NIA ผนึก TikTok ประกาศ 6 ผู้ชนะ InnovaTok Contest 2025 ดันครีเอเตอร์สายนวัตกรรม จุดกระแสคอนเทนต์วิทย์-เทคโนโลยีบนแพลตฟอร์มดิจิทัล

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ TikTok แพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ระดับโลก และพันธมิตร Tellscore ประกาศผล ผู้ชนะโครงการ “InnovaTok Contest 2025” อย่างเป็นทางการ คัด 7 ครีเอเตอร์ รุ่นใหม่จากกว่า 200 ผลงานทั่วประเทศ โดย นายนนทวัช ครุตเนตร จากช่อง AnyLearn และนางสาวมัทวัน หลักชัยสกุล จากช่อง คุณหนูขมิ้น คว้ารางวัลชนะเลิศนักสื่อสารนวัตกรรมที่สามารถถ่ายทอดแนวคิด ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมผ่านคลิปวิดีโอสั้นบน TikTok ได้อย่างสร้างสรรค์ เข้าถึงง่าย และจุดประกายความคิดแก่ผู้ชมในวงกว้าง สะท้อนพลังของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่าน Soft Power และแพลตฟอร์มดิจิทัล พร้อมสอดรับกับเทรนด์ “STEM Feed” ที่กำลังได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นในงาน SITE 2025 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO) โดยมี ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA, นางชนิดา คล้ายพันธ์ Director of Public Policy for Southeast Asia,TikTok,พร้อมด้วย นายอิทธิกร ไตรทศาวิทย์ Public Policy Manager for Thailand, Cambodia, Laos, and Myanmar,TikTok และนางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ฯลฯ เข้าร่วมงาน ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน 

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เผยว่า NIA เดินหน้าผลักดันการสื่อสารด้านนวัตกรรมผ่านสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเล็งเห็นศักยภาพของคอนเทนต์ที่จะช่วยสร้างการรับรู้ แรงบันดาลใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต ที่ผ่านมา NIA ส่งเสริมการสร้าง “นักสื่อสารนวัตกรรม” ผ่านเวทีรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ และล่าสุดได้ร่วมมือกับ TikTok ในการพัฒนาเครือข่ายครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่สามารถนำเสนอเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายและน่าสนใจ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการสื่อสารนวัตกรรมในวงกว้าง ปูทาง สู่การสร้าง “Impactful Innovation” หรือนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างและยั่งยืน และช่วยผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น “ชาตินวัตกรรม” ในอนาคต

โครงการ InnovaTok Contest 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมให้นวัตกรรมกลายเป็นเรื่องที่     ทุกคนเข้าถึงได้ ผ่านการสื่อสารในรูปแบบใหม่ที่เข้าใจง่าย สนุก และเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจได้แสดงศักยภาพด้านการสื่อสารนวัตกรรม และใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีคุณภาพ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งบุคคลทั่วไปและหน่วยงานทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจเข้าร่วมส่งผลงานวีดิทัศน์เข้าร่วมประกวดจำนวนกว่า 200 ผลงาน สะท้อนถึงความสนใจของประชาชนต่อการสร้างสรรค์คอนเทนต์นวัตกรรม ประกอบกับ NIA เชื่อว่าการสร้างนักสื่อสารนวัตกรรมรุ่นใหม่ ไม่เพียงช่วยให้สังคมเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้าง Soft Power ของประเทศไทยในด้านความคิดสร้างสรรค์และองค์ความรู้ ซึ่งสามารถต่อยอดได้ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม

3. ชนิดา คล้ายพันธ์, ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง

โดยการประกวด InnovaTok Contest 2025 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • ประเภท Rookie สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีผู้ติดตามบน TikTok ไม่เกิน 10,000 คน โดยผู้ชนะรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ คุณนนทวัช ครุตเนตร จากช่อง AnyLearn, รองชนะเลิศอันดับที่ 1 คุณเกียรติศักดิ์ สิงห์งาม จากช่อง เรื่องดุลดุล และรองชนะเลิศอันดับที่ 2 คุณธวัลรัตน์ พ่วงแพ จากช่อง rev
  • ประเภท Pro  สำหรับผู้สร้างคอนเทนต์มืออาชีพ อินฟลูเอนเซอร์ หน่วยงาน หรือองค์กรที่มีผู้ติดตาม         เกิน 10,000 คนโดยผู้ชนะรางวัลชนะเลิศ ได้แก่  คุณมัทวัน หลักชัยสกุล จากช่อง คุณหนูขมิ้น,                          รองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ คุณพีรญา เอมอิ่มธรรม จากช่อง prae.peeraya และ รองชนะเลิศอันดับที่ 2 คุณศรายุธ กงแก้ว จากช่อง นนท์ พาแซ่บ

และรางวัลพิเศษ Top Impact : SITE Promo Clip ที่มอบให้กับ Finalist ที่ชนะการประกวดคลิปสั้นประชาสัมพันธ์งานมหกรรมนวัตกรรมและเครือข่ายสตาร์ตอัปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหรือ SITE 2025 ซึ่งจะได้รับ Online Media Support มูลค่า 50,000 บาท ได้แก่ คุณรัชณีพัฒน์ ศรีวงษ์ จากช่อง little.girl.b

สำหรับภาพรวมนวัตกรรมของประเทศไทย ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ระบุว่า ไทยมีพัฒนาการด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 ไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 41 ของโลก จากทั้งหมด 133 ประเทศ ในดัชนีนวัตกรรมโลก หรือ Global Innovation Index ซึ่งถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดของไทยในรอบ 10 ปี และขยับขึ้นมา 2 อันดับจากปีก่อนหน้า อีกทั้งยังคงอยู่อันดับ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยมีปัจจัยที่โดดเด่นติดอันดับ 1 ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง 5 ปี คือ ระบบธุรกิจ โดยเฉพาะสัดส่วนการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา โดยภาคเอกชน (GERD financed by business) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาคเอกชนภายในประเทศที่มุ่งเน้นนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนธุรกิจ นอกจากนี้ ในด้านผลผลิตทางนวัตกรรม โดยเฉพาะนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ (Creative Outputs) สามารถขยับขึ้นสู่อันดับที่ 7 ของโลกในด้านการส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์ จากทั้งหมด 132 ประเทศ สะท้อนความสำเร็จในการนำนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า บริการ และแบรนด์ไทยในเวทีโลก จากผลสำเร็จเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าไทยกำลังเดินมาถูกทาง ในการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการใช้ Soft Power อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของประเทศในอนาคต

ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า NIA เดินหน้าส่งเสริมนักสื่อสารนวัตกรรมผ่านโครงการต่างๆ รวมถึงผลักดัน “ครีเอเตอร์สายนวัตกรรม” ให้เป็นกำลังสำคัญในการสื่อสารและสร้างกระแสให้สินค้า-บริการนวัตกรรมของไทยเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ ควบคู่กับการส่งเสริมเยาวชนผ่านกระบวนการเรียนรู้ STEAM4INNOVATOR ปูทางสู่การเป็นนวัตกรรุ่นใหม่ บนพื้นฐานของ STEAM : Science (วิทยาศาสตร์), Technology (เทคโนโลยี), Engineering (วิศวกรรม), Art (ศิลปะ) และ Mathematics (คณิตศาสตร์)

นางชนิดา คล้ายพันธ์ Director of Public Policy for Southeast Asia, TikTok กล่าวว่า หนึ่งในพันธกิจของ TikTok คือการเป็นแพลตฟอร์มที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์และสร้างความสุขให้แก่ผู้ใช้ เราภูมิใจที่ได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยได้ถ่ายทอด ไอเดียนวัตกรรม ในรูปแบบที่ เข้าถึงง่ายและสนุก และพลังของการส่งคอนเทนต์ที่โดดเด่น ทำให้เนื้อหาที่มีคุณภาพสามารถถูกพบได้โดยผู้ชม นับพันล้านคนทั่วโลก สะท้อนถึงพลังของแพลตฟอร์มในการเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับเนื้อหาที่มีความหมาย และสร้างแรงบันดาลใจในหลากหลายรูปแบบ

สำหรับการจัดประกวด #InnovaTok ครั้งนี้ถือเป็นการเชื่อมโยงกับชุมชน TikTok ที่มีความสนใจเฉพาะทาง (Community Connection and Niche Interests) ทั้งในแง่ของการค้นพบความรู้ใหม่ โดย TikTok ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มเพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นแหล่งข้อมูลและการเรียนรู้ที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่ม STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถค้นพบนวัตกรรมและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และการสร้างเครือข่ายในบรรดาผู้สร้างคอนเทนต์นวัตกรรมสามารถเชื่อมโยงกับผู้ที่มีความสนใจเดียวกัน สร้างชุมชนที่แลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาไอเดียร่วมกันได้ เรียกได้ว่า InnovaTok Contest เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ใช้จุดแข็งของ TikTok ในการสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการสร้างสรรค์และบริโภคคอนเทนต์นวัตกรรมอย่างกว้างขวางและยั่งยืนบนแพลตฟอร์ม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ NIA ที่ต้องการปลุกกระแสนวัตกรรมในประเทศไทย

นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “Tellscore มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ InnovaTok Contest 2025 ร่วมกับ NIA และ TikTok ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับการสื่อสารด้านนวัตกรรมให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ด้วยศักยภาพของครีเอเตอร์ไทยที่สามารถนำเสนอเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เข้าใจง่าย และน่าสนใจ

เรามั่นใจว่า ‘คอนเทนต์’ โดยเฉพาะเนื้อหาที่มีสาระเชิงวิชาการ หากถูกถ่ายทอดด้วยความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการสร้างมูลค่าใหม่ให้กับอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ เพิ่มโอกาสทางอาชีพ และกระตุ้นความสนใจในธุรกิจนวัตกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม

Tellscore มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตของอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสายความรู้ ความบันเทิง หรือแนวสร้างสรรค์ ที่สามารถสร้าง Impact ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงยอดวิวหรือยอดไลก์ แต่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่เกิดขึ้นในสังคมผ่านคอนเทนต์ของพวกเขา

นางสาวมัทวัน หลักชัยสกุล ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภท Pro เผยว่า ปกติจะทำคอนเทนต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่พอได้เห็นแคมเปญนี้รู้สึกสนใจ เพราะช่วยเปิดพื้นที่ให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้แบ่งปันมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับนวัตกรรม ประกอบกับการทำคอนเทนต์ท่องเที่ยวทำให้เราเห็นว่านวัตกรรมคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้นำเรื่องราวที่พบเจอเกี่ยวกับนวัตกรรมมาเล่าในแบบที่เข้าใจง่ายและใกล้ตัว เผื่อใครที่ได้ฟังจะเก็บแนวคิดไปต่อยอดในชีวิตประจำวันได้จริง

นายนนทวัช ครุตเนตร ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภท Rookie เล่าถึงแนวคิดในการทำคอนเทนต์ว่า ส่วนตัวผมสนใจด้านนวัตกรรมอยู่แล้ว เลยสนใจอยากลองทำคลิปส่งประกวด โดยรวมกลุ่มกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งพวกเราตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมนั้นมีหลายแบบในสไตล์ภาพยนตร์โฆษณายุค 90 ที่มีทั้งความตลกและเสน่ห์อยู่ในตัว

นางสาวรัชณีพัฒน์ ศรีวงษ์ ผู้ชนะรางวัลพิเศษ Top Impact : SITE Promo Clip กล่าวว่า การทำคอนเทนต์ในครั้งนี้เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจในวัยเด็กที่เคยฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ แต่เมื่อเติบโตขึ้นกลับกลายเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศธรรมดา แม้จะไม่ได้เป็นตามความฝันแต่สิ่งที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจได้คือ การได้เห็นงานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในประเทศยังคงเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากเล่าเรื่องนี้ผ่านมุมมองที่เข้าถึงคนทั่วไป เมื่อได้มีโอกาสลงพื้นที่และทำคอนเทนต์ในงานจริง ก็ยิ่งเห็นถึงความน่าสนใจของงานที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมจากทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโลกยังมีสิ่งใหม่ให้เรียนรู้และค้นพบอีกมากมาย

ติดตามคอนเทนต์ด้านนวัตกรรมและกิจกรรมที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : NIA – National Innovation Agency Thailand และเว็บไซต์ https://www.nia.or.th/ 

เรื่อง : กมลชนก ครุฑเมือง

เรียกได้ว่าฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ที่ไม่ใช่เฉพาะด้านงานหัตถศิลป์ แต่ด้าน “นวัตกรรมและเทคโนโลยี” ก็โดดเด่นไม่แพ้กันเลยทีเดียว เห็นได้จากงานเปิดศูนย์เมคเกอร์อัจฉริยะ Innogineer ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล เมื่อไม่นานมานี้ ที่ภายในงานมีการโชว์เคส 9 ผลงานนวัตกรรมสุดล้ำฝีมือคนไทยให้ได้รับชม โดยล้วนเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้แก่สังคมได้ ส่วนจะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกัน!

1.จับใจ (Jubjai) แชตบอทเฝ้าระวังผู้มีภาวะซึมเศร้าบนโลกออนไลน์

จับใจบอท เป็นแชตบอท ด้านสุขภาพจิตที่จะช่วยประเมินอาการซึมเศร้าของผู้ใช้งานบนโลก ซึ่งเป็นโปรแกรมให้ถามคำถามอัตโนมัติผ่านทางแชตออนไลน์ของเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “Jubjai Bot” โดยคำถามถูกพัฒนาขึ้นจากแบบประเมินสุขภาพจิตคนไทย หรือ TMHQ ให้อยู่ในรูปแบบการพูดคุยที่เป็นมิตร

จับใจ (Jubjai) แชตบอทเฝ้าระวังผู้มีภาวะซึมเศร้าบนโลกออนไลน์

ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติเสรี เจ้าของนวัตกรรม เผยว่า คำถามนั้นตั้งมาจากนักจิตวิทยา จึงสามารถเข้าถึงได้ทุกคน ผู้รับการประเมินสามารถเลือกตอบคำถามตามความรู้สึกได้ หากพบว่าผู้รับการประเมินนนั้นมีอาการซึมเศร้ามาก ก็จะช่วยในการตัดสินใจให้ผู้ที่ได้รับการประเมินไปพบแพทย์ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลในรูปแบบประเมินทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ

ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติเสรี เจ้าของนวัตกรรม “จับใจ”

2.”ฝึกฝน” นวัตกรรมบำบัดสมองและแขน

“ฝึกฝน” เป็นนวัตกรรมบำบัดสมองและแขน โดยนำเอาวัสดุที่หาง่ายอย่างสเก๊ตบอร์ดมาใช้บำบัดส่วนแขนของผู้ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ โดยมีการประยุกต์เข้ากับเกมเพื่อความเพลิดเพลิน และสามารถใช้งานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้

“ฝึกฝน” นวัตกรรมบำบัดสมองและแขน

ผศ.ดร.เซง เลิสมโนรัตน์ เจ้าของนวัตกรรม เผยว่า เครื่องจะตรวจจับเซนเซอร์จากปลายมือ ซึ่งจะมีเซนเซอร์ตรวจจับสีอยู่บนพื้นโต๊ะ เมื่อผู้ป่วยเคลื่อนมือไปยังสีต่างๆ จะแทนคำสั่งการควบคุมเกมบนจอคอมพิวเตอร์ ดังนั้นระหว่างการใช้งาน ผู้ป่วยก็จะได้ฝึกสายตา สมอง และการเคลื่อนไหวของแขนไปด้วย จึงเป็นการฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ฝึกฝน” นวัตกรรมบำบัดสมองและแขน

3.เดินดี (Dearndee) เครื่องกระตุ้นเท้าตกแบบพกพาด้วยไฟฟ้า ตามจังหวะก้าวเดิน

อีกหนึ่งนวัตกรรมของ ผศ.ดร.เซง เลิสมโนรัตน์ เป็นนวัตกรรม เครื่องกระตุ้นเท้าตกแบบพกพาด้วยไฟฟ้าตามจังหวะก้าวเดิน เพื่อใช้สำหรับการทำกายภาพบำบัดผู้ป่วยอัมพฤกษ์ ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุที่ส่วนมากมีอาการปลายเท้าตก โดยที่เครื่อง “เดินดี” นี้มีอุปกรณ์ทั้งหมด 3 ชิ้น คือ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เซ็นเซอร์วางใต้เท้า และขั้วกระตุ้นที่จะติดไว้บริเวณด้านข้างหัวเข่า สำหรับกระตุ้นเส้นประสาท เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ป่วยยกส้นเท้าในจังหวะก้าวเดินได้คล้ายคนปกติ และยังสามารถฝึกสมองและกล้ามเนื้อไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ ยังสามารถกระตุ้นการบำบัดส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้อีด้วย

เดินดี (Dearndee) เครื่องกระตุ้นเท้าตกแบบพกพาด้วยไฟฟ้า ตามจังหวะก้าวเดิน

4.Alertz อุปกรณ์ช่วยเตือนหลับในขณะขับรถด้วยสัญญาณสมอง

ผลงาน “Alertz” เป็นไอเดียจากภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเป็นนวัตกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับผู้ขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ขับขี่รถบรรทุกหรือรถโดยสารที่ต้องขับขี่เป็นระยะเวลานาน

Alertz อุปกรณ์ช่วยเตือนหลับในขณะขับรถด้วยสัญญาณสมอง

Alertz เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสำหรับการตรวจจับความเป็นไปได้ก่อนเกิดการหลับใน โดยจะแจ้งเตือนคนขับล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Brain-computer Interface ซึ่งเป็นวิธีการวัดสัญญาณสมองแล้วนำไปควบคุมหรือสั่งงานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ นอกจากนี้ ตัวเครื่อง Alertz ยังสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เพื่อส่งข้อมูลผ่านทางสายยูเอสบีและบลูทูธได้อีกด้วย โดยจะมีแอปพลิเคชั่นรองรับการใช้งานบนมือถือ ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ได้

5.แม่พิมพ์หล่อซีเมนต์กระดูกแบบปรับเปลี่ยนตามกายภาพของผู้ป่วย

แม่พิมพ์หล่อซีเมนต์กระดูกแบบปรับเปลี่ยนตามกายภาพของผู้ป่วย เป็นนวัตกรรมชีวการแพทย์ที่นำเอาเทคโนโลยีและองค์ความรู้มาบำบัดรักษาผู้ป่วยด้านกระดูก ซึ่งมีภาวะแตกต่างกันได้อย่างลงตัว

แม่พิมพ์หล่อซีเมนต์กระดูกแบบปรับเปลี่ยนตามกายภาพของผู้ป่วย

ดร.เอกชัย วารินศิริรักษ์ เจ้าของนวัตกรรม จากภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นวัตกรรมชิ้นนี้เป็นแม่พิมพ์สำเร็จรูปซีเมนต์ฆ่าเชื้อภายในกระดูกสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน ที่มีการติดเชื้อจากการฝังโลหะในร่างกายเป็นระยะเวลานานๆ โดยสามารถออกแบบปรับเปลี่ยนแม่พิมพ์ได้ตามขนาดของเบ้าสะโพกผู้ป่วยที่แตกต่างกันเฉพาะราย โดยการออกแบบด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Aided Design , CAD) และการผลิต (Computer Aided Manufacturing , CAM) โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้วิจัยและพัฒนาร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ดร.เอกชัย วารินศิริรักษ์ เจ้าของนวัตกรรม

6.รถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้าควบคุมด้วยสัญญาณสมอง

ผลงานชิ้นนี้เป็นของ รศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ และ ดร.ดิลก ปืนฮวน จากภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีภาวะแขนและขาเป็นอัมพาต กลับมาเคลื่อนที่ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อีกครั้ง โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ภายในที่พักอาศัย โดยใช้สัญญาณสมองและการจินตนาการการเคลื่อนที่ (Motor Imagery) ในการควบคุมรถเข็นไปในทิศทางต่างๆ นอกจากนี้ยังควบคุมรถเข็นวีลแชร์ด้วยคางได้ และยังมีระบบการสร้างแผนที่แบบเรียลไทม์ด้วยการเก็บบันทึกจากประวัติการเคลื่อนที่ได้อีกด้วย

รถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้าควบคุมด้วยสัญญาณสมอง

7.อุปกรณ์ขนาดพกพาเพื่อการตรวจวัดแร่ธาตุในพลาสมา

อุปกรณ์ขนาดพกพาเพื่อการตรวจวัดแร่ธาตุในพลาสมา เป็นผลงานของนายกฤติน ญาณวิทยากุล และ ดร.ศิระ ศรีนิเวศน์ อาจารย์ที่ปรึกษา จากภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล

อุปกรณ์ขนาดพกพาเพื่อการตรวจวัดแร่ธาตุในพลาสมา

โดยเป็นนวัตกรรมที่ใช้ในการตรวจวัดปริมาณแร่ธาตุในรูปของไอออนโซเดียม ไอออนโพแทสเซียม ไอออนคลอไรด์ และคาร์บอนไดออกไซด์ ในน้ำเลือดที่ได้ทำการแยกเม็ดเลือดแดงออกแล้ว หรือที่เรียกว่า พลาสมา เพื่อให้ข้อมูลประกอบการวินิจฉัยโรคผู้ป่วยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ หรือสำหรับผู้ป่วยที่ต้องดูแลสุขภาพตัวเอง โดยมีความร่วมมือกับศูนย์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสถานเวชศาสตร์ชันสูตร โรงพยาบาลศิริราช คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

8.อุปกรณ์ตรวจวัดสารเบนซีนในอากาศแบบพกพา

“อุปกรณ์ตรวจวัดสารเบนซีนในอากาศแบบพกพา” เป็นผลงานของนายณัฏฐชัย ทรัพย์วิไล นายนิธิวัฒน์ เหมทานนท์ และนายกฤศ มาตรไพจิตร์ จากภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดลโดยมี รศ.ดร.สุวรรณา (กิจผาดี) บุญตานนท์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา โดยเป็นอุปกรณ์พกพาที่สามารถตรวจวัดปริมาณสารเบนซีนในอากาศ ณ แหล่งกำเนิดมลพิษได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีความละเอียดในการตรวจวัดมากกว่าเครื่องมือตรวจวัดเชิงพาณิชย์ทั่วไป

อุปกรณ์ตรวจวัดสารเบนซีนในอากาศแบบพกพา

อุปกรณ์ดังกล่าวยังมีความสามารถในการเฉพาะเจาะจงสารมากกว่า เพื่อประเมินระดับความอันตรายในบริเวณนั้นๆ และใช้ในการวางแผนระบบบำบัดอากาศและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปัจจุบันการตรวจวัดสารเบนซีน ณ แหล่งกำเนิดยังไม่สามารถดำเนินการได้สะดวก เพราะยังจำเป็นต้องเก็บตัวอย่างเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนนำไปตรวจวัดด้วยเครื่อง Gas Chromatography ในห้องปฏิบัติการ แต่อุปกรณ์ตรวจวัดสารเบนซีนในอากาศแบบพกพานี้สามารถตรวจวัดปริมาณสารเบนซีนในอากาศ ณ แหล่งกำเนิดมลพิษได้ทันที

9.การแข่งขันยานยนต์ Formula Student

ทางทีมนักศึกษาชมรม Auto-Tech ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมแข่ง Formula ได้เข้าร่วมการแข่งขัน “โครงการ TSAE Auto Challenge หรือ Formula Student” ที่จัดโดยสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย หรือ TSAE (Society of Automotive Engineers Thailand) โดยมีขอบเขตตามกฎการแข่งขันที่กำหนดเป็นมาตรฐานจาก JSAE แห่งญี่ปุ่น โดยทางทีมนักศึกษาชมรม Auto-Tech ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมแข่ง Formula ได้วางแผนวิเคราะห์ปัญหาจากรถที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีที่แล้วมา ออกแบบโครงสร้าง ออกแบบระบบช่วงล่าง เพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ ออกแบบระบบ Aerodynamic และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ขึ้นบนตัวรถ รวมทั้งการทดสอบจริง เพื่อที่จะทราบปัญหาที่เกิดขึ้น จุดบกพร่อง และแก้ไขได้ทันท่วงทีเพื่อความพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งต่อไป

นับเป็นนวัตกรรมจากมันสมองของคนไทยที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง!

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มักมีนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ หนึ่งในนั้นคือ “เทคโนโลยีช้อปปิ้ง” อันใหม่ ที่ฝังมากับตะกร้าช้อปปิ้ง โดยตะกร้าช้อปปิ้งสุดล้ำนี้จะเป็นวิธีที่ลูกค้าสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง คือเมื่อตัดสินใจซื้อสินค้า ก็สแกนบาร์โค้ดเข้ากับตัวรับที่ติดอยู่ที่ตะกร้า เมื่อเลือกสินค้าครบแล้วก็นำมาชำระเงินผ่านเครื่อง ซึ่งจะนำของลงถุงโดยอัตโนมัติ และให้ลูกค้าชำระเงิน เป็นอันเสร็จเรียบร้อยไม่ต้องพึ่งพนักงานอีกต่อไป

ชมคลิป

New Shopping Technology in Japan 🇯🇵 Video by-朝日新聞

โพสต์โดย Japan Inside เมื่อ วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2017