ในกรุงเทพฯ ทราบกันดีว่ามีสนามม้า 2 แห่ง คือ สนามม้าฝรั่ง ที่เรียกว่าราชกรีฑาสโมสร ส่วนสนามม้าไทย คือ ราชตฤณมัยสมาคม หรือสนามม้านางเลิ้ง
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ส่งหนังสือถึงประธานคณะกรรมการอำนวยการ ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงวันที่ 4 เมษายน เรื่องการบอกเลิกสัญญาเช่าและขอให้ส่งมอบสถานที่เช่าบริเวณสนามม้านางเลิ้งภายใน 180 วัน หรืออีก 6 เดือน
เป็นการปิดตำนาน 102 ปี สนามม้านางเลิ้ง สถานที่คึกคักในทุกวันอาทิตย์ และมีตำนานตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สืบเนื่องต่อจนถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จกลับจากประพาสยุโรปในปี พ.ศ. 2440 สโมสรน้ำเค็มศึกษา สมาคมของข้าราชการและนักเรียนที่เคยไปทำงาน ศึกษา หรือเดินทางไปยุโรป ได้ร่วมกับเจ้าของคอกม้าต่างๆ จัดแข่งม้าเทียมรถ เพื่อเป็นการต้อนรับและถวายความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 5 โดยปรับให้ท้องสนามหลวงกลายเป็นสนามแข่งม้าชั่วคราว นับเป็นการจัดกีฬาแข่งม้าแบบตะวันตกครั้งแรกของประเทศไทย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง ราชกรีฑาสโมสร หรือที่เรียกกว่าว่า “สนามฝรั่ง” เพื่อเป็นทั้งแหล่งบันเทิงจำกัดวงสำหรับคนต่างชาติเท่านั้น กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 6 พระยาประดิพัทธภูบาลได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินของกรมอัศวราชมี เพื่อขอพระบรมราชานุญาตตั้งสโมสรสนามม้า “สนามไทย” แข่งเพื่อให้บริการแข่งม้าสำหรับคนไทยและนำรายได้มาใช้บำรุงพันธุ์ม้าจากประเทศออสเตรเลียและอังกฤษ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ เปิดสนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2459 และพระราชทานนามว่า ราชตฤณมัยสมาคม รวมไปถึงยังทรงส่งม้าในคอกของพระองค์เข้าร่วมแข่งอีกด้วย
หนึ่งในอาคารทรงสวยในสนามม้านางเลิ้ง คืออาคารอเนกประสงค์ ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก เดิมเคยเป็นโรงม้าของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตัวอาคารตกแต่งด้วยคิ้วบัว ปูนปั้น และหน้าต่างบานเกล็ด ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังได้รับการดูแลในส่วนนี้อยู่
อย่างไรก็ดีการบอกเลิกสัญญาเช่านี้ เกิดท่ามกลางความสงสัยว่า หลังจากนี้จะมีการนำพื้นที่บริเวณราชตฤณมัยสมาคม ไปพัฒนาต่ออย่างไร เพราะหากย้อนไปเมื่อปีที่ผ่านา (2560) มีข่าวคึกโครมที่มีบริษัทเอกชนจับมือกับราชตฤณมัยสมาคมจะมีการรีโนเวตสนามม้านางเลิ้งครั้งใหญ่ล้างภาพสถานที่การพนันในทางลบมาปรับโฉมพัฒนาพื้นที่หลายส่วนให้เป็นคอมมิวนิตี้ในย่านนี้ เพราะภายในนี้ไม่ได้มีแค่สนามม้า ยังมีสนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และอาคารสันทนาการอื่นๆ โดยแผนการคือ จะมีการออกแบบภูมิทัศน์ใหม่ให้เหมาะกับคนเมือง และไม่ทิ้งกลิ่นอายความคลาสสิกของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ โดยทราบกันว่าด้านหนึ่งเพื่อกอบกู้กิจการของราชตฤณมัยสมาคม แต่เรื่องราวก็กลับเงียบหายไป
ถัดจากเรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องราวของสนามม้านางเลิ้งผูกพันบริหารโดยคนแวดวงทหารมาตลอด และในยุคหลัง มีชื่อ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ “เสธ.อ้าย” ประธานองค์กรพิทักษ์สยาม ในฐานะเลขาธิการกิตติมศักดิ์ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดแข่งม้าเป็นผู้รับผิดชอบดูแลมานับทศวรรษ (15 ปี)
นับไปอีก 6 เดือน ที่จะปิดตำนาน
แล้วสนามม้านางเลิ้งจะย้ายไปอยู่ที่ไหน?
คำตอบ…อาจไม่มีและเป็นการปิดตำนานไปในที่สุด?
ที่ผ่านมามีทั้งกระแสข่าวว่าไม่มีงบประมาณสำหรับไปหาสถานที่ตั้งสนามม้าแห่งใหม่ เพราะมีภาระภาษีกับรัฐอีกจำนวนมาก ขณะที่ เสธ.อ้าย เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ รายการคนเคาะข่าวใน MGR Online เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว (2560) ว่า โอกาสพัฒนาของสนามม้าเป็นไปได้ยาก เพราะไม่มีงบประมาณในการพัฒนา รายได้จากการแข่งม้าไม่ครอบคลุมและยังมีภาระภาษี รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้ขาดทุนทุกนัดนัดหนึ่งเป็นล้าน ระหว่างนี้ยังมีภาระหนี้ที่ต้องผ่อนใช้ ขณะที่การจัดแข่งขันม้าก็มีการลดรางวัลลง ส่งผลจำนวนผู้เล่นก็น้อยลงไปอีก ขณะที่ภาครัฐไม่ได้เข้ามาช่วย เพราะถือเป็นเรื่องการพนันไม่เหมาะสมที่จะส่งเสริมเรา จึงอยู่กันแบบจะตายไม่ตายกันแบบนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในอดีต “กำนันเป๊าะ” นายสมชาย คุณปลื้ม เคยเสนอให้ย้ายสนามม้านางเลิ้งไปไว้ที่พัทยา โดยเสนอที่ดินให้ 600 ไร่ รวมไปถึงบุคคลทางการเมืองหลายคนที่เสนอให้ย้าย อาทิ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นายสมัคร สุนทรเวช เนื่องจากประเมินว่าไม่คุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ
Source