ครบรอบ 333 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส “มติชนอคาเดมี” จัดเต็มเปิดเส้นทางทัวร์ตามรอยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่ “เมืองอินทร์บุรี” จ.สิงห์บุรี เมืองยุทธศาสตร์การค้า ประตูสู่แดนเหนือสมัยโบราณ ลองมาดูไฮไลต์เด็ดที่บอกเลยว่าห้ามพลาดในเส้นทางทัวร์นี้กัน!!

วัดไทร เดิมชื่อว่า “วัดทะยาน” เข้าชมพระอุโบสถที่มีอายุเก่าแก่ซึ่งมีรากของต้นโพธิ์โอบยึดกำแพงไว้ไม่ให้พังทลายลงมา และยังมีประตูทางเข้าแบบวงโค้งยอดแหลมอิทธิพลศิลปะแบบเปอร์เซีย อันเป็นเอกลักษณ์ของรูปแบบงานศิลปะที่พบมากในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พร้อมฟังเรื่องราวการสร้างป้อมปราการที่เมืองอินทร์บุรีในสมัยพระนารายณ์จากบันทึกของฝรั่งเศส

วัดม่วง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชมพระวิหารเก่าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นฝีมือช่างชาวบ้าน ที่สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติตอนต่างๆ ซึ่งแทรกวิถีชีวิตและความเป็นอยู่แทรกไว้ด้วย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินท์บุรี ตั้งอยู่ภายในวัดโบสถ์ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดพบได้จากแหล่งโบราณบ้านคูเมืองและแหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย รวมถึงจัดแสดงเครื่องประดับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์, พัดยศ, พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ตลอดจนเครื่องอัฐบริขารต่างๆ และเครื่องมือเครื่องใช้ของคนในที่ราบลุ่มภาคกลางในอดี

วัดประโชติการาม วัดเก่าแก่คู่เมืองสิงห์บุรี เข้าสักการะหลวงพ่อทรัพย์และหลวงพ่อสิน พระพุทธรูปในกลุ่มพระอัฏฐารส ศิลปะอู่ทองที่ได้อิทธิพลของสุโขทัยยืนซ้อนกันอยู่ 2 องค์ โดยพระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ยังมีความเกี่ยวเนื่องกับตำนานท้องถิ่นเรื่อง “สิงหพาหุ” ที่มีความสัมพันธ์กับองค์พระนอนจักรสีห์ด้วย

วัดสว่างอารมณ์ เดิมชื่อวัดบางมอญ เข้าชมจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างท้องถิ่น โดยเน้นการใช้สีโทนเย็นเป็นหลัก แสดงเรื่องราวพุทธประวัติตอนต่างๆ จากนั้นเข้าชมพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งเก็บรวบรวมและจัดแสดงตัวหนังใหญ่ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีตัวหนังใหญ่ที่สมบูรณ์และยังสามารถใช้เล่นได้กว่า 300 ตัว

เดินทาง 23 กุมภาพันธ์ 2562
นำชมและบรรยายโดย รศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี
ราคา 2,900 บาท

คลิกอ่านโปรแกรมการเดินทางได้ที่ https://bit.ly/2VWmWCH

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่ inbox เฟซบุ๊กเพจมติชนอคาเดมี คลิก m.me/Matichon.Academy.Thailand
หรือโทร 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124
Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105
line : @matichon-tour คลิก http://line.me/ti/p/%40matichon-tour

ในโอกาสครบรอบ 333 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส “มติชนอคาเดมี” ชวนสัมผัสร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญสมัยพระนารายณ์ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง พาเยือน “วัดไทร” วัดที่มีหลักฐานเด่นชัดคือซุ้มประตูที่เป็นแบบแหลมเหมือนยุคพระนารายณ์

ชม “โบราณวัตถุ” ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี ฟังเรื่องราวเมืองโบราณอินทร์บุรี-สิงห์บุรี ความเชื่อท้องถิ่น

ยลจิตรกรรมฝาผนังที่วิหารของ วัดม่วง” พร้อมชมพลับพลาริมน้ำ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จฯมาประทับ

ยังมีความน่าสนใจรออยู่อีกเพียบ!!

นำชมและบรรยายโดย รศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี
กำหนดเดินทาง 23 กุมภาพันธ์ 2562
ราคา 2,900 บาท

คลิกอ่านโปรแกรมการเดินทางได้ที่ https://bit.ly/2VWmWCH
สนใจจองได้เลย!!

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่ inbox เฟซบุ๊กเพจมติชนอคาเดมี คลิก m.me/Matichon.Academy.Thailand
หรือโทร 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124
Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105
line : @matichon-tour คลิก http://line.me/ti/p/%40matichon-tour

ครบรอบ 333 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของประเทศฝรั่งเศส หากย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ช่วงศตวรรษที่ 17 ประเทศฝรั่งเศสและประเทศสยามได้เริ่มความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยคณะทูตจากประเทศไทยเดินทางไปเชื่อมสัมพันธไมตรีในปี 2227 และ 2229 ได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จากนั้นมีคณะตัวแทนจากฝรั่งเศสหลายคณะ ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์เช่นกัน

เพิ่งผ่านไปไม่นานในวาระครบรอบ 333 ปีนี้ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ คือวังนายรายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี จัดงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์วาระนี้อย่างเอิกเกริก แต่อีกส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของสมเด็จพระนารายณ์และบรรดาชาวฝรั่งเศสทั้งหลาย มีระบุไว้ในประวัติศาสตร์ไทย คือยังมี “เมืองอินทร์บุรี” ปรากฏอยู่ในหลักฐานทางการทหารด้วย น้อยคนที่จะรับรู้ถึงเรื่องนี้

เมือง “อินทร์บุรี” เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรีปัจจุบัน เป็นชุมชนโบราณมีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 12-16 คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ขุดค้นแหล่งโบราณสถานบ้านคูเมือง ต.ห้วยชัน และพบโบราณวัตถุหลายชนิด ซึ่งสันนิษฐานกันว่าเป็นเมืองเก่าสมัยทวาราวดี อายุประมาณ 1, 200 ปี แต่หากจะนับกันอย่างจริงจังแล้ว ไม่อาจทราบแน่ชัด ว่าอินทร์บุรีก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่ สมัยใด แต่พอประมวลตามเอกสารหลักฐานได้ ว่าเป็นเมืองที่มีอิทธิพลขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา คู่กับเมืองสิงห์ และเมืองสรรค เป็นชุมชนใหม่ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นแทนชุมชนโบราณเดิม คือชุมชนเมืองคูเมือง ซึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อนตั้งแต่ยุคเดียวกับอาณาจักรฟูนัน ทวารวดี สุโขทัย สวรรคโลก และกรุงศรีอยุธยาตามลำดับ

โบราณวัตถุสมัยทวารวดี จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี

สาเหตุที่อินทร์บุรีเจริญขึ้นมาแทนเมืองเดิม สันนิษฐานว่าเป็นเพราะมีการคมนาคมสะดวกสบาย โดยมีแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเส้นทางคมนาคม อีกทั้งถือกันว่าเป็น “เมืองยุทธศาสตร์ทางทหาร” ด้วย โดยมีชื่อปรากฏในกฎมณเฑียรบาลสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยา ว่าอินทร์บุรีเป็นเมืองหลานหลวง โดยให้เมืองอินทร์เป็นหัวเมืองชั้นใน และเป็นเมืองด่านรายทางสำหรับทางเหนือ เจ้าเมืองอินทร์คนแรก คือ “เจ้านครอินทร์” หลานของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ขุนหลวงพะงั่ว นั่นเอง

ที่กล่าวมาแต่ต้น ว่าเมืองอินทร์บุรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระนารายณ์ แห่งกรุงศรีอยุธยานั้น เห็นจะฟังได้จากโคลงนิราศนครสวรรค์ ที่พระศรีมโหสถแต่งขึ้นครั้งตามเสด็จสมเด็จพระนารายณ์ โดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค เพื่อขึ้นไปรับช้างเผือก เมื่อปี พ.ศ.2201 และต่อมาช้างเผือกช้างนี้ได้ขึ้นระวางเป็นเจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์

ในโคลงดังกล่าว มีตอนหนึ่งว่า “สายันต์ยามย่ำแล้ว ถึงทยาน” สันนิษฐานกันว่า คำว่า “ทยาน” ณ ที่นี้ หากอ่านจากโคลงบทเต็มแล้ว และจากหลักฐานที่ปรากฏทางโบราณคดี มีความเป็นไปได้ว่าคือ “วัดทยาน” ซึ่งต่อมาก็น่าจะเป็นวัดเดียวกันกับ “วัดไทร” ในปัจจุบัน สอดรับกับคำบอกเล่าชาวบ้านแต่เดิม ว่าวัดไทรแห่งนี้เดิมชื่อ “วัดทะยาน” กร่อนมาจากคำว่า “ท้ายย่าน” เพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนนี้เป็นวัดร้าง กระทั่งมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพบเข้า เห็นว่าบริเวณโดยรอบมีต้นไทรขึ้นอยู่หนาแน่นและคลุมไปถึงตัวโบสถ์ ที่ประดิษฐานองค์พระประธานไว้โดยรอบ จึงบอกชาวบ้านให้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดไทร”

วัดไทร อ.อินทร์บุรี

สังเกตจากซุ้มประตูทางเข้าโบสถ์ ไม่ว่าแต่อดีตหรือปัจจุบัน จะเห็นว่าเป็นศิลปะซุ้มโค้งแบบเดียวกับสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ขณะเดียวกัน “วัดทะยาน” ก็คือ “วัดไทร” นี่เอง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ต้องเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนารายณ์เคยเสด็จมาและเข้าไปนมัสการพระประธานภายในโบสถ์มาแล้ว ที่น่าตื่นเต้นก็คือ..สมเด็จพระนารายณ์น่าจะได้เสด็จพระราชดำเนินผ่านประตูซุ้มโค้งนี้เข้าไปในโบสถ์ เพราะเป็นประตูทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว ชาวบ้านเรียกว่า โบสถ์มหาอุต “ทยาน” ปัจจุบันต้นไม้ที่ขึ้นคลุมอยู่นั้นเป็นต้นโพธิ์เสียส่วนใหญ่ ต้นไทรแทบไม่มีแล้ว

ซุ้มประตูทางเข้ามีลักษณะโค้งแหลม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ศิลปะยุคพระนารายณ์

อีกประเด็นหนึ่ง สันนิษฐานเกี่ยวกับเมืองอินทร์บุรีมีความสำคัญในสมัยพระนารายณ์ คือในการส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสนั้น มีการซักซ้อมตอบคำถามให้กับคณะทูตไทย ซึ่งมีบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ ระบุว่าหากถามว่าสยามมีประชาชนหนาแน่นไหม ให้ตอบว่าประชาชนหนาแน่นมาก และมีชาวต่างชาติมาจากทุกประเทศ คำถามที่น่าจะเกี่ยวข้องกับอินทร์บุรี คือคำถามถึงบ้านเมืองที่อยู่รอบข้างประเทศสยามมีอะไรบ้าง คำตอบหนึ่งที่เตรียมไว้ “มีแคว้นพิชัย หัวเมือง มีเมืองรอง 7 เมือง คือ เมืองบางโพ เมืองฝาง เมืองลับแล เมืองพิพัฒน เมือง Ppateboune เมือง Trevantri Soune เมือง Phiboune Patthiimme และยังมีเมืองเหนืออีก 12 เมือง ที่ไม่ขึ้นกับแค้วนดังกล่าว คือ เมือง Ppithitaoa เมืองนครสวรรค์ เมืองชัยนาท เมืองอุทัยธานี เมืองมโนรมย์ เมืองพรหมบุรี เมืองลพบุรี เมืองอินทร์บุรี ฯลฯ จะเห็นว่ามีชื่อ “อินทร์บุรี” อยู่ด้วย

นอกจากนั้นแล้ว ในเอกสารประวัติศาสตร์ JACQ’HERGOUALC’H, 1993 หน้า 188 ระบุว่า ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บาทหลวงตาชาร์ด ได้บันทึกว่า..

“…เราออกจากเมืองละโว้เมื่อวันที่ 18 มกราคม พร้อมด้วย ม. เดอ ลา มาร์ วิศวกรของสมเด็จพระคริสต์ธรรมิกราชเจ้า ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามทรงส่งไปวางแนวป้อมปืนที่บางแห่ง เราไปกันทางเรือโดยทวนขึ้นไปถึงอินทร์บุรี (Innebourie) ซึ่งเป็นตัวเมืองเล็กๆ อันเป็นชุมทางใหญ่สามสายแยกไปทางราชอาณาจักรพะโค ลาว และกัมพูชา เราไปถึงในวันที่ 19 ตอนหลังเที่ยง ในขณะที่ ม. เดอ ลา มาร์ เลือกที่ทางอันเหมาะสำหรับวางแนวป้อมปืนในชนบท ยาวห้าสิบวาทางด้านนอกอยู่ เราก็เอาใจใส่กับการวัดความผันแปรซึ่งกระทำกันหลายครั้งหลายหน…”

ขณะที่ เดอ ลา มาร์ ได้บันทึกในเอกสารของตนเองว่า “…เมืองนี้เป็นเมืองเล็กในชนบท ตั้งอยู่ประมาณ 25 ลิเออร์ ริมฝั่งน้ำทวนขึ้นไปทางเหนือของละโว้ มีทางน้ำสามสายมาเจอกันที่เมืองนี้ สายหนึ่งมาจากพะโค สายหนึ่งมาจากลาว และอีกสายหนึ่งมาจากกัมพูชา พระเจ้ากรุงสยามมีพระราชโองการให้ข้าพเจ้าขึ้นไปสร้างป้อมขนาดเล็กเพื่อใช้ยับยั้งทางผ่านของข้าศึกที่จะมาทางนั้น…”

แม้ว่าจะมีการบันทึกไว้ชัดเจนดังที่กล่าวข้างต้น แต่ก็ยังเป็นข้อสงสัย ว่าเป็นพื้นที่ใดหรือที่จะสร้างเป็นป้อมปราการสำหรับรับมือกับข้าศึก ยิ่งในปัจจุบันสภาพภูมิศาสตร์ทีเปลี่ยนแปลงไป ก็ยากยิ่งจะคาดเดา ขณะเดียวกันหากว่ากันตามบันทึกเรื่องเส้นทางแม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งร่องรอยโบราณสถานที่วัดไทรนี้ มีศิลปกรรมร่วมสมัยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ คือช่องประตูและหน้าต่างโค้งแหลม จึงมีความเป็นไปได้ว่า ป้อมปราการที่เดอ ลา มาร์ สร้าง อาจจะอยู่บริเวณใกล้วัดไทรนั่นเอง

ดังนั้น “อินทร์บุรี” จึงมีความสำคัญ เป็นทั้งเมืองหลานหลวงและในด้านยุทธศาสตร์การทหาร ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อย่างไรก็ดี เราอาจไม่ค่อยพบเห็นโบราณสถานในอินทร์บุรีนักถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองโบราณ ซึ่งมีคำอธิบายจากพระยาโบราณราชธานินทร์ คราวตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ไปอินทร์บุรี ในปี 2459 ว่า “…ตามกฎมณเฑียรที่ว่าเมืองนี้เป็นเมืองหลานหลวงนั้น ได้ตรวจมาแล้วได้ความอย่างเดียวกับเมืองพรหมบุรี ซึ่งไม่มีเงื่อนไขที่จะจับได้ว่าวังของผู้ปกครองเมืองอยู่ที่ใด แต่เมื่อคำนึงถึงว่าเป็นเมืองหลานหลวงแล้ว ก็เล็งเห็นว่าวังจะเป็นเครื่องไม้ จะหาเค้าเงื่อนอันใดมิได้ แม้อินทร์บุรีจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างคราวโบราณว่าเป็นเมืองเก่าเหลือให้เห็น แต่ชาวอินทร์บุรีก็สืบทอดวิถีแห่งชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เมืองอินทร์บุรีไม่เคยหมดบทบาทความเป็นเมืองหน้าด่าน หรือประตูสู่เมืองเหนือ ชุมชนตลาดอินทร์บุรีก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจากความเป็นเมืองชุมชนมาก่อน เพราะมีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างคับคั่ง ทั้งสินค้าจากเมืองเหนือและแดนใต้..”

ปัจจุบันการเดินทางไปอินทร์บุรีสะดวกง่ายดาย ที่สำคัญไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทางรถยนต์ประมาณ 160 กิโลเมตร อยู่ห่างจากอ่างทอง 56 กิโลเมตร และห่างจากลพบุรี 41 กิโลเมตร อินทร์บุรีมีความหลากหลายในเชิงประวัติศาสตร์ เชิงเกษตรและธรรมชาติที่สวยงาม และอัธยาศัยของผู้คนในชุมชนอบอุ่นเป็นมิตร อีกทั้งอาหารการกินพื้นบ้านที่รสชาติอร่อยและโดดเด่น

ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ที่เริ่มต้น ณ วังนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ได้จบหรือสิ้นสุดอยู่แค่ที่วังเท่านั้น หากแต่ได้สืบสานถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านกาลเวลายาวนานมาจนถึงปัจจุบัน 333 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้สลายไปกับสายลม อย่างน้อยสิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่เพียงเศษเสี้ยว จะมากจะน้อยอย่างไรก็ยังทำให้คนรุ่นหลังมองเห็นรากเหง้าของตนเองในห้วงเวลาที่ผ่านมา


“มติชนอคาเดมี” จัดทริปตามรอยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในทัวร์ “333 ปี ไทย-ฝรั่งเศส EP.1 ตามรอยพระนารายณ์ที่ ‘อินทร์บุรี'” จ.สิงห์บุรี กำหนดเดินทางวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 นำชมและบรรยายโดย รศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี ลิกอ่านรายละเอียดเดินทางได้ที่ https://www.matichonacademy.com/tour/article_22903

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่ inbox เฟซบุ๊กเพจมติชนอคาเดมี คลิก m.me/Matichon.Academy.Thailand

หรือโทร 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124
Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105
line : @matichon-tour