ดร.อัศวิน อิงคะกุล ประธานกลุ่มในเครือมิราเคิล กรุ๊ป

ในเวลาที่ธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ในภาวะปกตินั้น “มิราเคิล กรุ๊ป” จัดว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์โดยตรงและชัดเจน เพราะเป็นกลุ่มที่มีธุรกิจที่ผูกอยู่กับสนามบินหลายแขนง ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นหน้าด่านสำคัญในการรองรับนักท่องเที่ยว

ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมในสนามบิน (มิราเคิล ทรานสิท, Sleep Box), ห้องรับรองในสนามบิน (มิราเคิล เลานจ์), ร้านอาหาร (แมจิกฟู้ด), มิราเคิล โคเวิร์คกิ้ง สเปซ ฯลฯ แต่ทันทีที่ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบก็เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน

“มิราเคิล” เปิดให้บริการทุกวัน

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ดร.อัศวิน อิงคะกุล” ประธานกลุ่มในเครือมิราเคิล กรุ๊ป ถึงแนวคิด มุมมองในการบริหารคน บริหารธุรกิจในช่วงวิกฤต ภาพรวมของธุรกิจหลังเผชิญวิกฤตโควิดมา 1 ปีเต็ม ๆ รวมถึงแผนการลงทุนในอนาคต ไว้ดังนี้

“อัศวิน” เริ่มต้นให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา “มิราเคิล กรุ๊ป” ได้รับผลกระทบหนักมาก แต่ยังคงเปิดให้บริการโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น มาตลอด จนมีหลายคนถามว่าทำไมถึงไม่ปิด ทนแบกรับภาระต้นทุนอยู่ทำไม เพราะการปิดบริการถือเป็นทางเดียวที่จะสามารถหยุดเรื่องต้นทุนการดำเนินการได้

ถามว่าส่วนตัวการปิดบริการคุ้มไหม บอกเลยว่าคุ้ม แต่ว่า “มิราเคิล” จะปิดไม่ได้ เพราะ 1.มิราเคิลคือ “ศักดิ์ศรี” มิราเคิลคือ ความเป็น “อัศวิน อิงคะกุล” และ 2.มีพนักงานจำนวนมากที่ต้องดูแล ที่สำคัญมองว่าการปิดให้บริการเป็นการทำลายขวัญพนักงาน จึงเลือกที่จะไม่ปิด แม้ว่าตัวเลขอัตรากรเข้าพักของโรงแรมจะเหลืออยู่ไม่กี่สิบห้องก็ตาม

“เราจะปิดก็ได้ แต่ใจเรามันไม่ยอมให้ปิด ศักดิ์ศรีมันเหนือกว่า คำว่า มิราเคิล คำว่าอัศวิน ทำให้ปิดไม่ได้ถอยไม่ได้ แพ้ไม่ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดพนักงานเราต้องอยู่ได้ด้วย”

ปรับตัว-ท่องคาถา “อดทน”

“อัศวิน” บอกว่า เมื่อเลือกที่จะเปิดให้บริการต่อเนื่อง สิ่งที่ต้องทำคือ “อดทน” เพราะสถานการณ์ในวันนี้ยังไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจะเบาลงเมื่อไหร่ การเดินทางภายในประเทศจะขยับอีกครั้งเมื่อไหร่ และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาเมื่อไหร่ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาดีได้เมื่อไหร่ ฯลฯ

เมื่อสถานการณ์ตกอยู่ในภาวะวิกฤตสิ่งที่เขาทำคือ “ปรับตัว” และ “อดทน” โดยมองว่ายังมีธุรกิจไหนบ้างที่พอจะมีลูกค้าใช้ห้องพักบ้าง แล้วปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมกระหน่ำแคมเปญโปรโมชั่นห้องพัก ลดราคามากกว่า 50% และขายทั้งแบบใช้บริการห้องพักอย่างเดียว หรือห้องพักรวมอาหารเช้า

ขณะที่ในส่วนของห้องอาหารต่าง ๆ ก็ปรับลดราคาลงมา 50% เลย โดยลูกค้าไม่ต้องเสียเวลากับการเข้าร่วมแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” หรือแคมเปญ “คนละครึ่ง” ให้ยุ่งยาก ที่สำคัญลดราคากันแบบไม่ต้องคิดถึงต้นทุน หรือไม่ต้องคำนวณเรื่องกำไร-ขาดทุน เพราะมันขาดทุนแน่ ๆ 100% อยู่แล้ว

หยุดคิดเรื่อง “ต้นทุน-รายได้”

“อัศวิน” บอกอีกว่า การยื้อเปิดให้บริการในช่วงที่ผ่านมานั้นทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นในทุกส่วน แต่ตัวเองจะบอกพนักงานตลอดว่าเมื่อเราตัดสินใจเปิดและลดราคาค่าบริการในทุกส่วนลงมาแล้วต้องลืมคำว่า “ต้นทุน” หรือ “ขาดทุน” ไปก่อน เพราะถ้าคิดถึงต้นทุน หรือกำไร-ขาดทุนคงไม่ทำตั้งแต่ต้น

“ผมทำธุรกิจ ผมเข้าใจสถานการณ์ และมองว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเสียก็ต้องยอมเสีย หรือเมื่อคิดว่าจะให้ก็ต้องให้”

ดังนั้น สิ่งที่เขาโฟกัส คือ ทำทุกอย่างให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเกิดความประทับใจ แล้วกลับมาใช้บริการ หรือชวนเพื่อน ชวนครอบครัวมาใช้บริการ ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศให้โรงแรมยังพอมีสีสันบ้าง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่โรงแรมเงียบบรรยากาศจะยิ่งไปกันใหญ่

ที่สำคัญคือ ต้องรักษาคุณภาพ มาตรฐานการบริการ และสินค้าที่ดีเหมือนกับตอนที่ขายในช่วงปกติ ไม่เช่นนั้นจะเสียชื่อ
เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ทั้งหมด

“อัศวิน” ยังย้ำด้วยว่า สิ่งที่เขาพูดและบอกลูกน้องทุกวันคือ อยู่นิ่งไม่ได้การอยู่นิ่งคือตายอย่างเดียว ต้องรุก ต้องดิ้นรนตลอดเวลา คิดถึงแค่วันนี้ พรุ่งนี้พอ ยังไม่ต้องพูดถึงอนาคต หรือพูดแบบไม่อายคือ หากินกันแบบวันต่อวัน เพราะเราวางแผนสำหรับอนาคตไม่ได้ และอนาคตก็ไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือสู้ต่อไป โดยเชื่อว่าเมื่อถึงเวลามันจะดีขึ้นเอง

เรียกว่าต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ทั้งหมด เลิกพูดถึงรายได้ เลิกพูดถึงต้นทุน ให้พนักงานทำงานแบบมีความสุข ช่วยกันทำงาน ใครไม่สบายก็รักษา เพราะในช่วงเวลาแบบนี้ต้องใจเท่านั้น จิตใจต้องเข้มแข็งแบกต้นทุนธุรกิจในสนามบินอ่วม

อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสนามบิน ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมืองนั้น “อัศวิน” บอกว่า หมดสภาพ เงียบสนิท โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ ธุรกิจบางส่วนนั้นจำเป็นต้องปิดให้บริการ เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการ เช่น เลานจ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิที่เดิมเปิดให้บริการหลายแห่งก็เหลือเพียงแค่ 1 แห่งเท่านั้น หรือโรงแรม Sleep Box ที่สนามบินดอนเมืองก็จำเป็นต้องปิดให้บริการ เป็นต้น

ขณะเดียวกันก็มีบางธุรกิจที่ยังเปิดให้บริการอยู่ เช่น ร้านอาหารแมจิกฟู้ดที่ยังเปิดให้บริการทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง

โดยส่วนที่ยังเปิดให้บริการนั้นเป็นการเปิดแบบจำเป็นต้องเปิด และก็ต้องแบกภาระต้นทุนมหาศาลเช่นกัน ทั้งค่าเช่าพื้นที่และค่าพนักงาน แต่หากจะปิดให้บริการทั้งหมดสนามบินก็จะไม่มีร้านอาหารคุณภาพดีราคาย่อมเยาให้บริการและจะยิ่งทำให้สนามบินเงียบเหงามากยิ่งขึ้นด้วย

พร้อมย้ำด้วยว่า ตราบใดที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมของไทยก็ยังคงฟื้นตัวไม่ได้ เฉพาะตลาดในประเทศนั้นไม่สามารถรับมือไหว เนื่องจากกำลังซื้อของคนในประเทศเองก็หายไปเยอะ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนและนี้ส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้น ปัญหาทุกอย่างทับถามกันหนักมาก
เดินหน้าเปิดโรงแรมใหม่กลางปีนี้

ต่อคำถามถึงแผนการลงทุนในโรงแรมใหม่ที่กำลังก่อสร้าง (บริเวณโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่) “อัศวิน” บอกว่า สำหรับโรงแรมแห่งใหม่นี้ใช้ชื่อว่า “อัศวินแกรนด์ คอนเวนชั่น โฮเทล” ตอนนี้ก่อสร้างคืบหน้าไปได้มากแล้ว กำลังเตรียมขึ้นป้าย

โรงแรมแห่งใหม่นี้โพซิชันนิ่งจะหรูหรากว่า “มิราเคิล แกรนด์” มีห้องพัก 2 อาคาร รวมกันประมาณ 250 ห้องพัก มีห้องประชุมระดับวีไอพี 20 ห้อง ห้องใหญ่สุดรองรับผู้ร่วมงานได้มากกว่า 2,000 คน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปีนี้ และในอีก 2 เดือนข้างหน้าก็จะเริ่มทำการตลาดแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทยังอาศัยช่วงวิกฤตนี้ทำการปรับปรุงห้องพักทั้งหมดของโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น (หลักสี่) จำนวน 264 ห้อง โดยจะทยอยปรับทีละชั้นด้วยงบฯลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าน่าจะเสร็จทั้งหมดประมาณปลายปีนี้ หรือต้นปี 2565 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้นแล้ว

พร้อมทิ้งท้ายว่า ยอมรับว่าทุกคนในธุรกิจโรงแรมเจอกันหนักมากจริง ๆ จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ อย่างน้อย ๆ ก็ให้ผู้ประกอบการได้หายใจ มีเงินเข้ามาหมุนเวียน ดูแลพนักงานได้บ้างดีกว่าปล่อยให้ธุรกิจปิดกิจการ

สำหรับตัวเองนั้นบอกเลยว่ากว่า 40 ปีที่คลุกคลีอยู่ในธุรกิจโรงแรม และเกือบ 30 ปีที่ลงทุนในธุรกิจโรงแรมของตัวเองภายใต้ “มิราเคิล กรุ๊ป” นั้นผ่านปัญหาใหญ่มาหลายครั้งหลายครา แต่ไม่มีครั้งไหนที่รุนแรงและเจ็บหนักเท่าวิกฤตโควิดในครั้งนี้ แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างโชคดีที่ยังพอมีเงินทุนมาใช้หมุนเวียนและดูแลพนักงาน ดังนั้น แม้ว่าจะ “ขาดทุน” หนัก แต่ก็ยังพอมี “กำลังใจ”สู้ต่อได้…

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

แห่สมัครงานทะลัก รร.มิราเคิล เปิดรับ300อัตราโรงแรมใหม่”อัศวิน” ครึ่งวันเช้ายื่นสมัครแล้วครึ่งหมื่น จองคิวตั้งแต่ตี4

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มบริษัทในเครือมิราเคิล กรุ๊ป เปิดรับสมัครพนักงาน 300 อัตรา เพื่อรองรับการเปิดตัวของโรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยรับสมัครหลายตำแหน่ง มีทั้งตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมจนถึงพนักงานทำความสะอาด โดยกำหนดอัตราเงินเดือนเริ่มต้นที่ 20,000 บาทต่อเดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงครึ่งวันเช้า มีคนเดินทางมาสมัครงานประมาณ 5,000 คน โดย ดร.อัศวิน อิงคะกุล ประธานกลุ่มบริษัทในเครือมิราเคิล กรุ๊ป และ อนัคพล อิงคะกุล รองประธานกลุ่มบริษัทในเครือมิราเคิล กรุ๊ป เดินมาจัดระเบียบการรับสมัครและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางมาสมัครงานด้วยตนเอง

ขณะเดียวกันพบว่า ในช่วงบ่ายยังมีคนเดินทางมาสมัครงานอย่างต่อเนื่อง ทางโรงแรมได้จัดระเบียบให้ผู้มาสมัครเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมทั้งเตรียมอาหารและน้ำให้กับผู้มาสมัครงานทุกคนด้วย ทั้งนี้ทางโรงแรมมีกำหนดเปิดรับสมัครจนถึงเวลา 17.00 น. ของวันนี้ โดยคาดว่าตลอดทั้งวันจะมีคนเดินทางมาสมัครอีกจำนวนมาก

ดร.อัศวิน อิงคะกุล กล่าวว่า ทางโรงแรมอัศวิน รับสมัครพนักงาน 300 กว่าคน เรารับตั้งแต่ตำแหน่งผู้จัดการจนถึงแม่บ้าน สจ๊วต(พนักงานล้างจาน)เพราะเป็นโรงแรมใหม่ โดยก่อนหน้านี้โรงแรมอัศวิน เปิดบริการเป็นบางส่วนแล้ว มีที่จอดรถ ห้องพัก แต่โรงแรมใหญ่จริงๆที่เป็นเมนหลัก จะเปิดประมาณต้นปี 2564 วันนี้รับสมัครเพื่อให้เข้ามาเสริมและมาฝึกให้เกิดความชำนาญมากขึ้น โดยใช้โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เป็นสถานที่รับสมัคร

“ในวันนี้พบว่ามีคนมารอบัตรคิวตั้งแต่เวลา 04.00-05.00 น. เพราะเขามาโดยรถไฟ รถ บขส. และอีกหลายสิบคนมานอนอยู่ที่โรงแรมมิราเคิล เพื่อจะได้ตื่นเช้ามาขอรับบัตรคิว ผมเห็นคนมาจำนวนมาก โดยผมมารอตั้งแต่เวลา 04.00 น.มาไหว้พระเสร็จ จึงเปิดให้รับบัตรคิวตั้งแต่เวลา 06.00 น. จากเดิมเราต้องสัมภาษณ์เบื้องต้นเวลา 08.00 น. ผมให้ร่นเวลาสัมภาษณ์เป็น 07.00 น. สงสารคนที่มา เห็นใจเขาและเขาก็หิวข้าวด้วย เมื่อเขาเขียนใบสมัครเสร็จแล้ว เขาจะได้ทานข้าวให้อิ่มด้วย

“จำนวนคนที่มาสมัครช่วงครึ่งวันเช้าประมาณ 4,000-5,000 คน เรามีการจัดระบบ ที่สำคัญที่สุดคือเตรียมอาหารให้มากที่สุด เพราะคนที่มาสมัครต้องให้เขาทานอาหารด้วย เราคิดไม่ถึงว่าจะมีคนสนใจมาสมัครมากขนาดนี้ หลังจากเห็นจำนวนคนในช่วงเช้าแล้ว จะต้องนำมาจัดระบบในช่วงบ่ายใหม่ ต้องคุยกับวิทยากรและอาจารย์ที่มาช่วยสัมภาษณ์ผู้สมัครในเบื้องต้นด้วย รวมทั้งยังห่วงว่าพอถึงเวลา 17.00 น. ถ้าคนยังเยอะอยู่จะต้องทำยังไงด้วย จะต้องแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้คนที่มาต้องผิดหวัง

ดร.อัศวิน อิงคะกุล ประธานกลุ่มบริษัทในเครือ มิราเคิล กรุ๊ป ร่วมจัดระเบียบด้วยตัวเอง
ดร.อัศวิน อิงคะกุล ประธานกลุ่มบริษัทในเครือมิราเคิล กรุ๊ป ร่วมจัดระเบียบด้วยตัวเอง
อนัคพล อิงคะกุล รองประธานกลุ่มบริษัทในเครือ มิราเคิล กรุ๊ป ร่วมจัดระเบียบคนมาสมัครงาน

“ประสบการณ์สอนเราว่าเราจะต้องดูแลเขายังไง เราต้องให้เกียรติเขา พูดกับเขาดีดี เราเข้าใจเขา ผมกำชับกับพนักงานให้พูดกับทุกคนดีดี เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรามีงานทำ แต่เขาไม่มี เราต้องเห็นใจเขา นี่คือมิราเคิลของเรา”ดร.อัศวินกล่าว

ในเรื่องความสะอาดและปลอดภัย ดร.อัศวิน กล่าวว่า เรามีการตรวจวัดอุณหภูมิ มีแอลกอฮอล์เจลเตรียมไว้ให้สำหรับล้างมือ เรามีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสเต็บทั้งหมด แต่ทุกคนต้องใส่หน้ากากมาด้วย

ดร.อัศวิน กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ตอนนี้เราเปิดรับสมัครพนักงานเพื่อรองรับการเปิดตัวของโรงแรมอัศวิน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด เมื่อมีมืดและต้องสว่าง เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ความอดทนในการทำ

เมื่อถามถึงเรื่องของอัตราเงินเดือนที่กำหนดไว้ค่อนข้างสูง เริ่มต้นที่ 20,000 บาท ดร.อัศวิน กล่าวว่า เรากำหนดอัตราเงินเดือนไว้ประมาณ 20,000 บาท โดยทุกคนต้องทำงานหลายอย่าง เรารับสมัครจำนวนคนน้อยเพื่อที่จะได้เซอร์วิสชาร์จเยอะด้วย ถ้าจำนวนคนเยอะเซอร์วิสชาร์จก็ไม่ดี เพราะฉะนั้นเรารับ300คน เรามั่นใจว่าทุกคนจะได้เซอร์วิสชาร์จคนละ 7,000-9,000 บาทต่อเดือน

“ในการคัดเลือกว่าใครจะได้เข้าทำงานบ้างนั้น เราจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เรามีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมาคัดเลือก จากนั้นประมาณต้นเดือนกันยายน 2563 เราจะทยอยเรียกมาสัมภาษณ์ ส่วนพวกที่มีประสบการณ์ทำโรงแรมมาก่อน คนที่เราสนใจเราเรียกมาสัมภาษณ์ก่อน และสามารถเริ่มงานได้ทันที”ดร.อัศวินกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงก่อนหน้านี้เป็นช่วงที่สถานการณ์โควิด-19กำลังระบาด ทางโรงแรมรับมืออย่างไรบ้าง ดร.อัศวิน กล่าวว่า เรายอมรับว่าตอนโควิดจนถึงตอนนี้ก็หนัก โดยเฉพาะที่สนามบินดอนเมืองสุวรรณภูมิหนักที่สุด ยอดนักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 80-90% ที่โรงแรมตอนนี้เปิดแล้วดำเนินการก็หายไปประมาณ 60-70% มันยังไม่เข้าที่ แต่ค่อยๆเริ่มเข้าที่ ค่อยๆดีขึ้น อยู่ที่ว่าสนามบินจะเปิดหรือไม่เปิด

“แต่สำคัญที่สุดคือเศรษฐกิจตอนนี้แย่ ถามว่ามีคนตกงานมากขนาดไหน ดูจากที่มาสมัครงานวันนี้ ใจจริงถ้ารับทั้งหมดได้ผมรับเลย แต่มันรับทั้งหมดไม่ได้ เราเห็นใจ บางคนมาพูดกับผม มาขอผม ตำแหน่งใหญ่เล็กก็ได้ เงินเดือนไม่เกี่ยง บางคนมากราบเท้า ผมก็บอกเขาว่าทำไม่ได้ เราจะดูแลให้ดีที่สุด เราถึงสงสารเขา ในวันนี้เราถึงให้เขาได้ทานอาหารด้วย”ดร.อัศวินกล่าว

9

ถือว่าเป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่อยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง “มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น” ทำเลทองในย่านหลักสี่-ดอนเมือง ด้วยขนาดของโรงแรมมีห้องพัก 261 ห้อง อัตราราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่คืนละประมาณ 2,000 บาท จึงทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าคนไทยเป็นส่วนใหญ่ ครองสัดส่วนการเข้าพักและใช้บริการมากถึง 90% ส่วนอีก 10% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น กรุ๊ปทัวร์จีน ที่มาพักคืนหนึ่งเพื่อรอขึ้นเครื่องบิน ที่สนามบินดอนเมือง หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดต่อ

ช่วงระยะที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2549 โรงแรมแห่งนี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ซึ่งแต่ละปัญหานับว่าใหญ่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการได้รับผลกระทบจากการย้ายสนามบินดอนเมืองเพื่อไปเปิดใหม่ที่สุวรรณภูมิ ปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ ปัญหาการก่อสร้างถนนที่กินระยะเวลายาวนาน ส่งผลต่อความสะดวกสบายของลูกค้าและแขกที่มาพัก กระทั่งล่าสุดเรื่องของโควิด-19 ส่งผลอย่างหนักหนาสาหัส  ทำให้มิราเคิลแกรนด์ฯ เปลี่ยนไปต้องกันมาปรับตัวเป็น โรงแรมวิถีใหม่ ซึ่งต้องทำตามกฎเกณฑ์ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

“อัศวิน อิงคะกุล” ประธานผู้บริหารมิราเคิล กรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อเกิดโรคไวรัสโควิด-19 ยอมรับว่าโรงแรมทั้งหมดในเครือ ได้รับผลกระทบอย่างหนักหนาสาหัส ชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต อย่างไรก็ตาม เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ จึงได้ปรับปรุงและรีโนเวตโรงแรมในบางส่วน เช่น ห้องพัก ห้องประชุม ห้องสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง  โดยมีการเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์ใหม่ เปลี่ยนระบบ การจัดโต๊ะเก้าอี้ ต้องมีผ้าคลุมทั้งหมด และเมื่อใช้งานเสร็จแล้วแต่ละงานจะเปลี่ยนผ้าคลุมใหม่ทั้งหมดเพื่อความสะอาดและปลอดภัยของลูกค้า นอกจากการปรับปรุงโรงแรมแล้ว การให้บริการของพนักงานก็ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ด้วย คือใส่แมส และมีการตรวจวัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์สำหรับลูกค้าก่อนเข้าไปในโรงแรม

“ยกตัวอย่างห้องจัดการสัมมนา เราจะจัดที่นั่งแบ่งชัดเจนว่าต้องนั่งห่างกัน 1.50 เมตร รับคนเข้าไปในห้องไม่เกิน 50 คน และจัดเซ็ตอาหารให้เป็นของใครของมันในลักษณะแบบ”เบนโตะ” ซึ่งเข้ากับระเบียบกฎเกณฑ์ของทางราชการทุกอย่าง เน้นเรื่องความสะอาด ปลอดภัย  ซึ่งมาถึงตอนนี้โรงแรมพร้อมเปิดรับงาน และเปิดให้บริการทันที ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก ห้องอาหาร โดยเฉพาะห้องอาหารเปรมประชากร มีการปรับเปลี่ยนจัดผังที่นั่งใหม่ มีแบบที่ที่นั่งไม่เกิน 4 คนตามมาตรฐาน และแบบนั่งคนเดียว  การเสิร์ฟอาหารเน้นบริการอาหารจานเดียว และปรับราคาลงมาให้เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจของประชาชนในปัจจุบัน”

นอกจากนี้แล้วมิราเคิล กรุ๊ป ยังได้จัดตั้งบริษัทใหม่อีกหนึ่งบริษัทชื่อ WOW รับทำความสะอาดบ้านและคอนโดต่างๆ  เปิดให้บริการแล้ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือแม่บ้านพนักงานทำความสะอาดของโรงแรมให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และยังต้องทำต่อเนื่องโครงการก่อสร้างโรงแรมในเฟส 2 ซึ่งจะขึ้นอาคารที่พักอีก เป็นพื้นที่ทั้งหมด 9 ไร่ ลงทุน 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในต้นปี 2564  ซึ่งเมื่อการก่อสร้างในเฟสนี้ครบตามแผนทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมมิราเคิล เอ และมิราเคิล บี ส่วนนี้จะกลายเป็นโรงแรมแห่งใหม่ชื่อ “โรงแรมอัศวิน”

โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โฉมใหม่ยังพรั่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมมาคือการเน้นย้ำมาตรการความสะอาดและความปลอดภัย ให้องค์กรธุรกิจขับเคลื่อนต่อไป อย่างไม่มีสะดุด

ซัลมอนย่างแบบโพลีนีเซียน

หลังจากมาตรการปลดล็อกระยะที่ 2 ของสถานการณ์โควิด-19 กลุ่มอาหารเครื่องดื่มเริ่มกลับมาจำหน่ายกันบ้างแล้ว ดังนั้นใครที่เบื่อการสั่งกลับมากินที่บ้าน เราควรออกมาเปลี่ยนบรรยากาศหาข้าวกินนอกบ้านกันแล้วค่ะ

มาประเดิมที่แรกที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

โรงแรมมิราเคิลก่อนหน้าที่จะกลับมาเปิดให้บริการ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จัดแจกอาหารและมอบเงินสดให้กับชาวบ้านชุมชนบริเวณใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึง 3 รอบแล้ว เห็นแล้วก็ดีใจแทนชาวบ้าน เพราะโรงแรมเองก็ได้รับผลกระทบไม่ใช่น้อยเหมือนกัน แต่ ดร.อัศวิน อิงคะกุล เจ้าของโรงแรมก็ยังมีน้ำใจแบ่งปันให้กับคนที่เดือดร้อนทุกข์ยาก เป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขกันไป

ถ้าใครเคยมาที่นี่จะรู้ว่ามีห้องอาหารไฟน์ ไดนิ่งหลายห้อง ทั้งอาหารฝรั่ง ไทย จีน ญี่ปุ่น เรียกว่าแหล่งรวมเชฟยอดฝีมือทั้งนั้น

แต่ที่นี่ไม่ได้มีแค่ห้องอาหารไฟน์ ไดนิ่ง แต่ยังมีห้องอาหารที่เสิร์ฟทั้งวันเป็นอาหารนานาชาติ ชื่อ ห้องอาหารเปรมประชากร พื้นที่เป็นแบบเปิด อยู่ใกล้กับบริเวณล็อบบี้ด้านหน้าโรงแรม ที่ตอนนี้มีการจัดโต๊ะเก้าอี้ใหม่ทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัย พนักงานก็สวมถุงมือมิดชิด ใส่แมสก์กันทุกคน

ความน่าสนใจของห้องเปรมประชากร คือ ความหลากหลายของอาหาร ตั้งแต่อาหารสตรีท

ข้าวขาหมู ราดหน้า ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ข้าวมันไก่ ไปจนถึงอาหารคาวจานเด็ดอีกมากมาย ที่ได้ชิมแล้วน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ภัตตาคารชั้นเลิศเลยล่ะค่ะ ที่สำคัญ คือ ราคายังเอื้อมถึงด้วย

ลองสั่งออเดิร์ฟมาก่อน “กุ้งม้วนทอดกรอบ” ราคา 150 บาท คล้ายๆ ทอดมันกุ้งไปม้วนกับแผ่นเปาะเปี๊ยะ อารมณ์เหมือนกินกุ้งกระเบื้อง จิ้มกับน้ำจิ้มไก่กินเพลินดี

ต่อมา “สลัดมิราเคิล กับปูนิ่มกรอบ” ราคา 220 บาท จานนี้ต่อยอดมาจากเฮาส์สลัด เอาผักใบเขียวมาใส่ความฉ่ำของผลไม้อย่าง สาลี่ แพร แอปเปิล พร้อมซอสงาวาซาบิที่คิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษ เป็นซอสข้น สไตล์เอเชีย ใส่พริกชี้ฟ้า กระเทียม ขิง งาคั่ว วาซาบิ ผสมเข้าไปให้รสจัดจ้านขึ้น ส่วนปูนิ่มเอาไปทอดแบบเทมปุระ จะกรอบและหอมมาก

“เกาเหลาบก” ราคา 190 บาท มาในชาม

ไซซ์บิ๊ก อันประกอบไปด้วย หมูตุ๋นเนื้อนุ่ม ไส้หมูตุ๋น ลูกชิ้นหมู หมูสับ หมูต้ม ถั่วงอก แคบหมู เสิร์ฟมากับซอสต้มยำแห้ง ราดใส่ให้พอขลุกขลิก จานนี้แซ่บซี้ดค่ะ

“ซัลมอนย่างแบบโพลีนีเชียน” ราคา 460 บาท โพลีนีเชียน เป็นสไตล์ชาวเกาะ หมักด้วยเครื่องเทศเพิ่มรสชาติและให้กลิ่นหอม เน้นเครื่องปรุงที่ไม่ดัดแปลง ชูความสดของวัตถุดิบ กินแล้วสดชื่นจนอยากไปนั่งจิบน้ำผลไม้บนเกาะกันเลย

มิราเคิลสลัด กับ ปูนิ่มกรอบ
เกาเหลาบก
พอร์คช้อปย่าง ราดซอส “มองโกเลียน” เสิร์ฟพร้อมข้าวกระเทียม เห็ดหอม พริกสามสี ยอดคะน้าฮ่องกง

“พอร์คช้อปย่าง ราดซอสมองโกเลียน” ราคา 360 บาท จานนี้สไตล์กึ่งเอเชียกึ่งเวสเทิร์น หมูหมักให้นุ่ม ซอสพริกไทยดำสไตล์จีน เสิร์ฟพร้อมเห็ดหอม พริกสามสี ยอดคะน้าฮ่องกงที่นำไปย่างจนหอม

และ ข้าวกระเทียม ที่นำข้าวหอมมะลิมาทำแบบรีซอตโต้ ด้วยการใช้ข้าวหอมมะลิสุก ปล่อยให้เย็นแล้วเอาไปผัดกับกระเทียมให้หอม ใส่ผักชี ใส่เกลือ พริกไทยดำ วิปปิ้งครีมจืด และใส่ชีส จะหนืด รับประทานกับซอสและเข้ากับหมูมาก ได้ยินว่าเป็นเมนูใหม่เอี่ยมของห้องอาหารเลย

“ข้าวผัดฮาวายเอี้ยนในสับปะรด” ราคา 220 บาท เสิร์ฟมาในลูกสับปะรดเลยจ้า อัดแน่นไปด้วยข้าวที่ผัดด้วยผงกะหรี่อ่อนๆ พร้อมกับซีฟู้ดแน่นๆ ลูกเกด และถั่ว โรยหมูหยองเพิ่มรสชาติไทยๆ เข้าไป ไม่ธรรมดาค่ะ

แต่ถ้าใครอยากลองอาหารสตรีทอย่าง ข้าวขาหมู ราดหน้า ก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ก็แนะนำว่าควรได้ชิม เพราะเป็นสตรีทที่สะอาด วัตถุดิบดี และรสชาติอร่อยจัดจ้านมากๆ ทุกอย่างราคาเท่ากัน 160 บาท

ข้าวขาหมู,ราดหน้า,ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก

“ราดหน้าหมูหมัก” หมูนุ่มมาก เส้นได้กลิ่นหอมของกระทะไหม้ชัดเจน ทุกจานเหมือนกันหมด เพราะผัดใหม่ทุกครั้ง ผัดออกไว้ทีละ 5-6 จานเท่านั้น เพื่อความสดใหม่และกลิ่นยังคงอยู่

“ข้าวขาหมู” ตุ๋นสูตรโบราณ ขาหมูจะเลือกเฉพาะขาหน้า เอามาเผาขูดหนังขูดขน หมักซีอิ๊วดำ

ทอดไล่มันออก เพื่อให้เนื้อรัดตัวและนุ่ม เวลาตุ๋นก็จะเติมเครื่องเทศตลอดเวลาเพื่อความเข้มข้น ความหวานใช้อ้อยควั่น น้ำอ้อย น้ำตาลปี๊บ ไส้นุ่ม อร่อยมาก ส่วนไข่ก็ตุ๋นจนเป็นสีดำเข้ากับสีของน้ำ กินรวดเดียวหมดจาน อิ่มและอร่อยมาก

แนะนำว่าใครเบื่อข้าวกลางวันแถวออฟฟิศขับรถมามิราเคิล จ่าย 160 บาท อร่อยแตกต่างจากชีวิตประจำวันทั่วไปแน่นอน ที่สำคัญถ้าใครสั่งอาหารสตรีท จะมีน้ำผลไม้ และขนมไทยแถมให้ฟรีๆ ด้วย โรงแรมจะผลัดเปลี่ยนเมนูขนมวนกันไป ขอบอกว่าขนมถ้วยเด็ดมาก เพราะใส่น้ำมะพร้าว และเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปด้วย

“ข้าวมันไก่” ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้ม แต่ไก่ก็ไม่เป็นรอง เนื้อตึงนุ่มและฉ่ำ เพราะกรรมวิธีการต้ม

สูตรลับ ต้องมาลองกันเองค่ะ

ส่วนเมนูก๋วยเตี๋ยวจะหมุนเวียน มีพวก เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย หมูน้ำตก หมูตุ๋น ไก่มะระ เป็นต้น วัตถุดิบคือของดีทั้งหมด

ทั้งหมดนี้ควบคุมคุณภาพโดย เชฟจิรนัน สังข์เงิน Executive chef โรงแรมมิราเคิล ที่พก

ประสบการณ์เชฟโรงแรมกว่า 18 ปี มาดูแลทั้งหมด

 

เชฟจิรนัน บอกว่า ห้องอาหารเปรมประชากร เป็นห้องอาหารนานาชาติ ชื่ออิงกับพื้นที่ท้องถิ่น เป็นออลเดย์ไดนิ่ง ตอนเช้ามีเบรกฟาสต์ มีอาหารกลางวัน และทานอาหารเย็นได้ด้วย เราเปิดรับทั้งแขกภายในและแขกข้างนอกที่วอล์กอินเข้ามา อาหารส่วนใหญ่เราทำขึ้นเอง มีสูตรพิเศษของเราเอง ผักผลไม้บางส่วนใช้จากสวนของผู้บริหารที่หุบกะพง ดังนั้นปลอดสารพิษแน่นอน

เชฟจิรนัน บอกว่า จากประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงอาหารมานานพบว่าเทรนด์เปลี่ยนแปลงตลอด อย่างช่วงนี้เน้นที่การพรีเซนเตชั่นและรสชาติ เพราะทุกคนใช้โซเชียล บอกเรื่องราวด้วยรูปภาพและคลิปวิดีโอ ดังนั้นอาหารของเราต้องมีเอกลักษณ์ มีกิมมิกของตัวเอง หน้าตาก็ต้องทันสมัย เราจึงพยายามทำอาหารที่หน้าตาดี รสชาติยอดเยี่ยม แต่ราคาจับต้องได้

ตอนนี้ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ขอเชิญมาลองที่ห้องเปรมประชากร รร.มิราเคิล ค่ะ อาหารอร่อย บรรยากาศดี รับรองว่าจิตใจที่เหี่ยวแห้งอยู่จะกลับมาสดชื่นแน่นอน

เชฟจิรนัน สังข์เงิน
ข้าวมันไก่พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดและน้ำซุปฟัก
กุ้งม้วนทอดกรอบ
ข้าวผัดฮาวาเอี้ยนในสับปะรด
ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน
ที่มาอาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน
ผู้เขียนชม นำพา [email protected]