Commended: Best Use of Machine Learning จากการพัฒนาเทคโนโลยีแชทบอท (Chatbot) ในการให้บริการลูกค้า โดยสามารถเพิ่มศักยภาพการบริการลูกค้าผ่านช่องทาง Facebook Messenger ได้เทียบเท่ากับพนักงาน 22 คน และเพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้าได้ถึง 99%
  • Highly Commended: Best Advertising Campaign จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและดาต้ามาปรับใช้กับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ส่งผลให้มี qualified leads เพิ่มสูงขึ้นถึง 200,000 ต่อปี และลดต้นทุนในการหา leads (Cost Per Leads) ได้ถึง 48%
  1. รางวัล Best Digital Business Model Initiative / Application in Thailand 2021 จาก The Asian Banker Thailand
    – การนำดิจิทัลและเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ให้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
  2. รางวัล Asia’s Best Employer Brand Awards 2021 จัดโดย World HRD Congress จากการหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
  • รางวัลชนะเลิศ Best Employer Brand Award 2021
  • รางวัลชนะเลิศ Dream Employer of The Year 2021
  1. รางวัล Adman Awards & Symposium 2020 และ 2021 จัดโดย สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT)
  • รางวัล Bronze ในหมวด Film จากผลงานภาพยนตร์โฆษณา “หนี้นรก” ที่มุ่งกระตุ้นเตือนประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือนให้คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็นจากการใช้จ่ายเกินตัว ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนของเงินติดล้อ
  • รางวัล Bronze ในหมวด Film จากผลงานภาพยนตร์โฆษณา “TIDLOR IPO” เพื่อนำเสนอความแตกต่าง ความแข็งแกร่งและการใช้นวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เงินติดล้อเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถและนายหน้าประกันภัย

บริษัท เซ็นทริคส์ คอนซัลติ้ง จำกัด (Sentrics) หนึ่งในสายธุรกิจหลักไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ โดยมร.เยน ชิน กรรมการผู้จัดการ (กลางซ้าย) และนางสาวสรินทร เชื้อเจริญศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ (กลางขวา) จัดงาน Sentrics Open House ต่อยอดธุรกิจ Data Analytics ยุคดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนธุรกิจของไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มุ่งเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) พร้อมพัฒนาบุคลากรและประสิทธิภาพองค์กร (People & Efficiency) ตลอดจนให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Centric) และเน้นความโปร่งใสในการทำงาน (Zero Tolerance to Corruption : ZTC) ด้วยการใช้ข้อมูลวิเคราะห์พฤติกรรม ความต้องการของผู้บริโภคเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบตอบโจทย์ตรงใจ ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสและกระตุ้นยอดขายให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เรื่อง : ณัฐกานต์ สอนโยหา

การที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและเติบโตได้นั้น นับเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการมือใหม่ ที่ต้องวางรากฐาน เป้าหมาย และวางแผนเรื่องการดำเนินธุรกิจให้สามารถดำรงอยู่ได้ในยุคสมัยที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น

โดยไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะสามารถทำให้ธุรกิจนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ก็ยังมีองค์ประกอบอีกหลายส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูแนวคิดจากการบรรยายเรื่อง “ปรับเปลี่ยนวิธีคิดธุรกิจยุคดิจิทัล” ในงานอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) การเตรียมพร้อมนักรบอุตสาหกรรมพันธุ์ใหม่ (New Food Warrior 2019) โครงการยกระดับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพประจำปีงบประมาณ 2562

ดร.ณัฐรินทร์ เนียมประดิษฐ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมการค้าส่งเสริมพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี กล่าวถึงวิธีคิดและจุดเริ่มต้นของการทำโครงการดังกล่าวว่า สินค้าและอาหารของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันออกไป แต่ที่ประเทศไทยนั้นยังไม่มีอาหารแปรรูปที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงประเทศไทย จึงริเริ่มที่จะเข้ามาผลักดันและพัฒนาผู้ประกอบการมือใหม่ หรือที่เรียกว่า “นักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่” ให้มีความสามารถในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค และผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคดิจิทัล

ดร. ณัฐรินทร์ เนียมประดิษฐ์ ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมการค้าส่งเสริมพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี

“หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าเคยได้ยินคำว่า ‘เอดิสันไม่ได้ผลิตหลอดไฟขึ้นจากการพัฒนาเทียนไข แต่เกิดจากความคิดของเขาเอง’ ซึ่งเป็นเรื่องจริง หลายคนอาจคิดว่าต้องใช้กระบวนการในการต่อยอดสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่ความจริงเป็นอย่างที่กล่าวมาข้างต้น นั่นก็คือหลอดไฟไม่ได้เกิดจากการพัฒนาเทียนไข แต่เกิดจากการพัฒนาแนวคิดที่ได้จากแสงสว่างจนกลายเป็นหลอดไฟขึ้นมาในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นในกระบวนการ Design Thinking จึงเป็นกระบวนการคิดที่ต้องพัฒนาจากแนวคิดเดิม แต่ไม่ใช่การต่อยอดจากสิ่งเดิมที่มีอยู่ แต่เป็นการคิดแบบก้าวกระโดด จนทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมา” ดร.ณัฐรินทร์ระบุ

ดร.ณัฐรินทร์กล่าวอีกว่า คนเรามีอยู่ 2 ประเภท นั่นก็คือ 1.Growth Mindset คือคนที่คิดนอกกรอบ แสวงหาสิ่งใหม่อยู่เสมอ 2.Fixed Mindset คือคนที่คิดในกรอบ ปิดกั้นตัวเอง ไม่ออกจาก Comfort Zone ซึ่งการจะเป็นนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ได้นั้น จะต้องเป็นคนที่มีความความรักในสิ่งที่จะทำ มีความต้องการที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ที่สำคัญคือต้องไม่ยอมแพ้ เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดแล้วนำมาพัฒนาและพร้อมที่จะเติบโต นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับวิธีคิดของตัวเราเอง ว่าต้องจะพัฒนาไปในทิศทางใด และผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร

“ในอนาคตเราจะได้ยินคำว่า Disrupt มากกว่าคำว่า Change เสียอีก เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลง แต่คือการทำลายทิ้ง กระบวนการที่ต้องการจะสื่อออกมานั่นก็คือ โลกเรากำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องทำลายกำแพงบางอย่างเพื่อที่เราจะก้าวข้ามไป หรือเราจะเป็นคนที่ย่ำอยู่กับที่แล้วรอให้กำแพงมันทำลายเรา”

ทั้งนี้ ปัจจุบันแม้แต่วงการค่ายเพลงเองก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ หากไม่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน จึงต้องนำแนวคิด Business Model เข้ามาใช้ เช่น การขายการบัตรจับมือของศิลปิน ขายการออกอีเวนต์โชว์ตัวต่างๆ business model จึงต้องเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงด้วย ดังนั้น พอมีนวัตกรรมเข้ามา ถ้าหากนักธุรกิจเองยังไม่มีการพัฒนา หรือทุบกำแพงออกไป ก็ทำให้มีโอกาสสูงมากที่ธุรกิจจะไปต่อไม่ได้

“อย่างที่บอกคือเราพยายามยืดอายุสินค้าหลายๆ อย่างให้ได้ยาวขึ้นจากการแปรรูปอาหาร และในขณะเดียวกันก็ยืดคุณภาพให้อยู่ได้นานขึ้นด้วย ถ้าเราสามารถพัฒนานวัตกรรมให้มันทันกับสิ่งที่มันกำลังจะเปลี่ยนแปลง เราก็จะสามารถอยู่รอดได้” ดร. ณัฐรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

ถือเป็นอีกเรื่องที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ควรหันมาให้ความสำคัญในการที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิด จากแนวคิดเดิมๆ ก้าวไปสู่แนวคิดใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ในสภาวะที่ตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้