ต้อนรับเข้าสู่เดือนแห่งความรัก เชื่อว่าหลายคนมีโมเมนต์หวานๆ ให้กับคนรักในโอกาสพิเศษ และยิ่งได้ ร้านอาหาร หรือคาเฟ่เก๋ๆ บรรยากาศดีๆ วันนี้เราขอมัดรวมร้านอาหารและคาเฟ่น่าสนใจ ภายในศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค ให้คุณพาคนรัก คนรู้ใจ มาเติมเต็มความรัก กระชับความสัมพันธ์ รับวาเลนไทน์ รับรองว่าจะทำให้คุณประทับใจหัวใจอิ่มฟูอย่างแน่นอน

1. Secret Chamber

บาร์ลึกลับใจกลางเมือง กับคอนเซ็ปต์ห้องใต้หลังคาสไตล์อังกฤษ โครงสร้างร้านอาหารใช้ไม้และอิฐเป็นหลัก บรรยากาศสบาย ในราคาที่เป็นกันเอง ด้านในพบกับห้องเล็กจำนวน 2 ห้องให้ได้ค้นหา พร้อมกับดนตรีสดหลากหลายสไตล์ คอยสร้างความบันเทิงตลอดค่ำคืน ครบครันไปด้วยอาหาร และเครื่องดื่มมากกว่า 40 ชนิด ส่วนเมนูแนะนำที่ห้ามพลาด เมนู ซิกเนเจอร์ ข้าวทองเอก หรือข้าวต้มแห้งหมูชาชูและหมูตุ๋นเน้นๆ ส่วนเมนูยำ ไม่ว่าจะยำหอยแครง ยำไข่แดงเค็ม รสชาติจัดจ้านกำลังดี ทานคู่กับเมนูหม้อไฟร้อนๆ เลือกได้ทั้งเนื้อวากิว เนื้อน่องลาย เนื้อสด หรือหมูตุ๋น หรือสายสปาเก็ตตี้ก็มีทั้ง สปาเก็ตตี้ผัดปลาเค็ม สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล และสปาเก็ตตี้ทรัฟเฟิล ยังมีเมนูของทานเล่นอีกมากมายให้เลือกสรร มาทานรับรองไม่ผิดหวัง

สถานที่ : ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ชั้น 2 โซน A

เวลา : 11.00 น.– 24.00 น.

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/secretchamberwhisgar/

2. Creed Café

ร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น ตกแต่งสไตล์มินิมอล เรียบง่าย แต่แฝงความสนุก ด้วยการคุมโทนสีเทาอ่อน เพิ่มความโดดเด่นด้วยสีส้ม และลูกเล่นของเฟอร์นิเจอร์ในร้าน มีมุมของเคาน์เตอร์บาร์กาแฟรสชาติดีระดับพรีเมี่ยม ส่วนเมนูแนะนำต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งทางร้านเตรียมเครื่องดื่มพิเศษ อย่าง Nasty Love เมนูนี้ซ่าเหมือนชื่อแน่นอน เพราะมีส่วนผสมของ Ginger ale สตรอว์เบอร์รี่ และยูซุ กินแล้วสดชื่น ส่วนเมนูซิกเนเจอร์ต้องลอง Orange Coffee Shake และ Velvet Lush ที่ใช้ส้มเป็นส่วนผสมหลักกับกาแฟ  เมนูน้องใหม่ Choco-Orange ที่มีส่วนผสมระหว่างส้มสดกับดาร์คชอคพรีเมี่ยมของทางร้าน ดื่มแล้วต้องหลงรักไม่แพ้เมนูอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มน้ำผลไม้คั้นสด และสมูทตี้ สดฉ่ำ ชื่นใจจากผลไม้แท้ เลือกเติม booster shot ได้ตามใจ และอย่าลืมสั่งเบเกอรี่โฮมเมด อย่างครอฟเฟิล (Croffle) ที่หอมหวานกำลังดี หรือ สโคน (Scon) เสิร์ฟพร้อมแยมสตรอว์เบอร์รี่และครีม มาทานคู่กับเครื่องดื่มดีๆ รสชาติละมุน สักแก้ว ก็ดูเข้ากันดี

สถานที่ : ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค โซน Side Walk

เวลา : 07.30 น.– 17.30 น.

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/creedcafeofficial/

3. Birdies & Booze

ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ สไตล์บิสโทร กับคอนเซ็ปต์ ทานอาหาร ชมวิวริมสนามกอล์ฟ ที่มีเมนูอาหารทั้งคาว หวาน ผสมผสานระหว่างแนวยุโรปและฟิวชั่น รับประกันความอร่อยจากเชฟประจำร้านสายประกวดที่มีดีกรีถึงระดับประเทศ กาแฟ ขนม อาหารตามเทศกาลครบจบในที่เดียว เหมาะกับกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย  เมนูแนะนำของทางร้านที่ไปแล้วต้องลอง สเต็กเนื้อวัวแองกัส บราวน์ซอส เนื้อวัวสันนอกนุ่มๆ ที่นำไปซูวี พร้อมกับราดบราวน์ซอส ทานคู่กับ ซุปฟักทองแกงเลียงที่ไม่หวานเกินไป เข้ากันมากๆ ใครชอบเส้นต้องลอง พาสต้ากุ้งครีมมิโสะ และเมนูของหวานที่ขาดไปไม่ได้ แอปเปิ้ลครัมเบิ้ลและไอศครีม ทางร้านนำแอปเปิ้ลแดงและเขียว ไปเคี่ยวกับน้ำตาลทรายแดง แล้วโรยด้วยผงชินนามอน แล้วจบท้ายด้วยความกรอบของครัมเบิ้ล รสชาติเปรี้ยวหวานตัดกันกำลังดี มาแล้วต้องลอง!

สถานที่ : ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ชั้น 1 เซ็นเตอร์โซน

เวลา : 10.00 น.– 22.00 น.

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/birdiesandbooze/

4. Por Kungphao (ป.กุ้งเผา)

Por Kungphao (ป.กุ้งเผา) ปรับโฉมใหม่จากสวนอาหารที่คุ้นเคยสู่ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น พร้อมต้อนรับคนรักอาหารทะเลสดใหม่ เจอกันในพื้นที่กว้างขวางสบายตา โซนนั่งเป็นสัดส่วน ผ่อนคลายไปกับอาหารและบรรยากาศสบายๆ ได้ทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืน พร้อมต้อนรับกลุ่มเพื่อน คู่รัก หรือครอบครัว ทางร้านมีเมนูอาหารให้เลือกสรรมากมาย ทั้งเซตกุ้งเผาคัดพิเศษ สปาเกตตี้คาโบนาร่ามันกุ้ง เสิร์ฟพร้อมกุ้งเผาอบชีส เซตกังนัมมันกุ้ง กุ้งดองน้ำปลาสดๆ พร้อมข้าวห่อสาหร่าย ทานพร้อมน้ำจิ้มสูตรพิเศษ ยำกุ้งสดใส่ปลาร้า กลมกล่อมตัดความหวานจากเนื้อกุ้งสดใหม่ หรือจะอิ่มอร่อยไปกับอาหารจานเดียว เมนูข้าวหน้ากุ้งระเบิดปลาหมึกทอดน้ำปลา ต้มยำทะเลต่าง การันตีวัตถุดิบสดใหม่พร้อมให้รับประทาน

สถานที่ : ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ชั้น 2 โซนอีสท์ วิลเลจ

เวลา : 10.00 น.– 21.00 น.

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/porkungphaodelivery/?ref=page_internal

อาหารญี่ปุ่นยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคคนไทยและคงความนิยมอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะชื่อชั้นของเนื้อวัวญี่ปุ่นเป็นที่ติดอกติดใจในความละเอียดของชิ้นเนื้อ ความนุ่มละมุนลิ้นแทบละลายในปากจนยกให้เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในการปรุงอาหารที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

โดยตัวเลขจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO ระบุว่า ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาทและจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นปี 2561 มีอัตราการขยายตัวทะลุ 8.3 % ขณะเดียวกันการบริโภควากิวก็เพิ่มสูงขึ้น โดยตัวเลขจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นปี 2558 ระบุว่ามีการส่งออกวากิวมายังประเทศไทยมากกว่า 7 แสนล้านเยน และปี 2561 เพิ่มเป็น 1.3 ล้านล้านเยนซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าจับตามองอย่างมาก

งาน “อีท มีทส์ เฟสต์” (EAT MEATS FEST) จึงเป็นเทศกาลที่คนชอบทานเนื้อเฝ้ารอคอย เพราะเป็นมหกรรมอาหารที่รวบรวมสุดยอดเมนูจานเนื้อของบรรดาร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังระดับตำนาน ทั้งที่มีสาขาในเมืองไทยและบินลัดฟ้ามาจากดินแดนซากุระเพื่อส่งมอบความอร่อยถึงที่ โดยฝีมือการปรุงรสของเชฟชาวญี่ปุ่นขนานแท้และการรังสรรค์กว่า 30 เมนูสุดเอ็กซ์คลูซีพให้ได้ชิมกันเป็นครั้งแรกเฉพาะในงานนี้เท่านั้น จัดให้ฟินกันทั้งเมนูจากเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา และเนื้อวัว

ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 บนพื้นที่ 2,400 ตารางเมตร ระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายน 2562 ณ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ บริเวณลานเอ็ม บี เค อเวนิว โซนเอและบี

สำหรับร้านที่มาร่วมปีนี้ ได้แก่

ร้านโอมิ บีฟ โอคาคิ (OMI BEEF OKAKI)

ฟาร์มเนื้อโอมิชื่อดังติดอันดับ 1 ใน 3 สุดยอดเนื้อวากิวที่มีประวัติเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอายุมากกว่า 400 ปีถือเป็นอาหารชั้นสูงที่มีการถวายให้กับโชกุนสมัยเอโดะ วัวโอมิที่ถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ของทะเลสาปบิวะ จังหวัดชิงะ ที่มีน้ำใสสะอาดจากภูเขาที่อยู่รายล้อม

ฤดูหนาวก็ไม่หนาวจนเกินไปทำให้ได้คุณภาพเนื้อที่อ่อนนุ่มละเอียด ไขมันหวานและมีกลิ่นหอมผ่านการรับรองมาตรฐาน โดยเน้นรักษาคุณภาพดังนั้นแต่ละปีจึงส่งออก 6,000 ตัวเท่านั้น แม้ว่าจะหาทานได้ในบางพื้นที่ แต่สำหรับงานนี้บินตรงมาเสิร์ฟความอร่อยให้กับผู้บริโภคคนไทยถึงที่อย่างแท้จริงกับเมนูเด็ด “เนื้อวัวโอมิย่างไฟ”

 

01เนื้อวัวโอมิย่างไฟจากร้านโอมิ-บีฟ-โอคาคิ

ร้านนิคุยามะ (NIKUYAMA)

ร้านเนื้อสไตล์โอมากาเสะที่โด่งดังในญี่ปุ่น พร้อมมือย่างวากิวบินตรงจากโตเกียวกับเมนูสเต็กเนื้อวากิวสุดพิเศษ คัดสรรเนื้อทุกชิ้นส่วนก่อนนำมาปรุงเพื่อให้ได้รสชาติเยี่ยม

 

ร้านโคราคุเอ็น ราเมน (KORAKUEN RAMEN)

ราเมนอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น (Japanese No.1 RAMEN) ที่มีสาขามากกว่า 555 แห่งและมีลูกค้ามากถึง 60 ล้านคนต่อปี ด้วยรสชาติต้นตำรับแท้ ๆ นำเสนอเมนู “เกี๊ยวซ่า” ให้ฟินกันแบบเต็ม ๆ คำ

 

ร้านโตเกียว จิการะ เมชิ (TOKYO CHIKARA MESHI)

ครั้งแรกในประเทศไทย ! สายเนื้อต้องไม่พลาดชิมเมนูดัง “ข้าวหน้าเนื้อย่าง” จากร้านข้าวหน้าเนื้อเจ้าดังสูตรดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นมากว่า 40 ปีและหาทานได้ยาก

ร้านคินทาโร่ (KINTARO) ราเมน รสเผ็ดจี๊ดจ๊าด

สไตล์การทำราเมนชวนสนุกของร้านพร้อมจะมามอบประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบใหม่ให้ได้ชิมกันในงานด้วยหมูชาชูสูตรเด็ดที่จัดเสิร์ฟแบบลนไฟกำลังดี รสชาติของน้ำซุปแซ่บ ๆ เผ็ดจี๊ดจ๊าด

ร้านเคอรี่ โชกุน (CURRY SHOGUN)

ร้านเคอรี่ โชกุน ร้านแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีจะนำเสนอเมนู “กิวคัตสึ” หรือเนื้อวัวนุ่มชุ่มฉ่ำชุบแป้งทอด โดยใช้เนื้อวัวมัตสึซากะชื่อดังจากจังหวัดมิเอะ

ร้านชาการิกิ432 (SHAKARIKI432)

ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอซาก้าได้สร้างสรรค์เมนู “เบอร์เกอร์ข้าวซี่โครงเนื้อโอมิวากิว A4” เบอร์เกอร์ชิ้นโตย่างเตาถ่าน อิ่มอร่อยแบบเน้น ๆ

ฮินะ (HINA)

ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมในเครือเอ็ม บี เค นำเสนอเมนูที่คัดสรรจากแหล่งวัตถุดิบทั่วโลกและสร้างสรรค์เมนูโดยเชฟอาหารญี่ปุ่นมากประสบการณ์ จะนำเสนอเมนูเนื้อเซอร์ลอยด์ผัดเทปันยากิให้ได้ฟินกันสุด ๆ

ร้านเก็น ปุ คัน (GENPUKAN)

จากงานปีที่ผ่านมามีคนต่อแถวเข้าคิวรอซื้อและเป็นที่ติดอกติดใจกันมาแล้ว ในปีนี้ร้านดังจากญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี แห่งเมืองฟุกุโอกะ จัดให้ได้ฟินกันอีกครั้งกับเมนู ข้าวเนื้อย่างซอสสูตรลับ 60 ปี ที่เป็นสูตรลับประจำตระกูลซึ่งสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น

ร้านโชว ไท อัน (SHOUTAIAN)

นำเสนอเมนู ฮัมเบิร์กลาวา A5 โชว์ศิลปะการปรุงรสและย่างจนได้ชิ้นเนื้อชุ่มฉ่ำละลายในปาก ซึ่งเลือกใช้เนื้อวัววากิวจากวัวขนดำหรือคุโรเกะวากิว เกรด A5 ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจนได้รับฉายาว่าเป็นอัญมณีของเนื้อวัว

ร้านรันอิจิ (RANICHI)

ร้านรันอิจิ ภายใต้การดูแลโดยร้านเนื้อย่างในตำนานซึ่งได้รับรางวัล Gold & Silver Prize จากเว็บ Tabelog ของญี่ปุ่น จุดเด่นอยู่ที่การนำเข้าเนื้อวากิวแบบไม่แช่แข็งเพื่อรักษาความสดอร่อย และในงานนี้จะเสิร์ฟเมนูพิเศษ ข้าวหน้าวากิวสับและทรัฟเฟิลให้ได้ลิ้มลองเฉพาะงานนี้

นอกจากนี้ยังเอาใจสายเนื้อไก่และเนื้อหมู รวมถึงอาหารทะเลหลากหลายบูธให้เลือก อาทิ

ร้านเดนเซทซึ โนะ สึตะด้ง-ยะ (DENSETSU NO SUTADON-YA)

อีกร้านในตำนานที่สืบทอดรสชาติจากรุ่นต่อรุ่น นำเสนอเมนูข้าวหน้าหมู “สึตะด้ง” เชิญชวนสายหมูให้มาลิ้มรสความอร่อย

ร้านคามุย ฮอกไกโด ไดนิ่ง (KAMUI HOKKAIDO DINNING)

ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นที่มีเทคนิคการทำอาหารแบบเฉพาะไม่เหมือนใคร จะนำเสนอเมนู “หอยนางรมพันเนื้อคามุยและกราแตงครีมเมนไตโกะ” ให้ได้ฟินกันสุด ๆ

ร้านอ้าหอย (AHHOI)

อิ่มอร่อยเต็มคำกับหอยนางรมตัวโต ๆ คัดสรรอย่างดีส่งตรงจากเมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหอยเกรด พรีเมี่ยมบนเกาะ Osaki-kamizima ให้รสชาติหวานกลมกล่อมละมุนลิ้น ทานคู่น้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรเฉพาะของร้าน

รวมถึงยกขบวนร้านเนื้อของคนไทยที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด นำโดย ร้านรสดีเด็ด สุดยอดร้านเนื้อระดับตำนานผู้คิดค้น “อาบน้ำเนื้อ” อันเลื่องชื่อ ร้านมหาสารเป็นร้านเนื้อสไตล์ใหม่ที่จองคิวยากระดับเทพ เพราะคิวยาวแบบแน่นสุด ๆ กับการนำเสนอเมนูลิ้นวัวมหาสารโดยการย่างถ่านอย่างพิถีพิถัน ร้านชินโด ราเมน (SHINDO RAMEN) ของเชฟไทยหัวใจราเมนผู้ฝึกปรือฝีมือจากญี่ปุ่นและพัฒนารสชาติราเมนสไตล์ใหม่ ๆที่มีความเข้ากันอย่างลงตัวของเส้นและน้ำซุป โดยจะนำเสนอเมนูเอบิ ทันทัน มาเซะโซบะ ร้าน SCHWADAKONG เชฟอินดี้ชื่อดังในโลกออนไลน์กับเมนูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขั้นสุดได้เตรียมเมนูที่ขอมาให้เซอร์ไพรส์ในวันงาน

จัดเมนูเด็ดมาประชันกันขนาดนี้ สายเนื้อต้องไม่พลาดมาชิมกันให้จุใจ ย้ำอีกรอบ งานมีระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายน 2562 ณ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ บริเวณลานเอ็ม บี เค อเวนิว โซนเอและบี

หลังจากที่ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ได้เปิดตัวทีมบริการมืออาชีพ “Bangkok Buddy” (แบงค็อกบัดดี้เป็นที่แรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งให้บริการเชิงรุกสุดสร้างสรรค์ รวดเร็ว และเป็นมิตร พร้อมเสริมเทคโนโลยีที่ช่วยให้การค้นหาและอัพเดทข้อมูลด้านการท่องเที่ยวสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และทันใจ โดยสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นในการให้บริการของทีมงาน “Bangkok Buddy”

ในปีนี้ทีม “Bangkok Buddy” เตรียมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ตอกย้ำความสำเร็จในการให้บริการเชิงรุกอีกครั้ง ด้วยการเพิ่มดีกรีความว้าวกับการแปลงโฉมทีมงานผู้ให้บริการมืออาชีพให้โดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้น โดยยังคงความตั้งใจที่จะสะท้อนความเป็นไทยให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้สัมผัสประสบการณ์การให้บริการที่ตื่นตาตื่นใจ ชูความเป็นไทยในภาพลักษณ์ที่ทันสมัย มีสไตล์ เพื่อสร้างการรับรู้และนำเสนอมุมมองใหม่ที่สอดคล้องกับความเป็น Amazed Mingle ของศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ที่ต้องการสร้างความตื่นตา ตื่นใจ ให้กับผู้ใช้บริการในทุกย่างก้าว

ในการนี้ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา และนักออกแบบรุ่นใหม่ได้ส่งผลงานเข้าประกวดออกแบบชุดเครื่องแต่งกายที่สอดรับกับบริการเชิงรุกสุดสร้างสรรค์ของทีม Bangkok Buddy ผู้ให้บริการมืออาชีพ ในคอนเซ็ปต์ “ไทยเท่ 4 ภาค” เพื่อต้องการชูศิลปะและวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศไทยออกมาให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ ผ่านชุดเครื่องแต่งกายของทีม Bangkok Buddy

ซึ่งผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดในครั้งนี้ ได้แก่ นายพีรัชชัย ผาติกรวงษ์ นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ภาควิชาการออกแบบทัศนศิลป์ (แฟชั่นดีไซน์) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี  ที่มีเอกลักษณ์และเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมในแต่ละภาค ก่อเกิดเป็นการสร้างสรรค์ชุดดีไซน์เก๋ไก๋สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น ชุดภาคเหนือ ได้มีการนำลวดลายของเครื่องแต่งกายชาวเขาผู้หญิงที่มีความละเอียดและสีสันสดใสมาสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ในรูปแบบที่โฉบเฉี่ยวคล่องตัวแต่ยังคงความหวานผ่านการใช้ลวดลายเล็กๆ ของดอกไม้บนชุด ชุดภาคอีสาน ได้ดึงประเพณีผีตาโขนของภาคอีสานมาประยุกต์เป็นชุดที่มีกลิ่นอายความสนุกสนาน โดยนำรูปทรงหวดนึ่งข้าวเหนียวมาดัดแปลงให้เข้ากับผ้าขาวม้า ผ้าไหมแพรวา และผ้าไหมมัดหมี่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนอีสานที่ผูกพันกับการจักสานและผ้าไหมมาอย่างยาวนาน ชุดภาคกลาง การผสมผสานระหว่างลายกราฟฟิคที่บ่งบอกถึงความทันสมัยของคนเมืองกับคอนเซ็ปต์นุ่งโจงห่มสไบในอดีต ด้วยการดีไซน์เป็นโจงกระเบนผ้าอัดพลีท และขอบโจงกระเบนให้เหมือนกับขอบเอวของกางเกงนักมวย ชุดภาคใต้ ได้แรงบันดาลใจจากเกลียวคลื่นทะเลและสีสันสดใสของเรือกอและ ผสมผสานเข้ากับรูปแบบเครื่องแต่งกายของรำโนราห์  ศิลปะรากเหง้าของคนภาคใต้ ทำให้ชุดนี้เผยความโดดเด่นที่สะท้อนวิถีชีวิตและความสนุกสนานคึกคักตามวิถีของคนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี

นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ในการต่อยอดบริการเชิงรุกด้วยการสร้างความตื่นตาตื่นใจผ่านเครื่องแต่งกายที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และสีสันที่โดดเด่น บ่งบอกถึงศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย ให้กับทีมบริการเชิงรุก Bangkok Buddy ผู้ให้บริการมืออาชีพที่คอยต้อนรับและพร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการและนักท่องเที่ยวในเรื่องต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ ได้รับความสะดวกสบายและมีความสุขตลอดการช้อปปิ้ง

นอกจากนี้ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ยังมีบริการอื่นๆ สำหรับนักท่องเที่ยว อาทิ Smart info service นวัตกรรมใหม่ที่สร้างขึ้นมาพิเศษ โดยผสมผสานเทคโนโลยี E-directory เข้ากับระบบเฟซไทม์ ที่ลูกค้าสามารถค้นหาร้านค้าและพูดคุยกับพนักงานบริการลูกค้าได้เรียลไทม์แบบเห็นหน้า ปัจจุบันมี 6 จุดตั้งแต่ชั้น G – ชั้น 4 เพื่อให้การสอบถามตำแหน่งร้านค้า ตลอดจนบริการเสริมต่างๆ ทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น Tourist Lounge เป็นห้องรับรองนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการในศูนย์ฯ ที่สามารถพักผ่อน และยังมีห้องสำหรับละหมาด อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าตะวันออกกลางที่มีจำนวนมาก และ Bag deposit ฝากพร้อมส่งสัมภาระถึงสนามบิน

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ Call Center 1285 เว็บไซต์ www.mbk-center.co.th และเฟซบุ๊ค www.facebook.com/mbkcenterth

ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทง หนึ่งในประเพณีไทยโบราณที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างคนไทยกับสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตมาช้านาน โดยในปีนี้ได้มีการจัดงาน MBK CENTER LOY KRATHONG FESTIVAL 2018 ขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “ลอยกระทงสไตล์ล้านนา” ตั้งแต่วันนี้ –  22 พฤศจิกายน 2561 ณ ชั้น 2 ลาน Skywalk และ บริเวณ Center Hall  ชั้น G

 

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 จะได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษของงานลอยกระทงสไตล์ล้านนาใจกลางกรุงที่ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างความประทับใจมิรู้ลืมให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้า ด้วยการขนโชว์ศิลปะล้านนาที่อ่อนช้อย งดงาม ผสานเสียงเพลงล้านนาสุดไพเราะ อาทิ การแสดงกลองสะบัดชัย ฟ้อนหางนกยูง ฟ้อนโกมคำ และรำหม้อบูรณะฆฏะ (ฟ้อนหม้อไหดอก) มาเซอร์ไพรส์เพื่อสร้างความตื่นตา ตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการภายในทุกโซนของศูนย์การค้าตั้งแต่เวลา 13.00 – 19.00 น. โดยจะเปลี่ยนจุดโชว์การแสดงไปในแต่ละรอบทั่วศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นโซน Center Hall ชั้น G, บริเวณบันไดเลื่อนโซน C, โซน Craft Village ชั้น 6 และลาน Skywalk เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการได้รับชมการแสดงศิลปะล้านนาในระหว่างการช้อปปิ้งได้อย่างใกล้ชิด แถมตบท้ายด้วยกิมมิคสร้างรอยยิ้มให้นักท่องเที่ยวอีก 1 ต่อ ด้วยการแจกกระทงกะลาแสนสวยฟรี เพื่อเป็นของที่ระลึกสุดพิเศษ ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจและเรียกเสียงปรบมือจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการได้เป็นจำนวนมาก 

อีก 2 ไฮไลท์ที่ดึงความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการได้ไม่น้อยคือ การสาธิตทำกระทงดอกบัวสุดประณีตรูปแบบต่างๆ ให้ได้ชมกันแบบติดขอบเวที  โดยนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร  และเวิร์คช้อปสอนตกแต่งกระทงกะลาด้วยดินปั้นลายไทยและดอกไม้สด ตั้งแต่เวลา 12.00 – 19.00 น. นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายภาพที่ระลึกกับกระทงยักษ์และกำแพงโคมล้านนาหลากสีสันที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามส่องแสงสว่างไสวทั่วลาน Skywalk

 

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ Call Center 1285 เว็บไซต์ www.mbk-center.co.th และเฟซบุ๊ค www.facebook.com/mbkcenterth