เผือก ที่เรานิยมรับประทานเป็นขนมหวานนั้น ใครจะรู้ว่ามีประโยชน์มหาศาลแค่ไหน เพราะนอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรตสูงแล้ว ยังมีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แร่ธาตุ และวิตามินอีกหลายชนิด

เรียกได้ว่ารับประทานแค่เผือกก็ได้สารอาหารเกือบครบทุกชนิดเลยทีเดียว ถึงแม้จะมีปริมาณสารอาหารต่างๆ เพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถให้พลังงานและช่วยบำรุงไต ลำไส้ และแก้อาการท้องเสีย ที่สำคัญมีธาตุเหล็กและฟลูออไรด์สูง จึงช่วยทำให้ฟันไม่ผุ กระดูกแข็งแรง จึงไม่ต้องห่วงเรื่องกระดูกพรุนอีกด้วย

ส่วนการรับประทานเผือกควรทำให้สุกก่อนทุกครั้ง เพราะในเผือกดิบจะมิพิษทำให้เกิดอาการคันช่องปากจนถึงอาการลิ้นชา อาจทำให้เกิดโรคนิ่วในไต และโรคเกาต์ เพราะกรดออกซาลิกจะจับตัวกับแคลเซียมไปสะสมที่ไตได้เช่นกัน ส่วนวิธีทำให้เผือกสุกสามารถทำได้ทั้งการต้ม ทอด อบ คั่ว นึ่ง หรือแปรรูปเป็นอาหารสำเร็จรูป นอกจากนี้การรับประทานเผือกมากเกินความจำเป็นอาจทำให้ม้ามทำงานผิดปกติ รวมทั้งการไหลเวียนของพลังงานในร่างกายอาจเกิดการสะดุดได้เช่นกัน

ที่มา : แม่บ้าน

การปอกเปลือกเผือกทุกครั้งจะมีปัญหาเรื่องคันมือ เคล็ดลับมีอยู่ว่าไม่ควรนำเผือกไปล้าง หรือให้นำเอาเผือกไปย่างไฟไม่ต้องให้สุกเพื่อเป็นการกำจัดขนและยางที่เป็นต้นเหตุให้คันมือ เมื่อย่างแล้วจึงนำมาปอกตามปกติ หรือนำมาประกอบอาหารได้ตามต้องการ

การเลือกซื้อเผือกมีเคล็ดลับคือ ต้องเลือกซื้อหัวที่เบาๆ จะได้เผือกที่ดีและไม่แก่เกินไป รับประทานอร่อย

ส่วนมันนั้น เวลาปอกเปลือกมันทีไรก็จะเจอปัญหายางติดมือ ติดมีด ก่อนปอกมันทุกครั้งจะต้องนำมือและมีดปอกมาทาน้ำมันให้ทั่วเสียก่อน รับรองว่ายางไม่ติดมือแน่นอน เมื่อปอกมันแล้วนำไปต้มน้ำตาล สีของมันต้มจะมีสีดำๆ ไม่สวย มีเคล็ดลับคือ ในขณะที่ต้มมันให้เติมน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา ใส่ลงไปในหม้อต้มมันด้วย รับรองว่าสีของมันจะขาวน่ารับประทาน

ที่มา : แม่บ้าน