นายโชติพัฒน์ และ นางอาทินันท์ พีชานนท์ ประธานกรรมการและรองประธานกรรมการบริหาร อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน (ที่ 3 และที่ 4 จากซ้าย) ร่วมกับสตาร์บัคส์ โดยนางเนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) (ที่ 4 จากขวา) เปิดสตาร์บัคส์สาขาใหม่อย่างเป็นทางการ ณ อาคารอาคเนย์ สำนักงานใหญ่ สีลม ถือเป็นอีกก้าวของความร่วมมือในการขยายสาขาสตาร์บัคส์ กับบริษัทในกลุ่มทีซีซี

การแข่งขันในตลาดกาแฟของจีน มูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปีนี้ส่อเค้าดุเดือดยิ่งขึ้นตั้งแต่ต้นปี เมื่อเชนร้านกาแฟสัญชาติจีนและสตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์น “ลัคกิ้น” (Luckin) ประกาศแผนท้าชนเจ้าตลาดอย่าง “สตาร์บัคส์” ซึ่งถือส่วนแบ่งตลาด 80% อีกครั้ง หลังจากปล่อยหมัดใส่เชนร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันอย่างต่อเนื่องในปีที่แล้ว โดยชูจุดขายด้านราคา ความสะดวกและเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นตั้งราคาถูกกว่า 20-30%, เปิดบริการดีลิเวรี่ใน 30 นาที รวมถึงการจ่ายค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่น เพื่อจับกลุ่มพนักงานออฟฟิศและนักศึกษา

โดยสำนักข่าว “แชนนัลนิวส์ เอเชีย” รายงานว่า ลัคกิ้นประกาศทุ่มงบฯไม่อั้นใช้กลยุทธ์ดาวกระจายสปีดสาขา 2,500 แห่งในเมืองระดับ 1 และ 2 ทั่วประเทศจีนภายในปีนี้ หรือคิดเป็นการเปิดสาขาใหม่ทุก 3.5 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้สิ้นปีเชนร้านกาแฟสัญชาติจีนมีสาขารวม 4,500 แห่ง แซงหน้าสตาร์บัคส์ที่มีสาขา 3,600 แห่งไปแบบขาดลอย พร้อมรักษาจุดขายด้านราคาถูกกว่าคู่แข่งและบริการดีลิเวอรี่ต่อเนื่อง

“เรลโน ชาลเกิล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของลัคกิ้น กล่าวถึงแผนการนี้ว่า ตลาดกาแฟในจีนมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก สะท้อนจากอัตราการบริโภคกาแฟของชาวจีนซึ่งดื่มเฉลี่ย 4-5 แก้วต่อปี ในขณะที่ชาวญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี ดื่มมากถึง 300 แก้วต่อปี จึงต้องเร่งสปีดสาขาในเมืองใหญ่ระดับ 1 และ 2 ซึ่งมีกลุ่มพนักงานออฟฟิศและนักศึกษาที่เป็นเป้าหมายหลักอยู่จำนวนมาก อาศัยข้อได้เปรียบจากโมเดลแกร็บแอนด์โก หรือการสั่งกาแฟล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นและมารับที่ร้านเมื่อชงเสร็จ และนำไปดื่มที่ออฟฟิศหรือมหา”ลัย รวมถึงบริการดีลิเวอรี่ใน 30 นาที จึงใช้พื้นที่น้อยสามารถหาทำเลได้ง่ายและค่าเช่าต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสตาร์บัคส์และคอสต้า ซึ่งเน้นให้ลูกค้านั่งดื่มในร้าน

พร้อมกันนี้ยังดำเนินกลยุทธ์ราคาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งราคาต่ำกว่าเจ้าตลาด 20-30% อาทิ กาแฟลาเต้แก้วใหญ่ราคาเพียง 24 หยวน ในขณะที่สตาร์บัคส์ราคา 31 หยวน เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยความคุ้มค่า อาศัยเม็ดเงินจากผู้ลงทุนรายใหญ่ อาทิ บรรษัทเพื่อการลงทุนแห่งรัฐบาลสิงคโปร์ หรือจีไอซี และวาณิชธนกิจสัญชาติจีน “ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ป” ซึ่งปีที่แล้วบริษัทสามารถระดมทุนได้ถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ตัวบริษัทมีมูลค่าถึง 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ครองตำแหน่งสตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์นด้านธุรกิจกาแฟรายแรกของแดนมังกร

“เรายังมีทุนมากพอที่จะทุ่มแบบไม่อั้นเพื่อการขยายสาขาและกลยุทธ์ราคาได้อีกอย่างน้อย 2-3 ปีแน่นอน โดยปีที่แล้วใช้เงินลงทุนด้านต่าง ๆ ไปประมาณ 130 ล้านเหรียญสหรัฐ” เรลโน ชาลเกิล ย้ำความมั่นใจ

สอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์ที่มองว่า ลักค์อินสามารถสร้างแรงกดดันให้กับสตาร์บัคส์ได้ไม่น้อย เนื่องจากสามารถเล่นงานจุดอ่อนของเจ้าตลาดอย่างบริการดีลิเวรี่ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอาหารในประเทศจีน ที่ผู้คนนิยมสั่งอาหารไปทานที่บ้าน หรือที่ทำงานมากกว่า โดยแม้สตาร์บัคส์จะทำธุรกิจในจีนมานานถึง 20 ปี แต่กลับเพิ่งเปิดบริการดีลิเวรี่เมื่อ ส.ค.ปีที่แล้ว ด้วยการร่วมมือกับยักษ์อีคอมเมิร์ซ “อาลีบาบา” จนปัจจุบันมีบริการดีลิเวอรี่ 2,000 แห่ง จากทั้งหมด 3,600 แห่ง

ขณะเดียวกัน สตาร์บัคศ์ยังเริ่มใช้กลยุทธ์ราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าและปรับคาดการณ์อัตราเติบโตของยอดขายระยะยาวเป็น 1% ขณะเดียวกันปรับกลยุทธ์ในจีน หันโฟกัสคอกาแฟระดับบน-พรีเมี่ยมมากขึ้น โดยเน้นกาแฟแบรนด์ “รีเซิร์ฟ” ที่ใช้เมล็ดกาแฟหายาก คัดพิเศษจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อเลี่ยงการแข่งขันราคาในตลาดระดับแมส-กลาง สะท้อนถึงความดุเดือดของการแข่งขัน

“ไฮ่ โยวหวั่น” นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจดาเค่อ ให้ความเห็นว่า สถานการณ์นี้คล้ายกับการแข่งขันระหว่าง 2 บริการเรียกรถ “อูเบอร์” จากสหรัฐ กับ “ดิดี” (Didi) ของจีน ซึ่งแข่งขันราคากันอย่างดุเดือด ซึ่งสุดท้ายอูเบอร์ต้องยกธงขาวขายกิจการในจีนให้ดิดี

ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าม้ามืดสัญชาติจีนรายนี้จะสามารถล้มยักษ์อเมริกัน และครองตลาดกาแฟในประเทศบ้านเกิดได้หรือไม่

 


ที่มา คอลัมน์ MARKET MOVE / นสพ.ประชาชาติธุรกิจ

สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) มอบความหอมหวานให้กับช่วงนี้ด้วยเมนูพิเศษที่เอาใจทั้งคนรักชาและกาแฟ มิลค์ทีพานาคอตต้าแฟรบปูชิโน่ และพิสตาชิโอ บอน บอน แฟรบปูชิโน่ รวมถึงอีกหนึ่งเครื่องใหม่ โคลด์โฟม ไอซ์ เอสเพรสโซ่ โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศ

 

ประเดิมเมนูแรกกับ “มิลค์ ที พานา คอตต้า ครีม แฟรบปูชิโน่(Milk Tea Panna Cotta Cream Frappuccino® Blended Beverage) เป็นการนำเสนอผงชานมที่ทำมาจากใบชาคุณภาพเยี่ยมซึ่งให้รสชาติชานมหอมหวานที่ทุกคนคุ้นเคย ผสมผสานกับครีมปั่น เพิ่มเนื้อสัมผัสของเครื่องดื่มด้วยพานาคอตต้าพุดดิ้งแสนอร่อย ท็อปด้วยวิปครีมด้านบน และโรยด้วยผงชานม นอกจากนี้ยังมี “พิสตาชิโอ บอน บอน ครีม แฟรบปูชิโน่ (Pistachio Bon Bon Cream Frappuccino® Blended Beverage) ที่จะมาเพิ่มความสนุกสนานให้กับฤดูร้อนนี้ด้วยรสหวานมันของถั่วพิสตาชิโอ และซอสถั่วช็อคโกแลต ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากไอศกรีมพิสตาชิโอ และ บอน บอน ที่แปลว่าขนมหวาน หรือลูกอมสอดไส้ ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นลูกอมช็อคโกแลตสอดไส้ถั่วตรงกลาง ด้านบนของเครื่องดื่มท็อปด้วยวิปครีม โรยถั่วพิสตาชิโอ้และวาฟเฟิลชิ้นเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสกรุบกรอบให้หอมมันมากยิ่งขึ้น

 

ส่วนคอกาแฟไม่ว่ารุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ไม่ควรพลาด “โคลด์โฟม ไอซ์ เอสเพรสโซ่(Cold Foam Iced Espresso) กาแฟเอสเพรสโซ่เสิร์ฟในรูปแบบเย็น เป็นเครื่องดื่มฮิปๆ คูลๆ ที่ดื่มง่ายกว่ากาแฟดำทั่วไป เพราะมีโคลด์โฟมที่ทางสตาร์บัคส์รังสรรค์ฟองนมเนียนนุ่ม ละมุนลิ้นจากนมพร่องมันเนยท็อปอยู่ด้านบน จึงเป็นเครื่องดื่มที่สามารถเติมความสดชื่นทั้งยามเช้าและบ่าย อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพเพราะกาแฟรสชาติหวานน้อย และโฟมนมทำจากนมไขมันต่ำ

นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ ยังขนทัพเมนูอาหารกลางวันแบบร้อนพร้อมเสิร์ฟที่ให้พลังงานและดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น

  • ลาซานญ่าหมู (Pork Lasagna) ทำจากเส้นลาซานญ่าสดเนียนนุ่ม กับซอสหมูเข้มข้นสูตรพิเศษ ชุ่มฉ่ำซอสสลับชั้นแป้งเต็มคำ
  • ผักโขมอบชีสและเบคอน (Baked Spinach Bacon with Cheese) ผักโขมผัดครีมผสานกับเบคอนกรอบ เพิ่มความหอมมันของครีมและชีสเยิ้ม ๆ เมื่ออุ่นร้อน
  • สลัดกุ้งคีนัว (Quinoa Prawn Salad) สลัดผักรวมพรีเมียมเสิร์ฟพร้อมกับคีนัว ซุปเปอร์ฟู้ดที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์หลากหลาย เสริมคุณค่าทางอาหารด้วยกุ้งต้ม ราดน้ำสลัดซีฟู้ดที่มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ดเล็กน้อย

Starbucks Drinkware Collection

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสะสมดริ้งค์แวร์ของสตาร์บัคส์ คราวนี้ก็พลาดไม่ได้เช่นกันกับผลิตภัณฑ์สีสันสดใส จัดจ้าน สะดุดตา ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Tropical style ซึ่งเป็นการใช้สีสันของธรรมชาติรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น สีเขียวของใบไม้ สีฟ้าจากน้ำทะเล สีส้มและสีเหลืองจากผลไม้เขตร้อน (Tropical Fruit) เป็นต้น อีกทั้งยังมีนกทูแคนซึ่งเป็นนกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศบราซิล และมีลักษณะคล้ายนกเงือกของประเทศไทยมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแคมเปญนี้ด้วย

  • แก้วเซรามิคสีฟ้า ขนาด 12 ลายนกทูแคน ฝาพลาสติกสีเหลืองสดใส ใส่ได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ราคา 950 บาท
  • แก้วเซรามิค ขนาด 12 ลายใบไม้หลากสี ฝาพลาสติกสีเหลืองสดใส ใส่ได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ราคา 950 บาท
  • แก้วเซรามิคสีเหลือง ดีไซน์ใหม่เป็นรูปทรงสับปะรด ขนาด 12 มาพร้อมฝาปิดซิลิโคนสีเขียวที่ช่วยเก็บอุณหภูมิของน้ำให้อุ่นยาวนานขึ้น อีกทั้งฝาปิดยังมีที่จับทำให้เปิดปิดได้ถนัดมือ ใส่ได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ราคา 750 บาท
  • แก้วพลาสติกโปร่งใส ขนาด 10 ลายนกทูแคน เหมาะสำหรับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ราคา 380 บาท
  • ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีล 2 ชั้น ขนาด 12 สีชมพูสดใส พิมพ์โลโก้ Siren™ แบบนูนที่ส่วนกลางทัมเบลอร์ มาพร้อมฝาปิดดีไซน์ใหม่ที่บางลง มาพร้อมหลอดพลาสติกสีส้มที่สามารถล้างแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เหมาะสำหรับเครื่องดื่มเย็น ราคา 950 บาท
  • ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีล 2 ชั้น ขนาด 16 สีเขียวน้ำทะเล พิมพ์โลโก้ Siren™ แบบนูนที่ส่วนกลางทัมเบลอร์ มาพร้อมฝาปิดดีไซน์ใหม่ที่บางลง และหลอดพลาสติกสีฟ้าที่สามารถล้างแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เหมาะสำหรับเครื่องดื่มเย็น ราคา 1,150 บาท
  • ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีล 2 ชั้น ขนาด 20 oz. สีเขียวสว่างสดใสลายใบไม้ เพิ่มความสนุกสนานให้เข้ากับช่วงซัมเมอร์ด้วยร่มสีเหลืองที่ตกแต่งมากับหลอด เหมาะสำหรับเครื่องดื่มเย็น ราคา 1,300 บาท
  • ทัมเบลอร์พลาสติก 2 ชั้น ขนาด 12 ลายใบปาล์มสีชมพู-ส้ม เพิ่มความสดใสให้เข้ากับช่วงซัมเมอร์ด้วยร่มสีฟ้าที่ตกแต่งมากับหลอด เหมาะสำหรับเครื่องดื่มเย็น ราคา 440 บาท
  • ทัมเบลอร์พลาสติก 2 ชั้น ขนาด 16 สีชมพูสดใส ลายนกทูแคน เพิ่มความสนุกสนานด้วยร่มสีส้มที่ตกแต่งมากับหลอด เหมาะสำหรับเครื่องดื่มเย็น ราคา 480 บาท

 

สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) ส่งเมนูแมงโก้สติ๊กกี้ไรซ์ครีมแฟรบปูชิโน่ปั่น รสชาติหอมหวานสดชื่นมาเอาใจคนรักข้าวเหนียวมะม่วง พร้อมทั้งดริ๊งค์แวร์แมงโก้คอลเลคชั่นที่จะมาเติมเต็มซัมเมอร์นี้ให้สมบูรณ์แบบ โดยจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศ

 

แมงโก้สติ๊กกี้ไรซ์ครีมแฟรบปูชิโน่ปั่น เมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ประเทศไทย มอบส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างน้ำมะม่วงผสมเสาวรส ปั่นกับนมเนื้อเนียนนุ่ม ด้านล่างเติมเต็มความหอมหวานด้วยส่วนผสมของข้าวเหนียว และเจลลี่มะม่วงจากราชามะม่วงอัลฟองโซ่ ท็อปด้วยวิปครีมเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนที่ยิ่งทำให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็ก ๆ ลงตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั่น แมงโก้ สติ๊กกี้ ไรซ์ ครีม แฟรบปูชิโน่ปั่น ยังเป็นเพียงเมนูเดียวในประเทศไทยที่มีดริ้งค์แวร์เข้าคู่เป็นของตัวเอง ยิ่งทำให้เมนูนี้มีความพิเศษมากขึ้น ไม่ลองไม่ได้แล้ว

 

 

ดริ๊งค์แวร์แมงโก้คอลเลคชั่น

  • ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีลสองชั้นแบบสุญญากาศ สีขาวตัดเหลือง ลายมะม่วงสดใส มาพร้อมกับซิลิโคนสีดำกันกระแทกที่ใต้ทัมเบลอร์ เหมาะสำหรับทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 1,350 บาท

 

  • ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีลสองชั้นแบบสุญญากาศ มาพร้อมฝาปิดสองแบบคือ ฝาปิดสีเขียวเข้มแบบ traveler และฝาปิดซิลิโคนทรงวิปครีมสีขาวสลับกับสีเขียว เหมาะสำหรับทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 1,150 บาท

 

  • ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีลสองชั้นแบบสุญญากาศ มาพร้อมฝาปิดสองแบบคือ ฝาปิดสีขาวแบบ traveler และฝาปิดซิลิโคนทรงวิปครีมสีขาวสลับกับสีเหลือง เหมาะสำหรับทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 1,150 บาท

 

  • ทัมเบลอร์พลาสติกสองชั้น ด้านนอกโปร่งใส ส่วนด้านในเป็นลายมะม่วง มาพร้อมกับฝาผิดพลาสติกที่สามารถกันน้ำหกหรือรั่วไหลได้อย่างดี และสามารถใส่ได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 480 บาท

 

  • ทัมเบลอร์พลาสติกสองชั้น ที่มาพร้อมกับที่จับแก้วซิลิโคนสีขาว-เหลืองที่สื่อให้เห็นถึงเลเยอร์ของเครื่องดื่มแฟรบปูชิโน่ และยังมีหลอดพลาสติกสีเขียวอ่อน ที่สามารถเก็บไว้ข้างทัมเบลอร์ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับใส่เครื่องดื่มชนิดเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 480 บาท

 

  • ขวดน้ำพลาสติกทูโทนที่ส่วนบนเป็นสีเหลืองแบบโปร่งแสง ส่วนล่างเป็นสีส้มแบบโปร่งแสง ส่วนกลางของทัมเบลอร์สามารถถอดออกได้เพื่อให้ง่ายต่อการใส่น้ำแข็ง มาพร้อมฝาปิดสีขาวแบบเกลียวที่สามารถกันน้ำหกหรือรั่วไหลได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับเครื่องดื่มชนิดเย็นเท่านั้น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 500 บาท

 

  • ขวดน้ำพลาสติกสีเขียวโปร่งแสง ส่วนกลางของทัมเบลอร์สามารถถอดออกได้เพื่อให้ง่ายต่อการใส่น้ำแข็ง มาพร้อมฝาปิดสีเขียวเข้มแบบเกลียวที่สามารถกันน้ำหกหรือรั่วไหลได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับเครื่องดื่มชนิดเย็นเท่านั้น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 500 บาท

 

  • ทัมเบลอร์แก้วที่มาพร้อมกับฝาปิดทรงวิปครีมทนความร้อนและหลอดพลาสติกสีเขียวตัดขาวที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เหมาะสำหรับใส่เครื่องดื่มชนิดเย็น ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 600 บาท

 

  • ทัมเบลอร์แก้วที่มาพร้อมกับฝาปิดทรงวิปครีมทนความร้อนและหลอดพลาสติกสีเหลืองตัดขาวที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เหมาะสำหรับใส่เครื่องดื่มชนิดเย็น ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 600 บาท

 

นอกจากนี้สตาร์บัคส์ยังนำเสนอ เกมส์ ‘Show Your Flavor’ ให้ได้ร่วมสนุกลุ้นรับคูปองแลกซื้อเครื่องดื่มแฟรบปูชิโน่ในราคาพิเศษสุดๆ โดยสามารถร่วมสนุกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15-20 พฤษภาคม 2561 และนำมาแลกซื้อเครื่องดื่มที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 11 มิถุนายน 2561 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/StarbucksThailand/

ศาลในเมืองลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา พิพากษายืน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่่ผ่านมา โดยยังคงคำสั่งให้ผู้จำหน่ายกาแฟหลายแบรนด์ในจำนวนนี้รวมไปถึงสตาร์บัคส์ ติดป้ายคำเตือนมะเร็งสำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟที่จำหน่ายในแคลิฟอร์เนีย

คดีดังกล่าวมีขึ้นหลังสภาเพื่อการศึกษาและวิจัยสารพิษ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ยื่นฟ้องบรรดาบริษัทผู้ขายกาแฟ เมื่อปี 2553 ภายใต้กฎหมายที่ระบุว่าบริษัทผู้ค้าจะต้องติดป้ายเตือนบนผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงให้เกิดโรคมะเร็งได้

โดยกลุ่มสภาเพื่อการศึกษาและวิจัยสารพิษระบุว่าในกาแฟมีสาร “เอคริลเอไมด์” ที่พบได้ในกาแฟส่วนใหญ่รวมถึงอาหารอื่นๆ ที่ใช้ความร้อนอย่างมันฝรั่งทอด เฟรนช์ฟรายส์ หรือแครกเกอร์ โดยสารดังกล่าวนั้นสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยมีการบรรจุสารดังกล่าวอยู่ในรายการสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็งของแคลิฟอร์เนีย

ทั้งนี้ ศาลตัดสินว่าจำเลยซึ่งประกอบไปด้วยสตาร์บัคส์ เคอริก กรีนเมาเทน และพีตโอเปอเรตติง ไม่สามารถแก้ต่างได้ว่า การดื่มกาแฟมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่จะได้รับจากสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งดังกล่าวได้

ทั้งนี้ อีก 1 บริษัทที่ถูกฟ้องร้องคือเซเว่นอีเลเว่นที่ดำเนินการตามศาลสั่งไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

ที่มา มติชนออนไลน์

สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) แนะนำเครื่องดื่มใหม่ล่าสุด 2 เมนู เพิ่มความสดชื่นให้จิตใจชุ่มฉ่ำ พร้อมคลายความร้อนช่วงซัมเมอร์นี้ ประเดิมเมนูแรกด้วย มิดไนท์ มอคค่า แฟรบปูชิโน่ปั่น (Midnight Mocha Frappuccino® Blended Beverage) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมิดไนท์มิ้นต์มอคค่าซึ่งเป็นเมนูพิเศษ สุดป๊อบปูล่าร์จากสหรัฐอเมริกา  ด้วยแบล็คมอคค่าที่เพิ่มความเข้มข้น นำมาปั่นรวมเข้ากับจาวาชิพที่ใคร ๆ ก็ต่างโปรดปราน สัมผัสเนื้อวิปครีมเนียนนุ่มแสนอร่อยที่เลเยอร์ชั้นกลางซึ่งตัดกับสีน้ำตาลเข้มของแบล็คโกโก้ สามารถลิ้มลองความอร่อยได้ทั้งในแบบสูตรกาแฟและครีมปั่น

 

และพลาดไม่ได้กับ ที-รามิสุ แฟรบปูชิโน่ปั่น (Tea-ramisu Frappuccino® Blended Beverage) เครื่องดื่มที่นำเอาชื่อของขนมสัญชาติอิตาเลียน อย่างทิรามิสุ (Tiramisu) ที่มาพร้อมความหมายดี ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ โดยเมื่อแปลเป็นไทยแล้วมีความหมายว่า “เลือกฉันสิ” หรือ “ช่วยเชียร์ฉันด้วย” เครื่องดื่มนี้ได้ผสานความอร่อยของชีสสไตล์ตะวันตกเข้ากับชาเขียวญี่ปุ่นในแบบฉบับตะวันออก อีกทั้งมีการปั่นผสมรวมกันระหว่างผงชีสเค้กกับนม แต่งแต้มลวดลายเครื่องดื่มให้สวยงามน่ารับประทานด้วยซอสชาเขียวเข้มข้น ปิดท้ายด้านบนด้วยวิปครีมและคุกกี้ชาเขียวครัมเบิ้ลกรุบกรอบ การันตีว่าแฟน ๆ ชาเขียวจะต้องหลงรัก ลิ้มลองสองเมนูอร่อยได้ก่อนใครตั้งแต่วันที่ 24 เมษายนจนถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ณ ร้านสตาร์บัคส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ

นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังได้ยกทัพความอร่อยกับเมนูของหวานหลากหลายมานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น

โรลมันม่วงสอดไส้ครีมวนิลลา อิ่มอร่อยกับมันม่วงนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นที่แทรกอยู่กับครีมสีขาวเนื้อเนียน และสปอนจ์เค้กเนื้อฉ่ำ แต่งแต้มด้านบนด้วยช็อกโกแลตรูปหัวใจและข้าวพองเคลือบช็อกโกแลตสีขาว

มิกซ์เบอร์รี่รูบาร์บครัมเบิ้ลพาย โดดเด่นด้วยส่วนผสมของรูบาร์บซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมวิตามินซีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและ ลดคลอเลสเตอรอล

สตาร์บัคส์กรีนที บานอฟฟี่พาย เค้กชาเขียวทรงสามเหลี่ยมพร้อมมอบความอร่อยกับกล้วยหอมชิ้นโตและวิปครีมนุ่มละมุนลิ้นตัดกับฐานคุกกี้ช็อกโกแลตกรุบกรอบลงตัว

กรีนที มิลล์ เครปเค้ก เครปเค้กชาเขียวแผ่นบางสลับกับชั้นครีม ราดซอสชาเขียวเข้มข้น

เรนโบว์ มิลล์ เครปเค้ก ขนมหวานสีรุ้งสุดอินเทรนด์เกาะกระแสสีแฟชั่นโทนพาสเทลในปีนี้ เสิร์ฟพร้อมซอสมิกซ์เบอร์รี่ ได้แก่ ราสเบอร์รี่และสตรอเบอร์รี่หวานอมเปรี้ยว

ไทย ที บริกซ์ ขนมปังทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์สอดไส้ชาไทยเน้นๆ อร่อยแบบอุ่นร้อน เนื้อสัมผัสกรอบจากด้านนอก ด้านในเป็นไส้ชาไทยสีส้มอมน้ำตาลอุ่นๆ ไหลเยิ้มละลายในปาก

มัฟฟินมัทฉะถั่วแดง การผสมผสานระหว่างชาเขียวรสเข้มและถั่วแดงกวนหอมมัน เสริมรสสัมผัสด้วยครัมเบิ้ลกรอบนิดๆ และกลิ่นหอมจากเนย

Starbucks Drinkware Collection

ผู้ที่ชื่นชอบการสะสมดริ้งค์แวร์คอลเลคชั่นใหม่ๆ จากสตาร์บัคส์ กรุณาเตรียมเงินในกระเป๋าไว้ให้พร้อม มาคราวนี้สตาร์บัคส์ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคโมเดิร์นที่ชื่นชอบสตรีทอาร์ทและลวดลายกราฟิตี้ พร้อมงานอดิเรกในการเฟ้นหาโลเคชั่นลับสุดเก๋ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักตามตึกรามบ้านช่องต่างๆ ก่อนแชะและแชร์ลงบนโซเซียลมีเดีย คอลเลคชั่นล่าสุดประจำซีชั่นนี้มาพร้อมโทนสีจัดจ้านสดใส

ทัมเบลอร์ SS Water Lily ทัมเบลอร์สแตนเลสสตีล 2 ชั้นแบบสุญญากาศ สีน้ำเงินผิวแมท มาพร้อมลายดอกบัวหลากสี สำหรับเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 1,150 บาท

ทัมเบลอร์ ST Faces Acrylic ทัมเบลอร์พลาสติก 2 ชั้น ด้านนอกโปร่งใส ด้านในตกแต่งด้วยลวดลายหน้าตาผู้คนหลากหลายรูปแบบบนพื้นหลังสีชมพูสดใส เหมาะสำหรับทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 480 บาท

ทัมเบลอร์ ST-Faces San ทัมเบลอร์พลาสติก Cold Cup ลายอาร์ตเวิร์ครูปใบหน้าแปลกตา สำหรับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 440 บาท

ทัมเบลอร์ ST-Community San ทัมเบลอร์พลาสติก Cold Cup ลาย Fun & Colorful Community บนพื้นหลังสีเหลืองสดใส สำหรับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ขนาด 24 ออนซ์ ราคา 600 บาท

ขวดแก้ว ST-Water Lily ขวดแก้วโปร่งใสลายดอกบัวหลากสี พร้อมฝาปิดพลาสติกสีชมพูกันน้ำหกและรั่วไหล ได้รับการออกแบบด้วยหูหิ้ว ทำให้สะดวกต่อการพกพา สำหรับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ขนาด 15 ออนซ์ ราคา 650 บาท

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าถ้วยกาแฟแบบใช้แล้วทิ้งนั้นสร้างผลเสียต่อสภาพแวดล้อม โดยในสหราชอาณาจักร มีการใช้ถ้วยกาแฟดังกล่าวปีละราว 2.5 พันล้านถ้วย และสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้เพียง 0.25% เท่านั้น

โดยถ้วยเหล่านี้มักทำมาจากกระดาษผสมกับพลาสติก แต่พลาสติกนี้ไม่สามารถนำออกมาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้

สาเหตุดังกล่าวทำให้คณะกรรมการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐบาลสหราชอาณาจักรแนะนำให้เก็บภาษีขั้นต่ำ 25 เพนนี สำหรับแก้วใช้แล้วทิ้งทั่วประเทศ ซึ่งรายได้จากการเก็บภาษีดังกล่าวจะนำไปใช้ระบบการรีไซเคิลแก้วแบบดังกล่าวนั่นเอง

ล่าสุด ร้านกาแฟเชนดังอย่าง “สตาร์บัคส์” ได้เริ่มทดลองค่าริการเพิ่มในร้านสตาร์บัคส์ 35 สาขาทั่วกรุงลอนดอน เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยทางร้านจะเก็บเงินลูกค้าเพิ่ม 5 เพนนี หากซื้อแก้วแบบ Takeaway ซึ่งรายได้จากส่วนนี้สตาร์บัคส์จะนำไปเข้า Hubbub องค์กรการกุศลด้านสิ่งแวดล้อมที่สตาร์บัคส์ทำงานด้วย

ไซมอน เรดเฟิร์น รองผู้อำนวยการด้านการสื่อสาร สตาร์บัคส์ยุโรป กล่าวว่า “เราสนใจที่จะทำงานร่วมกับ Hubbub จริงๆ เพื่อที่จะดูว่าการคิดค่าบริการเพิ่มนี้จะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคและช่วยลดขยะได้อย่างไร”

โดยจากการสำรวจพบว่า ลูกค้าสตาร์บัคส์ 48% ระบุว่าหากมาซื้อกาแฟก็จะพกแก้วที่ใช้ซ้ำได้มาเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 5 เพนนี

ทั้งนี้ แม้ว่าร้านกาแฟบางร้านจะเสนอส่วนลดให้ลูกค้าที่นำแก้วมาเอง แต่มีการตอบสนองต่อส่วนลดนี้ต่ำมาก เพียง 1-2% เท่านั้น เทียบกับโครงการเก็บเงินเพิ่มหากต้องการถุงพลาสติก ซึ่งสามารถลดปริมาณถุงพลาสติกลงถึง 83% ในปีแรก แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคตอบสนองต่อการเก็บเงินเพิ่มมากกว่าส่วนลด

ไซมอน เรดเฟิร์น ยังกล่าวอีกว่า สตาร์บัคส์เสนอให้ส่วนลดการใช้แก้วที่ใช้ซ้ำได้มาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1998 ที่เป็นเชนร้านกาแฟเจ้าแรกใน UK ที่เสนอส่วนลดให้ลูกค้า 10 เพนนี ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 25 เพนนีในปี 2008 และเพิ่มเป็น 50 เพนนีในปี 2016 แต่ปัจจุบันลดลงมาเหลือ 25 เพนนี โดยมีลูกค้าตอบสนองต่อส่วนลดนี้ประมาณ 1.8%