การทำความสะอาดบ้านตามปกติก็ต้องหมั่นทำกันบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าสมาชิกในบ้านของเรามีผู้ที่เป็น “โรคภูมิแพ้” คุณแม่บ้านต้องใส่ใจการดูแลทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ เลยนะคะ เพราะมลพิษและฝุ่นต่างๆ ภายในบ้าน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ ดังนั้นเรามาดู เคล็ดลับการทำความสะอาด และจัดบ้านให้ปลอดจากเจ้าฝุ่นตัวการกันดีกว่าค่ะ

ตุ๊กตาตัวสะสมฝุ่น
มีหลายคนเลยที่ติดการนอนกอดตุ๊กตาตัวโปรดทุกคืน แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าตุ๊กตาขนๆ เหล่านี้เป็นแหล่งสะสมฝุ่นชั้นดีเลยนะคะ ดังนั้นหากเป็นไปได้อย่าวางตุ๊กตาไว้ใกล้หัวนอนเกินไป หรือทางที่ดีไม่ควรที่จะวางตุ๊กตาไว้ในห้อง เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่น หรือถ้าหากใครที่ติดนอนกอดตุ๊กตาจริงๆ ก็ต้องหมั่นนำไปซักทำความสะอาดบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ฝุ่นจับ โดยวิธีการทำความสะอาด เพียงนำตุ๊กตาไปซักด้วยน้ำสบู่ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำร้อน ซับน้ำออกให้มากที่สุด แล้วนำไปตากแดด หมั่นทำแบบนี้เป็นประจำเพื่อสุขอนามัยที่ดี จะได้ไม่เกิดภูมิแพ้นะคะ

ไรฝุ่นบนที่นอนก็ตัวแสบไม่แพ้กัน
เตียงนอนถือเป็นจุดที่เราแทบจะใช้เวลาอยู่ตรงนี้มากที่สุดในแต่ละวัน ซึ่งหากที่นอนของเราไม่ได้รับการดูแลทำความสะอาด ก็จะยิ่งเป็นที่สะสมของไรฝุ่นเลยล่ะค่ะ เพราะไรฝุ่นจะอาศัยในบริเวณที่มีความอับชื้น และเจริญเติบโตได้ดีจากอาหารซึ่งก็คือเซลล์ผิวหนังของมนุษย์ รวมถึงใยผ้าและขนสัตว์ ดังนั้นทุกๆ อาทิตย์ ควรนำผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ไปซักทำความสะอาด และหมั่นนำฟูกที่นอน หมอน ไปตากแดดฆ่าเชื้อโรค จะได้ช่วยลดไรฝุ่นนะคะ

หมั่นกำจัดขนสัตว์ และอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงเป็นประจำ
ใครที่มีสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านก็ต้องระวังเรื่องของขนสัตว์ด้วยนะคะ โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ในส่วนนี้คุณแม่บ้านต้องหมั่นกำจัดขนสัตว์ภายในบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้า หรือตามซอกหลืบต่างๆ ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดให้ทั่ว ถ้ามีขนสัตว์ติดตามที่นอนหรือเสื้อผ้า ก็ควรใช้ลูกกลิ้งกำจัดให้เรียบร้อย ที่นอกจากนี้ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้ามานอนด้วย เพราะรังแคของสัตว์เลี้ยงก็เป็นอาหารชั้นดีของไรฝุ่นเช่นกันค่ะ ที่สำคัญเลยก็ควรอาบน้ำทำความสะอาดเจ้าตูบและเจ้าเหมียวในบ้านกันด้วยนะคะ

ทำความสะอาดมุมที่อับชื้น และซอกหลืบตามบ้าน
อย่างที่เคยบอกไว้ว่ามุมอับชื้น และซอกหลืบตามบ้าน เป็นแหล่งก่อตัวของเชื้อโรคได้ดีทีเดียว คุณแม่บ้านจึงจำเป็นต้องใส่ใจในการทำความสะอาดบริเวณเหล่านี้กันมากๆ นะคะ โดยนอกจากจะทำการดูดฝุ่นแล้ว ยังควรฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในการทำความสะอาดด้วย เพื่อป้องกกันการก่อตัวของสารก่อภูมิแพ้หรือไรฝุ่นค่ะ

ผ้าม่าน แหล่งสะสมฝุ่นที่คุณมักมองข้าม
ฝุ่นละอองตามพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ กันเป็นสิ่งที่เราสามารถมองเห็นฝุ่นด้วยตาเปล่ากันอยู่แล้ว แต่ผ้าม่านกลับเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แถมนานๆ ทีถึงจะถอดมาซักอีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าที่เราไม่เห็นฝุ่นบนผ้าม่านก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะคะ เพราะผ้าม่านนี่แหละตัว “อมฝุ่น” เลยล่ะค่ะ เพราะว่าเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ก็เลยมักจะไม่ค่อยนำมาทำความสะอาด ผ้าม่านจึงกลายเป็นแหล่งสะสมเพาะพันธุ์เชื้อโรค ดังนั้นอย่างน้อยๆ จึงควรถอดผ้าม่านออกมาซักทำความสะอาดกันบ้าง จะได้ไม่อมฝุ่นจนกระตุ้นภูมิแพ้นะคะ

เพื่อเป็นการป้องกันแหล่งกำเนิดเชื้อโรคและไรฝุ่นต่างๆ การทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันสุขภาพของทุกคนภายในบ้าน หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการปูพรม หรือจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มด้วยผ้าภายในห้องนอน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแหล่งสะสมไรฝุ่น

ที่มา : Tesco Lotus

มั่นใจว่าคุณแม่ยุคใหม่หลายๆ คนมักจะให้ความสำคัญและใส่ใจในการดูแลสุขภาพของลูกน้อย ทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แต่มีอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณแม่หลายๆ ท่านอาจมองข้าม นั่นคือ สภาพแวดล้อมภายในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อากาศที่เราหายใจเข้าไป ตามสถิติแล้ว คนเราหายใจเข้า – ออกถึงวันละ 24,000 ครั้ง และเมื่ออากาศภายในบ้านเต็มไปด้วย สิ่งแปลกปลอมแฝงหรือผงฝุ่นที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ผลกระทบที่ตามมา คือ ลูกน้อยของคุณอาจป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หรือหอบหืดแบบที่ตัวคุณแม่เองก็คาดไม่ถึง…!!

บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้จัดงาน “รวมพลคนไม่(ยอม) แพ้ by Philips Air Purifier” ขึ้น นำโดยนางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ Personal Health บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด “ด้วยวิสัยทัศน์ของฟิลิปส์ เรามีความมุ่งมั่นที่จะมีส่วนช่วยสร้างความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีให้กับผู้คน ดังนั้น นอกจากเราจะนำเสนอนวัตกรรมที่มีคุณค่าแล้ว เรายังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการให้ความรู้ เพื่อการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน เราจึงได้จัดงานในวันนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึงความสำคัญของอากาศภายในบ้าน ซึ่งต้องบอกว่าหลายๆ คนอาจลืมคิดไปว่าอากาศในบ้านสำคัญยังไง เพราะเราใช้ชีวิตในบ้านมากกว่า 8-10 ชั่วโมงโดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ จะใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากกว่าปกติ และที่น่าตกใจคือ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่า อากาศในบ้านนั้นอาจสกปรกกว่าอากาศนอกบ้านได้ถึง 2-5 เท่า  ซึ่งอากาศที่เราสูดเข้าไปเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่มีความสำคัญกับร่างกายและสุขภาพของเราอย่างมาก เพราะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ และโรคอื่นๆ ได้”

ด้าน รศ.พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี (หมอใหม่) กุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้ โรงพยาบาลพระรามเก้า
มาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการปกป้องลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ในงานฯ โดยคุณหมอใหม่กล่าวว่า
“โดยปกติแล้วโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยๆ ในประเทศไทย คือ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) โรคหอบหืด (Asthma) และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) โดยทั้งสามโรคจะเกิดอาการ เมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางอย่าง และมีปฏิกิริยาตอบสนองสารกระตุ้นมากกว่าปกติหรือไวกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ที่อวัยวะต่างๆ อาทิ ไอ จาม คัดจมูก คันตา มีน้ำมูก หรือเกิดอาการหายใจหอบเหนื่อย เพราะหลอดลมมีอาการหดเกร็งตัว ทั้งนี้ สารก่อภูมิแพ้ภายในบ้านสามารถเกิดได้จากทั้งไรฝุ่นบนที่นอน แมลง สัตว์เลี้ยงแสนรัก เชื้อราในบ้านหรือแม้กระทั่งการทำครัว”

“สำหรับ 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการดูแลลูกๆ เมื่อป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ นั่นคือ ล้างจมูก – ลูกต้องนอน – สอนให้ออกกำลัง – รวมพลังไปหาหมอ โดยแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียด ดังนี้

  1. ล้างจมูก

การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือนั้นแสนง่าย ช่วยให้จมูกโล่งได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และการล้างจมูกนี้มีประโยชน์มาก ทั้งช่วยชะล้างเอาน้ำมูกที่อุดตันเวลาเป็นหวัด ล้างสารก่อภูมิแพ้และสิ่งสกปรกออกไปจากจมูก ทำให้โพรงจมูกโล่ง สำหรับผู้ที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หากล้างจมูกก่อนการพ่นยาจะทำให้ยาพ่นจมูกออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเพราะสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้มากขึ้นอีกด้วยนะคะ ** ควรฝึกหัดตั้งแต่เด็กน้อยอายุ 3 ขวบขึ้นไปและควรปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด

  1. ลูกต้องนอน

การพักผ่อนให้เพียงพอ คือ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็กๆ เพราะ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะเป็นตัวเสริมให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมได้อย่างเหมาะสม

  1. สอนให้ออกกำลัง

การออกกำลังกายให้สมํ่าเสมอ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงทางร่างกายแล้ว ยังเสริมสร้างความอบอุ่นในครอบครัว คุณพ่อคุณแม่และคุณลูกได้ใช้เวลาสร้างสายสัมพันธ์ผ่านการออกกำลังกายร่วมกัน

  1. รวมพลังไปหาหมอ

การใช้ยาตามแพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น

นอกจากเคล็ดลับดีๆ จากคุณหมอใหม่แล้ว ภายในงานยังจัดกิจกรรม “ชนะภูมิแพ้ด้วยโยคะ” จากสถาบัน Holistic Yoga ซึ่งกิจกรรมโยคะเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย เพราะการฝึกโยคะประกอบด้วย การบริหารกาย การบริหารการหายใจ และการฝึกความผ่อนคลาย ฝึกสมาธิ เป็นการฝึกทั้งด้านร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน เนื่องจากโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจมีปัจจัยหลายประการ ฉะนั้นในการฝึกจึงต้องฝึกอย่างเป็นองค์รวม (Holistic approach) โดยเริ่มจากการฝึกอาสนะในแนวผ่อนคลาย ร่วมกับการฝึกการหายใจแบบลึกๆ ช้าๆ ช่วยเรื่องบริหารปอด ฝึกการหายใจเข้าออกได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้อาการของภูมิแพ้ทุเลาลง อย่างไรก็ตาม การฝึกหายใจเพื่อบริหารปอดนั้น ควรให้ความสำคัญกับอากาศที่อยู่รอบตัวและอากาศที่เราหายใจเข้าไป นั่นคืออากาศต้องสะอาด ปราศจาก PM2.5 ซึ่งเป็นสารแปลกปลอมภายในอากาศที่ตาเรามองไม่เห็น