คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม : ส้มตำปองเต นครพนม อีสานปนลาวแซ่บนัวสองฝั่งโขง

Lifestyle ไลฟ์สไตล์

ช่วงงานประเพณีทอดกฐินตลอด 1 เดือนหลังออกพรรษา เชื่อว่าแฟนๆ หลายคนกำลังตระเวนไปทำบุญถึงแดนดินถิ่นอีสาน จึงถือโอกาสแนะนำสุดยอดร้านส้มตำอีสานปนลาวในจังหวัดนครพนม เจ้าของฝ่ายหญิงเป็นสาวสวยจากฝั่งลาวมาแต่งงานกับหนุ่มไทย เปิดร้านส้มตำขายดิบขายดีจนมีสาขาทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ร้านนี้มีชื่อว่า ส้มตำปองเต เปิดมาได้ 7 ปีแล้ว

คำว่าปองเต นั้นมีที่มาจากชื่อลูกชายลูกสาว ปองๆ และปาเต (ชื่อนี้หมายถึงตับบด ในภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง) สาขาที่เรามาชิมคือร้านแรกในตึกแถวหลายคูหาริม ถนนทัศนปทุม ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ห่างจากริมโขงเพียง 500 เมตร เจ้าของร้านคือคุณสุดพงษ์และคุณบุญแพง แม่ค้าคนสวย

นอกจากนี้ ยังมีร้านอีกแห่งของพี่สาวคุณแพงในตัวเมืองนครพนม ตรงข้ามโรงแรมบลู และของน้องสาวอยู่ฝั่งลาวตรงกันข้าม อีกทั้งของพี่สาวคนรองที่เวียงจันทน์อีกด้วย

หน้าร้านจะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับวางของกินของขายมากมายจนเต็มไปหมด ด้านข้างมีกระดานเมนูขนาดใหญ่ จะยืนสั่งจากข้างหน้าหรือด้านในร้านก็ได้

ดูแค่ส้มตำก็มีให้เลือกมากถึงกว่า 30 เมนู ทีเด็ดอยู่ที่ปลาร้าหมักเอง เป็นปลาร้าปลารวม เคี่ยวด้วยเตาถ่านฝีมือคุณแม่ ส่งมาให้จากฝั่งลาว ถ้าใครติดใจก็มีขายเป็นขวดๆ ด้วย

ตำยอดนิยมคือ ตำปูปลาร้า (40 บาท) โรยด้วยกุ้งฝอยจากแม่น้ำโขงคั่ว ตำไทยไข่เค็ม (60 บาท) ก็รสแซ่บแบบอีสานสุดยอด ไฮไลต์อีกอย่างคือ ตำเส้นข้าวเปียก (50 บาท) ใส่เส้นเล็กที่กินกับต้มเส้นหรือกวยจั๊บญวน และใส่ผักบุ้ง กะหล่ำปลี มะเขือเทศ คลุกเคล้าน้ำปลาร้า โรยถั่วลิสง ใส่หมูยอ หมึก และกุ้งทะเล อร่อยไม่เหมือนใคร และก็มี ตำหลวงพระบาง (50 บาท) ใส่เส้นกวยจั๊บ ผักบุ้งและกะหล่ำ คุณแพงบอกว่าตำที่กำลังมาแรงขายดีคือ ตำหอยแครง (100 บาท) และ ตำกุ้งสด (80 บาท)

วันนั้นเรายังสั่ง ตำถั่ว (40 บาท) โรยด้วยกุ้งฝอยคั่ว และ ตำกล้วย (50 บาท) ใส่กล้วยตานี มะเฟือง มะเขือ ปูเค็ม และปลาร้า เพิ่งเคยลิ้มลองเป็นครั้งแรก ถ้าเป็นหน้ากระท้อน ตำกระท้อน (50 บาท) จะขายดีมาก

ที่นี่มีเมนูอีสานพื้นบ้านยอดฮิต ไข่ทรงเครื่อง (ไม้ละ 3 ฟอง 20 บาท) ด้วย กรรมวิธีคือนำไข่ไก่สดมาเจาะรู เทไข่ขาวไข่แดงออกมาตี ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล พริกไทย แล้วกรอกใส่เปลือกไข่ใหม่ นำไปนึ่ง และนำมาเสียบไม้ปิ้งต่อ

ส่วนเมนูเผาปิ้งย่าง ห้ามพลาด ปลาเผา (ชุดละ 200 บาท) เป็นอันขาด มีวันละ 10 ตัวเท่านั้น ใช้ปลานิลแม่น้ำโขง เนื้อแน่นสดไม่มีกลิ่นโคลนแม้แต่น้อย แกล้มด้วยผักดอง ตะไคร้กับหอมแดงซอย เส้นขนมจีน และผักสด ราดด้วยน้ำจิ้มหวานใส่ถั่วลิสงกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเผ็ดๆ ขอยกมือเชียร์ให้สั่งเมนูปลาเผานี้ให้จงได้

ตำปูปลาร้า
ตำเส้นข้าวเปียก
ตำหลวงพระบาง

อีกอย่างที่ต้องสั่งคือ คอหมูย่าง (70 บาท) นุ่มหอมอร่อยมาก และก็มี หมูกรอบ (80 บาท) ไก่ย่างทั้งไก่บ้านและไก่เนื้อ (70-140 บาท) ไส้อ่อนย่าง (70 บาท) หม่ำทำจากเครื่องใน (100 บาท) และ กุนเชียง (10 บาท) ซึ่งผมโดนแย่งกินจนหมด

เรายังสั่ง หมูยอทอด (แผ่นละ 20 บาท) และ ปลาส้มทอด ทั้งตัวเปรี้ยวหอม ซึ่งเมนูของทอดอื่นๆ มีอีกหลายอย่าง เช่น แหนมซี่โครงทอด ปีกไก่ทอด ไส้กรอกอีสานทอด หมูแดดเดียวทอด นอกจากนี้ ยังมีของกินจานเล็กๆ อย่างเช่น ผัดหมี่ลาว (10 บาท) ใส่น้ำตาลทรายคั่วจนสีเข้มแกล้มไข่เจียวซอยเป็นเส้นๆ และมีหมกปลากับ หมกเครื่องในไก่ (20 บาท) ใส่วุ้นเส้นอีกด้วย ของพวกนี้หากินยากในเมืองกรุง สามารถไปยืนชี้ที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลย

คุณบุญแพง

คุณแพงบอกว่า ยังมี หมกพื้นท้องปลา (100 บาท) อีกอย่าง ซึ่งพอสั่งจะทำจากในครัวร้อนๆ เลย ส่วนของน้ำๆ ซดๆ ให้ลอง ต้มแซ่บตีนไก่ (100 บาท) หรือจะสั่งเป็นต้มแซ่บซี่โครงหมูก็ได้ และมี แกงหน่อใส่ข้าวเบือข้นๆ (30 บาท) เมนูต้มแกงอื่นๆ ที่คนชอบสั่งมีแกงเห็ดสามอย่าง อ่อมเนื้อหรือหมูหรือไก่

ผมยกให้ร้านส้มตำปองเตเป็นสุดยอดแห่งร้านส้มตำกับอาหารอีสานแห่งเมืองนครพนม ไม่ไปลองชิมไม่ได้แล้ว อิ่มบุญแล้วต้องมาอิ่มอร่อยที่นี่กันด้วย ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่าย 4 โมงเย็น หยุดทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน แต่ถ้าตรงกับเสาร์-อาทิตย์ จะเลื่อนไปหยุดวันธรรมดาแทน โทรสอบถามได้ที่ 09-3362-9142 นะจ๊ะ

 

ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์)
คอหมูย่าง
ไก่บ้านย่าง
ไก่เนื้อย่าง
ปลาส้มทอด
ปลานิลแม่น้ำโขงเผา
หมูกรอบ
ผัดหมี่ลาว
หม่ำ