วันที่ 24 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีคนงานจากโรงซอสพริกและเกษตรกรผู้ปลูกพริกกว่า 200 คน เดินทางไปยังหน้าศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมชูป้ายกระดาษประท้วงและร้องขอความเป็นธรรมจากนายธนาคม จงจิระ ผู้ว่าราชการจังหวัด หลังถูกลอยแพ เนื่องจากอุตสาหกรรมจังหวัด สั่งปิดโรงงานผลิตซอสพริกส่งขายต่างประเทศที่พวกตนทำงานอยู่ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายประทีป ศิลปะเทศ มารับเรื่องพร้อมทั้งเชิญตัวแทนของคนงาน เกษตรกรผู้ปลูกพริก ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งเชิญเจ้าของโรงงานเข้าร่วมประชุมหารือแต่สรุปผลการประชุมหารือกว่า 2 ชั่วโมง กลับหาทางออกไม่ได้
โดยทางอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ยืนยันจะปิดโรงงานซอสพริกอย่างเดียว ทั้งที่โรงงานแห่งนี้เปิดมานานกว่า 13 ปีแล้ว แต่มาในปีนี้กลับมาโดนสั่งปิด ซึ่งโรงงานแห่งนี้รับซื้อพริกจากเกษตรกรในหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคกลางปีละกว่า 10 ล้านกิโลกรัม สร้างงานให้ประชาชนในพื้นที่โดยจ้างเป็นคนงานกว่า 300 คน โดยอุตสาหกรรมจังหวัด อ้างว่า โรงงานทำผิดกฎหมายโดยเพิ่มกำลังผลิตและขนาดของเครื่องจักรโดยไม่ขออนุญาตจึงต้องสั่งปิด
ด้านนางวิชาดา เดอะสมิท ภรรยาเจ้าของโรงงาน ชี้แจงว่า โรงงานดำเนินการขอเพิ่มกำลังผลิตมาตั้งแต่ปี 2556 แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรม จังหวัดนครสวรรค์ ไม่เคยทำเรื่องหรือดำเนินการใดๆเลยตลอด 5-6 ปีมานี้และไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจโรงงานเลยทั้งที่ร้องขอมาตลอด แต่พอมาปีนี้ทางโรงงานไปขอต่อใบอนุญาตก็พยายามบ่ายเบี่ยงโดยการอ้างว่าเอกสารไม่ครบบ้าง อ้างมีขยะเป็นพิษบ้างมาตลอดจนใบอนุญาตโรงงานหมดอายุ จนเป็นเหตุทำให้โรงงานถูกสั่งปิดเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา และจากการที่เข้าร่วมปะหารือกันทุกฝ่ายในวันนี้กลับไม่ได้รับคำตอบที่พอใจ ทำให้คนงานและเกษตรกรผู้ปลูกพริกต่างเดินออกจากห้องประชุมแล้วรวมตัวกันเดินเท้าไปยังสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมทั้งขนถุงพริกแดงนับร้อยกระสอบมาเทราดทั่วถนนหน้าสำนักงานอุตสาหกรรมจนแดงเถือกไปทั้งหน้าสำนักงาน ก่อนเดินทางกลับโดยรถโดยสารทันที พร้อมทั้งทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าพวกตนตกงานจะเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบต่อไป
ในส่วน นายเออร์วิน เดอะสมิท เจ้าของโรงงาน โทรมาจากต่างประเทศแจ้งมาถึงภรรยาคนไทยว่าว่า ถ้าข้าราชการไทยยังทำงานเช่นนี้ทางเขาและพวกนักธุรกิจจะพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังจีนหรือเวียดนามแทนประเทศไทย
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
