Duolingo เจาะตลาดไทย เปิดตัวแคมเปญ “Duolingo Learning Pavilion” ยิ่งใหญ่ครั้งแรก ตั้งเป้าสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนาน ครองใจ Gen Z

Duolingo แอปพลิเคชันการศึกษาที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในโลก เดินเกมรุกตลาดการศึกษาไทย จัดกิจกรรมป๊อปอัปสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกของแบรนด์ในประเทศไทย ภายใต้ชื่อDuolingo Learning Pavilion (สำนักเรียน Duolingo) ณ ริเวอร์พาร์ค ชั้น G ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันนี้ ถึง 24 กันยายน 2568 มุ่งสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาผ่านกิจกรรมที่สนุกสนานและโต้ตอบได้ นำกลยุทธ์การตลาดระดับโลกของ Duolingo สร้างการจดจำเพื่อ ตอกย้ำเอกลักษณ์ด้านนำความสนุก และนวัตกรรมของแบรนด์มาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทย พร้อมแนะนำนกฮูกเขียว Duo มาสคอตของแบรนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลกให้แฟนชาวไทยได้รู้จัก

นาวสาวไอรีน ตง (Irene Tong) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Duolingo ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าจับตามองที่สุดในภูมิภาค เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษา เพื่อการศึกษาและการทำงาน ในขณะเดียวกัน แอปพลิเคชันการเรียนรู้บนมือถือก็ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในหมู่ Gen Z ซึ่งมีความต้องการพัฒนาตนเองในขณะที่แสวงหาประสบการณ์ที่สนุกสนานและน่าดึงดูด ดังนั้น เราจึงต้องการนำประสบการณ์การเรียนรู้แบบเกมที่ดื่มด่ำในแอปมาสู่ชีวิตจริงด้วยแคมเปญDuolingo Learning Pavilion”

ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าร่วมกิจกรรมสนุก ๆ  อาทิ พบกับ Duo ซึ่งเป็นมาสคอตนกฮูกสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Duolingo ขนาดใหญ่ 5 เมตร เพื่อ “ขอพร” ให้กับการเดินทางการเรียนรู้ หรือเขียนเป้าหมายการเรียนรู้บนต้นไม้อธิษฐานซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเปลวไฟสตรีค (streak flames) ของ Duolingo ใครก็ตามที่มีสตรีคมากกว่าหนึ่งวันบนDuolingo จะได้รับ “เซียมซี” พิเศษสำหรับการทำนายดวงการเรียนรู้ของพวกเขา

นางสาวไอรีน ตง กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้เลือกปักหมุดที่ไอคอนสยาม เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ Duolingo ในการเชื่อมโยงการเล่าเรื่องระดับโลกเข้ากับความเป็นไทย และไอคอนสยามยังเป็นแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ที่เข้าถึงผู้คนหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Gen Z และวัยทำงาน ประกอบกับกิจกรรมต่างๆ ได้ออกแบบมาเพื่อคนไทยได้สัมผัสประสบการณ์จริงในรูปแบบอินเทอร์แอ็กทีฟ จาก Duolingo

นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Duolingo ในการผสานนวัตกรรมระดับโลกเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดและเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก ในประเทศไทย แบรนด์ได้สร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งบน TikTok ด้วยยอดไลก์มากกว่า 13 ล้านครั้ง พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในเทศกาลสำคัญของไทยหลายกิจกรรม อาทิ การร่วมฉลองในเทศกาลสงกรานต์ และร่วมขบวนพาเหรด Phuket Pride รวมถึงมาสคอต Duo ยังสร้างสีสันด้วยการปรากฏตัวแบบไม่คาดคิดระหว่างคอนเสิร์ต GUTS Tour ของโอลิเวีย โรดริโก ที่กรุงเทพฯ ในปี 2567 ยิ่งตอกย้ำถึงความผูกพันลึกซึ้งของแบรนด์กับวัฒนธรรมไทย

6. บรรยากาศ Duolingo Learning Pavilion_0

ทั้งนี้ Duolingo มีภารกิจหลักในการทำให้การศึกษาที่มีคุณภาพเข้าถึงได้ฟรีและสนุกสำหรับทุกคน ช่วยให้พวกเขาสามารถแสวงหาโอกาสต่าง ๆ เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น Duolingo เพิ่งประกาศการอัปเดตผลิตภัณฑ์ที่สำคัญสองรายการในงานระดับโลกประจำปี Duocon 2025: การจับมือกันครั้งแรกที่นำ Duolingo Score ไปยังโปรไฟล์ LinkedIn และการขยายหลักสูตร Duolingo Chess ยอดนิยมด้วยการเปิดตัว Android และโหมดใหม่ player-versus-player บน iOS การอัปเดตเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของ Duolingo จากแอปพลิเคชันเรียนภาษาไปสู่แพลตฟอร์มการศึกษาที่กว้างขึ้น และช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างการเรียนรู้ออนไลน์และสู่ชีวิตจริง

ติดตามความสนุกของ Duolingo Thailand ได้ที่ TikTok: @DuolingoThailandหรืออัปเดต และการสาธิตผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://duocon.duolingo.com

พฤติกรรมของคน Gen Z

Lifestyle ไลฟ์สไตล์

เผยผลวิจัยลักษณะของคน Gen Z ของประเทศไทย  ต้องการความท้าทาย ให้คุณค่าเรื่องธรรมชาติ เทคโนโลยี รวมถึงความสัมพันธ์กับแบรนด์ต่างๆ พร้อมต่อสู้เพื่อ “ความยั่งยืน” และมีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial) มักให้ความสนใจในเรื่องความสำเร็จทางการเงิน  หัวรั้นน้อยกว่า และเปิดรับความคิดเห็นที่หลากหลายมากกว่า Gen Z ของฝั่งตะวันตก  คติประจำใจ Gen Z ไทยคือ “เป็นตัวของตัวเอง!”

นางสาวปัทมา จอมศิริวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายงานวิจัยประจำ บริษัทสตามิน่า เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัททำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เปิดเผยว่าบริษัทสตามิน่า เอเชีย ในกรุงเทพฯ ได้ทำการวิจัยโครงการ “Meet the Zers” ซึ่งเป็นโครงการศึกษาพฤติกรรมของคนเจน Z ที่จะมีผลต่อพฤติกรรมในการบริโภคของคนในยุคปัจจุบัน โดยการวิจัยดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของชุดแบบสำรวจ Exclusive Poll ที่ครอบคลุมผู้บริโภคทั้งในกลุ่มของ Gen X, Gen Y และ Gen Z ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย  ทั้งนี้ ธุรกิจต่างๆ และผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงผลการวิจัยและรายงานฉบับอื่นๆ ของบริษัทได้หากต้องการ

สำหรับการทำวิจัยโครงการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการเข้าใจกลุ่มคนแต่ละช่วงวัยนั้น ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และในแต่ละช่วงวัยต่างก็มีความสำคัญในแง่ของการแสดงออกความเป็นตัวตนพอๆ กับการเป็นประชากรของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือการแสดงออกทางเพศสภาพใดๆ นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านของช่วงวัยก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการกำหนดความต้องการ และพฤติกรรมของแต่ละคนด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วจะมีความสำคัญมากกว่าลักษณะทางเศรษฐกิจเสียอีก

“เราสามารถให้คำจำกัดความของ Gen Z คร่าวๆ ได้ว่า เป็นผู้ที่เกิดระหว่างปี 2538 ถึง 2553 เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีลักษณะเหมือนๆ กัน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก

พวกเขาเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่กับคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ และโซเชียล มีเดียตั้งแต่วัยเด็ก ถือเป็นคนยุคดิจิทัลแบบแท้จริงรุ่นแรก และเป็นผู้มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ การสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ และการเชื่อมต่อกันแบบทันที นอกจากนี้พวกเขายังไม่เพียงแต่จะสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างไม่มีติดขัดเท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยความต้องการใหม่ๆ หรือการคิดค้นนวัตกรรม เพื่อทำให้โลกก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นความท้าทายต่อธุรกิจต่างๆ ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะสามารถเปลี่ยนให้เป็นโอกาสได้ก็ต่อเมื่อธุรกิจเหล่านั้นมีความเข้าใจถึงคนเหล่านี้มากขึ้น โดยต้องรู้ว่าพวกเขามีวิธีบริโภคและรู้จักแบรนด์ต่างๆ อย่างไร”

นางสาวปัทมากล่าวว่า แม้กระบวนการในการทำความเข้าใจเด็กยุคใหม่อย่าง Zers นั้นจะค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเป็นเรื่องยากเมื่อต้องให้บุคคลหนึ่งมาอธิบายกลุ่มสังคมเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง งานวิจัยระดับโลกที่ให้ความสนใจ Gen Z นั้น จะเริ่มต้นศึกษาด้วยการเปรียบเทียบ Gen Z กับกลุ่ม Millennial หรือ Gen “Me” (Me Generation) ซึ่งเน้นความสำคัญไปที่ตัวเอง โดยปกติแล้วผู้คนจะมอง Gen Z ว่ามีความยึดมั่นในอุดมการณ์มากกว่า กล้าที่จะเผชิญหน้ามากกว่า และมีหลักการมากกว่า Gen Me คน Gen Z คือผู้บริโภคที่มีความใส่ใจในเรื่องของศีลธรรม รวมถึงในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับในประเทศไทย สรุปได้ว่าลักษณะส่วนใหญ่ของคน Gen Z ก็เหมือนกับ Gen Z ที่อาศัยอยู่ในซีกโลกตะวันตก กล่าวคือพวกเขามีความต้องการที่จะท้าทายกับสถานะปัจจุบัน ในแง่ของคุณค่า ธรรมชาติ เทคโนโลยี รวมถึงความสัมพันธ์กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งนี้ 35% ของผู้เข้าร่วมงานวิจัยชาวไทย ระบุว่า “ความยั่งยืน” เป็นสิ่งที่ควรค่าและพร้อมที่จะสู้เพื่อสิ่งนี้ จากมุมมองดังกล่าวสามารถอธิบาย Gen Z ของไทยได้ว่าเป็น “True Gen” ซึ่งก้าวไปข้างหน้าด้วยการเสาะหาสิ่งที่เป็นแก่นแท้ สาระ อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างที่สังเกตเห็นได้บางประการ คือคน Gen Z ของไทย จะออกไปในแนวของผู้มีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial) มากกว่า และมีความสนใจในเรื่องของความสำเร็จทางการเงินมากกว่า หัวรั้นน้อยกว่า และเปิดรับความคิดเห็นที่หลากหลายมากกว่า Gen Z ของทางฝั่งตะวันตก นอกจากนี้ Gen Z ของไทยยังมีความเป็นปัจเจกมากกว่า โดย 36% ของ Gen Z ในไทย เลือกคำกล่าวที่ว่า “เป็นตัวของตัวเอง!” ให้เป็นสุดยอดคติประจำใจ

นางสาวปัทมากล่าวด้วยว่าผลการวิจัยของทางบริษัทสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า ซึ่งเหมาะสำหรับนำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่หรือ Gen Z มากยิ่งขึ้น