20 ไวน์ ที่ดีที่สุดในโลกจาก Wine Spectator ซึ่งทำการรายงานและรีวิวไวน์ต่างๆทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 1988 และแต่ละปีทาง Wine Spectator เปิดรายชื่อ 100 ไวน์ที่ดีที่สุดในโลก

“ไวน์ที่อยู่ในลิตส์ ท็อป 100 ของเราเป็นการพิจารณาถึงไวน์ต่างๆตลอดปีที่ผ่านมา และใน 100 ไวน์ยอดเยี่ยมที่เราเลือกมานั้นแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของไวน์และความหลากหลาย ของไวนต์ต่างๆในโลกนี้”มาร์วิน อาร์. แชนเคน บรรณาธิการผู้พิมพ์ Wine Spectator กล่าว

 

โดยใน 100 อันดับ ต้องคัดเลือกทั้งหมดถึง 16,000 แหล่ง และต้องมีการรีวิวให้คะแนนแบ่งเกรด จากการชิมแบบ blind tastings ซึ่งจะใช้ปัจจัยคุณภาพ คุณค่า ทั้งนี้ ไวน์ที่ถูกคัดให้เป็นไวน์ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของโลกปีนี้ มาจากแหล่งผลิตที่ไร่ไวน์ใน นาปา วัลเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนียนสหรัฐอเมริกา อันดับสอง ยังคงเป็นไวน์จากรัฐวอชิงตัน สหรัฐฯ ขณะที่อันดับสาม เป็นไวน์จากแหล่งผลิตในแคว้นบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส

สำหรับ 20 อันดับแรกของไวน์ยอดเยี่ยมของโลกประจำปี มีดังนี้

1. Duckhorn Merlot Napa Valley Three Palms Vineyard 2014 ($98, Napa Valley, California)

2. K Syrah Walla Walla Valley Powerline Estate 2014 ($45, Walla Walla Valley, Washington)

3. Château Coutet Barsac 2014 ($37, Bordeaux, France)

4. Casanova di Neri Brunello di Montalcino 2012 ($65, Tuscany, Italy)

5. Château de St.-Cosme Gigondas 2015 ($43, Rhône Valley, France)

6. Domaine Huët Vouvray Demi-Sec Le Mont 2016 ($44, Loire Valley, France)

7. Château Canon-La Gaffelière St.-Emilion 2014 ($61, Bordeaux, France)

8. Meyer Cabernet Sauvignon Napa Valley 201 ($70, Napa Valley, California)

9. Pahlmeyer Chardonnay Napa Valley 2015 ($75, Napa Valley, California)

10. Booker Oublié Paso Robles 2014 ($80, Paso Robles, California)

 

11. Altesino Brunello di Montalcino Our 40th Harvest ($65, Tuscany, Italy)

12. Bedrock Zinfandel California Old Vine ($25, Sonoma Valley, California)

13. Sixto Chardonnay Washington Uncovered ($35, Walla Walla Valley, Washington)

14. Clos des Papes Châteauneuf-du-Pape ($109, Rhône Valley, France)

15. Domaine des Baumard Savennières ($30, Loire Valley, France)

16. Turley Zinfandel Paso Robles Ueberroth Vineyard ($48, Paso Robles, California)

17. Volver Alicante Tarima Hill Old Vines ($17, Alicante, Spain)

18. Bodega Colomé Malbec Salta ($25, Salta, Argentina)

19. Marqués de Cáceres Rioja Reserva ($31, La Rioja, Spain)

20. San Felice Brunello di Montalcino Campogiovanni ($60, Tuscany, Italy)

“ไวน์” เครื่องดื่มหรูหราและ “ราคาแพง” ยิ่งเป็นไวน์ที่ติดอันดับชาร์ตด้วยแล้วถึงหมื่นถึงแสนต่อขวดเลยทีเดียว จึงว่ากันว่าบางครั้งไวน์นอกจากเป็นเครื่องดื่มแล้วยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานะในสังคมของผู้คนด้วย

ดร.พงษ์ศักดิ์ ฮุ่นตระกูล จากสถาบันบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ชี้ให้เห็นข้อมูลของธนาคารโลก และ UN Comtrade (United Nations Commodity Trade Statistics database) หรือฐานข้อมูลการค้าสหประชาชาติ เกี่ยวกับปริมาณไวน์นำเข้าของแต่ละประเทศ พบปริมาณไวน์นำเข้าสัมพันธ์กับ “รายได้ต่อประชากร” อย่างมาก เพราะชาติร่ำรวย ซึ่งมีประชากรมีการศึกษาสูง ทั้งในยุโรปเหนือและยุโรปตะวันตก ล้วนติดอันดับต้นๆ ของโลกที่นำเข้าไวน์

ข้อเท็จจริงนี้อาจเกี่ยวข้องกับประโยชน์ของการดื่มไวน์ในระดับพอสมควร ส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) พบว่า “สิงคโปร์” เป็นประเทศที่นำเข้าไวน์เทียบกับจำนวนประชากรสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และราคาเฉลี่ยของไวน์นำเข้าอยู่ที่ 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อลิตร เป็นราคาสูงที่สุดในโลก รองลงมาคือฮ่องกง 12 ดอลลาร์สหรัฐต่อลิตร โดยสิงคโปร์มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรสูงติดอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่ธนาคารโลกระบุไว้ และสิงคโปร์ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวกับเมืองท่ากระจายสินค้าในย่านเอเชียตะวันออก

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตัวเลขไวน์นำเข้าของสาธารณรัฐประชาชนลาว หรือ “สปป.ลาว” พบว่าปริมาณไวน์นำเข้าของลาวมีรูปแบบผิดปกติจากประเทศอื่น เพราะลาวเป็นประเทศที่มีประชากร 6.2 ล้านคน รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรเกือบต่ำสุดในอาเซียน แต่กลับมีปริมาณไวน์นำเข้า 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.75 ดอลลาร์ต่อคน ในอัตรานี้สูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน และเป็นรองเพียงสิงคโปร์กับมาเลเซียเท่านั้น

เมื่อเทียบกับประเทศไทย พบปริมาณไวน์นำเข้าต่อหัวของ สปป.ลาวสูงเป็น 2 เท่าของไทย ซึ่งอยู่ที่ 0.48 ดอลลาร์ต่อคน ทั้งที่ประชากรไทยมีมากกว่า สปป.ลาว 10 เท่า ปริมาณไวน์นำเข้ามากกว่า สปป.ลาว 7 เท่า และเฉลี่ยประชากรไทยมีรายได้สูงกว่า สปป.ลาวเกือบ 4 เท่า

แต่ถ้าดูรูปแบบการบริโภคของ UN Comtrade แล้ว ประเทศไทยซึ่งร่ำรวยกว่า สปป.ลาว ควรมีปริมาณไวน์นำเข้าสูงกว่า นอกจากนี้ การศึกษากลุ่มเป้าหมายบริโภคไวน์ตามข้อมูลของ PovCalNet และธนาคารโลกระบุว่าควรอยู่ที่กลุ่มประชากรมีรายได้มากกว่า 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน

แต่เมื่อพิจารณาขนาดตลาดผู้บริโภคไวน์นำเข้าของ สปป.ลาว กับประเทศไทยพบว่า กลุ่มประชากรดังกล่าวใน สปป.ลาว มีเพียง 0.69%ของประชากรทั้งหมด หรือมีประชากรลาว 42,000 คน เป็นกลุ่มเป้าหมายบริโภคไวน์ และถ้าเทียบ สปป.ลาวกับไทย ซึ่งมีประชากรเป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่ 19.7% หรือคิดเป็น 12 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดที่สามารถซื้อไวน์บริโภคได้ จากตัวเลขข้างต้นทำให้ตลาดไวน์ประเทศไทยดูใหญ่กว่า สปป.ลาวอย่างเทียบกันไม่ได้

ในกรณีไวน์นำเข้ามานั้นใช้บริโภคภายในประเทศจริงทั้งหมด ถ้าพิจารณาจากปริมาณไวน์นำเข้าต่อกลุ่มประชากรมีรายได้สูงของไทยอยู่ที่ 2.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว ส่วนลาวอยู่ที่ 109 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว ตัวเลขเปรียบเทียบดังกล่าวบ่งชี้ปริมาณนำเข้าไวน์ของ สปป.ลาวสูงกว่าไทย 45 เท่า จึงเกิดคำถามตามมาว่า “คนลาวบริโภคไวน์ทั้งหมดในประเทศจริงหรือ?” ยิ่งเทียบ สปป.ลาวกับกัมพูชา ที่มีลักษณะโครงสร้างรายได้และจำนวนประชากรใกล้เคียงกับ สปป.ลาว และมีเมืองท่าการรองรับสินค้าทางทะเล พบมูลค่าไวน์นำเข้าต่อหัวของกัมพูชาต่ำกว่า สปป.ลาวถึง 10 เท่า และต่ำกว่าไทย 5 เท่า

จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ในความเป็นจริงแล้วต้องยอมรับว่ายังมีปริมาณการลักลอบนำเข้าไวน์ในไทยจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีตัวเลขเปิดเผยออกมา ยังคงมีแต่ตัวเลขของปี 2554 ที่กรมสรรพสามิตยอมรับในการประชุมผู้ผลิตไวน์ถึงปริมาณไวน์นำเข้าลักลอบ คาดว่าประมาณ 200,000-300,000 โหลต่อปี หรือ 1.8-2.7 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งต่างกับการประมาณการจากตัวเลขของธนาคารโลกข้างต้นเป็นอย่างมาก

เมื่อพิจารณา สปป.ลาว ซึ่งเป็นประเทศไม่ติดทะเล และมีกฎหมายระหว่างประเทศรองรับสิทธิในการขนสินค้าโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านได้ เมื่อประกอบกับโครงสร้างภาษีของไวน์นำเข้าสูงมากในไทยแล้ว จึงมีการตั้งข้อสังเกตถึงความเป็นไปได้ที่มีการใช้สิทธินำเข้าสินค้าผ่านแดนไทยไปยัง สปป.ลาว เพื่อเลี่ยงอัตราภาษีสูงในไทย แล้วนำกลับหรือลักลอบเข้ามาขายในไทยอีกครั้ง บ้างก็ผ่านทางบริษัทท่องเที่ยว หรือร้านค้าปลอดภาษี

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีเป็นแบบจัดเก็บเต็มเพดานทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณแอลกอฮอล์ โดยจัดเก็บในอัตราร้อยละ 60 และ 100 บาท ต่อลิตรแอลกอฮอล์ เป็นการขยายเพดานสูงสุดในการจัดเก็บ 2,000 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ ซึ่งหากเป็นไวน์ราคาไม่แพงก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลักลอบนำเข้าไวน์อยู่ดี

อันที่จริงแล้วการปรับลดภาษีและกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะวิธีการคำนวณภาษีที่เกี่ยวกับไวน์ โดยเฉพาะไวน์องุ่น ซึ่งถือเป็นการแปรรูปทางการเกษตรที่มีการเพาะปลูกในไทย ควรจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมไวน์ในประเทศ ช่วยตลาดในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รัฐควรพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนี้จนสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนบวกหกซึ่งยังไม่มีประเทศใดผลิตไวน์


Content Team Matichon Academy
ติดต่อ อีเมล์ : [email protected]
โทรศัพท์ 0-2954-3971 ต่อ 2111

Firebox เว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ของอังกฤษ เปิดตัวเลตเตอร์บ็อกซ์ ไวน์ Letterbox Wine ผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเป็นไวน์บรรจุขวดสไตล์เก๋ไก๋ มีให้เลือกด้วยกันสามชนิด ได้แก่ ไวน์แดง ไวน์ขาว และไวน์สีกุหลาบ

ความพิเศษตรงขวดไวน์ ที่ผลิตจากพลาสติกหนาคล้ายแก้ว สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ จุของเหลวได้สูงสุด 75 เซนติลิตร และมีรูปทรงแบนยาวสะดวกต่อการส่งผ่านช่องสอดจดหมายบนประตูบ้าน

ภาพจากเพจเฟซบุ๊ค China Xinhua