ถุงน่องขาเรียว มหันตภัยเงียบทำมีลูกยาก แพทย์เตือนเสี่ยงปัญหา 13 โรค

Uncategorized

หลังมีการแชร์ภาพ “ถุงน่องขาเรียว” หรือกางเกงพรางหุ่น กันในโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจจากสาวๆ กันอย่างล้นหลาม เพราะใส่แล้วทำให้ขนาดวงขาดูเรียวและเล็กกะทัดรัด ดูสวยงาม เพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเองเวลาออกไปนอกสถานที่หรือทำงาน

อย่างไรก็ตาม ถุงน่องขาเรียว อาจเป็นมหันตภัยเงียบที่เปรียบเสมือนดาบสองคม ทำร้ายร่างกายเราเช่นกัน โดยเรื่องราวดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากแฟนเพจเฟซบุ๊ก คุยกับหมอจิ๋ม ซึ่งได้นำประเด็นดังกล่าวมานำเสนอ พร้อมระบุข้อความว่า

“กางเกงพรางหุ่น ระวังโรคถามหา กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ติดเชื้อรา ผื่น ฝี มีลูกยาก มาครบ หรือที่เรียกกันว่า สแปงกี้ส์ กางเกงกระชับหุ่นไม่โบราณแบบสเตย์ แต่สร้างปัญหาสุขภาพได้ไม่น้อย ตั้งแต่ติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะไปจนถึงเชื้อราในช่องคลอดเพราะความที่มันรัดเกินไป นอกจากนี้ ยังไปกดทับเส้นประสาทที่ขาหนีบ ทำให้ปวดขา ไม่มีแรง ยิ่งเป็นชุดที่ใส่ตั้งแต่ช่วงอกลงมา อาจกดทับทำให้หายใจติดขัด”

คุณหมอ เผยต่อว่า “เสื้อผ้าหรือกระทั่งชั้นในที่รัดไปทุกส่วนนั้น นอกจากส่งผลกับสุขภาพกายแล้วยังมีผลต่อจิตใจด้วย ซึ่งต้องขอบอกว่าเหมือนมัจจุราชเงียบทีเดียว มันมักทำให้เกิดอาการหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว ไปจนถึงอาจป่วยง่ายดายโดยไม่รู้สาเหตุ โดยผลของมันจะแจงได้ ดังนี้”

1. ปวดศีรษะ
2. ตกขาว เชื้อราในร่มผ้า
3. ปวดท้องน้อย
4. เหนื่อยง่าย
5. นอนไม่หลับ
6. ปวดมวนแสบท้อง กรดไหลย้อน
7. ลำไส้แปรปรวน
8. ผื่นผิวหนัง แผลกดรัด
9. เส้นเลือดขอด
10. อารมณ์แปรปรวน
11. เกิดอาการเหน็บชา แขนขาบวม หรือขาดเลือด
12. ทำให้ขาและเท้าทั้งสองข้างบวมได้หากใส่นานเกินไป
13. เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

มีรายงานทางการแพทย์ เป็นเคสผู้หญิงสวมกางเกงสกินนี่นาน 4 ชั่วโมง รู้สึกชาที่ขาแต่ก็อดทน จนล้มลงเพราะเดินไม่ได้ ต้องนอนโรงพยาบาลเพราะน่องสองข้างบวมเป่ง มีเลือดคั่งจากการกดการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดคั่งที่น่อง เมื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทัน อาการก็ดีขึ้น

กรณีอื่นๆ ที่ต้องระวังคือ ในเด็กที่พูดหรือสื่อสารไม่ได้ มีรายงานว่าการสวมเสื้อผ้าคับๆ กางเกงคับๆ หรือใช้ผ้าพันให้ความอบอุ่นแน่นเกินไป แขนขาอาจขาดเลือดถึงกับต้องตัดทิ้งทีเดียว

เรียกว่าผู้ที่คิดจะสวม อาจต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจใช้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ที่ใช้ หรือสวมกางเกงที่แน่นเกินไป อ่านต่อได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก คุยกับหมอจิ๋ม

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์