เส้นทางความสำเร็จ เชฟโน๊ต สานต่อธุรกิจครอบครัว พลิกโฉม “กวงข้าวต้ม” ก้าวสู่ร้านข้าวต้มอันดับ 1 ในเพชรบูรณ์

การสานต่อธุรกิจครอบครัวที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ทั้งยังต้องต่อสู้กับธุรกิจใหม่ที่เกิดมามากมายนับไม่ถ้วน มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “เชฟโน๊ต” ทายาทรุ่นที่ 3 จากร้านกวงโต้รุ่ง คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้าน “กวงข้าวต้ม” ข้าวต้มจับบัตรคิวแห่งจังหวัดเพชรบูรณ์ที่โด่งดังไปทั่วฟ้าเมืองไทย อีกทั้งเชฟโน๊ตยังมีดีกรีที่ไม่ธรรมดา ด้วยประสบการณ์ทำงานในโรงแรมชื่อดังมากมาย และเคยเป็นพ่อครัวใหญ่ร้านอาหารไทยในอังกฤษ จนถึงตอนที่กลับมาสานต่อกิจการครอบครัว ก็ยังได้รับเชิญไปร่วมรายการชื่อดังอีกด้วย

เชฟโน๊ต ศุภกิจ อรุณธนโยธิน จบปริญญาตรีจาก มหาวิทยาลัยนเรศวร สาขาบริหารการโรงแรมและการท่องเที่ยว จุดที่ทำให้เชฟโน๊ตสนใจในอาหารคือตอนที่เขาได้เรียนวิชา Food & Beverage และฝึกงานในโรงแรมแชงกรีล่า กรุงเทพ ทำให้เชฟโน๊ตได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนสนใจ ก่อนที่จะเข้าทำงานเป็นพ่อครัวในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล และโรงแรมโอเรียนเต็ล จุดเปลี่ยนครั้งแรกในชีวิตของเชฟโน๊ตคือเมื่อเขาถูกชักชวนให้ไปทำงานร้านอาหารไทยในเมืองดาร์บี ประเทศอังกฤษ การเดินทางไกลจากบ้านในครั้งนี้ ได้หล่อหลอมเขาด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ มากมาย หลังจากอยู่ที่ประเทศอังกฤษได้ 5 ปี เชฟโน๊ตก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้าพ่อครัวในร้านอาหารไทยที่มีพนักงานมากกว่า 40 ชีวิต และจุดเปลี่ยนครั้งที่สองของชีวิตก็มาถึง เมื่อทายาทรุ่นที่ 3 อย่างเขา ต้องกลับมาสานต่อกิจการครอบครัว เชฟโน๊ตกล่าวว่า “จริง ๆ ตอนแรกก็ไม่ได้อยากกลับครับ แต่ผมมองว่า มันคือความรับผิดชอบและหน้าที่”

หลังจากกลับมาได้ไม่นาน เชฟโน๊ตเริ่มศึกษาตำราอาหารไทยและจีนเพิ่มเติม ทั้งยังเดินทางไปลองทานอาหารจากร้านอาหารต่าง ๆ เพื่อศึกษาและนำมาปรับใช้ โดยเพิ่มเติมเมนูสไตล์ภัตตาคารจีน จากเดิมที่มีเพียงเมนูประจำร้านข้าวต้มกุ๊ย จนกลายมาเป็นร้าน “กวงข้าวต้ม” ในทำเลใหม่เมืองเพชรบูรณ์ ที่ยังคงมีคำว่า “กวง” ซึ่งคือชื่อของอากง และในภาษาจีนแต้จิ๋วยังแปลว่าแสงสว่างอีกด้วย เส้นทางของร้านใหม่ในตระกูลเดิมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เชฟโน๊ตในฐานะเจ้าของกิจการเต็มตัวในตอนนี้ ต้องเผชิญปัญหามากมาย ทั้งการคำนวณต้นทุน การบริหารร้าน การบริหารคน ตลอดจนถึงคำติชมจากลูกค้า  แต่กว่าจะมาเป็นเพชรเม็ดงาม ก็ต้องถูกเจียระไน ฝึกปรือฝีมือด้วยความมานะอุตสาหะ อีกทั้งคติประจำใจที่สำคัญของเชฟโน๊ตและตระกูลที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่รุ่นอากงคือ “ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ” จากร้านกวงโต้รุ่งจนมาถึงร้านกวงข้าวต้ม ทั้งสองร้านยังคงยึดมั่นในมาตรฐานที่ใช้วัตถุดิบสด สะอาด และที่สำคัญคือราคายุติธรรม ไม่เอาเปรียบลูกค้า ด้วยรสมือจากเชฟมากประสบการณ์ ผนวกกับความซื่อสัตย์ต่ออาชีพที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านกวงข้าวต้มในวันนี้ ถึงยืนหนึ่งร้านข้าวต้มกุ๊ยที่ต้องมาเยือนให้ได้เมื่อมาจังหวัดเพชรบูรณ์ หรืออาจจะเรียกได้ว่า ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต หากคุณเป็นคนรักข้าวต้มกุ๊ย เชฟโน๊ตเผยว่า  “ลูกค้าเคยขับรถมาจากกรุงเทพฯ นอนเพชรบูรณ์หนึ่งคืน แล้วก็มาต่อคิวรอเป็นชั่วโมงก่อนร้านเปิด” ด้วยชื่อเสียงของร้านกวงข้าวต้มในตอนนี้ ทำให้ถูกขนานนามว่า “ข้าวต้มจับบัตรคิว” เพราะก่อนร้านเปิดในตอนเย็น ก็มีลูกค้ามารอตั้งแต่บ่ายแล้ว

เมนูที่เป็นสัญลักษณ์ของร้านกวง ทั้งกวงโต้รุ่ง และกวงข้าวต้ม คือเป็ดพะโล้ ที่ส่งต่อน้ำต้มเป็ดมาตั้งแต่รุ่นอากง ทำให้มีความเข้มข้นแทรกซึมเข้าไปถึงเนื้อเป็ดในทุกอณู ตอกย้ำด้วยป้ายหน้าร้าน “ที่สุดของเป็ดพะโล้” เชฟโน๊ตเล่าว่า “ที่มาของป้ายนี้ คือตอนที่ผมตระเวนไปทานอาหารร้านต่าง ๆ ผมขับผ่านป้ายบอกทางจนติดตา เลยนำดีไซน์นี้มาใช้กับป้ายร้านตัวเอง”

นอกจากนี้ยังมีเมนูที่ส่งต่อมาจากรุ่นอากง อาทิ ผัดหนำเลี้ยบหมูสับ สมุนไพรจีนที่คนแต้จิ๋วนิยมนำมาประกอบอาหารตั้งแต่โบราณ มีสรรพคุณมากมาย อุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วยในการมองเห็น และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เป็นเมนูที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยทุกร้านต้องมี อีกทั้งเมนู ยำรวม ที่มีความคลาสสิกแตกต่างจากยำในปัจจุบัน โดยยำรวมสไตล์ข้าวต้มกุ๊ยนั้น จะไม่ได้มีเพียงรสชาติหวานเปรี้ยว แต่ต้องปรุงอย่างมีศิลปะ โดยใส่เครื่องยำเช่น ไข่เค็ม กุ้งแห้ง ตัดเปรี้ยวด้วยมะนาว ทำให้มีความกลมกล่อมลงตัว สามารถทานคู่กับข้าวต้มกุ๊ยได้

ปัจจุบันร้านกวงข้าวต้ม สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว นักชิม และเป็นหน้าเป็นตาให้จังหวัดเพชรบูรณ์มากว่า 13 ปีแล้ว ด้วยประสบการณ์ของเชฟโน๊ตที่สั่งสมมาตั้งแต่ทำงานในโรงแรมชื่อดัง และเดินทางไกลไปตามความฝันถึงประเทศอังกฤษ กระทั่งกลับมาสานต่อกิจการครอบครัวจนประสบความสำเร็จ

สำหรับใครที่อยากลิ้มลองความอร่อยของร้านกวงข้าวต้ม ร้านตั้งอยู่สี่แยกโรงพยาบาลเพชรรัตน์ เยื้องกับไปรษณีย์จังหวัดเพชรบูรณ์                                  เบอร์โทรศัพท์ 062-728-2728 หรือ Facebook Fanpage : Guang Restaurant – กวง ข้าวต้ม

ร้านบ้านปูไข่ดอง

สดขนาดสะพานปลาเรียกพี่ เรือตังเกเรียกน้อง ยกยอกันไม่ขาดปาก ด้วยรสหวานธรรมชาติของซีฟู้ดสดๆใหญ่ๆ ฟีลลิ่งเหมือนยกทะเลมาขึ้นบก ที่ร้านครัวบ้านปูไข่ดอง (Baanpukaidong) และ เจ้าสมุทร (Jaosamut) ทั้งสองร้านตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน พิกัด ซอยบางนา-ตราด 32 (ต้นซอย) ฝั่งตรงข้ามห้างเซ็นทรัล บางนา

ร้านครัวบ้านปูไข่ดอง และ เจ้าสมุทร เป็นของเชฟคนดัง เชฟโน๊ต – พิพิธชัย รังษีศุภธรากิตติ์ อดีตโปรกอล์ฟ (แข่งในเอเชียนทัวร์) ที่ผันตัวมาเอาจริงเอาจังด้านการทำร้านอาหาร

“เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว(พ.ศ. 2559) ผมจับพลัดจับผลูมาทำปูไข่ดอง เพราะภรรยาอยากกิน ทั้งที่เราไม่อยากกิน และไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ต้องยอม ขับรถไปอ่างศิลา ไปซื้อปูกลับมาทำให้ภรรยากิน 4 ตัว เราไม่มีสกิลทำปูดองเลย ก็เปิดกูเกิลดู ระหว่างผมทำภรรยาก็ไลฟ์เฟซบุ๊ก อวดว่าผัวเป็นทาส เขาเป็นเจ้านาย เพื่อนก็มาคอมเมนต์ เราก็ปากจัดจ้านอยู่แล้ว แค่ประมาณ 10 นาที เพื่อนสั่งในไลฟ์ 30 กล่อง ตอนนั้นเราก็คิดว่าไม่ทำหรอก มันไม่คุ้ม สุดท้ายภรรยาบอกว่า ทำไปเถอะ เลยขับรถไปซื้อปู มาทำในห้องนอนคอนโดฯ ขายกล่องละ 350 บาท

“เพื่อนก็เอาไปรีวิว ว่าผมเป็นเทพปูดอง อร่อยมาก เขาก็จะสั่งกันอีก ภรรยาบอกว่าถ้าอย่างนั้นเราต้องขายปูดอง ผมตั้งชื่อเลยว่า “บ้านปูไข่ดอง” เพราะทำปูดองในบ้าน(คอนโดฯ) ภรรยาผมบอกว่า ต้องมีชื่อสูตรที่มันดูเก่าแก่ เลยตั้งชื่อว่า “บ้านปูไข่ดอง สูตรน้ำปลากวน” จากนั้นออเดอร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรีวิวเยอะมาก” เชฟโน๊ตเล่าถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต

เชฟโน๊ต บอกว่า ความโชคดีในวันนั้นคือ เป็นปูไข่ดอง สูตรน้ำปลากวน เจ้าแรกในประเทศไทย และในวันนั้นยังไม่มีโลจิสติกส์ ยังไม่มีเดลิเวอรี่ พอดีเพื่อนเป็นเจ้าของบริษัทแมสเซนเจอร์ เลยขอยืมตัวมา 5 คน แบ่งกันไปส่ง

ทำปูดองอยู่ในคอนโดฯประมาณ 2 เดือน ยอดขายเดือนละประมาณ 2 ล้านบาท เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น เชฟโน๊ตจึงขยับขยายเปลี่ยนจากทำในคอนโดฯ มาเช่าพื้นที่ทำปูไข่ดองขาย เป็นเรื่องเป็นราว และเปิด 200 สาขาทั่วประเทศ เป็นการขายออนไลน์ทั้งหมด

ขายปูไข่ดองได้ 3 ปี เชฟโน๊ต คิดถึงอนาคตและความมั่นคงในชีวิต จึงตัดสินใจจ้างที่ปรึกษาธุรกิจ ได้คำแนะนำว่า ในอนาคตการขายปูไข่ดองออนไลน์อาจมีคู่แข่งที่ขายถูกกว่า มี Market Sharing แต่ถ้าทำร้านอาหารแบบมีหน้าร้าน ต่อให้อีก 50 ปี ก็ยังอยู่ได้ วันที่เราหาเงินก้อนได้ทุนมา เราก็พยายามเก็บดาต้า เก็บแบรนด์ และพยายามขยายธุรกิจด้วยการลงทุนทั้งหลังบ้านและหน้าบ้าน

กระทั่งเกิดเป็น ร้านครัวบ้านปูไข่ดอง และร้านเจ้าสมุทร เมื่อ 5 ปีก่อน โดยเชฟโน๊ตลงทุนจ้างเชฟจากสิงคโปร์มาสอนคุกกิ้ง จากโปรกอล์ฟกลายเป็นเชฟมืออาชีพ สามารถบริหารจัดการร้านอาหารให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าแน่นร้าน

เชฟโน๊ต - พิพิธชัย รังษีศุภธรากิตติ์
เชฟโน๊ต - พิพิธชัย รังษีศุภธรากิตติ์
7

เมนูขึ้นชื่อลือชาของ ร้านครัวบ้านปูไข่ดอง แน่นอนว่าอันดับ 1 แบเบอร์มาเลย คือ ปูไข่ดอง สูตรน้ำปลากวนในตำนาน เจ้าแรกในประเทศไทย ที่ห้ามพลาด กับอีกสารพัดซีฟู้ดทั้งใหญ่และสด ยกพลมาขึ้นบกที่ร้านเจ้าสมุทร ที่เชฟโน๊ตเนรมิตอ่างพัก ปู ปลา กุ้ง หอย ให้เหมือนมาช้อปของสดริมทะเลกันเลย ความโดดเด่นอยู่ที่เชฟโน๊ตจัดหาปลาได้เอง และเป็นปลาตกเบ็ดธรรมชาติล้วนๆ จากฝั่งทะเลอันดามัน (ขึ้นฝั่งที่ทับละมุ พังงา) และอ่าวไทย(แสมสาร) ส่งตรงมาที่ร้านทุกวัน

โดยร้านครัวบ้านปูไข่ดอง ใช้วัตถุดิบอาหารทะเลสดๆจากร้านเจ้าสมุทร มาปรุงในแบบฉบับของตัวเอง มีเอกลักษณ์ความอร่อยเฉพาะตัว โดยไม่ทิ้งความหวานสดตามธรรมชาติของเนื้อ ปู ปลา กุ้ง หอย ที่ใครได้ลิ้มลองต้องว้าวว!! โดยเมนู Recommend ที่เราภูมิใจนำเสนอ

เริ่มจาก ปูไข่ดอง ไข่สีส้มแน่นๆเต็มกระดอง ดองในน้ำปลากวนสูตรลับเฉพาะของร้าน ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด จานนี้เสน่ห์แพรวพราวเต็มขั้น ตั้งแต่แรกพบ ยิ่งได้ลิ้มลองความแซ่บ ฟินสุดซอย

จานต่อมา ปูเนื้อผัดซอสสิงคโปร์ รสชาติหวานเค็มเผ็ดกลมกล่อม เนื้อปูแน่นๆ สดหวานมาก ทานคู่กับหมั่นโถวทอดแป้งนุ่ม อร่อยล้ำจนหยุดไม่อยู่  

อีกจานที่ดีเหลือเชื่อ คือ ตับหมูทอดกระเทียม ตับหมูหั่นชิ้นใหญ่หนาๆ แต่พอทำออกมาแล้ว ลืมภาพตับหมูที่เราเคยกินไปได้เลย เพราะทั่วไปผัดออกมาแล้วเท็กซเจอร์ของตับจะแข็ง แต่จานนี้นุ่มเด้ง ไร้กลิ่นคาว เคล้ากับความหอมของกระเทียมเจียว ทานกับข้าวสวยร้อนๆคือเดอะเบสต์

มาถึงจานหลัก อย่างข้าวผัดบ้านปู ที่มีวัตถุดิบเป็นส่วนผสมแบบฟูลออฟชั่น ทั้งเนื้อปู ไข่ปู เนื้อปลากุเลาเค็มจากระนอง ปลาหมึก กุ้ง หอยเชลล์ คะน้า ข้าวผัดเม็ดสวย หอมไฟ รสชาติไม่ต้องพูดถึง คือ ดีมากกกก(ก.ไก่ ล้านตัว) ทานคู่กับหัวปลาหมอทะเลต้มมะระ ที่มีส่วนผสมของขิงซอยใส่ลงไปด้วย ซดร้อนๆคล่องคอสุดๆ ที่สำคัญลืมคำว่าขมของมะระไปได้เลย และยังมีรสหวานจากหัวปลา แบบกดไลค์รัวๆ

10
13

ด้าน อาหารจานเสริม ที่หมดเร็วมากเหมือนเล่นกล อย่างหอยแครงลวกไซซ์จัมโบ้ เนื้อหวานเด้ง ไม่มีกลิ่นเลือด และมีเคล็ดลับในการลวกไม่ให้เนื้อเหนียว เชฟโน๊ตบอกว่า หอยแครงมาจากพังงา เป็นหอยธรรมชาติ นำมาลวก 15 วินาที แล้วนำขึ้นมาเจาะเลือดออก จากนั้นลวกต่ออีก 3 วินาที กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ แป๊บเดียวเปลือกหอยกลายเป็นซากฟอสซิลกองพะเนิน

อีกเมนูที่ห้ามพลาด ฮ่อยจ๊อ ลูกโตๆ ที่มีกรรเชียงปูถึง 4 อันอัดแน่นในหนึ่งลูก เคล้ากับกลิ่นหอมของพริกไทย จิ้มด้วยน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ย คือที่สุดของฮ่อยจ๊อ เท่าที่เคยพบเจอ

นอกจากนี้ร้านครัวบ้านปูไข่ดอง และร้านเจ้าสมุทร ยังมีปู ปลา กุ้ง หอย ใหญ่ๆเกรดพรีเมียมหลายชนิด มาให้เลือกลิ้มลองอีกเพียบ ทั้ง ปลาเก๋า ปลาเต๋าเต้ย ปลาหมอทะเลตัวใหญ่ (บางตัวหนักเป็น 100 กิโลฯ) ปลากะพง ปลาฉิกขัก ปลากุดสลาดหรือปลากะรังแดงจุดฟ้าจากช่องแสมสาร ปูไข่ ปูเนื้อ กุ้งแชบ๊วย กุ้งลายเสือ กุ้งแม่น้ำ หอยแครงไซซ์จัมโบ้ หอยงวงช้าง ให้คุณเลือกทำเมนูโปรดได้ตามชอบ

เรียกว่าใครอยากทานซีฟู้ดพรีเมียมมื้อพิเศษที่แสนอิ่มเอมในกรุงเทพฯ ปักหมุดและพุ่งตรงไปที่ร้านครัวบ้านปูไข่ดองและร้านเจ้าสมุทร ซอยบางนา-ตราด 32 ได้เลย ร้านเปิดเวลา 11.00 –  21.00 น. โทรจองโต๊ะ 09-9119-5993

และที่พิเศษสุดๆ คือ เป็นครั้งแรกที่เชฟโน๊ต – พิพิธชัย รังษีศุภธรากิตติ์ แห่งร้านครัวบ้านปูไข่ดอง และร้านเจ้าสมุทร จะมาเปิดสอนและเปิดสูตรครั้งแรก ใน 4 เมนู Recommend วันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2566 ที่มติชนอคาเดมี หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 ที่เดียว ในราคาเพียงท่านละ 2,999 บาท

เมนูที่สอน ประกอบด้วย 1.ปูไข่ดอง สูตรน้ำปลากวน เจ้าแรกของประเทศไทย ที่เชฟโน๊ตใช้คำว่าสูตรฟ้าประทาน ทำให้เขามีวันนี้ กับความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร คือ ทำยังไงให้ shelf life หรืออายุการเก็บรักษาอยู่ได้นานที่สุด เก็บเอาไว้ขายได้นาน สำหรับคนที่คิดจะทำขาย ไม่เจ๊งแน่นอน

2.ตับหมูทอดกระเทียม ที่ใช้ตับชิ้นหนาๆใหญ่ๆ มีความนุ่มเด้ง ไม่แข็ง ไม่คาว หอมกลิ่นกระเทียม โดยเชฟโน๊ตจะมาอธิบายโครงสร้างของเนื้อสัตว์ ตามหลัก food science หรือวิทยาศาสตร์การอาหาร เมนูนี้คุณสามารถเปลี่ยนจากตับหมูจากกิโลกรัมละ 90 บาท เป็นตับหมูพรีเมียมกิโลกรัมละ 600 บาทได้เลย

3.หัวปลาต้มมะระ รสกลมกล่อม ไม่ขม ไม่คาว ซดร้อนๆคล่องคอ เป็นเมนูที่นำหัวปลาส่วน second cut มาทำให้เป็นกำไร เหมาะสำหรับคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร

4.กุ้งผัดพริกขี้หนู กุ้งสดไซซ์ใหญ่ๆ นำมาปรุงรส เค็มนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ หอมอร่อยเด็ด

นอกจากได้เรียนรู้สูตรเด็ดทั้ง 4 เมนูแล้ว ผู้เรียนทุกคนจะได้ลิ้มรส ฮ่อยจ๊อ ลูกโตๆ เนื้อปูเน้นๆ ที่เชฟโน๊ต ภูมิใจนำเสนอให้ด้วย

สนใจสมัครเรียน โทร : 08-2993-9097 , 08-2993-9105 และ line : @matichonacademy

4
5
6
15
18