‘เปรมชัย’ ยันไม่ได้ฆ่าเสือดำ-นั่งประธานต่อ โวปีนี้อิตาเลียนไทยลุยงาน 5 แสนล้านบาท

Uncategorized

วันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ไอทีดี ได้ตอบคำถามผู้ถือหุ้น ระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ถึงข้อสังเกตเรื่องคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน หลังจากถูกจับกุมคดีล่าเสือดำในทุ่งใหญ่นเรศวรว่า ว่ายืนยันไม่ได้กระทำความผิดในกรณีดังกล่าว และขณะนี้ยังยืนยันที่จะทำหน้าที่บริหารงานในบริษัทต่อไป

ทั้งนี้นายเปรมชัย ได้ตอบคำถามผู้ถือหุ้นด้วยว่าตนจะยังเป็นประธานบริหารต่อไป พร้อมยืนยันว่าในวันเกิดเหตุดังกล่าวตนไปถึงเย็นวันเสาร์และได้ไปนอนพัก ก่อนจะตื่นเช้าและได้เดินทางเข้าไปทุ่งใหญ่ฯ และถูกจับในเย็นวันเดียวกัน พร้อมโดนกักขัง 2 วันสองคืน ไม่สามารถติดต่อใครได้ เพราะถูกยึดโทรศัพท์ หลังจากออกมาก็เจอกับนักข่าวเป็นร้อย ส่วนภาพที่ปรากฎในสื่อ ก็คิดว่าทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นคนส่ง

พร้อมกันนี้นายเปรมชัย ยังกล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวที่ระบุว่า ไอทีดี ได้ถูกขึ้นบัญชีดำ หรือ แบล็คลิสต์ จากภาครัฐในการเข้าประมูลหรือรับงานโครงการใด ๆ หลังจากเกิดกรณีดังกล่าวนั้น โดยตนได้โทรศัพท์สอบถามทุกกรมทุกกระทรวงก็มีแต่คนเห็นใจรวมถึงลูกค้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็ไม่พบว่ามีใครหรือหน่วยงานใดขึ้นแบล็คลิสต์ ทั้งยังขอให้ตั้งใจทำงานด้วยส่วนงานที่อยู่ระหว่างเจรจาและรอเซ็นสัญญาก็ยังเป็นไปตามปกติ ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด รวมถึงการเจรจากับธนาคารพาณิชย์ ข้าราชการ ก็ยังมีการติดต่อกันตามปกติเช่นกัน

ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น นายเปรมชัย ยังได้กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ ไอทีดี ด้วยว่าในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้ 1 แสนล้านบาท จากมูลค่างานในมือในขณะที่มีอยู่ประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยเป็นงานที่เซ็นสัญญาแล้วรวม 3.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 2 แสนล้านบาท และต่างประเทศ 1.2 แสนล้านบาท ส่วนอีก 1.8 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานในประเทศ มีระยะเวลารับรู้รายได้ภายใน 3 ปีจากนี้ ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะอยู่ที่ราว 10% ใกล้เคียงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 11.9%

นายเปรมชัย ยังได้กล่าวว่าบริษัทคาดว่าในปีนี้จะได้งานใหม่เข้ามาไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีงานใหม่ 8.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาครัฐจะมีการทยอยเปิดประมูลงานใหม่จำนวนมาก หลังจากล่าช้ากว่าแผนเดิมในปีก่อน ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวมกว่า 4 แสนล้านบาทโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการขยายท่าเรือมาบตาพุด และโครงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น

 


ที่มา ข่าวสดออนไลน์