เครื่องดื่มตระกูลชา โดยเฉพาะชาเขียว และชาดำต่างๆ มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะคนเอเชียอย่างชาวจีน ชาวญี่ปุ่นที่นิยมดื่มชาร้อนๆ มานานนับหลายศตวรรษแล้ว แต่ชาเหล่านี้มีดีอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร มาไขความลับสุขภาพดีจากชากันดีกว่า

“ฟลาโวนอยด์” เคล็ดลับสุขภาพดีของชา

สารฟลาโวนอยด์ เป็นสารที่พบได้ในผักผลไม้หลายชนิด ไม่ได้พบแค่ในชาเขียว และชาดำเท่านั้น หากแต่ยังพบได้ใน ยอ ถั่วเหลือง กระชายดำ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น และเครื่องดื่มอย่างไวน์ เป็นต้น โดยฟลาโวนอยด์มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

ฟลาโวนอยด์ที่พบในพืช แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. นารินจิน (Naringin) เป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่ให้รสขมในเปลือกของผลไม้พืชตระกูลส้ม (citrus fruit)
  2. แคทีชิน (Catechin) พบในใบชาพบมากในชาเขียว

ประโยชน์ของฟลาโวนอยด์

  1. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือด (รวมถึงโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง)
  2. ลดระดับคอเลสเตอรอล คราบพลัค และไขมันเลวในเลือด และใหนหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  3. ช่วยปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
  4. การดื่มชาเขียว หรือชาดำ ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สมองตื่นตัว เพราะมีคาเฟอีนครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับกาแฟในปริมาณเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการคาเฟอีนในปริมาณไม่มากเท่าการดื่มกาแฟ
  5. ความไวปฏิกิริยาของหลอดเลือดดีขึ้น หมายถึงการที่หลอดเลือดมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารเคมี และความตึงเครียดทางอารมณ์นั่นเอง ซึ่งเมื่อหลอดเลือดมีปฏิกิริยาที่ดี ก็จะช่วยให้หลอดเลือดมีการไหลเวียนของโลหิต และปฏิกิริยาอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น

อย่ารับประทานฟลาโวนอยด์มากเกินไป

ถ้าคิดว่าฟลาโวนอยด์มีประโยชน์ จะโหมดื่มชาเป็นลิตรๆ ต่อวันแล้วล่ะก็ ขอให้หยุดคิดไปได้เลย เพราะการดื่มชามากเกินไป ส่งผลเสียต่อการทำงานของไต เพราะทั้งชาเขียว ชาดำ หรือชาอื่นๆ จะมีสารออกซาเลตอยู่ปริมาณหนึ่ง หากได้รับเข้าสู่ร่างกายมากๆ จนทำให้ไตต้องกำจัดออกไปบ่อยๆ อาจตกค้างเป็นผลึกจนกลายเป็นนิ่วในไตได้

ดังนั้น หากอยากจะดื่มชาเพื่อให้ได้สุขภาพที่ดี ควรดื่มไปตามธรรมชาติวันละ 1-2 แก้ว เลือกดื่มชาร้อนไม่ใส่น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ หรือใส่น้ำตาลให้น้อยที่สุด ไม่ควรดื่มเพราะคิดว่าชาเป็นยารักษาโรค และชาชงจากใบชาแท้ๆ จะดีกว่าชาขวด หรือชากระป๋อง เพราะอาจมีส่วนประกอบที่เป็นชาน้อย และน้ำตาลสูง เครื่องชาน้ำตาลสูงจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากการดื่มชาน้อยลง

ที่มา : Sanook

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ และมักติดตามข่าวสารวงการกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางอยู่เป็นประจำ ก็อาจเคยเห็นประปรายมาบ้างถึงสรรพคุณของชาเขียวที่ใช้ในการรักษาสิวของเราให้ยุบตัวลง แต่ขณะเดียวกันสรรพคุณของชาเขียวก็อาจใช้ได้ผลกับแค่บางบุคคลเท่านั้น เราจึงขอนำความรู้เกี่ยวกับการใช้ ชาเขียวรักษาสิว ว่าได้ผลจริงแท้หรือไม่ มาฝากให้ทุกคนได้คลายข้อสงสัยกัน

เราสามารถใช้ “ชาเขียว” รักษาสิว ได้จริงหรือ?

ชาเขียว ที่เราคุ้นเคยนั้น มีสารประกอบจากพืชธรรมชาติที่เรียกว่า คาเทชิน (Catechins) ซึ่งเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะในการช่วยต้านการอักเสบ ต้านสารอนุมูลอิสระ พร้อมต้านเชื้อแบคทีเรีย และรักษาสิวบนผิวหน้าของเราได้

จากการศึกษาในงานวิจัยชิ้นหนึ่งปี ค.ศ. 2017 พบว่าสารประกอบในชาเขียวอีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า โพลีฟีนอล (Polyphenols) นั้น มีส่วนช่วยในการป้องกันไม่ให้ต่อมไขมันบนใบหน้าผลิตน้ำมันส่วนเกินจนไปอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการเกิดสิวขึ้นได้ อีกทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของชาเขียวบำรุงผิวหน้า ยังอาจสามารถช่วยลดปริมาณน้ำมันบนใบหน้าได้ภายในระยะเวลา 60 วัน อีกด้วย

ทางเลือกการรักษาสิวด้วยชาเขียว

คุณสามารถเลือกวิธีใน การรักษาสิวด้วยชาเขียว ด้วยรูปแบบต่างๆ ได้ตามความถนัดของคุณไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารเสริม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของชาเขียว โดยอาจปฏิบัติตามได้ด้วย 3 วิธีง่ายๆ เบื้องต้น ดังนี้

การมาส์กผิวหน้ารักษาสิว

  1. นำชาอบแห้งสำเร็จรูป หรือใบชาจากถุงชาออกมาแช่ลงในน้ำอุ่น นำเจลว่างหางจระเข้ หรือน้ำผึ้งเข้ามาผสมร่วมกับใบชาที่แช่ในน้ำอุ่นแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกหน้าโดยแต้มบริเวณพื้นที่ที่เป็นสิว พอกทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซึ่งวิธีควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งด้วยกัน
  2. พอกผิวด้วยน้ำชาเขียว เตรียมน้ำชาเขียวให้อยู่ในอุณหภูมิห้อง หรือมีความเย็นในระดับพอดี หาภาชนะที่มีลักษณะขวดหัวเป็นสเปรย์ และเทน้ำชาเขียวลงไป ฉีดสเปรย์ลงบนผิวหน้าที่ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น ซึ่งเทคนิคนี้ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นประจำ
  3. การดื่มน้ำชาเขียว วิธีนี้คุณสามารถหาน้ำดื่มที่มีส่วนประกอบของชาเขียวมารับประทานได้ในทันที ทั้งในรูปแบบร้อน และเย็น โดยควรรับประทานอย่างน้อย 3 ถ้วย ต่อวัน นอกจากจะเป็นการช่วยรักษาสิวแล้ว ยังอาจช่วยปรับปรุงสุขภาพภายในของคุณได้อีกด้วย

ข้อควรระวังเมื่อใช้ชาเขียวรักษาสิว

สารสกัดจากชาเขียวอาจเข้าไปทำปฏิกิริยาแก่ผู้ป่วยที่ใช้ยานาโดลอล (Nadolol) ในการควบคุมความดันโลหิตที่เชื่อมโยงกับโรคหัวใจ อีกทั้งภายในชามีปริมาณคาเฟอีน (Caffeine) อยู่มากทำให้ไม่เหมาะสมกับผู้ใช้ในบางราย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ คุณควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักโภชนาการร่วมด้วยเสียก่อน หากคุณมีความต้องการรับประทานอาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยชาเขียว เพราะแพทย์นั้นอาจแนะนำเป็นการใช้ยาตัวอื่นมารักษาสิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณทดแทน

ที่มา : Sanook

“ชาเขียว” ดีๆ หรือจะเรียกว่า “กรีนที” ก็คือความอร่อยถูกใจของใครหลายๆ คนใช่ไหมละคะ และยิ่งเทรนด์ของปีสองปีที่ผ่านมายาวเหยียดมาจนถึงปัจจุบัน ชาเขียวก็ถือเป็นของยอดนิยมสุดๆ ของคนไทยเลยทีเดียว แต่ใช่ว่าชาเขียวจะเป็นแค่กระแส เพราะจริงๆ ชาเขียวนี่แหละที่มีประโยชน์หลายอย่าง ดีต่อสุขภาพแบบสุดๆ ถ้าอยากรู้ว่าชาเขียวที่เรากินดื่มอยู่ทุกวันให้อะไรกับคุณบ้าง ตามมาดูไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

ลดคอเลสเตอรอล
ใครที่กังวลเรื่องคอเลสเตอรอลที่มีมากเกินไปในร่างกายคงต้องจัดชาเขียวเป็นประจำแล้วล่ะ เพราะชาเขียวมีสรรพคุณในการลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือที่เรียกกันว่า LDL (Low – density lipoprotein) ที่ส่งผลให้เกิดไขมันอุดตันในการเป็นโรคสำคัญต่างๆ เช่นโรคหัวใจ ทั้งนี้ชาเขียวยังมีข้อดีในการช่วยป้องกันการดูดซึมของคอเลสเตอรอลในระบบทางเดินอาหารได้อีกด้วย

กำลังควบคุมน้ำหนักก็ต้องดื่มชาเขียว
มีหลายผลการศึกษาที่พบว่า “ชาเขียว” จะไปช่วยลดไขมันในร่างกายในส่วนต่างๆ เห็นผลชัดโดยเฉพาะกับไขมันส่วนหน้าท้อง และยังช่วยในการควบคุมน้ำหนักเพราะมีสารแคทีชิน (Catechins) ช่วยในการเผาผลาญแคลอรีได้ดีขึ้น แนะนำให้เลือกเป็น “ชาเขียวร้อน” จะยิ่งสร้างความร้อนให้ร่างกายและช่วยเผาผลาญได้มากขึ้นอีกด้วย

กลัว “แก่” ก็ต้องดื่มชาเขียว
สำหรับหลายๆ คนที่เริ่มกังวลใจกับอายุที่เพิ่มขึ้น ลองหันมาดื่มชาเขียวเป็นประจำดูสิ เพราะในชาเขียวประกอบไปด้วยสารโพลีฟีนอล (Ployphenols) และสาร OPC (Oilgomeric Proanthocyanidins) ที่มีส่วนช่วยในการการปกป้องริ้วรอยรวมไปถึงจุดด่างดำต่างๆ ที่สำคัญสำหรับคนที่รักผิวพรรณเป็นพิเศษยิ่งควรใส่ใจเรื่องการป้องกันเกี่ยวกับการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ที่ “ชาเขียว” ก็มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคดังกล่าวได้เช่นกัน

ฟันผุน้อยลงเพราะชาเขียว
สุขภาพช่องปากก็เป็นเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลิ่นปาก ฟันผุและสุขภาพเหงือก เพราะฉะนั้นนอกจากการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีแล้ว ก็ต้องหาตัวช่วยที่เสริมสร้างฟันให้แข็งแรง ซึ่ง “ชาเขียว” นั้นก็มีส่วนช่วยที่ทำให้สุขภาพช่องปากดีขึ้นเช่นกัน เพราะชาเขียวอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล (Polyphenois) และสารแคทีชิน (Catechins) ซึ่งจะเข้าไปช่วยฆ่าพวกแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก โรคเหงือกและฟันผุได้ดีทีเดียว

“ผมร่วง” ชาเขียวก็ช่วยได้
ยิ่งอายุเริ่มมากขึ้น ก็มีหลายอย่างที่แอบผิดปกติไป รวมไปถึงอาการผมร่วงด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องผมร่วง ลองหันมาดื่มชาเขียวกันดูค่ะ เพราะสารแคทีชิน (Catechins) ในชาเขียวก็มีส่วนในการป้องกันการเกิดผมร่วง และยังช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้อีกด้วย

แนะนำสูตรชาเขียวสดชื่นตื่นแน่นอน “ชาเขียวมะนาว”
ส่วนผสมง่ายๆ แค่เตรียมผงชาเขียวประมาณ 1/2 ช้อนชา และน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ชงในน้ำร้อนปริมาณ 2 ถ้วยตวงให้ละลายเข้ากันดี จากนั้นเติมน้ำมะนาวอีก 1/2 ถ้วย ชิมรสชาติความอร่อยที่ถูกใจ หากเข้มข้นเกินไปสามารถใส่น้ำเย็นลงไปผสมอีกเล็กน้อย รับรองว่าสดชื่น ก่อนดื่มให้นำเข้าตู้เย็นแช่ทิ้งไว้ เมื่อต้องการดื่มให้เติมน้ำแข็งแล้วเติมน้ำชาเขียวมะนาวลงไป เสิร์ฟพร้อมมะนาวฝานเพื่อความสวยงาม

เห็นประโยชน์ดีๆ แบบนี้ของ “ชาเขียว” แล้วจะเมินเฉยได้อย่างไร ลองชิมชาเขียวดีๆ สักแก้วเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคุณกันดีกว่า แล้วมาแชร์ให้เราฟังกันนะว่าคุณชอบทานชาเขียวรูปแบบไหนกันบ้าง?

ที่มา : บล็อกเล่าเก้าสิบ

เรียนรู้วิชาการปรุงชาสูตรพรีเมียม พร้อมไขความลับสุดยอดชาราคาร่วมแสน

จากคำบอกเล่าของสองปรมาจารย์ด้านชาเขียวแห่งเมืองชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น

 

“ชาเขียว” สำหรับประเทศญี่ปุ่นเป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนวิถีชีวิตซึ่งเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงวัฒนธรรมอันทรงคุณค่ามาอย่างยาวนาน กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ชาเขียวญี่ปุ่นพร้อมดื่มคุณภาพระดับพรีเมียมมานั้นจึงต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ของการปลูกชาและการคิดค้นสูตรที่เหมาะสมที่สุด วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับสอง Master หรือ “เซนเซ” จากจังหวัดชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ผู้อยู่เบื้องหลังความลุ่มลึกของ “ชา” ที่มีต่อวิถีชีวิตของคนชิซึโอกะ

“ลุงอยากแสดงให้เห็นว่าใบชาคุณภาพดีก็สามารถทำเครื่องดื่มคุณภาพดีได้ไม่แพ้ไวน์ราคาแพง”คำพูดของคุณลุง โอตะ มาซาตากะ ปราชญ์ชาวบ้านวัย 75 ปี เจ้าของไร่ชา Kaneda Otaen ในจังหวัดชิซึโอกะ สะท้อนถึงความรักและความพิถีพิถันในการปลูกชาที่ฝังรากลึกอยู่ในวิถีชีวิตของคนชิซึโอกะอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคุณโอตะ การทำไร่ชาคือการผลิตงานศิลป์และสร้างประวัติศาสตร์

ในแต่ละปี ไร่ชาของคุณโอตะจะผลิตใบชาสดรวมทั้งหมด 30 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อนำไปผ่านกระบวนการทำให้แห้งแล้วจะเหลือเพียง 3 กิโลกรัมเท่านั้น หลังจากนั้นใบชาทั้งหมดจะส่งเข้าการประมูล เพื่อนำไปผลิตเป็นชาเขียวชั้นเลิศ ซึ่งมีราคาสูงถึงขวดละ 300,000 เยน หรือประมาณ 100,000 บาท ด้วยความพิถีพิถันและความใส่หัวใจในการพัฒนา ทำให้ชาเขียวของคุณโอตะได้รับเลือกให้ถวายต่อสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ รวมถึงกลุ่มผู้นำประเทศในการประชุม G7 ที่ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว

คุณโอตะเล่าว่า “การทำชาที่ดีจะต้องมีดินที่อุดมสมบูรณ์  แหล่งน้ำในการทำเกษตรกรรมที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย และการดูแลต้นชาที่ดี ด้วยความที่ชิซึโอกะเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งเหล่านี้ครบ จึงทำให้ชาชิซึโอกะมีกลิ่นหอม รสชาติดี  และคุณภาพสูงกว่าที่อื่น”

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ชาจากไร่ Kaneda Otaen ในจังหวัดชิซึโอกะ มีราคาแพงกว่าใครเพื่อนนั้นเป็นเพราะคุณโอตะ ใส่ใจเลี้ยงดูต้นชาเหมือนลูก โดยคุณโอตะเผยว่า “เวลาอากาศหนาว  ต้นชาก็ต้องการพักผ่อนอยู่นิ่งๆ เหมือนคน ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกหนาว ต้องห่มผ้าให้ลูกอยู่เสมอ  ลุงก็ห่มผ้าให้ต้นชาเหมือนกัน”

ผ้าห่มในไร่ชาของคุณโอตะคือตาข่ายเนื้อหนา ซึ่งจะนำไปคลุมก่อนเก็บผลิต 1 สัปดาห์  ตาข่ายเนื้อหนานี้นอกจากจะปกป้องต้นชาจากความหนาวแล้วยังช่วยยับยั้งปฏิกิริยายามที่ใบชาต้องแสงแดดเพื่อให้ชาที่ได้จากการเก็บเกี่ยวคงรสชาติที่ดีที่สุดไว้

“วิธีการเก็บใบชาที่ดีคือเลือกยอดที่มี 2 ใบติดกันและมีความยาวของใบเท่ากับ 3 นิ้วเรียงกัน เด็ดด้วยมือ ดินที่นำมาใช้ปลูกชาจะต้องนุ่ม เพราะต้นชาก็อยากจะเติบโตบนพื้นดินนุ่มๆ ไม่ต่างจากคนเราที่ไม่อยากนอนบนที่แข็งๆ ลุงจะผสมดินเข้ากับหญ้าภูเขาให้ดินหยุ่น  ส่วนปุ๋ยก็ทำเองตามธรรมชาติ มีกิ้งกือ ดักแด้ชอนไช ทำให้ดินพรุนเต็มไปด้วยอากาศ  จนกลายเป็นเตียงนุ่มๆ สบายสำหรับต้นชา” คุณโอตะกล่าวเสริม

วันนี้ไร่ Kaneda Otaen  ได้รับรางวัลระดับประเทศนับร้อยรางวัล จนคุณโอตะไม่รู้จะอธิบายรางวัลไหนก่อน

“ที่จริงภรรยาของลุงเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัล โดยที่ตอนนั้นลุงไม่เคยคิดส่งชาเข้าประกวด  แต่เมื่อลองดูก็ ได้รับรางวัลมาเรื่อยๆ  ลุงเองจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง  แต่ที่จำได้ก็คือไม่กี่ปีก่อนมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาตามหาชาคุณภาพดีที่สุดเพื่อนำไปเสิร์ฟกลุ่มผู้นำประเทศ G7  ลุงอยากแสดงให้เห็นว่าใบชาคุณภาพดีก็สามารถทำเครื่องดื่มคุณภาพดีได้ไม่แพ้ไวน์ราคาแพง  เลยส่งให้รัฐบาลพิจารณาจนได้รับการคัดเลือกให้เสิร์ฟในการประชุมครั้งนั้น”

คัมภีร์ชาที่มีชีวิต ผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของชาจากเมืองชิซึโอกะ

คุณภาพของชาชิซึโอกะนั้นนอกจากจะเป็นผลลัพธ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และการดูแลเลี้ยงต้นชาอย่างดีแล้ว ยังต้องอาศัยฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในการชงชาควบคู่กันไปด้วย เหล่าบรรดามันสมองผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของชานั้นเรียกว่า ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชา หรือ “Tea Master” สำหรับในวงการชาญี่ปุ่นนั้น ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เซนเซ ซาโตรุ ฟูจิโมโต หนึ่งในทีมาสเตอร์ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือในการการเบลนด์ใบชา เจ้าของต้นตำรับสูตรชาเกือบ 1,000 สูตร

“ทุกวันจะมีชากว่า 50 ชนิด จำนวน 50,000 – 290,000 กิโลกรัม ขนส่งเข้ามา ผมนั้นมีหน้าที่คัดแยกใบชาทั้งหมดด้วยผ่านกรรมวิธีต่างๆ นับตั้งแต่การนำไปคั่วร้อน ไปจนถึงใส่น้ำร้อนแล้วชิมเพื่อแยกรสชาติ จึงจำเป็นต้องรู้ว่าใบชาแต่ละชนิดปลูกที่ไหน เพื่อให้ทราบรสชาติเบื้องต้นและสามารถกำหนดสูตรการเบลนด์ชาได้” เซนเซ ฟูจิโมโต เผยถึงกิจวัตรการทำงานในฐานะทีมาสเตอร์

 

แต่ละวันเซนเซ ซาโตรุ ฟูจิโมโต จะดื่มชากว่า 100 ถ้วย เพื่อจับสังเกตทุกรายละเอียด ตั้งแต่สีของน้ำชาเมื่อผ่านความร้อน ไปจนถึงกลิ่นหอมระหว่างความร้อนระดับต่างๆ จนสามารถสัมผัสรับรู้รส กลิ่น สี ของชา และแยกแยะรสสัมผัสของชาได้อย่างลงตัว โดยหลังจากประสบความสำเร็จในการคิดค้นสูตรชาให้ชาวญี่ปุ่นได้ลิ้มลองกันมาแล้วมากมายตลอดระยะเวลากว่าสามทศวรรษ ล่าสุด เซนเซ ฟูจิโมโต ได้หันมาฝากผลงานเป็นผู้พัฒนาสูตรชาเขียวพร้อมดื่มระดับพรีเมียม “ชาชิซึโอกะ” ให้คอชาเขียวในเมืองไทยได้บริโภคกันด้วย  ด้วยกระบวนการปลูกที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน การผลิตที่ได้มาตรฐาน ประกอบกับสูตรการเบลนด์ใบชาระดับฝีมือปรมาจารย์และการเลือกสรรเฉพาะใบชาต้นฤดูจากการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ของปี จึงก่อให้เกิดเป็นชาที่มีความหอมหวานกลมกล่อมตามธรรมชาติของใบชาชิซึโอกะ และรวมความสดและความเข้มข้นของคุณค่าชาไว้อย่างสมบูรณ์

ได้รู้เรื่องราวการเดินทางของชาญี่ปุ่นที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความละเอียดอ่อนแบบนี้แล้ว ต่อไปนี้เวลาหยิบชาเขียวดีๆ มาดื่มสักขวด ผู้บริโภคอย่างเราน่าจะรู้สึกอินและฟินขึ้นไม่มากก็น้อย