ลอนดรี้บาร์ (LaundryBar) แบรนด์ร้านสะดวกซักครบวงจร แบบบริการตนเอง  24 ชั่วโมง สัญชาติมาเลเซีย อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 520 สาขา ทั่วโลก ประกาศปักธงพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทุ่มงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เล็งผุด 300 สาขาทั่วประเทศ ภายใน 3 ปี มั่นใจตอบโจทย์ลูกค้าและกลุ่มนักลงทุน โดยเตรียมจัดงานสัมมนา  Franchise Style LaundryBar Seminar ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนผู้สนใจทุกท่านแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562 ที่ร้าน ลอนดรี้บาร์ เมก้าสโตร์ ตรงข้ามซีคอนสแควร์

นางสาวพิมลวรรณ ชีวเกรียงไกร ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลอนดรี้บาร์ ไทย จำกัด ในฐานะผู้ร่วมทุนแบรนด์ร้านสะดวกซัก ลอนดรี้บาร์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงทุนกับผู้ก่อตั้ง แบรนด์ ลอนดรี้บาร์ ประเทศมาเลเซียเพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และประเทศในกลุ่ม CLMV และร่วมกันเดินหน้าสร้างแบรนด์ ลอนดรี้บาร์ ร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง ผู้ให้บริการเครื่องซักผ้าและอบผ้าเชิงอุตสาหกรรมแบบหยอดเหรียญที่ล้ำสมัยที่สุด สามารถ ซัก-อบเสร็จสะอาดภายใน 1ชั่วโมง ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

ภายใต้แนวคิด “ที่ลอนดรี้บาร์ เราทำให้เรื่องซักเป็นเรื่องสนุก” เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยว ในพื้นที่ใช้สอยจำกัด ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต และสำหรับผู้ลงทุน การลงทุนร้านสะดวกซักเป็นทางเลือกใหม่สำหรับสร้างรายได้ให้กับนักลงทุนอย่างยั่งยืน ในสภาวะดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเช่นนี้

“เราเล็งเห็นช่องว่างในตลาดชัดเจน จึงตัดสินใจทุ่มงบลงทุน เพื่อนำแบรนด์ ลอนดรี้บาร์ เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย เนื่องจากเป็นแบรนด์ร้านสะดวกซัก อันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดสาขามาแล้วกว่า 520 สาขา ในมาเลเซีย บรูไน ตุรกี  และได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นแบรนด์ร้านสะดวกซักชั้นนำที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยจุดเด่นของ ลอนดรี้บาร์ คือ การใช้เครื่องซักผ้า-อบผ้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมแบบสแตนเลส ฝาหน้าจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ด้วยมาตรฐาน ISO- 9001 ใช้งานง่ายและทนทาน เครื่องมีอายุการใช้งานเฉลี่ยนานถึง 18 ปี ภายในร้าน ให้บริการเครื่องแลกเหรียญโทเคนแบบรับธนบัตร ระบบรับชำระเงินผ่านมือถือ และระบบ E-Payment ที่สำคัญที่สุด ได้แก่ ลอนดรี้บาร์ เป็นแบรนด์แรกในธุรกิจร้านสะดวกซัก ที่ให้บริการน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาฆ่าเชื้อฟรี ผ่านเครื่องจ่ายน้ำยาอัตโนมัติ ลงในถังซัก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการทุกท่าน

โดยแบรนด์ลอนดรี้บาร์ มีโรงงานผลิตน้ำยาของตัวเอง เพื่อผลิตน้ำยาสูตรเฉพาะของเรา พร้อมมีระบบการทำความสะอาดถังซักทุกรอบซักด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99%  เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องสุขอนามัยของผู้ใช้งาน” นางสาวพิมลวรรณ กล่าว

“จากประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องซักผ้า ตลอดจนการสำรวจตลาดร้านสะดวกซักทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 4 ปี ทำให้เราเข้าใจปัญหา ทั้งของลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการและปัญหาของผู้ลงทุนเปิดร้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องตัวเครื่องซักผ้า เรื่องการใช้ปริมาณน้ำยาผิดสัดส่วน เรื่องความสะอาดของเครื่อง รวมถึงเรื่องระบบบริหารจัดการต่างๆภายในร้าน เราจึงมั่นใจว่า ลอนดรี้บาร์ เป็นเจ้าแรกในตลาดที่สามารถตอบโจทย์ เพนพอยท์ของลูกค้าและนักลงทุนได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากการใช้เครื่องซักผ้าเกรดอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน เรายังเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องจ่ายน้ำยาอัตโนมัติที่จะคำนวณการจ่ายน้ำยาในการซักผ้าต่อครั้ง ในปริมาณเหมาะสม ไม่ทิ้งสารตกค้าง ซึ่งการให้บริการน้ำยาฟรี ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับร้านแฟรนไชส์ ทุกร้าน ตลอดจนเรายังมีระบบ IT ในรูปแบบแอพพลิเคชั่นมือถือ ให้เจ้าของร้านแฟรนไชส์สามารถดูแลธุรกิจได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ขอแค่ให้มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต”

อัตราค่าใช้บริการซักผ้าเริ่มต้นที่ 40 บาท ต่อการซักพร้อมน้ำยาฟรี และค่าบริการอบผ้าเริ่มต้นที่  40 บาท โดยภายในร้านจะมีพื้นที่ส่วนกลางให้นั่งทำงาน (Co-Working Space) และนั่งพักคอยระหว่างรอผ้า รวมทั้งมีบริการฟรี  Wi-Fi 24 ชั่วโมง  ปัจจุบันร้านสะดวกซักลอนดรี้บาร์ มีทั้งหมดแล้ว กว่า 10 สาขา กระจายในกรุงเทพฯ และภูมิภาค อาทิเช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก สุรินทร์ อุบลราชธานี ชลบุรี โดยสาขาซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ ซ. 40 ตรงข้ามซีคอนสแควร์ กรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิด Grand Opening จะเป็นสาขาแฟล็กชิพ ขนาดใหญ่ ของ ลอนดรี้บาร์ โดยคาดว่าภายในปี 2562 จะเปิดครบ 30 สาขา ในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต พัทยา อยุธยา นครราชสีมา เป็นต้น

 

สำหรับการขยายธุรกิจของ ลอนดรี้บาร์ ในประเทศไทย นายชานนท โตวิกกัย กรรมการบริหาร ของบริษัทฯ กล่าวว่า บริษัทฯ เชื่อว่าการลงทุน ร้านสะดวกซัก ลอนดรี้บาร์ เป็นทางเลือกใหม่ของนักลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า ดีกว่าการฝากเงินในธนาคารเฉยๆ ซึ่งการลงทุนกับเรา เป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ คืนทุนไว โดยเฉลี่ยประมาณ 3 ปี และยังได้รับผลตอบแทนสูงในอนาคต โดยสามารถเลือกลงทุนตามความต้องการของผู้ลงทุน แบ่งเป็น 3 แพ็กเกจเบื้องต้น ได้แก่

 

  • แพ็กเกจ BRONZE เริ่มต้น 1 ล้านบาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 4 เครื่อง เครื่องอบ 4 เครื่อง
    บนพื้นที่ 40-60 ตารางเมตร
  • แพ็กเกจ SILVER เริ่มต้น 4 ล้านบาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 5 เครื่อง เครื่องอบ 4 เครื่อง
    บนพื้นที่ 50-70 ตารางเมตร
  • แพ็กเกจ GOLD เริ่มต้น 2 ล้านบาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 7 เครื่อง เครื่องอบ 6 เครื่อง
    บนพื้นที่ 60-90 ตารางเมตร

นอกจากนี้เรายังสามารถออกแบบร้านให้ตอบโจทย์พื้นที่แต่ละโลเคชั่น อีกด้วย

 “ตลาดประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV ยังเป็นช่วงเริ่มต้นของธุรกิจร้านสะดวกซัก ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตอีกมาก และการเข้ามาของแฟรนไชส์ ลอนดรี้บาร์ จะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการสร้างตลาดให้แข็งแรง และสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่ผู้ลงทุนทุกราย โดยในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562  เวลา 13.30 น. ลอนดรี้บาร์ จะจัดงานสัมมนา Franchise Style LaundryBar สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนอีกด้วย” นายชานนท กล่าว

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดพร้อมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ลอนดรี้บาร์ ไทย จำกัด ที่หมายเลข 092-675-4455 อีเมล์  [email protected] เว็บไซต์ www.LaundryBarThai.com และ FB:LaundryBarThai

 

ยอดขายพุ่งทะลุเป้าหลายพันล้านบาท ในงาน Smart SME Expo 2018 SME แฟรนไชส์มาแรง มีคนเข้างาน 4 วัน กว่าแสนคน

ปิดฉากอย่างสวยงาม ยอดขายพุ่งทะลุเป้ากับงานใหญ่แห่งปี SMART SME EXPO 2018 ที่เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของบริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมด้วยภาครัฐ ภาคเอกชนเพื่อ SMEs ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ภายใต้แนวคิด “ชี้ช่องรวย ที่เดียวจบพบทางรวย” โดยปีนี้มีผู้ประกอบการ SMEs สนใจเข้าเยี่ยมชมงานตลอด 4 วันจัดงานกว่า 108,498 คน สร้างเม็ดเงินกระตุ้นในระบบเศรษฐกิจได้ราว 1,200 ล้านบาท และมีความต้องการสินเชื่อสำหรับ SME กว่า 2,335.90 ล้านบาท ตลอด 4 วันที่ผ่านมา (5 – 8 กรกฏาคม) ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

นางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานกรรมการ บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้จัดงาน เผยว่า ในปีนี้งาน SMART SME EXPO 2018 มีผู้เข้าชมงานอย่างคึกคัก โดยมียอดผู้ชมงานตลอด 4 วานถึง 108,498 คน ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและประชาชนในการเข้ามาเลือกช็อปสินค้า ซื้อและเจรจาธุรกิจ รวมทั้งขอสินเชื่อหรือขอรับบริการต่างๆ ซึ่งภายในงานมีครบทุกด้านเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป

“เรายังมุ่งปั้นผู้ประกอบการใหม่ สร้างแต้มต่อผู้ประกอบการรายเดิมมาต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้ได้มีโปรโมชั่นพิเศษและกิจกรรมดีๆ ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานมากมาย เรียกได้ว่ามางานเดียวจบครบทุกช่องทางของการทำธุรกิจ โดยปีนี้มียอดยื่นขอวงเงินสินเชื่อภายในงานกว่า ยอดการขอสินเชื่อภายในงานกว่า 2,335.90 ล้านบาท ธนาคารที่ได้รับคำขอสินเชื่อเพื่อ SME สูงสุดได้แก่ ธนาคารออมสิน (736 ล้านบาท), ธนาคารธนชาต (607 ล้านบาท), ธนาคารกรุงเทพ (343 ล้านบาท), SME Development Bank (241 ล้านบาท) ธนาคารกสิกรไทย (219.05 ล้านบาท)

ผู้ประกอบการที่สนใจในธุรกิจต่างๆ กว่า 12,780 ราย ซึ่งมาจากความสนใจซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ การขอรับคำปรึกษาและบริการจากรัฐ รวมถึงการขอสินเชื่อ ยอดเงินสดการซื้อสินค้าและธุรกิจภายในงาน 10,766,723 บาท และยอดเจรจาธุรกิจอีกไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท โดยเฉลี่ยการเจรจาซื้อขายและจองธุรกิจภายในงาน รายละ 100,000 บาท ส่วนการอบรมให้ความรู้ ในห้องสัมมนาและอบรมอาชีพต่างๆ ในแบบเวิร์คช็อปอาชีพ มีผู้เข้าอบรมกว่า 2,200 ราย โดยหัวข้อที่ได้รับความสนใจสูงสุด คือ การเวิร์คช็อปธุรกิจกาแฟ โดยมีผู้ให้ความสนใจลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าอบรมจำนวนมาก จนทำให้ต้องเปิดรอบอบรมเพิ่ม ทั้งนี้ภาพรวมของธุรกิจกาแฟยังคงมาแรง ตลาดยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง” คุณณรินณ์ทิพกล่าว

Smart SME Expo เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในด้านการลงทุนและภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มที่จะกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะการเป็นเวทีสำคัญในการซื้อขายธุรกิจและเชื่อมโยงหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนเอสเอ็มอีให้กับนักธุรกิจและประชาชนได้มาพบเจอกัน ด้วยการให้ความสำคัญกับทั้งภาครัฐและเอกชนในบทบาทของการส่งเสริม พัฒนา หรือเปิดโอกาสสำหรับธุรกิจให้กับ SME หรือผู้สนใจที่กำลังจะเป็น SME ให้ตรงกับความต้องการ และเพื่อให้เกิดกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติหนึ่งจากภาคเอกชนที่มุ่งเน้นเป็นสื่อกลางให้กับผู้ประกอบการ SME