ชวนกิน “ซาลาเปา”ยามโควิด-19

Culture ศิลปวัฒนธรรม

ซาลาเปาอันละห้าสิบตังค์  เติมพลังให้เราซะทีเถอะน่า

มาเร็วไวให้รีบอย่ามัวช้า     มาเถิดเรามา..มากินซาลาเปากัน

เป็นเพลงที่ร้องกันเล่นๆ สมัยเป็นเด็กชั้นประถม ซึ่งตอนนั้น “ซาลาเปา” เป็นของชอบกินของเด็กๆ มากที่สุดชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นไส้คาว หรือไส้หวาน หรือไส้ครีม

ประวัติความเป็นมาของซาลาเปา อย่างที่รู้กันว่าเป็นอาหารเช้าของชาวจีน ทำมาจากแป้งสาลีและยีสต์ ผ่านขบวนการนึ่งร้อนๆ ออกมาเป็นแป้งนุ่มนิ่มกินได้กินดี  การเกิดขึ้นของซาลาเปาเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ.960-1279) ต้นกำเนิดของซาลาเปามาจากก้อนแป้งนึ่งที่เรียกว่า “หม่านโถว”  นานเข้าก็แผลงเป็น “หมั่นโถว” และมีการทำสืบทอดกันมาจนแพร่หลาย โดยเฉพาะทางภาคเหนือของจีน ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงแป้งนึ่งแบบไม่มีไส้ ต่อมาได้กลายมาเป็นอาหารที่ชาวจีนทางภาคเหนือนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง  โดยการเพิ่มไส้เข้าไปด้วยเป็นเนื้อหรือผัก

ต่อมาได้แพร่จากจีนไปสู่ตุรกี เปอร์เซีย เอเชียกลาง เกาหลี และญี่ปุ่น หมั่นโถวมีรูปร่างลักษณะและรสชาติคล้ายซาลาเปา  ต่างกันที่ซาลาเปาเป็นแป้งสาลีนึ่งทรงกลม ๆ ทำไส้สอดไว้ข้างใน ส่วนหมั่นโถวอาจทำแบบมีไส้หรือไม่มีไส้ก็ได้  ซาลาเปามักจับเป็นรูปจีบด้านบน ส่วนหมั่นโถวทำผิวด้านบนให้เรียบและเนียนคล้ายกับผิวหน้าของคน  โดยเหตุที่ซาลาเปาต้องมีไส้เสมอ ในสมัยหลัง ๆ หมั่นโถวจึงมักทำเป็นแบบไม่มีไส้เพื่อให้ต่างออกไป  หมั่นโถวที่ทำขายในประเทศไทยก็ล้วนแต่เป็นแบบไม่มีไส้  คนฟิลิปปินส์ก็นิยมรับประทานซาลาเปาเช่นเดียวกัน โดยเรียกว่า “ซัวเปา”

ชาวจีนทางภาคเหนือนิยมเรียกแป้งมีไส้แบบนี้ว่า “เปาจึ” หรือ “ซาลาเปา”  ส่วนที่นิยมนำมารับประทานได้แก่ “ซาลาเปาไส้หมู” และ “ซาลาเปาไส้ครีม” ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในชุดอาหารติ่มซำในวัฒนธรรมจีน  ซาลาเปาสามารถนำมารับประทานได้ในทุกมื้ออาหาร แต่นิยมมากในมื้ออาหารเช้า  ส่วน “จุดสีแดง” ที่อยู่บนแป้งซาลาเปานั้น เพราะคนจีนเชื่อว่าสีขาวล้วนซึ่งเป็นสีของแป้งซาลาเปาไม่เป็นมงคล เพราะสีขาวล้วนเป็นสีของการไว้ทุกข์ ดังนั้น จึงมีการแต้มจุดสีแดงซึ่งเป็นสีของความมงคลตามความเชื่อของคนจีนลงไปบนลูกซาลาเปา  ปัจจุบันจะเห็นว่ามีการนำซาลาเปามาดัดแปลงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไส้ใหม่ๆ รวมถึงรูปลักษณ์ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ดังนั้น เรื่องของซาลาเปา นอกจากเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่างแสนอร่อยแล้ว ยังเป็นของมงคลที่สามารถเสริมเพิ่มเติมรายได้สร้างอาชีพให้กับคนทั่วไปได้เช่นกัน

อีกประเด็นหนึ่งเรามักได้ยินคำว่า “เสี่ยวหลงเปา” ซึ่งก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งตามร้านอาหารจีนเช่นเดียวกัน คราวนี้มาดูว่า “ซาลาเปา” และ “เสี่ยวหลงเปา” ต่างกันอย่างไร เพราะจะว่าไปอาหารทั้งสองอย่างนี้ก็จัดอยู่ในประเภทใกล้เคียงกัน มีหน้าตาที่คล้ายๆ กัน แต่มีรายละเอียดต่างกันอยู่ โดย “เสี่ยวหลงเปา” ก็คือติ่มซำ เป็นอาหารเซี่ยงไฮ้ที่ฮิตมากในทางตอนใต้ของจีน ต่างกับซาลาเปาที่นิยมกินอยู่ทางตอนเหนือของจีน  เสี่ยวหลงเปาจะมีขนาดเล็กเสิร์ฟในเข่ง ข้างในของเสี่ยวหลงเปาจะมีน้ำซุปอยู่  แต่เดิมเสี่ยวหลงเปาจะเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ มีน้ำซุปอยู่ข้างใน เสี่ยวหลงเปาทำจากแป้งขนมปัง ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ไม่ใส่ผงฟูหรือยีสต์ จับจีบให้ได้ 18 จีบ  ส่วนซาลาเปาจะลูกใหญ่กว่า ทำมาจากแป้งสาลีหมักยีสต์หรือผงฟู ปั้นเป็นลูกกลมแบน ข้างในจะใส่ไส้ หมูสับ หมูแดงครีม เป็นต้น

ทีนี้มาเข้าประเด็นกันว่าถ้ายามวิกฤตโควิด-19 เช่นที่เป็นอยู่นี้ นอกจากการสั่งอาหารที่เป็นข้าวกล่องหรือเดลิเวอรี่มารับประทานแล้ว ยังมีซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา พวกนี้ด้วย เมื่อต้องรับประทานจะมีคุณค่าทางโภชนาการ หรือเกิดประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่ อย่างไร?  เริ่มตั้งแต่วิธีการทำเริ่มต้นในการทำซาลาเปาและเสี่ยวหลงเปา จะเป็นการปรุงให้สุกด้วย “วิธีนึ่ง” ซึ่งวิธีนึ่งนั้นเป็นการใช้ไอน้ำทำให้อาหารสุก ทั้งนี้ อาหารจะไม่มีการสัมผัสโดยตรงกับน้ำที่ต้ม ซึ่งจะส่งผลให้คุณค่าของสารอาหารยังคงอยู่กับอาหารอย่างครบถ้วน  และที่สำคัญในการนึ่งนั้นแทบจะไม่ต้องเติมน้ำมันลงไปในการนึ่งเลย จึงเป็นวิธีการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก  แต่เคล็ดลับที่สำคัญสำหรับการนึ่งอาหารให้รสชาติดีนั้น วัตถุดิบที่ใช้จะต้องสดมากๆ การนึ่งอาหารจะต้องใส่น้ำต้มให้เดือด และนำอาหารที่ต้องการนึ่งวางบนจานทนความร้อนและใส่เข้าไปในซึ้งจากนั้นปิดฝาให้สนิท

เมื่อนึ่งสุกแล้ว ซาลาเปาแต่ละชนิดก็มีคุณค่าแตกต่างกัน อาทิ ซาลาเปาไส้หมูสับและไส้หมูแดง เป็นไส้ที่มีส่วนผสมของหอม กระเทียม และพริกไทยดำ ถือเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนเแต่ก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น กระเทียมช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งถ้าใครที่รับประทานกระเทียมบ่อยๆ จะช่วยไม่ให้เส้นเลือดอุดตันได้ ส่วนซาลาเปาไส้ครีม เป็นไส้ที่มีส่วนผสมหลากหลาย แต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งนมข้น นมจืด นมผง เนยเค็ม เนยจืด และไข่ไก่สด ฯลฯ ซึ่งมีสารอาหารบำรุงร่างกายได้แก่ วิตามิน A วิตามิน D วิตามิน B1 วิตามิน B2 วิตามิน B6 วิตามิน B12 แร่ธาตุแคลเซียม แร่ธาตุฟอสฟอรัส แร่ธาตุโพแทสเซียม แร่ธาตุเหล็ก แร่ธาตุไอโอดีน แร่ธาตุโซเดียม แร่ธาตุแมกนีเซียม แร่ธาตุกำมะถัน เป็นต้น  

ซาลาเปาไส้สังขยาใบเตย  คุณค่าก็มีตั้งแต่ใบเตยสด มีน้ำมันหอมระเหย รสหวาน กลิ่นหอม และมีสีเขียวซึ่งเป็นสารคลอโรฟีลล์ ช่วยลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ และช่วยทำให้สดชื่น อีกทั้งมีเกลือแร่ แคลเซียม และฟอสฟอรัส  ซาลาเปาไส้ถั่วดำ ก็มีแร่ธาตุอาหารสำคัญในทางบำรุงเลือด ขับสารพิษ ขับปัสสาวะ ทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก และนอกจากนี้คุณสมบัติที่โดดเด่นของถั่วดำ คือ ช่วยบำรุงผมให้ดกดำ แข็งแรง และไม่หลุดร่วงง่าย  ซาลาเปาไส้เผือก เป็นซาลาเปาที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ เผือกเป็นผักที่จัดอยู่ในอาหารหมู่ที่ 1 นั่นคือแป้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าในเผือกมีแต่คาร์โบไฮเดรตอย่างเดียว ยังมีวิตามินต่างๆ มากมาย และยังมีโปรตีน แร่ธาตุ รวมไปถึงธาตุฟลูออไรด์ ที่ช่วยเพิ่มพละกำลัง บำรุงสุขภาพ นอกจากนี้เผือกยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างคือ ช่วยป้องกันฟันผุได้

ยังมีซาลาเปาไส้ผักรวม ซึ่งแต่ละเจ้าที่ขายอาจจะใช้ผักแตกต่างกัน อย่่างไรก็ตามถือว่าผักนั้นมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นประกอบด้วย ถั่วพู ที่มีสารอาหารที่ให้พลังงานสูงรวมถึงพวกวิตามินเอ  ซี และ อี แครอท เป็นผักที่มีวิตามินเอ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดความดันเลือด และยังทำให้อายุยืน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการตาพร่า ตาฟาง ให้กลับสว่างสดใสด้วย  เห็ด มีค่ากรดอะมิโนที่สามารถลดอัตราการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทั้งยังช่วยล้างพิษที่สะสมในตับที่เกิดจากอาหารและสารพิษจากสุรา สารตกค้างในเนื้อสัตว์ สารเคมีจากเครื่องสำอาง และพิษจากสารอนุมูลอิสระ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การจะหาของรับประทานในยามที่ต้องกักตัวในบ้าน ไม่สามารถออกเดินทางไปหาซื้อข้าวของได้เช่นในเวลานี้ ซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา รวมถึงหมั่นโถว นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของชีวิตที่ทำให้ไม่เบื่อ ที่สำคัญต้องเลือกเจ้าที่สะอาดและแพ็กเกจจิ้งที่ดีด้วย