เคล็ดไม่ลับปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แบบง่ายๆ

Tips & Tricks สารพันเกร็ดน่ารู้

ในยุคโควิด-19 ได้จุดประกายให้หลายคนอยากลุกขึ้นมา “ปลูกผักสดๆ ไว้กินเองที่บ้าน” เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ยามเกิดวิกฤต

อวานี พัทยา รีสอร์ท จึงนำความรู้ความเชี่ยวชาญจากการทำฟาร์ม “ผักไฮโดรโปนิกส์” ร่วมกับเกษตรกรท้องถิ่น คุณหญิงฟาร์ม มาแบ่งปันเคล็ดวิธีการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์แบบดีไอวาย เข้าใจง่าย

ทั้งนี้ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่ง เป็นวิธีการปลูกแบบง่ายๆ เหมาะสำหรับมือใหม่โดยนำสิ่งของในบ้านมาปรับใช้ และสามารถสั่งซื้ออุปกรณ์อื่นๆ ได้จากร้านค้าออนไลน์ โดยอุปกรณ์ที่จำเป็นประกอบด้วย ถาด หรือภาชนะพลาสติก แก้วกาแฟกระดาษ หรือกล่องที่ปูด้วยกระดาษทิชชู่เปียก ถ้วยปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ (อุปกรณ์เสริม) แผ่นฟองน้ำหรือเส้นใยหินเจาะช่องสำหรับใส่เมล็ด และปุ๋ยเอบี (ไอเทมสำคัญ) สามารถหาซื้อสำเร็จได้ทางออนไลน์

วิธีการปลูก เริ่มจากนำแผ่นฟองน้ำวางบนถาดและชุบน้ำให้ชุ่ม ใส่เมล็ดพันธุ์ลงในช่องฟองน้ำ จากนั้นย้ายแผ่นฟองน้ำที่เพาะเมล็ดแล้วไปใส่ในภาชนะโปร่งใสและปิดครอบภาชนะก่อนนำไปวางไว้ในบริเวณที่มีแดดส่อง ขั้นตอนนี้จะช่วยกักเก็บความชื้นภายในคล้ายการจำลองสภาวะเรือนกระจกหลังจากที่ต้นกล้าเริ่มเจริญเติบโตได้ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงย้ายต้นกล้าไปยังภาชนะที่ใส่ปุ๋ยเอบี

หากใช้กระถางสำหรับปลูกพืช (net cup) ไม่ต้องบรรจุเต็มภาชนะ หากใช้แก้วกาแฟ 2 แก้วซ้อนกัน ให้เจาะรูรอบอุปกรณ์ที่ใช้เป็นภาชนะ จากนั้นตัดแผ่นฟองน้ำบริเวณรอบต้นกล้าเพื่อนำต้นกล้าย้ายไปยังภาชนะที่บรรจุปุ๋ย โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าผักที่ปลูกอยู่ในบริเวณที่มีแสงเข้าถึงเพียงพอ และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาจใช้ไฟ LED ที่ช่วยในการเติบโต ระหว่างนี้หมั่นตรวจสอบรากของผักแต่ละต้นเพื่อให้แน่ใจว่ารากต้นมีความสะอาดและไม่มีตะไคร่เกาะ

พืชที่ปลูกจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 5-6 สัปดาห์ ในการเติบโตอย่างเต็มที่ และเมื่อพร้อมสำหรับเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ละต้นสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของทีมงานอวานี พัทยา พบว่าผักที่เติบโตได้ดีด้วยการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ได้แก่ ผักคะน้า สวิสชาร์ต ร็อกเก็ต และไมโครกรีน ส่วนผักสลัดประเภทต่างๆ เช่น เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค และคอส เป็นต้น

เคล็ดลับในการปลูก

– เลือกชนิดผักที่เหมาะกับบริเวณพื้นที่ที่มี

– หากยังไม่พร้อมสำหรับผักที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ให้เริ่มจากการปลูกผักหรือพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่ปลูกและโตได้ง่าย เช่น ต้นโหระพา ขึ้นฉ่าย กระเทียม ผักชี ผักชีลาว สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง เสจ โรสแมรี่ และไธม์

– สำหรับการปลูกครั้งแรก ควรหมั่นสังเกตให้มาก สิ่งที่ต้องระมัดระวังได้แก่ ระยะเวลาในการงอก และลักษณะของต้นกล้าที่งอก

– ผักต้องการแสงเป็นเวลาอย่างน้อยหกชั่วโมงต่อวันในการเจริญเติบโตแต่ยังคงต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง

– ระหว่างการเพาะเมล็ดต้นอ่อน ควรหมั่นดูแลฉีดพรมน้ำให้ฟองน้ำชุ่มอยู่เสมอ

– จดบันทึกขั้นตอนการเจริญเติบโตในแต่ละสัปดาห์ เพื่อใช้อ้างอิงสำหรับการปลูกครั้งถัดไป

– ไม่ควรทิ้งผักนานเกินกว่า 42 วัน จึงเก็บรับประทาน เพราะจะทำให้ผักเริ่มมีรสขม

ข้อดีของการปลูกผักด้วยตัวเอง คือ การได้รู้ความเป็นมาของผักที่ปลูกตั้งแต่เริ่มแรก จึงมั่นใจในความปลอดภัย ความสดใหม่ ลดการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และประหยัดเงินในกระเป๋า

ที่มา : มติชน