ที่ผ่านมาเราคงจะรู้อยู่แล้วว่า “ไมโครเวฟ” เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่ไว้ใช้ให้ความร้อนแก่อาหาร แต่ไมโครเวฟในคลิปดังกล่าวนี้ไม่เหมือนไมโครเวฟแบบเดิมๆ อีกต่อไป เพราะเป็นไมโครเวฟที่สามารถ “แช่แข็ง” ได้ด้วย!

โดยบริษัทที่คิดค้นไมโครเวฟดังกล่าวคือบริษัท Frigondas ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยไมโครเวฟนี้สามารถแช่เครื่องดื่มให้เย็นได้ภายในเวลาไม่กี่นาที

นอกจากนี้ ความพิเศษของไมโครเวฟนี้คือสามารถทำความเย็นได้เร็วกว่าช่องแช่แข็งปกติถึง 15 เท่า โดยแก่นแท้ของไอเดียนี้เป็นการผสมผสานระหว่างไมโครเวฟและตู้แช่แข็ง (blast chiller) ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พบได้ทั่วไปในครัวระดับโปรเฟสชั่นแนล ซึ่งเชฟหลายคนจะชอบใช้ เพราะสามารถแช่ฟรีซอาหารได้โดยไม่ดึงน้ำออก ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เมื่อนำอาหารออกมาละลายแล้ว อาหารยังมีรสชาติสดใหม่

อย่างไรก็ตาม โดยมากแล้วตามบ้านเรือนทั่วไปก็ไม่ได้ใช้ตู้แช่แข็งนี้ เนื่องจากมีขนาดใหญ่มากและการใช้งานยุ่งยาก แต่การผสมผสานระหว่างตู้แช่แข็งกับไมโครเวฟ ทำให้ครัวในบ้านทั่วไปสามารถใช้ได้

ชมคลิป

Futuristic microwave also freezes food

Your next microwave will double as a freezer.

โพสต์โดย State of the Carte เมื่อ วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2018

แกงหมูชะมวงของขึ้นชื่อเมืองชายทะเลตะวันออก แกงนี้จะทำได้ต่อเมื่อมีใบชะมวง ใบชะมวงเลือกเอาใบเพสลาดไม่แก่ไม่อ่อน หากหาใบชะมวงไม่ได้จริงๆ ใช้ใบมะขามต้นแทนได้ เพราะเป็นพืชตระกูลเดียวกัน ใบมีรสเปรี้ยวเหมือนกัน

ส่วนผสม

-ขาหมู

-หอมแดง กระเทียม ข่า ตะไคร้ พริกชี้ฟ้าแห้ง กะปิ

-น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลอ้อย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำปลา

วิธีทำ

-ต้มขาหมูให้นุ่ม

-ซอยข่าและตะไคร้

-คั่วข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม พริกแห้ง คำเครื่องแกง

-ฉีกใบชะมวงเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วขยี้เพื่อให้เปรี้ยว

-ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่พริกแกงลงผัดให้หอม ตามด้วยขาหมูต้ม ปรุงรสด้วยซอส น้ำตาลปี๊บ ใส่ใบชะมวง ผัดให้เข้ากัน ถ่ายใส่หม้อ เติมน้ำต้มขาหมูต้มจนเข้าเนื้อกันดี

 

จากหนังสือ ปลูกเองกินเอง เมนูอร่อยจากสวนครัวคนเมือง สนพ.มติชน

ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เอาใจนักชิม จัดงาน “Helix Dining Sawasdee Songkran 2018” คัดสรรอาหารไทยคาวหวานหาทานยาก ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ และเพื่อสืบสานวัฒนธรรมอาหารไทยโบราณรวมถึงเป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีแบบไทย ตั้งแต่ วันที่ 13-16 เมษายน ศกนี้ ณ โซน ฮีลิกซ์ ชั้น 5 ถึง ชั้น 7 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ โดยรวบรวมร้านอร่อยมากมายมาไว้ภายในงาน อาทิ

ล่าเตียง

“ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน”

กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 กล่าวถึง “ล่าเตียง” ของว่างไทยที่มีมาแต่โบราณ ล่าเตียงทำจากกุ้งสดสับปรุงรสด้วยเครื่องเทศไทย ห่อด้วยไข่ที่ทำเป็นแพตาข่าย
เมี่ยงดอกบัว


เมี่ยงดอกบัว
เป็นของว่างสมุนไพรของไทยซึ่งถูกดัดแปลงจากเมี่ยงคำที่รับประทานโดยทั่วไป
แต่ขนมไทยยายทวดเลือกใช้กลีบบัวแทนใบชะพลู ทำให้ได้รับรสชาติและความหอมจากกลีบดอกบัวซึ่งแตกต่างไปจากเดิม เครื่องเมี่ยงประกอบด้วย กุ้งแห้งอย่างดี ถั่วลิสงคั่ว ขิง หอมแดง มะนาว พริกขี้หนู และมะพร้าวคั่ว รับประทานกับน้ำเมี่ยงปรุงรสหวานเค็ม


แตงโมปลาแห้ง
ของว่างไทยยามบ่ายที่ให้ความสดชื่นคลายร้อน แตงโมเป็นผลไม้ฤดูร้อนเสิร์ฟพร้อมหน้า
ปลาแห้ง ซึ่งทำจากเนื้อปลาช่อนแห้งบดละเอียดและคั่วจนกระทั้งกลิ่นหอม ผสมเข้ากับน้ำตาลทรายและหอมแดงทอด ถึงแม้ว่าแตงโมปลาแห้งหารับประทานยาก แต่ยังคงเป็นของว่างที่ถูกนึกถึงเสมอในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย


ดาวล้อมเดือน
เป็นขนมไทยโบราณ ตัวขนมทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมสีธรรมชาติ
เช่น ใบเตย อัญชัน ฟักทอง แครอท เผือก เป็นต้น และสอดไส้ด้วยถั่วเหลืองกวนที่ให้รสชาติหวานเค็มคล้ายไส้ของขนมเทียน เสิร์ฟในน้ำกะทิและโรยหน้าด้วยงาคั่ว ทำให้ดาวล้อมเดือนมีความหวานมันและหอมน่ารับประทาน

นอกเหนือจากชิมอาหารรสเลิศแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูป, สาธิตการทำบุหงารำไปสด ด้วยดอกไม้ไทยนานาชนิดพร้อมน้ำปรุง, Workshop การทำปลาตะเพียน, Workshop การสานพัดไทย พร้อมชมขบวนพาเหรดอนุรักษ์ความเป็นไทย ตั้งแต่ วันที่ 13-16 เมษายน ศกนี้ ณ โซน ฮีลิกซ์ ชั้น 5 ถึง ชั้น 7 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์    

อีกหนึ่งเรื่องที่คนมักจะนึกถึงเวลาพูดถึงเรื่องโลกอนาคตก็คือ “การนำหุ่นยนต์มาใช้ทำงานแทนคน” ตั้งแต่ในระดับครัวเรือนไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม

โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าว ถือเป็น “ครัวหุ่นยนต์” เต็มรูปแบบครัวแรกของโลก ที่จะมีแขนหุ่นยนต์ 1 คู่ คอยปรุงเมนูโปรดไว้ให้เราได้กิน เพียงแค่ผู้ใช้เลือกเมนูด้วยการแตะที่หน้าจอทีชสกรีนหรือบนแอปพลิเคชั่น

ทั้งนี้ หุ่นยนต์ดังกล่าวผ่านการเรียนรู้จากเชฟระดับมืออาชีพที่ถูกถ่ายทำการทำอาหารแบบสามมิติ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้หุ่นยนต์สามารถทำอาหารได้เหมือนที่เชฟทำอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

สำหรับ “ครัวหุ่นยนต์” นี้จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในปี 2018

ชมคลิป

Step into a fully robotic kitchen

Fully robotic kitchens may become our chefs.

โพสต์โดย State of the Carte เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2018

เพื่อโรงหนังเก่าที่ถูกทิ้งกับแคมเปญระดมทุนในการสร้างสารคดี One Man, Stand-Alone: บนเส้นทางของโรงภาพยนตร์เก่าร้าง

ฟิลลิป จาบลอน (Philip Jablon) นักอนุรักษ์ และผู้ก่อตั้งทั้งยังเป็นผู้อำนวยการโครงการภาพยนตร์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดแคมเปญนี้เพื่อเป็นพื้นสำหรับการระดมเงินทุนออนไลน์ ในการสร้างสารคดีเรื่องยาว โดยสารคดีจะเป็นการเล่าเรื่องราวในขณะที่เขาได้ตระเวนเพื่อเก็บภาพบรรยากาศตามโรงภาพยนตร์ที่ถูกทิ้งให้เก่าร้างทั้งในประเทศไทยและพม่า ซึ่งภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ยังได้เคยออกอากาศทางช่อง Thai PBS ด้วยความยาว 30 นาที เมื่อเดือนกันยายนปี 2560 ที่ผ่านมา โดยในการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีตัวเต็มเรื่องนี้ จะเจาะลึกเข้าไปถึงรายละเอียดถึงที่มาที่ไปและจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โรงภาพยนต์พวกนี้ถูกทิ้งร้างเอาไว้อย่างในปัจจุบัน

“One Man, Stand-Alone: บนเส้นทางของโรงภาพยนตร์เก่า” จะพาผู้ชมเดินทางผ่านเมืองและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งพม่าและไทย ซึ่งจะเผยให้ถึงเห็นถึงข้อเท็จจริงอันน่าอัศจรรย์ รวมไปถึงได้สัมผัสกับทัศนียภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสีสันของตึกและอาคารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเสมือนศูนย์กลางของเมืองและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน โดยสารคดีเรื่องนี้ จะนำเสนอผ่านในส่วนของการผจญภัยและการเดินทางอันยาวนานของโรงภาพยนตร์

ซึ่งในการทำงานครั้งนี้ ฟิลลิป จาบลอน ยังได้คุณ ธีรยุทธ์ วีระคำ ซึ่งเป็นผู้กำกับสารคดีไทยฝีมือดีมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว เพื่อให้เกิดความสนุก และสวยงาม ทั้งยังเข้าถึงความนิยมที่เกิดขึ้นในอดีตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาสำหรับโรงภาพยนตร์ในภูมิภาคนี้ว่าสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคปัจจุบันได้อย่างไร

โดยผ่านแพลตฟอร์มการร่วมระดมทุนเพื่อร่วมสนับสนุนแคมเปญ “One Man, Stand-Alone: บนเส้นทางของโรงภาพยนตร์เก่า” คือ Asiola ซึ่งเป็นช่องทางระดมเงินทุนออนไลน์ หรือแพลตฟอร์ม crowdfunding รายแรกที่มุ่งเน้นตลาดสร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชีย

“เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์” ชวนออเจ้าทั่วแดนสยาม สืบสานความอร่อยต้นตำรับชาววัง ในงาน ‘เทสต์ ออฟ ไทย’ เทศกาลอาหารไทยเลื่องชื่อ

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ เสน่ห์ของอาหารไทยยังคงอยู่ในทุกยุคทุกสมัย และทวีความนิยม ขึ้นเรื่อยๆ จากกระแสนิยมไทยของละครดัง บุพเพสันนิวาส เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ จึงร่วมสืบสานความเป็นไทย ชวนย้อนรอยความอร่อยต้นตำรับชาววัง ในงาน Taste of Thai (เทสต์ ออฟ ไทย) และ ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืน เทศกาลอาหารไทยเลื่องชื่อ สูตรต้นตำรับชาววังที่คงความมีเอกลักษณ์ไทย ทั้งอาหารคาว, เครื่องว่าง, ของหวาน, ขนมไทยโบราณตำรับชาววังที่หาทานยากและขนมไทยมงคล จาก 28 ร้านดัง และพบสินค้าที่ดีที่สุดในฤดูกาล ทั้งสินค้าชุมชน, โอทอป, เอสเอ็มอี, สินค้าแปรรูป และสินค้าจีไอ (GI) ตั้งแต่วันนี้ – 24 เมษายน 2561 เวลา 11.00 – 20.00 น. ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขาชิดลม, เซ็นทรัลเวิลด์, เดอะ คริสตัล รามอินทรา, อีสต์วิลล์ และบางนา

โดยมีเซเลบริตี้ผู้หลงใหลอาหารไทย วิสาขา – ฐณส หงสนันทน์ คู่แม่ลูกที่ควงกันมาชิมอาหารไทยก่อนใคร และ ลงมือทำเครื่องว่าง ข้าวเกรียบปากหม้อ ครั้งแรก ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ชั้น 1 เซ็นทรัลชิดลม เมื่อเร็วๆ นี้

วัตินาพร บัณฑุชัย ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เผยว่า “อาหารไทยหลายเมนูถูกจัดอันดับว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก นอกเหนือไปจากรสชาติที่อร่อยถูกใจแล้ว อาหารไทยยังมีเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาหารไทยสูตรต้นตำรับชาววัง ที่จะมีความพิถีพิถัน ละเมียดละไม การใช้ความประณีตถ่ายทอดศิลปะแกะสลักรูปทรงต่างๆ ลงบนอาหารสมกับเป็นชาววัง เพื่อสืบสานวัฒนธรรมด้านอาหารไทย เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ จึงจัดงาน Taste of Thai (เทสต์ ออฟ ไทย) และ ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืน เทศกาลอาหารไทยเลื่องชื่อ สูตรต้นตำรับชาววังทั้งอาหารคาว, เครื่องว่าง, ของหวาน, ขนมไทยโบราณตำรับชาววังที่หาทานยาก, ขนมไทยมงคล จาก 28 ร้านดัง และสินค้าที่ดีที่สุดในฤดูกาลจากชุมชน กว่า 800 รายการ

เริ่มที่ ร้านข้าวแช่คุณปิ๋ม ที่เปิดร้านเพียงครึ่งวันก็จำหน่ายหมดเกลี้ยง! กับข้าวแช่สูตรต้นตำรับชาววัง จุดเด่นอยู่ที่ข้าวเม็ดเรียวสวย นุ่มละมุนลิ้น แช่ในน้ำเย็นที่อบด้วยดอกมะลิ ดอกชำมะนาด และเทียนอบ ส่งกลิ่นหอมโชย เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงที่ปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน ถัดมาที่ ครัวการบินไทย มาร่วมออกบูธเป็นปีแรก นำอาหารและขนมไทยนานาชนิดที่มีชื่อเสียงเรียงนามด้านความอร่อยมาให้ลิ้มชิมรส ตั้งแต่อาหารคาวยอดนิยม ฉู่ฉี่ปลากระพง,ทอดมันปลากราย, ยำส้มโอ, กระทงทองไส้ไก่ และของหวาน เซ็ตขนมไทยโบราณ 6 อย่าง ที่ปัจจุบันหาทานได้ยาก ได้แก่ ช่อม่วง, ปั้นสิบไส้ปลา, หรุ่ม, ลูกชุบทองหยอด และเม็ดขนุน นอกจากนี้ยังมีขนมมันม่วงสามสีที่แกะสลักเป็นดอกกุหลาบอ่อนช้อยงดงาม เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากให้ญาติผู้ใหญ่ อีกหนึ่งร้านที่ห้ามพลาดกับ จิม ทอมป์สัน อาหารไทยแท้สูตรต้นตำรับที่พ่อครัวได้รังสรรค์การปรุงจนได้รสชาติแบบไทยแท้ทั้งคาวหวาน อาทิ ขนมช่อม่วง จุดเด่นอยู่ที่ความนุ่ม ไส้อร่อย เมนูนี้ขอบอกว่าให้คะแนนเต็มสิบและยังมีเมนูข้าวแช่ อาหารชาววังประจำเทศกาลสงกรานต์ ที่สมัยก่อนจะทำกินเฉพาะในวังเท่านั้น รสชาติของข้าวแช่ร้าน จิม ทอมป์สัน จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนหิว จุดเด่นอยู่ที่เครื่องเคียง ลูกกะปิจะกวนนาน ทำให้เหนียวและนุ่มมาก

หากจะพูดถึงร้านขนมไทย ร้านป้าโหนก คือหนึ่งในลิสต์รายชื่อที่ห้ามพลาด! เสน่ห์ของขนมร้านป้าโหนก ขนมทุกอย่างจะสดใหม่ เครื่องแน่น รสชาติกลมกล่อม อาทิ บ้าบิ่นมะพร้าวหอม ที่มีทั้งความนุ่ม หนึบ กับมะพร้าวที่อัดแน่นเต็มชิ้น, ขนมข้าวโพด ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้ต้องเดินตามกลิ่นมาชิม ลักษณะเป็นแป้งนุ่มๆ ที่อัดแน่นด้วยข้าวโพดและมะพร้าว จึงได้ทั้งความหอม มัน เป็นความอร่อยที่เข้าคู่กันได้ดีทีเดียว ใครที่ชอบทานน้ำพริก ร้านบ้านแม่ยุ้ย ขนบรรดาน้ำพริกมาแทบจะ ทุกสูตร ตั้งแต่ น้ำพริกขิงแห้ง สูตรต้นตำรับราชครู ที่สืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย ใช้แรงผู้ชายเคี่ยวทั้งคืนจนแห้งได้ที่ และอีกไฮไลต์ น้ำพริกมันกุ้ง หอมๆ มันๆ ใช้ทานกับผักสดหรือผัดข้าวสวยก็กลมกล่อมสุดๆ

ปิดท้ายด้วย น้ำพริกขี้กา ที่มีส่วนผสมของปลา ให้รสชาติเปรี้ยวนิดหวานหน่อย ต่อมา ร้านอัลม่า คิทเช่น ที่มีทั้งหมูรวนและไก่รวนเค็มเป็นสูตรที่อาม่าใช้ทำให้ลูกหลานทาน จนสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น และกลายเป็นที่มาของชื่อร้าน ซึ่งคงรสชาติอร่อยเด็ดทำคนทุกรุ่นทุกวัยหลงใหลความอร่อยมานานหลายทศวรรษ แต่ที่หันไปทีไร คนเข้าคิวยาวแน่นทุกที ร้านข้าวเหนียวคลองเขิน จากแม่กลอง นำข้าวเหนียวสังขยามาให้ลิ้มลองถึงที่ จุดเด่นอยู่ที่ข้าวเหนียว 4 รส ได้แก่ ข้าวเหนียวมูน สีขาว, ข้าวเหนียวมูนสีดำ, ข้าวเหนียวขมิ้น และข้าวเหนียวธัญพืช ที่แต่ละชนิดจะนุ่มเป็นพิเศษ และยังมีหน้าต่างๆ ให้เลือกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าสังขยา, หน้าปลา, หน้ากุ้งสด ไม่แปลกใจที่ต้องรอ เพราะของเขาดีจริงๆ

มาถึงร้านที่ ออเจ้าทั้งหลายไม่ควรพลาด ร้าน MANGORO กับมะม่วงเปรี้ยวมันจิ้มกับน้ำปลาหวาน, กะปิโหว่ และ กะปิหวาน เด็ดอย่าบอกใครเชียว! และยังมีร้านชื่อดังอีกมายมาย อาทิ ร้านรสโอชา ร.ศ.199, ร้านข้าวแช่บ้านพระนาง, ร้านเมี่ยงคำกันดา, ร้านข้าวแกงดอนหวาย, ร้านปั้นขลิบ จิว แอนด์ เจน, ร้านขนมจีนแม่ละม่อม พร้อมอิ่มเพลินไปกับสินค้าที่ดีที่สุดในฤดูกาลจากชุมชน กว่า 800 รายการ ทั้งสินค้าชุมชน,โอทอป, เอสเอ็มอี,สินค้าแปรรูป และสินค้า จีไอ (GI) อาทิ แคบหมูและน้ำพริกหนุ่ม, พริกแกงแจ่วฮ้อนข้าวเหนียวมะม่วงและน้ำพริก,มะม่วงน้ำปลาหวาน, มะยงชิดลอยแก้ว, กระยาสารท, หมี่กรอบ 3 รส, กล้วยไข่, ส้มโอทับทิมสยาม,ทุเรียน, สละ, เงาะสีทอง, สับปะรด และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย

ด้านเซเลบ 2 แม่ลูกผู้หลงใหลอาหารไทย วิสาขา – ฐณส หงสนันทน์ ก็ไม่พลาดมาร่วมงาน พร้อมยังได้ ลงมือทำข้าวเกรียบปากหม้อเป็นครั้งแรก! ซึ่งทั้งคู่เผยความรู้สึกว่า “วันนี้ได้มาลองทำข้าวเกรียบปากหม้อเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นและสนุกมาก ส่วนตัวชอบทานทั้งอาหาร เครื่องว่าง และขนมไทย โดยเฉพาะข้าวแช่ ซึ่งปัจจุบันข้าวแช่ที่เป็น รสต้นตำรับชาววังแท้ๆ นั้นหาทานยาก จึงคิดไว้ว่าจะไปลงคอร์สเรียนทำข้าวแช่ จะได้ทำกินเอง และได้รสชาติที่ เราชอบ รวมถึงปาล์มเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้วด้วย จึงอยากลองทำครับ และอยากฝากเชิญชวนสำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารไทย สามารถมาชิมมาเลือกซื้อที่งาน เทสต์ ออฟ ไทย และ ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืนครับ”

ลิ้มลองความอร่อยในงาน Taste of Thai (เทสต์ ออฟ ไทย) และ ท็อปส์ทำ นำชุมชนยั่งยืน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 24 เมษายน 2561 เวลา 11.00 – 20.00 น. ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขาชิดลม, เซ็นทรัลเวิลด์, เดอะ คริสตัล รามอินทรา, อีสต์วิลล์ และ บางนา พิเศษ!! เพียงแต่งชุดไทยเดิมมาถ่ายรูปในงาน ‘Taste of Thai’ (เทสต์ ออฟ ไทย) ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขาใดก็ได้ 5 สาขา และโพสต์รูปถ่ายลง Facebook หรือ Instagram ตั้งค่าเป็นสาธารณะและใส่ Hashtag #TasteofThai2018 รูปภาพที่โดนใจคณะกรรมการ รับ Gift Voucher มูลค่า 500 บาท จำนวน 20 รางวัล ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/TopsThailand

ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หลายคนอาจจะวางแผนท่องเที่ยวกันแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จะไปไหนดี เที่ยวฝยกรุงเทพฯก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย

โดยเพจเฟซบุ๊ก หอสมุดวังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้โพสต์เชิญชวนร่วมงาน “สงกรานต์หน้าวัง” ซึ่งจะได้พบกับภาพวาด 3 มิติ ที่เป็นภาพของตัวละครในเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ไม่ว่าจะเป็น แม่การะเกด พี่หมื่น พี่ผิน พี่แย้ม อ้ายจ้อย และภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจจากคณะจิตรกรรมฯ พร้อมกิจกรรมภายในงานอีกมากมาย โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 6-8 เมษายน นี้ เวลา 10.00-20.00 น. ที่ ม.ศิลปากร วังท่าพระ

ทั้งนี้ สงกรานต์หน้าวัง เป็นกิจกรรมพื้นที่ทางวัฒนธรรมกลุ่มเศรษฐกิจวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์เส้นทางถนนหน้าพระลาน – มหาราช – พระจันทร์ – พระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร โครงการวิจัยและพัฒนาพื้นที่ทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนผ่านกลไกความร่วมมือของภาคประชาสังคม ศิลปินหรือชุมชนและสถาบันการศึกษา (ทุนวิจัยฯ สกว)

ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน "สงกรานต์หน้าวัง" .พบกับภาพวาด 3 มิติ กับแม่การะเกด พี่หมื่น พี่ผิน พี่แย้ม อ้ายจ้อย และภาพอื่น ๆ…

โพสต์โดย หอสมุดวังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ วันอังคารที่ 3 เมษายน 2018

 

ที่มา เฟซบุ๊กเพจ หอสมุดวังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร

“หมูสะดุ้งแจ่ว” เมนูสุดแซ่บทำกินกับเพื่อนๆ สมาชิกในบ้านเพลินๆ ว่าแต่จะทำอย่างไร ให้รสแซ่บถึงใจ

สูตรหมูสะดุ้งแจ่ว

วัตถุดิบ
– เนื้อหมูสันคอนอก
– น้ำปลา
– น้ำตาลปี๊บ
– น้ำตาลทราย
– ข้าวคั่ว
– พริกป่น
– น้ำมะนาว
– สุราผสม
– น้ำเปล่า
– เนย
– กระเทียม
– ใบโหระพา
– พริกชี้ฟ้าแดง

 

    

วิธีทำ

เริ่มต้นจากทำน้ำยำใสก่อน

หาถ้วยขนาดพอประมาณให้สามารถคนเครื่องปรุงได้
โดยเริ่มจากใส่น้ำตาลทราย ตามด้วยน้ำปลา คนให้เข้ากัน ตามด้วยบีบมะนาวลงไป คนต่ออีกสักนิด

–พักไว้ก่อน–

จากนั้นตั้งเตา หาหม้อขนาดพอดี เติมน้ำเปล่า ใส่น้ำตาลปี๊บตามลงไป โดยคนให้น้ำตาลปี๊บละลายแตกตัวเป็นน้ำเชื่อมเคี่ยวจนเดือด

จากนั้นนำเครื่องปรุงรสชามแรกกับน้ำเชื่อมที่ได้จากละลายน้ำตาลปี๊บ มาผสมกันจะได้ “น้ำยำใส”

จากนั้นนำเนื้อหมูสันนอก มาหั่นให้เป็นลูกเต๋า
ตั้งเตาวางกระทะ ใส่เนยลงไปอย่างแรก ตามด้วยเนื้อหมูลงตามผัดจนเนื้อหมูสุก
ตามด้วยใส่สุราผสม น้ำยำใส(ที่ได้ทำเตรียมไว้แล้ว)
คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่พริกป่น ข้าวคั่ว กระเทียม พริกชีฟ้าแดง ใบโหระพา

ผัดไปให้เข้ากันจนระอุ หอมได้ที่ ยกกระทะขึ้นจัดใส่จาน

เป็นอันได้เมนู หมูสะดุ้งแจ่ว แซ่บจี๊ดถึงใจ
ลองไปทำกันดูนะคะ

"หมูสะดุ้งแจ่ว" ทำอย่างไร? ถึงจะรสแซ่บถึงใจ

Happy Dish: "หมูสะดุ้งแจ่ว" ทำอย่างไร? ถึงจะรสแซ่บถึงใจMatichon Academy – ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน

โพสต์โดย Khaosod – ข่าวสด เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2018

สนใจเรียนทำอาหาร
ดูได้ที่ www.matichonacademy.com
หรือดูตารางเรียนประจำเดือนได้ที่นี่ >ตารางเรียน

หรือติดตามอัพเดทเรื่องราวอาหารและไลฟ์สไตล์สนุกๆได้ที่
Facebook : MatichonAcademy

เมื่อวันที่ 3 เมษายน นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ รองอธิการบดีฝ่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ม.รังสิต กล่าวในการแถลงข่าวความคืบหน้าการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ว่า กัญชาเป็นพืชตะวันออกและเรารู้จักกันมาเป็นพันปี ฝรั่งไม่ค่อยรู้จัก ฝรั่งจัดว่าเป็นยาเสพติด ซึ่งไทยก็ตามฝรั่งจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติดตั้งแต่ 70-80 ปีก่อน อยู่ในประเภทห้ามเสพ ห้ามปลูก ห้ามจำหน่าย ห้ามครอบครอง แต่ระยะหลังฝรั่งเขารู้ว่ากัญชาทางการแพทย์ถือว่าปลอดภัย ฝรั่งเขาก็ปรับตัว บางประเทศอนุญาตให้ใช้เป็นยา ใช้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจได้ แต่ประเทศไทยแม้มีกระแสเคลื่อนไหวเพื่อแก้กฎหมายมาหลายปี แต่ก็ยังไหลไปตามกระบวนการราชการ ก็คงต้องรอดูการแก้กฎหมายยาเสพติดว่าจะช่วยปลดล็อกในเรื่องทางการแพทย์หรือไม่” นพ.ศุภชัย กล่าว

ศ.(พิเศษ) วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้กฎหมายยาเสพติด คือ ร่างประมวลกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมร่างเสร็จแล้ว ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อยู่ระหว่างรอการพิจารณาเข้าวาระของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งแม้จะได้รับอนุญาตในการทดลอง แต่ไม่นำสารสกีดจากกัญชามาทดลองกับมนุษย์ได้ ทดลองได้แค่ในสัตว์ ซึ่งน่าเสียดายมาก เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนป่วยไข้ โดยเฉพาะจากมะเร็งที่ได้รับผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดรออยู่ จึงต้องพยายามให้ข้อมูลและความสำคัญเพื่อให้กฎหมายผ่านออกมาให้ได้

ขอบคุณภาพจากกรมศิลปากร

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้มีการหารือร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งระดมนักสมุนไพรมาช่วยกันค้นว่า ประเทศไทยเคยใช้กัญชาในทางการแพทย์กี่ตำรับ พบว่า ค้นได้ 12 เล่มรวม 91 ตำรับ แสดงว่าเรามีความรู้ภูมิปัญญาวิธีการใช้กัญชามายาวนาน ตั้งแต่ก่อนสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และมีบันทึกในยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชด้วย มีการนำกัญชามาใช้ต่อเนื่อง จึงทำให้เห็นโอกาสว่าหากมีการปลดล็อกกฎหมายและนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้ และกรมการแพทย์แผนไทยฯ ไม่ต้องมาเสียดายตำรับยาโบราณจำนวนมากที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ ที่สำคัญทำให้มีความหวังในการใช้ในการรักษาโรคต่างๆ มีผลิตที่ได้มาตรฐาน ประชาชนใช้ได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องในทางการแพทย์ ซึ่งถ้าไม่ปลดล็อกโทษจะเกิดกับผู้แอบใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เกิดกับผู้ที่รอความหวังจะเป็นตำรับยารักษาโรคอื่นๆ อีกมากมายก็จะสิ้นหวังลง อย่างตำรับยาเบญจอำมฤตย์ที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ใช้ทดลองอยู่ที่โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยยศเส ที่ไม่ได้ผลเพราะบางตำรับต้องมีกัญชาเข้าไปผสม


ที่มา มติชนออนไลน์

 

 

หลายคนอาจจะบอกว่าการเอา “ใบไม้” มาเป็นภาชนะใส่อาหารเป็นเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เพราะเป็นสิ่งที่คนโบราณใช้มาหลายศตวรรษ เช่น ใบตองในไทย หรือใบอื่นๆ ในอินเดีย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาชนะจากใบไม้อย่างที่ผ่านมายังไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก

วิศวกรเยอรมนีได้คิดค้นการทำจาน ชาม ที่ทำจากใบไม้ แต่มีความแข็งแรงมาก ซึ่งจานแต่ละใบจะประกอบด้วย 3 ชั้น ทำให้แข็งแรงและกันน้ำได้ โดยชั้นบนสุดทำจากใบไม้ชนิดหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกที่นำมาเย็บและอัดแน่น ชั้นกลางเป็นกระดาษที่ทำจากใบไม้ มีความแข็งแรงสูง และชั้นล่างสุดก็เป็นใบไม้เย็บและอัดแน่นเช่นกัน

โดย Leaf Republic บริษัทที่จำหน่ายภาชนะจากใบไม้นี้ ได้วางขายภาชนะหลากหลายรูปแบบ ทั้งจาน ชาม ถ้วย ถาด โดยภาชนะแต่ละใบจะสามารถย่อยสลายได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4 สัปดาห์ ซึ่งจาน 1 ใบ มีราคาไม่ถึง 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในอนาคตคาดว่าราคาจะถูกลงอีกในอินเดีย

ชมคลิป

Biodegradable leaf plates

Disposable plates don't come much greener.

โพสต์โดย State of the Carte เมื่อ วันอังคารที่ 27 มีนาคม 2018