Tour Update : ทัวร์สนุกไปกับเรา

ทัวร์ ‘ลังกาสุกะ’ ถึง ‘ปาตานี’ ประวัติศาสตร์ในมุมที่ไม่เคยเล่า จ.ปัตตานี-นราธิวาส-ยะลา

ทัวร์นี้สิ้นสุดแล้ว
วันที่ไปทัวร์ 24 มี.ค. 2566 - 27 มี.ค. 2566
จำนวนวัน 4
ติดต่อได้ที่

Tel : 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124

Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105

เส้นทางท่องเที่ยว ปัตตานี นราธิวาส ยะลา
วิทยากร
ผศ.ดร.นนทพร อยู่มั่งมี

23,000 บาท / คน

สอบถาม

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 (1)

07.30 น.

คณะเดินทางพร้อมกันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสาร 2 (Terminal 2) ชั้น 3 ประตูทางเข้าหมายเลข 14-15 สายการบินนกแอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวกเช็คสัมภาระแก่ท่าน

09.40 น.

ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 502

11.05 น.

ถึง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ นำสัมภาระของท่านขึ้นรถโค้ชปรับอากาศ จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ จ.ปัตตานี

12.00 น.

รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านเนินขุมทองการ์เด้น

13.00 น.

เดินทางไปยัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

15.00 น.

ถึง เมืองโบราณยะรัง เป็นชุมชนโบราณเชื่อว่าเป็นที่ตั้งของรัฐโบราณที่มีชื่อว่า “ลังกาสุกะ” หรือลังหยาสิ่ว ตามที่มีหลักฐานปรากฎในเอกสารของจีน ชวา มลายูและอาหรับ สันนิษฐานว่าที่นี่อาจเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 จากนั้นพัฒนามาเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธมหายานในสมัยพุทธศตวรรษที่ 14-16 และกลับมาเจริญอีกครั้งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 ชมกลุ่มโบราณสถานบ้านจาเละ โบราณสถานที่สร้างขึ้นเนื่องในพุทธศาสนามหายานที่นิยมสร้างสถูปเพื่อเป็นศาสนสถานและพุทธบูชา สันนิษฐานสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 จนช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-16 ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้อีกครั้ง ถือเป็นสถูปเนื่องในพุทธศาสนามหายานที่เก่าที่สุดในประเทศไทย และเป็นแหล่งที่กำหนดขอบเขตพุทธสถานด้วยคูน้ำหรืออุทกสีมาเก่าแก่ที่สุดที่พบในประเทศไทยอีกด้วย

16.00 น.

เดินทางไปยัง อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี

16.30 น.

ถึง ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หรือศาลเจ้าเล่งจูเกียง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของปัตตานีมาตั้งแต่โบราณ โดยมีหลักฐานที่จารึกอยู่ภายในในศาลกล่าวว่า ศาลแห่งนี้ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2117 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา พร้อมฟังตำนานของ เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวจีนกับผู้คนในภูมิภาคนี้

17.10 น.

เดินทางไปยัง มัสยิดกรือเซะ

17.30 น.

ถึง มัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่าเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีจุดเด่นคือการเป็นมัสยิดยังสร้างไม่เสร็จ ทั้งยังมีตำนานการสร้างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวอีกด้วย จากนั้นพาท่านเดินไปชมสุสานของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวที่ตั้งอยู๋ใกล้เคียงกัน

18.45 น.

รับประทานอาหารเย็น ที่ร้านบ้านเล Seafood & Café

20.00 น.

เข้าพักที่ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี*** หรือเทียบเท่า จากนั้นให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 (2)

06.30 น.

รับประทานอาหารเช้า

07.30 น.

เดินทางไปยัง มัสยิดรายอปัตตานี

07.45 น.

ถึง มัสยิดรายอปัตตานี เดิมเป็นมัสยิดแห่งรัฐปัตตานี เริ่มก่อสร้างในรัชสมัยของสุลต่านมูฮัมหมัด หรือตนกูบือซาร์ เพื่อเป็นมัสยิดประจำพระราชวัง เดิมเป็นอาคารไม้ สร้างในเขตรั้ววัง ต่อมาได้ย้ายมาสร้างเป็นอาคารถาวร ณ ที่ปัจจุบัน ต่อมามีการขยายอาคารในส่วนที่เป็นอิฐเพิ่มเติม พร้อมทั้งได้ประดับลวดลายภายในด้วยไม้แกะสลัก มัสยิดแห่งนี้จึงมีความโดดเด่นในรูปแบบสถาปัตยกรรมมลายูปาตานี

08.15 น.

เดินทางไปยัง มัสยิดกลางปัตตานี

08.20 น.

ถึง มัสยิดกลางปัตตานี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2497 และทำพิธีเปิดโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก โดยมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย ถือเป็นมัสยิดที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

08.50 น.

เดินทางไปยัง สุสานพญาอินทิรา

09.05 น.

ถึง สุสานพญาอินทิรา ที่ฝังพระศพของพญาอินทิราหรือสุลต่าน อิสมาอีล ชาห์ กษัตริย์ปัตตานีพระองค์แรกที่เปลี่ยนจากศาสนาพุทธมานับถือศาสนาอิสลาม อีกทั้งได้ทรงสถาปนาเมืองปัตตานีขึ้นเป็น นครปาตานีดารุลสลาม พร้อมทั้งพัฒนาบ้านเมืองให้เข้มแข็ง และยังมีการหล่อปืนใหญ่ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อใช้ในการป้องกันเมืองตามแบบฉบับของเมืองขนาดใหญ่ในยุคนั้น จากนั้นเข้าชม สุสานราชินี 3 พี่น้อง ที่ฝังพระศพของกษัตรีย์แห่งปัตตานีถึงสามพระองค์ ได้แก่ รายาฮีเยา, รายาบีรู และรายาอูงู โดยทั้ง 3 พระองค์ เป็นธิดาของสุลต่านมันศูร ซาห์ ซึ่งในรัชสมัยของพระนางทั้งสามนี้ ได้ทำให้ปัตตานีมีความเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องยาวนานและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะเมืองท่าค้าขาย รวมทั้งมีการเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับนานาชาติ

10.05 น.

เดินทางไปยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

10.20 น.

ถึง วังยะหริ่ง สร้างในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสุรสงคราม เจ้าเมืองยะหริ่งคนที่ 3 ตัววังมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเฉพาะตัวด้วยการผสมผสานกันระหว่างศิลปะไทยมุสลิม จีน และยุโรป พร้อมฟังเรื่องราว ยุคปัตตานี 7 หัวเมือง ซึ่งรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้แยกเมืองปัตตานีออกเป็น 7 หัวเมือง แล้วต้องส่งเครื่องราชบรรณาการ ต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง ให้แก่ทางสยาม 1 ครั้ง ในทุกๆ 3 ปี

11.10 น.

เดินทางไปยัง จ.นราธิวาส

12.30 น.

รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านมังกรทอง

13.30 น.

เดินทางไปยัง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

14.40 น.

ถึง วัดชลธาราสิงเห วัดแห่งนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับกรณีแบ่งแยกดินแดนระหว่างสยามกับหัวเมืองมลายู ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในขณะนั้น จึงทำให้รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย” ชมพระอุโบสถศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนโดยพระภิกษุชาวสงขลา ซึ่งแทรกวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ในอดีตเอาไว้ จากนั้นชมพลับพลาที่ประทับ ซึ่งรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับประทับทอดพระเนตรการแข่งเรือยาว, กุฏิอดีตเจ้าอาวาส อาคารไม้ 2 ชั้น มีหลังคาทรงปั้นหยา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมพื้นบ้านภาคใต้, พระพุทธไสยาสน์ที่ประดับด้วยกระจก ส่วนที่ฐานและผนังด้านหลังประดับด้วยเครื่องถ้วยที่ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ และกุฏิสิทธิสารประดิษฐ์ ที่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ของทางวัด

15.40 น.

เดินทางไปยัง อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

16.40 น.

ถึง มัสยิดตะโละมาเนาะ เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างมลายู ไทย และจีน มีลักษณะเป็นอาคาร 2 หลังต่อกัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง มีการใช้ไม้สลักแทนตะปูทั้งหลัง ด้วยเอกลักษณ์ทำให้มัสยิดแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมัสยิดที่มีความงดงามและเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกมลายู

17.10 น.

เดินทางไปยัง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี

17.40 น.

ถึง วังพิพิธภักดี เดิมเป็นที่อยู่ของพระพิพิทธภักดี (ตนกูมุกดา อับดุลบุตร) บุตรชายคนโตของเจ้าเมืองยะหริ่ง กับตนกูกูซง หลานสาวของเจ้าเมืองสายบุรี (พระยาสุริยะสุนทรบวรภักดี) สถาปัตยกรรมของที่นี่แสดงถึงการผสมผสานกันระหว่างศิลปกรรมของท้องถิ่นกับศิลปะตะวันตกได้อย่างกลมกลืนงดงาม พร้อมฟังเรื่องราว เมืองสายบุรี เมืองท่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีตของปัตตานี

18.30 น.

เดินทางกลับ อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี

19.30 น.

รับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี*** หรือเทียบเท่า

20.30 น.

ให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2566 (3)

07.00 น.

รับประทานอาหารเช้า

08.00 น.

เดินทางไปยัง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

08.35 น.

ถึง วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม หรือเดิมชื่อวัดช้างให้ นำทุกท่านกราบสักการะ สมเด็จพระโคะ หรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พระอริยะสงฆ์ผู้เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยตามตำนานกล่าวว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดแห่งนี้

09.30 น.

เดินทางสู่ จ.ยะลา

10.00 น.

ถึง วัดคูหาภิมุข เดิมชื่อว่า วัดหน้าถ้ำ พาทุกท่านเดินขึ้นสู่ถ้ำคูหาภิมุขเพื่อสักการะ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่ปั้นด้วยดินเหนียวโดยใช้ไม่ไผ่เป็นโครง สันนิษฐานว่าองค์ดั้งเดิมอาจมีอายุเก่าแก่ถึงวัฒนธรรมศรีวิชัย พร้อมชมพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ประดิษฐานภายในถ้ำท่ามกลางหินงอก หินย้อย จากนั้นชมพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย สถานที่เก็บและจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้จากถ้ำต่างๆ ในบริเวณบนวัดและภูเขาใกล้เคียง เช่น พระพิมพ์ดินดิบ สถูป เม็ดพระศก และอิฐฐานพระพุทธรูป เป็นต้น

12.00 น.

รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านธารา

12.00 น.

เดินทางสู่ อ.เบตง จ.ยะลา

16.00 น.

ถึง วัดพุทธาธิวาส ตั้งอยู่บนเนินเขาในเมืองเบตง ชมพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ เป็นพระธาตุเจดีย์แบบศรีวิชัยประยุกต์ สูง 39.90 เมตร หรือขนาดเท่าตึก 13 ชั้น สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา จากนั้นให้ท่านได้สักการะพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

17.00 น.

พาท่านชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย โดยสร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร และมีความยาวตลอดอุโมงค์ระยะทางประมาณ 273 เมตร จากนั้นชมหอนาฬิกาเบตง สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนของ จ.ยะลา ถือจุดแลนด์มาร์คใจกลางเมืองตั้งอยู่อย่างโดดเด่น และตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ลักษณะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีเส้นวงรอบของตู้ประมาณ 140 เซนติเมตร มีความสูง 290 เซนติเมตร

18.30 น.

รับประทานอาหารเย็น ที่ร้านต้าเหยิน

20.00 น.

เข้าพักที่ โรงแรมแกรนด์แมนดารินเบตง*** หรือเทียบเท่า จากนั้นให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 (4)

05.00 น.

นำคณะเดินทางสู่ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา

06.00 น.

ให้ท่านสัมผัสกับ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จุดชมวิวทะเลหมอกยอดนิยมของเมืองเบตง และมีทะเลหมอกให้ชมได้ตลอดทั้งปี พาท่านขึ้นสกายวอล์คที่มีความสูง 6 ชั้น ท่านสามารถชมวิวทะเลหมอกในมุมสูง พร้อมกับทัศนียภาพของขุนเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน (มีค่ารองเท้าผ้าสำหรับเดินบนพื้นกระจก 30 บาท/ท่าน)

07.00 น.

เดินทางกลับโรงแรม

08.00 น.

ถึง โรงแรมแกรนด์แมนดารินเบตง ให้ท่านรับประทานอาหารเช้าและจัดเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย

09.30 น.

ออกเดินทางไปยัง อุโมงค์ปิยะมิตร

10.00 น.

ถึง อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้นสำหรับเป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง แต่ต่อมาได้กลับมาร่วมพัฒนาชาติไทย โดยอุโมงค์แห่งนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง

12.00 น.

รับประทานอาหารกลางวัน

13.00 น.

เดินทางไปยัง น้ำพุร้อนเบตง

13.15 น.

ถึง น้ำพุร้อนเบตง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ โดยจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส ให้ท่านได้แวะถ่ายรูปและแช่เท้าตามอัธยาศัย

13.45 น.

เดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

19.00 น.

ถึง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ให้การอำนวยความสะดวกเช็คสัมภาระแก่ท่าน

20.50 น.

ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 509

22.15 น.

ถึง ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

***กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก***