หมูทอด… หนึ่งในเมนูมาแรง ที่คนส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นอาชีพ คงเป็นเพราะหมูทอดเป็นเมนูพื้นฐานทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำขายง่ายมีลูกค้าซื้อแน่นอน แม้ในตลาดจะมีกิจการหมูทอดวางเรียงรายกัน แต่ใช่ว่าจะเหมือนกันไปเสียหมด แต่ละเจ้าพยายามชูจุดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองกันอย่างแข็งขัน ปรับสูตร เปลี่ยนสีข้าวเหนียว ใช้แพ็กเกจจิ้งธรรมชาติ และอีกหลายอย่างที่กล่าวไม่หมด

“เฮียดอยซ์หมูไม่มัน” เข้าสู่ตลาดในฐานะผู้เล่นรายใหม่ ที่สร้างกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียลด้วยรูปแบบที่น่าสนใจจนมีดารา บล็อกเกอร์ รวมทั้งรายการทีวีดัง ชวนไปพูดคุยอีกด้วย คุณแชมเปญ-เมธาพร พีรวุฒิ เหลืองรัศมี อายุ 35 เจ้าของกิจการ เล่าจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า เฮียดอยซ์สามีของเธอเป็นคนชอบทานข้าวเหนียวหมูทอดมาก เจอร้านไหนทานร้านนั้น ทานทุกวันก็ไม่ดีต่อสุขภาพ ในฐานะภรรยาที่ชอบทำอาหารจึงคิดสูตรหมูทอดเพื่อสุขภาพ โดยไม่ใช้น้ำมัน ทำออกมาแล้วอร่อยเลยอยากส่งต่อความสุขภาพดีนี้ให้คนอื่นด้วย

“จริงๆ ทำธุรกิจตัวอื่นด้วยเกี่ยวกับเฮลตี้สแน็ก พวกผักผลไม้แปรรูป ส่วนหมูทอดเป็นอีกตัวที่ทำเพิ่มได้ประมาณ 4 อาทิตย์แต่กระแสดีมาก เราใช้หมูอนามัยทอดโดยใช้ความร้อนที่พอเหมาะ ดึงไขมันจากหมูให้มาทอดตัวมันเอง”

มีทั้งหมด 5 รสชาติคือ ปลาร้า หม่าล่า ต้มยำ เขียวหวาน และน้ำผึ้ง คุณแชมเปญ บอกว่า ต้องการชูรสชาติความเป็นไทย สำรวจมาแล้วยังไม่มีเจ้าไหนที่ชูรสชาติความเป็นไทยในหมูเลยสักเจ้า และยังไม่มีเจ้าไหนทอดหมูด้วยรสชาติต่างๆ ด้วย


ภาพจากเฟซบุ๊ก here dolce – เฮียดอยซ์หมูไม่มัน หมูทอดรสเด็ด ไร้น้้ำมัน เจ้าแรกของประเทศไทย

แม้จะมีรสชาติแล้วเพื่อความแซ่บ ทางร้านยังได้เพิ่มน้ำจิ้มอีก 3 รสชาติ คือ แจ่วไทย แจ่งบอง และซีฟู้ดวาซาบิ นำหมูมาจิ้มทานคู่ข้าวเหนียวหลากสี ข้าวเหนียวขาว ข้าวเหนียวดำ ข้าวเหนียวสีเหลืองจากขมิ้น สีชมพูจากบีทรูท สีเขียวจากใบเตย และสีม่วงจากอัญชัน

ส่วนการจำหน่าย “เฮียดอยซ์หมูไม่มัน” ไม่ได้มีหน้าร้านอะไร แต่จัดเป็นเซตใส่กล่องกระดาษคล้ายกล่องพิซซ่า ใช้ใบตองเย็บเข้ามุมใส่หมู และใช้ห่อข้าวเหนียวแทนถ้วยและถุงพลาสติก ขายผ่านไลน์แมน และไลน์แอด ในสัปดาห์แรกที่เปิด เจ้าของธุรกิจสาว บอกว่า ขายเซตใหญ่ได้สูงถึง 100 กล่อง จนวัตถุดิบที่เตรียมไว้ไม่พอ เพราะเป็นสินค้าทานง่าย ราคาไม่แพง ซื้อง่าย และอยู่ในกระแส

โดยเซตใหญ่ ทานได้ 6 คน มีหมู 5 รสชาติ ข้าวเหนียว 6 ห่อ น้ำจิ้ม น้ำ 2 ขวด พร้อมผักปลอดสารพิษ เซตกลางทานได้ 3 คน และเซตสำหรับจัดประชุม 1 คนทานราคา 80 บาท นอกจากหมูทอดแล้วยังมีเมนูเพิ่มเติมที่เธอคิดด้วยตัวเอง จัดใส่กล่องน่าทานไม่แพ้กัน คือ หมูทอดพริกสด และหมูสามชั้นคั่วพริกเกลือ


ภาพจากเฟซบุ๊ก here dolce – เฮียดอยซ์หมูไม่มัน หมูทอดรสเด็ด ไร้น้้ำมัน เจ้าแรกของประเทศไทย

“ถ้าชอบรสชาติไหนเป็นพิเศษ ตอนสั่งสามารถระบุกับไลน์แมนได้เลย ช่วงแรกลูกค้าจะซื้อทุกรสชาติเพราะอยากลองทานดูก่อน แต่รสชาติที่ขายดีซื้อซ้ำเยอะที่สุด คือ ปลาร้า หม่าล่า และน้ำผึ้ง ส่วนน้ำจิ้มที่คนชมเยอะคือ แจ่วบอง”

จากการจำหน่ายรวมยอดขายที่ผ่านมา 4 สัปดาห์ หญิงสาวระบุว่า เฉลี่ยวันละ 60-100 กล่อง ยอดจำหน่ายนี้จากไลน์แมน และไลน์แอด ฉะนั้นถ้าอยากลองทานสามารถสั่งได้ที่ช่องทางดังกล่าว เพียงค้นหา คำว่า Here Dolce หรือ เฮียดอยซ์ หรือหากอยากติดตามรายละเอียดของร้าน สามารถเข้าไปดูได้ที่เฟซบุ๊ก Here Dolce – เฮียดอยซ์หมูไม่มัน หมูทอดรสเด็ด ไร้น้ำมัน เจ้าแรกของประเทศไทย

ถามถึงการทำ 2 ธุรกิจในเวลาเดียวกัน คุณแชมเปญพูดอย่างคล่องแคล่วว่า ธุรกิจเฮลตี้สแน็กมีพาร์ตเนอร์ที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว เวลาส่วนใหญ่จึงทุ่มให้กับธุรกิจหมูทอด แม้ว่าจะขายดี แต่ในอนาคตไม่คิดทำหน้าร้านแน่นอน แต่จะเป็นการกระจายจุดรับของตามที่ต่างๆ เพื่อลดค่าขนส่ง รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภคด้วยการเพิ่มเนื้อ และไก่ และจะออกรสชาติใหม่ตามช่วงเทศกาล

ก่อนจาก ถามถึงความกังวลเรื่องการลอกเลียนแบบ “เตรียมใจไว้แล้วหากมีคนทำเลียนแบบ ที่ลอกกันไม่ได้คือแนวคิด เราก็ทำส่วนของเราให้ดีที่สุด พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตามไม่ทัน” คุณแชมเปญ กล่าว

 


Source เส้นทางเศรษฐี โดย กนกพร หมีทอง

ร้านในดวงใจของหลายคน “หมูทอด…เจ๊จง” เติมข้าวได้ หยิบผักฟรี มีน้ำเปล่าให้ดื่ม

ในแวดวงคนทำมาค้าขายด้านอาหาร หากเอ่ยชื่อ เจ้าของกิจการ นามว่า คุณจงใจ กิจแสวง อาจไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ถ้าบอก “หมูทอด…เจ๊จง” แล้วหล่ะก็  ร้อยละเก้าสิบ อาจร้อง…อ๋อ! ก่อนออกปาก ของเขาดีจริง ไม่งั้นคงไม่ขายมาได้นานจนป่านนี้ แถมยังมีเส้นทางเติบโต ขยายกิจการไปเรื่อยๆ นับสิบสาขาแล้ว

หมูทอดเจ๊จง เกิดขึ้นได้อย่างไร คือ คำถามแรกที่พิธีกรประจำงานสัมมนา “พอแล้วดี” เวิร์กช็อป ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันก่อน  ด้าน คุณจงใจ กิจแสวง เจ้าของกิจการ “หมูทอดเจ๊จง” เจ้าดังย่านพระรามสี่ ในฐานะวิทยากรรับเชิญ กล่าวตอบด้วยลีลาเป็นกันเองว่า  จำได้ว่าย้อนไปกว่า 15 ปี ไปซื้อข้าวหมูทอดให้ลูกกิน เขาขายกล่องละสิบบาท  ฟังเหมือนถูก แต่พอเปิดออกมามีหมู 4 ชิ้นเรียงกันอยู่ เลยบอกกับลูกเลย เดี๋ยวแม่จะขายบ้าง แล้วจะให้หมูเยอะกว่านี้อีก

 

คุณจงใจ เล่าต่อว่า  นอกจากนั้น ยังมีเหตุผลอยากหารายได้เพิ่ม เนื่องจากยังมีหนี้อยู่มาก ตอนนั้น ขายข้าวแกงบุฟเฟ่ต์อยู่ ขายเสร็จบ่ายโมงกลับบ้าน กว่าจะนอนราวสองทุ่ม เลยมีความรู้สึกว่าจะบ้าเกินไปแล้ว คนเป็นหนี้ แต่ทิ้งเวลาไปถึง 8 ชั่วโมง มันไม่ใช่ มันน่าจะมีอะไรทำต่อจากที่เราขายข้าวแกงหมด

“มีคนเคยถามทำไมไม่ขายข้าวแกงต่อ  แต่ตัวเองรู้สึกว่าบ่ายไปแล้วข้าวแกงจะขายไม่ค่อยดี  รุ่งขึ้นเลยซื้อหมูมาทำเลย  8 กิโล ทำแบบเขา แต่ทำอยู่ไม่นาน เกิดความคิด ทำไมต้องทำอย่างเขา เลยเริ่มเปลี่ยน มาใช้หมูสามชั้นทอด ปรากฏขายดีมาก แต่ระยะหลังคนรักสุขภาพเยอะ เลยเปลี่ยนมาใช้เนื้อแดง จนทุกวันนี้” คุณจงใจ  เล่าย้อนจุดเริ่ม

ก่อนให้ข้อมูล หมูทอดเจ๊จง แรกๆไม่ใช่ว่าจะขายดีเหมือนทุกวันนี้ ก็ค่อยๆ ขายแล้วเป็นไปแบบปากต่อปาก จนต่อมาไม่นานเลิกขายข้าวแกง บุฟเฟ่ต์ไปเลย สำหรับลูกค้ากลุ่มแรก เป็นพวกจักรยานยนต์รับจ้าง แท็กซี่ สามล้อ ย่านพระรามสี่ โดยช่วงแรกๆ มีการใส่ถุงเดินขาย และ เอาใส่ตะกร้าปั่นจักรยานไปขายตามอู่รถเมล์ด้วย

แม้ทุกวันนี้กิจการ “หมูทอดเจ๊จง” จะเจริญเติบโตมาก  ขยายไปแล้วหลายสาขา ทว่า เจ้าของกิจการก็ยังไม่หยุดพัฒนา  คือ เคยทำมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เช่น  เติมข้าวได้ หยิบผักฟรี มีน้ำเปล่าให้ดื่ม  และยังมีการพัฒนา โดยเจ้าของฉายา เจ๊จงหมูทอด บอกเมื่อก่อนใช้กล่องโฟมใส่ให้ลูกค้ากลับบ้าน ตอนหลังหันมาใช้กล่องชานอ้อย แรกๆ ก็ไม่รู้เรื่อง แต่มีผู้ใหญ่มาแนะนำ เราก็บอกมันแพง แล้วขายราคาเท่านี้ จะเหลือกำไรเหรอ สุดท้ายมีผู้ใหญ่ใจดี มาเป็นสปอนเซอร์ให้ จนได้ซื้อของถูก ต่อมาเปลี่ยนถุงหิ้วเป็นแบบย่อยสลายได้  ก็มีคนสนับสนุนอีก

 

“เคยยืนขายอยู่แล้วมีลูกค้ายกมือไหว้ เขาบอกขอบคุณมากเลยที่ทำอาหารอร่อยและถูกให้เขากิน เราก็จริงเหรอ ไม่รู้หรอกว่าของเราถูก แต่เราขายเท่าที่ขายได้ แต่ที่ผ่านมามีลูกค้ามาเข้ามา จับมือบ้าง ยกมือไหว้บ้าง ก็รู้สึกมีความสุข ขายมาสิบห้าปี ขึ้นมาห้าครั้ง ครั้งละบาท ก็อยู่ได้ อยู่แบบฉันรวยด้วย” เจ๊จง เล่าเรียกเสียงฮือฮา ก่อนหัวเราะอารมณ์ดี

และบอกอีกว่า ที่ร้านมักมีลูกค้าประจำมากินกันตลอด  เคยเข้าไปถาม ไม่คิดจะไปกินที่อื่นเลยเหรอ เขาบอกว่าเหมือนผูกพัน กินกันจนเป็นญาติ ขนมที่ซื้อมากะจะขาย แต่สุดท้ายแจกแทบหมด เรารู้สึกว่าแบ่งๆกันไป อย่าง ขนมชั้นเอามาขาย  พอมีลูกค้าบอกจะซื้อข้าวไปฝากแม่ เราก็บอกฝากขนมชั้นให้แม่ด้วย เจ๊จง ฝากขนมชั้นมา วันหลังเขาพาแม่มาขอบคุณ เราก็รู้สึกดี มีความสุข สบายใจ หรืออย่างมองไปเห็นคนแก่ เดินไม่ไหว เราจะออกไป สั่งลูกน้องช่วยกันหน่อย ต้องคอยสังเกต ว่าลูกค้าต้องการอะไรบ้าง

 

“มีพนักงานห้างแถวนั้นอยู่คนหนึ่ง กินข้าววันละ 11 บาท สมัยก่อน ข้าวเริ่มต้นหนึ่งบาท หมูยอชิ้นละสิบบาท เราสังเกตทุกวัน เขากินแค่ 11 บาท จนเราอดทนรนไม่ได้ ตักกับข้าวแถมให้ เพราะคิดว่าถ้าเขามีคงซื้อเรามากกว่านี้แหละ น้ำฟรีอยู่แล้ว เติมข้าวได้  กับข้าวเราเยอะแยะ ตักสักทัพพีหนึ่ง คงไม่ขาดทุนเท่าไหร่” เจ๊จง บอกจริงจัง

และเล่าประสบการณ์ประทับใจให้ฟังอีกว่า ตอนขายข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ มีผู้หญิงคนหนึ่ง พาลูกสาวมาด้วย โตแล้วด้วย เขาตักข้าวมาจานหนึ่ง แล้วก็ป้อนทั้งลูก ป้อนทั้งตัวเอง  เรานึกโมโหในใจ ทำไมเอาเปรียบกันขนาดนี้ แต่พอรู้ความจริง รู้สึกโมโหทำไมเราถึงคิดร้ายกับเขาขนาดนี้

“เราไปคุยกับเขา เลยรู้เขาล้มละลาย เลิกกับสามี ต้องเลี้ยงเองลูกสี่คน  ความคิดก่อนหน้านั้นเราแย่มาก เลยเอาเรื่องนี้มาสอนลูกน้อง ถ้าเขามี เขาไม่ทำแบบนี้ เอาเถอะกินขนาดไหนก็กินไปเถอะ ทุกวันนี้พยายาม ถ่ายทอดความคิดให้ลูกน้อง ไม่ต้องหวงของ จะไปไล่คนมาขอกิน ไม่เอานะ ถามเขาด้วยเอาอะไร เราโชคดีนะ เขามาให้เราได้ทำบุญ” เจ๊จง บอกส่งท้าย

 


ที่มา เส้นทางเศรษฐี

นุ่มไม่สะเทือนเหงือก “หมูทอด น้ำมันมะพร้าว” ภายใต้แบรนด์ “หมูหม้อเทพ” สูตรเด็ดลูกค้าแน่น ใช้เนื้อหมู 5-6 ตัน/เดือน

หมูทอด เมนูอาหารยอดฮิต กินได้ทั้งเช้า กลางวัน เย็น หาทานง่าย โดยแต่ละร้านจะมีรูปแบบการขาย เทคนิคการทอด และสูตรที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคอย่างเราๆ จะเลือกทานแบบไหน ความฮิตของหมูทอดจึงกลายเป็นหนึ่งในช่องใหม่ของคนอยากทำธุรกิจ

ดังตัวอย่างนักธุรกิจหนุ่มรายนี้ เขาเปลี่ยนบทบาทจากผู้บริโภคมาเป็นผู้ผลิต คุณหมุ่ย-อภิชาติ สถิตเกษมสานต์ วัย 36 อดีตพนักงานออฟฟิศที่หันเหมาเอาดีทางด้านค้าขาย เปิดกิจการหมูทอดมากว่า 3 ปี ตั้งชื่อ หมูหม้อเทพ กับคอนเซ็ปต์ “นุ่มไม่สะเทือนเหงือก เหล็กดัดฟันไม่ขยับ ทอดด้วยน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์”

คุณหมุ่ย เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า เมื่อก่อนทำงานเป็นพนักงานประจำฝ่ายไอทีของบริษัทแห่งหนึ่ง มีนิสัยชอบทานของทอด โดยเฉพาะหมูทอดจะชอบมากเป็นพิเศษ กระทั่งได้รับผลตรวจสุขภาพ พบค่าคอเลสเตอรอล และความดันสูง หมอสั่งให้ลดของทอด แต่เจ้าตัวกินจนติดเป็นนิสัย เมื่อเลิกไม่ได้ก็ต้องหาทางออกให้ตัวเอง ด้วยการนำสูตรหมูทอดของที่บ้านมาทำขายเองเสียเลย

“เพื่อไม่ให้เจอปัญหาสุขภาพแบบเดิม ผมได้ปรับกระบวนการทำเล็กน้อย ให้แตกต่างจากหมูทอดทั่วๆ ไป ด้วยการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาน้ำมันที่ดีที่สุดมาทอด จนได้น้ำมันพร้าวที่เหมาะกับการทอด ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพที่สุด” คุณหมุ่ยเล่า

ส่วนเนื้อหมู เน้นย้ำว่า ใช้เนื้อหมูคัดสรรอย่างดีจากฟาร์มมาตรฐาน GMP ถูกต้อง ทอดด้วยความพิถีพิถัน ไม่ใส่แป้ง ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่ใส่ผงชูรส ที่สำคัญจับอุณหภูมิการทอดด้วย ภายหลังปรับรสชาติจนนิ่ง จึงนำหมูไปทดลองขายที่ตลาดนัดช่วงเสาร์-อาทิตย์ ควบคู่กับการทำงานประจำ

“ช่วงแรกทดลองขายที่ตลาดนัด ซึ่งจะมีเจ้าใหญ่ที่ขายอยู่แล้ว วัตถุดิบที่เราใช้ไม่สามารขายราคาแข่งกันได้ ผมขายสูงกว่ามีแค่หมูไม่มีข้าวเหนียว แต่ยอดขายกลับดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเพิ่มข้าวเหนียวเข้ามา เพิ่มสีสันให้น่าทานด้วยดอกอัญชันได้ข้าวเหนียวสีน้ำเงิน กลายเป็นสัญลักษณ์ของร้าน”

ด้วยรสชาติที่ตอบโจทย์ลูกค้า บวกกับยอดขายเป็นที่พอใจ นักธุรกิจหนุ่ม บอกว่า ได้เปลี่ยนจากขายที่ตลาดนัดมาเปิดร้านขายช่วงเสาร์ อาทิตย์ ในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งแทน

นอกจากนี้ยังทดลองตลาดใช้เวลาช่วงเช้าขายให้กับกลุ่มลูกค้าคนทำงาน ได้รับกระแสดีเช่นกัน ทำอยู่แบบนี้ประมาณ 5 เดือน จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจขายหมูทอดแบบเต็มตัว ทำหน้าที่ดูแลบริหารจัดการร้านด้วยตัวเองเกือบทุกขั้นตอน ทำหน้าที่เสมือน QC เพราะเข้มงวดตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การดูแลสาขา ไปจนถึงรับคำติชมจากลูกค้าเพื่อนำมาแก้ไข

“ตอนนี้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญของสินค้าที่ซื้อไปมากขึ้น เช่น ติดสติ๊กเกอร์เบี้ยว ลูกค้าติกลับมาว่าควรเรียบร้อยกว่านี้ ผมจะรีบหาสาเหตุและแก้ไขทันที” คุณหมุ่ยเล่า

สำหรับราคาขาย เซ็ทหมูพร้อมข้าวเหนียว 50 บาท หมูอย่างเดียวขีดละ 45 บาท รายได้ถือว่าโอเคมาก ดีกว่างานประจำหลายเท่า เฉลี่ยแต่ละสาขาหลักแสนต่อเดือน ใช้หมู 5-6 ตันต่อเดือน

ออเดอร์มีทั้งหน้าร้าน และจากแฟนเพจเฟซบุ๊กด้วยส่วนหนึ่ง ลูกค้าจองล่วงหน้ากันเป็นเดือน ส่วนใหญ่ที่สั่งล่วงหน้ามีทุกรูปแบบ ตั้งแต่ กินเลี้ยง ญาติมา งานศพ งานแต่ง งานบวช งานบริษัท จัดเบรคประชุมโรงพยาบาล ฯลฯ ไม่มีขั้นต่ำในการสั่ง แต่ลูกค้าต้องจ่ายค่าขนส่งเอง ในระดับ 600 ชุดสามารถเรียกไปออกบูธได้

หากสนใจเรื่องแฟรนไชส์ คุณหมุ่ย เผยว่า เข้มงวดกับการเปิดแฟรนไชส์มาก ในปีที่ผ่านมายังไม่ได้เปิดรับ มีเพียงสองสาขาเท่านั้นที่เป็นแฟรนไชส์

“หมูหม้อเทพได้รับรองคุณภาพมาตรฐานแฟรนไชส์ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้นผมต้องการรักษาคุณภาพ และรสชาติดั้งเดิมของตัวสินค้าไว้ การเปิดรับจึงต้องหยุดไว้ก่อน แต่หากเปิดรับทางร้านจะคัดกรองอย่างละเอียด เพื่อหาคนที่ดีที่สุดให้รักษามาตรฐานของแบรนด์ได้”

ปัจจุบันร้านหมูหม้อเทพ สามารถแวะไปชิมได้ที่สาขาดังนี้ สาขาร่มเกล้า (สารสาสน์ กับ ซอย 9)  สาขาทาวน์อินทาวน์ สาขา ลาดกระบัง 54 สาขาเทพารักษ์  สาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โซน Eathai สาขาศาลาแดงซอย1 สาขา ปตท. แยกประชาอุทิศ-ลาดพร้าว (เลียบด่วน) เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 06.00 เป็นต้นไป ยกเว้นสาขาศาลาแดงปิดทุกวันอาทิตย์ 

 


ที่มา เส้นทางเศรษฐี

“หมูทอด” เมนูพื้นๆ ดูเหมือนจะทำง่าย คนไทยทุกเพศทุกวัยทานได้ สร้างรายได้ให้พ่อค้าแม่ค้าชนิดว่าตั้งตัวได้เลยมาแล้วมากมาย เฉกเช่นคุณอนาริสา ศรีนวล หรือ อาน่า เจ้าของร้านหมูทอดเบรกแตก ที่เดิมทำงานประจำ แต่เมื่อเเต่งงานมีครอบครัว เลือกผันตัวจากงานประจำมาเปิดร้านขายหมูทอด สร้างรสชาติให้ถูกปากคนไทย ทุกวันนี้มีรายได้ต่อวันประมาณ 3-4 หมื่นบาท

สำหรับรายละเอียดร้านหมูทอดเบรกแตกของคุณอาน่า เธอบอกว่า เปิดได้ 2 ปีแล้ว สาเหตุที่เปิดร้าน คือ หลังจากแต่งงาน ก็ลาออกจากงานประจำ ไปเรียนทำอาหารกับแม่สามีซึ่งเป็นอาจารย์สอนทำอาหาร ได้เรียนอาหารหลายเมนู อยากทำขายหลายอย่าง แต่สุดท้ายรู้สึกว่า การทำหลายอย่างพร้อมๆ จะเหนื่อยเกินไป และกลัวว่าจะออกมาไม่ได้ไม่ดี เลยตัดสินใจเลือกทำเมนูเดียว เป็นเมนูเดียวที่คิดว่าทำออกมาดีที่สุด เลยมาจบที่หมูทอด ทั้ง 2 ชนิด หมูทอดเบรกแตกที่เป็นไฮไลท์ และเมนูหมูเค็ม

“หมูทอดเบรกแตกเปิดร้านครั้งแรกที่ตลาดลุงเพิ่ม หลังการบินไทย ราคาขายหน้าร้านกิโลกรัมละ 600 บาท ขีดละ 60 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว มาชวนไปเปิดร้าน เลยเป็นที่มาของการขยายสาขา เพิ่มที่ห้างเซ็นทรัล พระราม9 อัมรินทร์พลาซ่า รวมวันนี้มี ทั้งหมด 4 สาขา และช่องทางการออกงานอีเวนท์ เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง

 


ที่มา เส้นทางเศรษฐี / โดย ดวงกมล โลหศรีสกุล