เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว บ้านเราเกิดภาวะสับปะรดล้นตลาดและมีราคาที่ตกต่ำ และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างหนัก ในขณะที่สับปะรดถือเป็นผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายอย่างมากมาย อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์และเพศศาสตร์ในต่างประเทศได้บอกว่าการกินสับปะรดส่งผลต่อรสชาติของน้ำหล่อเลี้ยงช่องคลอดและอสุจิอีกด้วย วันนี้เราจึงรวบรวมเอา 8 คุณประโยชน์ที่ได้รับจากการกินสับปะรดมาแชร์ให้สาวๆ ได้ทราบกัน มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรกันบ้าง

1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
สับปะรดอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย จึงทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อได้ยาก อีกทั้งยังสามารถต่อสู้กับโรคภัยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดและขับเสมหะในลำคอได้เช่นกัน

2. ช่วยย่อยโปรตีนได้ดี
เนื่องจากในสับปะรดมีเอนไซม์ธรรมชาติที่มีชื่อว่าบรอมีเลน ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถย่อยอาหารได้ทั้งที่อยู่ในสภาวะกรดและด่าง จึงสามารถย่อยอาหารจำพวกโปรตีนได้ดี อีกทั้งยังช่วยลดอาการจุกเสียดได้อีกด้วย

3. ช่วยทำลายแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์
เอนไซม์บรอมีเลนที่อยู่ในสับปะรดมีส่วนช่วยทำลายแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมทั้งช่วยสมานแผลได้เป็นอย่างดี

4. ลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
เอนไซม์บรอมีเลนมีส่วนช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งเต้านม เนื่องจากเอนไซม์ชนิดนี้จะทำให้เม็ดเลือดขาวเกิดการหลั่งสารไซโตไคน์ที่ช่วยให้เม็ดเลือดขาวกำจัดเซลล์มะเร็งได้นั่นเอง

5. บรรเทาอาการร้อนใน
เมื่อมีอาการร้อนใน หรือรู้สึกกระหายน้ำและกระสับกระส่าย แนะนำให้กินสับปะรดทั้งแบบสดหรือนำมาปั่นเป็นน้ำสับปะรดดื่มจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ดี

6. มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก
เนื่องจากสับปะรดอุดมไปด้วยใยอาหาร ดังนั้นการกินผลไม้ที่มีใยอาหารย่อมช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้ง่าย จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้โดยปริยาย

7. ป้องกันอาการเหน็บชา
สารอาหารที่สำคัญอย่างวิตามินบี 1 และวิตามินบี 6 ที่อุดมอยู่ในสับปะรดนั้น แม้จะมีอยู่ในปริมาณที่ไม่มากนัก แต่ก็มีส่วนช่วยป้องกันอาการเหน็บชาและอาการเหนื่อยง่ายได้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ระบบประสาทและเม็ดเลือดทำงานได้ดียิ่งขึ้น

8. ส่งผลต่ออสุจิและช่องคลอด
ในส่วนของคุณประโยชน์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างในการกินสับปะรดก็คือ ทำให้อสุจิมีรสหวาน ซึ่ง ดร.แครอล ควีน นักสังคมศาสตร์และเพศศาสตร์กล่าวไว้ว่า การที่เรากินอะไรเข้าไปก็ตาม ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม หรือยารักษาโรค ล้วนมีผลต่อช่องคลอดและอสุจิ ดังนั้นการกินสับปะรดแล้วทำให้อสุจิมีรสหวานก็ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้

เป็นอย่างไรกันบ้างคะหลังจากที่ได้รู้ถึงคุณประโยชน์ที่ได้รับจากการกินสับปะรด เชื่อว่าจะทำให้สาวๆ หันมาให้ความสำคัญกับการกินผลไม้ชนิดนี้กันมากขึ้น เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย และยังมีส่วนช่วยป้องกันอาการต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้อีกด้วย

ที่มา : Sanook

ถ้าเอ่ยถึงผลไม้ที่มีหลายตา เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงชื่อสับปะรดเป็นลำดับต้นๆ นอกจากผลไม้ชนิดนี้จะมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ให้รสชาติเปรี้ยวหวานและมีกลิ่นหอมแล้ว ยังจัดเป็นผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายมากมายอีกด้วย วันนี้เราจึงหยิบเอาประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากการกินสับปะรด พร้อมทั้งวิธีการกินผลไม้ชนิดนี้เพื่อสุขภาพมาฝากทุกคนกันค่ะ

1. ชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอย
สับปะรดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและยังมีความสามารถในการสังเคราะห์คอลลาเจนด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่การทานสับปะรดช่วยชะลอวัยและลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณและลดการผลิตสารเมลานิน ทำให้ผิวแลดูกระจ่างใส

2. ต้านอนุมูลอิสระ
อย่างที่ทราบกันดีว่าการทานสับปะรดช่วยต้านอนุมูลอิสระ จึงมีส่วนช่วยต้านมะเร็งบางชนิดได้ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ดี

3. ลดระดับคอเลสเตอรอล
เนื้อของสับปะรดอุดมไปด้วยกากใยสูง แถมยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดระดับไขมันเลวได้ดีเลยทีเดียว จึงแนะนำให้สาวๆ หมั่นทานผลไม้ชนิดนี้เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย

4. ควบคุมน้ำหนักได้ดี
นอกจากเนื้อสับปะรดจะมีปริมาณกากใยสูงแล้ว ยังมีส่วนช่วยปรับความสมดุลของระบบย่อยอาหารได้อีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่สาวๆ หลายคนเลือกควบคุมน้ำหนักด้วยการทานสับปะรดกันเป็นจำนวนมาก

5. เพิ่มพลังงานในร่างกาย
วันไหนที่รู้สึกเหนื่อยล้าหรือร่างกายอ่อนเพลีย และไม่สดชื่นเหมือนทุกๆ วัน แนะนำให้ทานสับปะรด 2-3 ชิ้น จะรู้สึกถึงความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีส่วนช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกายนั่นเอง

6. ลดการอักเสบ
ในส่วนของนักวิ่งหรือนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อ แนะนำให้ทานสับปะรดเพื่อบรรเทาอาการ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบได้ดี

7. ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ

หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจของสับปะรดก็คือ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ถือเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ดีต่อหัวใจเลยทีเดียว

8. ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
โพแทสเซียมที่อุดมอยู่ในสับปะรดช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อได้ดี ซึ่งคุณสมบัติในข้อนี้จึงมีความคล้ายกับการทานกล้วยซึ่งอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อด้วยเช่นกัน

9. ลดอาการปวดประจำเดือน
โพแทสเซียมในสับปะรดยังมีส่วนช่วยลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในช่วงของการมีประจำเดือน การทานสับปะรดจะช่วยลดอาการปวดได้ดี

10. ใช้ในการห้ามเลือด
ผลดิบของสับปะรด มีส่วนช่วยในการห้ามเลือด ช่วยฆ่าพยาธิ และลดอาการทางเดินปัสสาวะขัดได้ดีอีกด้วย

กินสับปะรดอย่างไรไม่ทำลายสุขภาพ

  1. ก่อนทานสับปะรด ควรหั่นเนื้อและแกนกลางของมันด้วย จะช่วยให้ร่างกายได้รับคุณประโยชน์สูงสุด
  2. หลังปอกเปลือกเสร็จ ให้แช่สับปะรดในน้ำเกลือประมาณ 2-3 นาที เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในช่องปาก ไม่ทำให้แสบลิ้นง่าย
  3. ไม่ควรทานสับปะรดในขณะที่ท้องว่าง เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
  4. ไม่แนะนำให้ทานสับปะรดดิบ เนื่องจากสับปะรดดิบมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายแรง

จะเห็นได้ว่าสับปะรดซึ่งเป็นผลไม้ที่สาวๆ หลายคนชื่นชอบนั้นให้ประโยชน์ที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว ดังนั้นสาวๆ จึงควรให้ความสำคัญกับการทานอาหารให้หลากหลาย พร้อมทั้งการทานผักผลไม้ทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีได้

ที่มา : Sanook

เคยสังเกตไหมว่า เวลาไปรับประทานอาหารที่ไหนก็ตาม ผลไม้ตบท้ายมื้อมักต้องเป็น “สับปะรด” คู่มากับแตงโม และมะละกอ

ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของ สับปะรด ที่ช่วยย่อย จึงเหมาะแก่การเป็นผลไม้ตบท้ายมื้อ ช่วยล้างคาวอาหาร ช่วยให้การถ่ายท้องสะดวกสบายขึ้น

รวมทั้งคุณสมบัติแถมท้ายอย่างน่าสนใจที่ว่า ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ให้สะอาดใสปิ๊ง จึงเชื่อกันว่า สับปะรดเป็นผลไม้ช่วยลดน้ำหนัก

ทั้งนี้ ที่ผ่านมายังไม่มีผลวิจัยที่ชี้ชัดว่าการกินสับปะรดช่วยลดความอ้วน แม้ว่าจะช่วยย่อยอาหารและช่วยให้ถ่ายท้องได้สบายขึ้น ผิวพรรณดูสดใส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยลดน้ำหนักแต่อย่างใด

ที่น่าสนใจคือ ความที่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด ถ้ากินมากเกินไป หรือกินตอนท้องว่าง สิ่งที่น่ากังวลตามมาคือ อาจทำให้กระเพาะทะลุได้ (ขนาดน้ำสับปะรดเอาไปหมักเนื้อหมูยังทำให้หมูนุ้มนุ่มเลย)

แล้วควรกินมั้ย?

ก็ดีนะ แต่อย่ามาก เพราะสับปะรดมีวิตามินเพียบ โดยเฉพาะวิตามินซี ว่ากันว่าแค่กินชิ้นเดียวก็ช่วยดูแลสุขภาพในช่องปากได้แล้ว อย่างดูแลอาการเสียวฟัน เลือดออกตามไรฟัน รวมทั้งยังป้องกันหวัดได้เป็นอย่างดี

เอาเป็นว่ากินแต่พอดี อย่ากินตอนท้องว่าง แต่ถ้าต้องการลดความอ้วน กินแป้งและขนมจุบจิบให้น้อยลง และออกกำลังกาย ดีกว่าเยอะ

ที่มา : มติชนออนไลน์

สับปะรด ผลไม้ไม่ธรรมดา มาจากแดนไกล

ตอนเป็นเด็กประถมปลายมักจะถูกคุณครูตำหนิว่า ทำอะไรไม่เป็นสับปะรด ก็ทำให้สงสัยมาตลอดว่าทำไมต้องเป็นสับปะรด จนหมอยาท่านหนึ่งเฉลยในวงสนทนาว่า สมัยที่ชาวต่างชาติเอาสับปะรดเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรก พระราชาก็ให้เสนาอำมาตย์ชิมก่อนว่าเป็นพิษไหม รสชาติเป็นอย่างไร เสนาชิมแล้วก็ทูลว่าสรรพรสพระเจ้าข้า เพราะมีหลากหลายรสชาติ แล้วเลยเพี้ยนมาเป็นสับปะรด เท็จจริงแค่ไหนไม่รับประกัน แต่ก็ได้เข้าใจความหมายของคุณครูว่า เรานี่คงไม่ได้สักรส คือ ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ซึ่งก็คงจะจริง เพราแม้แต่จะสนเข็มซึ่งเพื่อนๆ เค้าทำได้สบาย แต่กลับยากเย็นเหลือเกินสำหรับเรา

สับปะรดเป็นพืชพื้นเมืองของบราซิล ถูกค้นพบโดยโคลัมบัสเมื่อปี ค.ศ.1493 ก่อนที่นักเดินเรือจะนำไปเผยแพร่ทั่วโลก และสันนิษฐานว่าเข้ามาในเมืองไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ สับปะรดใช้ในการป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้ เพราะในปริมาณที่เท่ากัน สับปะรดมีปริมาณวิตามินซีน้อยกว่ามะนาวเพียงเล็กน้อย แต่สับปะรดได้เปรียบที่ลูกโตกว่ามะนาวหลายเท่า ปลูกก็ง่ายกว่า ให้ผลผลิตมากกว่า แม้ว่าสับปะรดจะมีการนำมาปลูกในเมืองไทยได้ไม่นาน แต่ในตำรายาไทยก็มีหลายตำรับที่เข้าสับปะรด โดยเฉพาะยาแก้นิ่ว จะต้องมีแกนสับปะรดอยู่เสมอ

สับปะรด ผลไม้ช่วยย่อย ช่วยระบาย

สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยย่อย คล้ายๆ มะละกอ เพราะอุดมไปด้วยเอนไซม์โบรมีเลน (Bromelain) ช่วยย่อยโปรตีนให้กลายเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ เอนไซม์ชนิดนี้สามารถย่อยอาหารได้ทั้งในสภาวะเป็นกรดและด่างเช่นเดียวกับเอนไซม์ปาเปนในมะละกอ จึงช่วยกำจัดสิ่งตกค้างในลำไส้ไม่ให้หมักหมมจนเป็นสารพิษ ซึ่งจะทำให้ตับไตต้องทำงานหนัก

คุณสมบัติในการช่วยย่อย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อนี้ ทำให้ในสำรับข้าวของคนไทยสมัยก่อนมักจะมีสับปะรดเป็นผักเคียงอยู่ด้วย นอกจากนี้ คนสมัยก่อนถ้าขับถ่ายไม่ค่อยดี นิยมเอาสับปะรดดิบๆ มาแกงกับอาหารพวกโปรตีน เช่น เนื้อ ก็จะช่วยระบายท้อง ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น คงเป็นเพราะฤทธิ์ความเป็นกรดของสับปะรดจะช่วยดึงน้ำให้เข้าสู่ทางเดินอาหารมากขึ้นและกระตุ้นการขับถ่าย

สับปะรด ยาแก้นิ่ว แก้ปัสสาวะขัด

หมอยาพื้นบ้านนิยมใช้สับปะรดเป็นยาขับปัสสาวะ รักษาอาการบวมน้ำโดยกินเนื้อสับปะรดประมาณ 2 ขีดครึ่ง ทั้งยังเชื่อว่าการกินสับปะรดเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคนิ่วในไต ช่วยลดความดันได้อีกด้วย วิธีทำน้ำสับปะรดโดยทั่วไปใช้น้ำสับปะรด 1 ส่วน ผสมน้ำเปล่า 1 ส่วน (ควรเป็นน้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว ไม่ใช่น้ำร้อนเพราะเอนไซม์จะถูกทำลาย) นอกจากนี้เหง้าสับปะรดทั้งสดและแห้งยังเป็นยาแก้โรคทางเดินปัสสาวะชั้นยอด ถ้าสดใช้ประมาณ 200-250 กรัม แห้งใช้ประมาณ 90-100 กรัม ต้มกับน้ำรับประทานวันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 1 ถ้วยชา เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยลดความดันโลหิต

ยาแก้อักเสบและอาหารเสริมในรูปของผลไม้

ในเยอรมันนิยมใช้เอนไซม์โบรมีเลนซึ่งมีมากในสับปะรดช่วยลดอาการบวม การเจ็บปวด และช่วยให้แผลจากการผ่าตัดหรือการกระแทกหายเร็วขึ้น นอกจากนี้ สับปะรดยังใช้ลดอาการบวมจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย การบวมการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก ไซนัสอักเสบ และเชื่อว่าสับปะรดช่วยลดการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็นข้ออักเสบ รูมาตอยด์ เก๊าท์ รวมทั้งการอักเสบจากการเล่นกีฬา เนื่องจากสับปะรดมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการสร้างไคนิน (kinin) ที่เป็นสารก่อให้เกิดการอักเสบนั่นเอง

ปัจจุบันมีการค้นพบประโยชน์ของสับปะรดต่อสุขภาพมากมาย ที่สำคัญคือ บำรุงกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง อาจจะเนื่องจากในสับปะรดมีแมงกานีสอยู่มาก แมงกานีสเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูกและเอ็นของร่างกาย น้ำสับปะรดจึงเหมาะสำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต คนแก่ที่เป็นโรคกระดูกพรุน สับปะรดยังเหมาะกับคนที่เป็นโรคหวัดและไอ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ เพราะไม่เพียงมีวิตามินซีสูง แต่เอนไซม์โบรมีเลนยังมีฤทธิ์ลดการไอและทำให้เสมหะน้อยลง และยังมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคหัวใจบางประเภท และผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดขอด หลอดเลือดดำอักเสบ เพราะช่วยย่อยลิ่มเลือด

เครื่องสำอางทำความสะอาดผิวหน้าระดับลึก

นอกจากมีเอนไซม์โบรมีเลนซึ่งช่วยย่อยเซลล์ที่ตายแล้ว ระงับอาการอักเสบ อาการบวม และช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่เสื่อมโทรมแล้ว สับปะรดยังมีกราดอะมิโน กรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) และน้ำตาลช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น มีวิตามินเอ วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชราของเซลล์ผิวหนัง และลบรอยเหี่ยวย่น จึงมีการใช้สับปะรดเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางเพื่อทำความสะอาดรูขุมขนบนผิวหนัง อีกทั้งช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวหน้าสดใส ซึ่งเราสามารถทำใช้ได้เอง เพียงคั้นน้ำสับปะรดมาทาหน้าก่อนนอน หรือทาเช้า-เย็นก็ได้ ทาทิ้งไว้ 10 นาที จึงล้างออก

ตำรับยา

ยาแก้ท้องอืดในเด็กอ่อน

นำใบสับปะรดไปย่างไฟ คั้นเอาแต่น้ำ ใช้เป็นน้ำกระสายยาฝนกับรากเตพังคีพอขุ่น ทาท้องเด็กอ่อน ถ้าเด็กโตหน่อยก็ให้กินน้ำคั้นได้เลย


ที่มา หนังสือบันทึกของแผ่นดิน ๖ สมุนไพรท้องไส้…ในวิถี ASEAN โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร